Quantcast
Channel: บ้านและสวน
Viewing all 9932 articles
Browse latest View live

SoA+D เปิดแล็บเรียนรู้วัฒนธรรม สร้างนักออกแบบเพื่อสังคม

$
0
0

‘วัฒนธรรม’ กับ ‘การศึกษาไทย’ เป็นประเด็นที่พูดถึงกันมานาน เปรียบได้กับสมการที่พยายามหาคำตอบในการเชื่อมต่ออดีตสู่อนาคต คงเพราะวัฒนธรรมคือรากเหง้าความเป็นเรา และคือรากฐานสำคัญในการพัฒนาสังคมในวันหน้า การรักษาสมดุลระหว่างการออกแบบร่วมสมัยบนพื้นฐานความเข้าใจทางวัฒนธรรมดั้งเดิมถือเป็นประเด็นสำคัญ และ SoA+D ได้เปิดห้องทดลองแห่งการเรียนรู้ เพื่อชวนคนรุ่นใหม่มาเป็นนักออกแบบเพื่อสังคมรุ่นต่อไป 

บรรยากาศภายในห้องแล็บเต็มไปด้วยงานจักสาน และงานฝีมือจากหลายพื้นที่ที่ทางกลุ่มนักศึกษาได้ไปสำรวจ รวมถึงผลงานการออกแบบของนักศึกษาเองจากโครงการต่าง ๆ ด้วย

SoA+D Social and Cultural Innovation Lab คือห้องทดลองแห่งการเรียนรู้ของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ภายใต้การนำของ ผศ.นันทนา บุญละออ ที่นี่คือพื้นที่แห่งการศึกษาค้นคว้า แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และ ‘บ่มเพาะ’ นักออกแบบรุ่นใหม่ ให้พรั่งพร้อมด้วยศักยภาพด้านการออกแบบ ภายใต้ความเข้าใจในเชิงสังคม และวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักสำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในทุกมิติของสังคมได้อย่างยั่งยืน

 “เริ่มแรกโครงการนี้เป็นนโยบายของทางคณะฯ ที่อยากจะหลอมรวมการทำงานวิจัย การเรียนการสอน และการลงพื้นที่ทำงานจริงนอกรั้วมหาวิทยาลัยเข้าด้วยกัน ภายใต้ประเด็นทางด้านสังคมและวัฒนธรรม จึงได้จัดตั้งเป็นแล็บวิจัยเพื่อสร้างขอบเขตการทำงานที่ชัดเจน และเข้มข้นขึ้น” 

อาจารย์นันทนาบอกเล่าถึงที่มาที่ไปของโครงการ โดยกระบวนการเรียนรู้ทั้งหมดล้วนเริ่มต้นจากการลงพื้นที่ เพื่อทำความเข้าใจทุกแง่มุมของปัญหาในบริบทชุมชน มากกว่าแค่การเรียนรู้ผ่านทฤษฎี

SoA+D Social and Cultural Innovation Lab
บรรยากาศการลงพื้นที่ของนักศึกษาในชุมชนต่างๆ เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น และระดมสมองหาแนวทางแก้ปัญหาด้วยการออกแบบ (ภาพ: SoA+D Social and Cultural Innovation Lab)

“ในการลงพื้นที่ชุมชนในช่วงแรกๆ ส่วนใหญ่ชุมชนจะขอความช่วยเหลือทางด้านการออกแบบ เช่น การออกแบบโลโก้สำหรับสินค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์  อย่างกรณีชุมชนชาวกะเหรี่ยงที่จังหวัดราชบุรี ก็เริ่มต้นจากการเข้าไปพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าของเครื่องจักสานไม้ไผ่ ซึ่งตอนนั้นชาวบ้านสานแต่เข่งเพราะเป็นสินค้าที่ขายได้ดีในพื้นที่นั้น เราอยากลองทำงานกับชุมชนหนึ่ง ๆ ให้นานขึ้น เพื่อเข้าใจวงจรปัญหาภายในอย่างแท้จริง เพื่อจะใช้การออกแบบแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด และเพื่อให้มีเวลาพอที่จะเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น”

“หลายปีที่ผ่านมา เราเลยตัดสินใจสานต่อโครงการที่ชุมชนต่าง ๆ ในราชบุรีอย่างต่อเนื่อง โดยจะพานักศึกษามาลงพื้นที่ก่อนให้เห็นความเป็นไปได้ต่าง ๆ โดยยังไม่ต้องคิดถึงโจทย์ของงานออกแบบ เพื่อนักศึกษาจะได้พยายามเข้าใจบริบทชุมชนได้อย่างเต็มที่ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจทำงานออกแบบจากปัญหาหรือโอกาสที่เค้ามองเห็นและสนใจ”

SoA+D Social and Cultural Innovation Lab
(ภาพ: SoA+D Social and Cultural Innovation Lab)

แน่นอนว่าโจทย์การออกแบบในหลักสูตรคงไม่ใช่เพียงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต หรือสนองความต้องการของตลาด แต่นี่คือการออกแบบเพื่อแก้ปัญหาที่หลากหลาย และซับซ้อนกว่านั้น ทั้งในด้านคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคมบางอย่าง แต่ละโครงการจึงเป็นเหมือนสนามทดลองสำหรับ (ว่าที่) นักออกแบบ และเสริมสร้างจิตวิญญาณของนักพัฒนา (ชุมชน) 

“จริง ๆ บทบาทของนักออกแบบตรงนี้ อาจเรียกว่าเป็นนักเคลื่อนไหวหรือ Activist ก็ได้ แต่เป็น Design Activist ที่พยายามแก้ปัญหาด้วยการออกแบบ ซึ่งคงเป็นศาสตร์แบบสหวิทยาการ (Multi-disciplinary) คือไม่เจาะจงหรือพยายามใช้วิธีใดวิธีหนึ่งในการแก้ปัญหา แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะหาคำนิยามแบ่งมาประเภทอะไรขนาดนั้น เพราะความสำคัญอยู่ที่ User-centered Design หรือการออกแบบที่ยึดผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง อย่างที่ทุกหลักสูตรการออกแบบก็สอนมาตลอด ผลลัพธ์ที่ออกมาก็อาจไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ อาจเป็นระบบหรือแนวคิดอะไรบางอย่าง” 

(ภาพ: SoA+D Social and Cultural Innovation Lab)

“จากประสบการณ์ในแต่ละโครงการที่ผ่านมา พบว่าตัวแปรที่สำคัญที่สุดของของการพัฒนางานคราฟต์ คือสิทธิขั้นพื้นฐาน ด้วยความที่เราเข้าไปในชุมชนชาวกะเหรี่ยง คนรุ่นพ่อแม่จะยังไม่ได้รับสัญชาติ ทำให้มีทางเลือกไม่มากนักในการทำมาหาเลี้ยงชีพ ส่วนใหญ่จึงทำอาชีพรับจ้างทั่วไปให้กับนายทุนแถบนั้น การที่เราตั้งใจเข้าไปสร้างความเข้าใจ หรือทำให้ชุมชนเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาในงานฝีมือนั้น จึงเหมือนยังอยู่ห่างไกลจากวิถีเป็นอยู่ของพวกเขามาก ทำให้ชาวบ้านอาจจะยังไม่เห็นความจำเป็นในการพัฒนาด้านการออกแบบ”

SoA+D Social and Cultural Innovation Lab
(ภาพ: SoA+D Social and Cultural Innovation Lab)

ตลอดหลายปีที่อาจารย์นันทนาพานักศึกษาปีแล้วปีเล่ามาปักหลักลงพื้นที่ชุมชน ณ จังหวัดราชบุรี อุปสรรคมากมายที่เกิดขึ้นคือโอกาสอันดีที่ทุกฝ่ายทั้งนักศึกษา และชาวบ้านในชุมชนจะได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน ความสวยงามใน โลกของการออกแบบอาจไม่ได้ตอบโจทย์ชีวิตจริงเสมอไป  และตัวแปรต่าง ๆ ที่แสนท้าทายก็อาจนำไปสู่แนวทางแก้ปัญหาใหม่ที่ไม่เคยมีใครนึกถึงมาก่อน

“เราเคยมีโครงการเข้าไปช่วยพัฒนารูปแบบงานจักสานเข่งให้กับคุณป้าคนหนึ่งตามแนวคิดนักออกแบบของเราก็อยากให้มันมีรูปทรงที่ดูน่าสนใจขึ้นแต่คุณป้าจะบอกว่าแบบนี้ทำไม่ได้หรอกมันไม่สามารถสานแบบนี้ได้มันเป็นไปไม่ได้”

SoA+D Social and Cultural Innovation Lab

“เราเลยลองแก้ปัญหาโดยการพานักศึกษาเข้าไปเรียนรู้เทคนิคการสาน และประเมินความเป็นไปได้พร้อม ๆกับสร้างแรงบันดาลใจให้คุณป้าทำเข่งรูปแบบใหม่ซึ่งก็ค่อย ๆ ปรับกันไปจนได้ผลงานออกมาในที่สุด พอคุณป้าเอาไปวางหน้าบ้านแล้วมีคนซื้อทำให้เขาเริ่มรู้สึกถึงความเป็นไปได้ใหม่ แต่ที่รู้สึกดีกว่านั้นคือคนที่ซื้อก็คือคนในชุมชนนั้นเอง ซึ่งตรงกับแนวคิดหลักในการพัฒนาชุมชน ต้องเริ่มต้นจากข้างในชุมชนก่อน ถ้ามีคนภายในชุมชนเห็นถึงโอกาสก็จะเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งเราก็มองว่าบางทีคุณค่าของงานคราฟต์ก็อาจนำมาซึ่งประโยชน์เชิงพาณิชย์ด้วย แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือประโยชน์เชิงพาณิชย์นี้ก็ต้องกลับไปผลักดันชุมชนด้วยเช่นกัน”

“แต่อีกด้านหนึ่งทางโครงการเองก็พยายามขยายเครือข่าย และขอบเขตการลงพื้นที่ให้มากที่สุดเหมือน ก้อนสโนว์บอลค่อย ๆ เก็บเกี่ยวแนวร่วมไปเรื่อย ๆ เจอใครแนะนำก็ไปคุยไปรู้จัก ถ้าเราได้พบกับผู้นำชุมชนหรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานท้องถิ่นที่เข้าใจการพัฒนาหรือสร้างความเปลี่ยนแปลงบ้าง มีพลังโน้มน้าวคนในชุมชนโครงการตรงนั้น ก็จะไปได้เร็วหน่อยช่วยให้เกิดความก้าวหน้าที่ชัดเจนขึ้น”

SoA+D Social and Cultural Innovation Lab
งานออกแบบที่พัฒนาไม้กวาดดอกหญ้าธรรมดาให้ตอบโจทย์การใช้งานยุคใหม่ โดยเป็นผลงานของนักศึกษาสิงคโปร์ร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านนางอย จังหวัดสกลนคร เมื่อครั้งมาเรียนรู้หัตถกรรมไทยกับแล็บ

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่หมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เราจะพัฒนาปัจจุบันเพื่อไปสู่อนาคต โดยไม่ทิ้งภูมิปัญญาดั้งเดิม และเจ้าของภูมิปัญญาเหล่านั้นไว้ข้างหลังได้อย่างไร การสร้างคนรุ่นต่อไปที่เข้าใจการเชื่อมต่อระหว่างอดีต และอนาคตนั้น บางทีหัวใจสำคัญอาจคือความเข้าอกเข้าใจ และการรับฟังเสียงจากผู้คนที่อยู่ในบริบทที่แตกต่างก็เป็นได้

SoA+D Social and Cultural Innovation Lab
เก้าอี้สตูลไม้ไผ่ ผลงานของนักศึกษาที่ทำงานร่วมกับ Gerard Collection ผู้เชี่ยวชาญด้านงานหัตถกรรมในจังหวัดเชียงใหม่

“โครงการนี้เป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างตัวนักเรียนกับกลุ่มสังคมที่ต่างออกไป ในช่วงแรกตัวนักเรียนอาจรู้สึกไม่ค่อยสบายใจในการไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แต่พอให้ระยะเวลาปรับตัวก็ดีขึ้นเอง มีบางเคสที่น่าสนใจ อย่างเช่นนักเรียนบางคนที่ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์ในห้องเรียนกลับมีภาวะผู้นำในการเข้าหาเก็บข้อมูลจากผู้คนในชุมชน บางทีอาจเป็นเพราะลักษณะปลายเปิดของการเรียนการสอนแบบนี้ ที่ทำให้เขาค้นพบตัวเองในรูปแบบที่เขาสบายใจก็เป็นได้”

SoA+D Social and Cultural Innovation Lab

 “ในอนาคตทางคณะฯ วางแผนจะปรับปรุงหลักสูตร โดยให้ห้องเรียนมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษา และตัวกลางเชื่อมระหว่างการเรียนรู้กับการทำงานจริงมากขึ้น หลักสูตรบังคับอาจเหลื่อแค่พื้นฐานในปีแรก ๆ นอกจากนั้นจะเน้นการทำงาน พบประสบการณ์จริงข้างนอก ส่วนคลาสเรียนจะคอยสนับสนุนพร้อมบันทึกผลด้านต่าง ๆ มากกว่า”

SoA+D0Social & Cultural Innovation Lab

สาขาศิลปอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
โทร. 0-2470-7888

FB: SoA+D0Social Cultural Innovation Lab

IG: @scisoad

เรื่อง: ด.ช.กวินทร์

ภาพ: อนุพงษ์, SoA+D_Social and Cultural Innovation Lab


คุยกับ ญารินดา บุนนาค แห่ง IMAGINARY OBJECTS ผู้ต่อยอดจินตนาการสู่ความสุขในงานสถาปัตยกรรม

The post SoA+D เปิดแล็บเรียนรู้วัฒนธรรม สร้างนักออกแบบเพื่อสังคม appeared first on บ้านและสวน.


5 ขั้นตอนตรวจระบบไฟฟ้าด้วยตัวเอง

$
0
0

ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะบ้านที่อยู่มานาน จึงควรหมั่นตรวจ ระบบไฟฟ้าในบ้าน ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้อยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเราเอง มาดูวิธีตรวจสอบระบบไฟฟ้าเบื้องต้นกัน

ตรวจระบบไฟฟ้า

1.เริ่มด้วยการทดสอบมิเตอร์ไฟฟ้า

ระบบไฟฟ้าในบ้าน เริ่มตรวจโดยปิดสวิตช์ไฟทุกจุด รวมทั้งถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ออกให้หมด จากนั้นไปดูมิเตอร์ที่หน้าบ้านว่าเฟืองเหล็กยังหมุนอยู่หรือไม่ หากยังหมุนอยู่แสดงว่ามีกระแสไฟรั่ว ให้ลองตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่นๆ เช่น เครื่องตัดไฟรั่วว่ายังทำงานดีอยู่หรือไม่ ด้วยการกดปุ่มทดสอบหรือ Test (ควรกดปุ่มทดสอบนี้เป็นประจำทุก 1 – 3 เดือน) ถ้ายังใช้ได้ดี สวิตช์หรือคันโยกจะตกลงมาทันทีเพื่อตัดกระแสไฟฟ้า และรวมถึงเซอร์กิตเบรกเกอร์หรือเบรกเกอร์

ระบบไฟฟ้าในบ้าน

2.ตรวจสอบเมนสวิตช์

ดูว่ามีมดหรือแมลงเข้าไปทำรังในตู้หรือไม่ เซอร์กิตเบรกเกอร์หรือเบรกเกอร์ลูกย่อยยังสามารถใช้ปลดวงจร ระบบไฟฟ้าในบ้าน ได้หรือไม่ ป้องกันไฟรั่วและไฟดูดได้ดีอยู่หรือไม่ หากมีอุปกรณ์ชำรุดหรือเสียหายควรหามาเปลี่ยนใหม่ให้เรียบร้อย

ระบบไฟฟ้าในบ้าน

3.ตรวจสอบสายไฟฟ้าว่ามีส่วนใดชำรุดเสียหายบ้าง

โดยเฉพาะสายไฟที่ซ่อนอยู่บนฝ้าเพดานอาจเปื่อยกรอบเนื่องจากผ่านการใช้งานมานาน หรือถูกหนูกัดแทะฉนวนจนสายขาดได้ (ในกรณีที่ไม่ได้หุ้มสายไว้ด้วยท่อร้อยสายไฟ) ถ้าพบก็ต้องเปลี่ยนใหม่โดยด่วน

4.ตรวจสอบเต้ารับไฟฟ้า

ดูว่าหลวม มีรอยแตกร้าว หรือรอยไหม้บ้างหรือไม่ ถ้าเต้ารับหลวมก็ขันสกรูให้แน่นดังเดิม แต่ถ้าแตกร้าวหรือพบรอยไหม้ก็ควรเปลี่ยนใหม่ และควรทดสอบเต้ารับทุกจุดว่ามีไฟหรือไม่ โดยใช้ไขควงวัดไฟทดสอบ

ระบบไฟฟ้าในบ้าน

5.ตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้า

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มักมีการจับต้องขณะใช้งาน เช่น เครื่องซักผ้า โดยตรวจว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วหรือไม่ ด้วยการใช้ไขควงวัดไฟแตะที่ตัวเครื่องส่วนที่เป็นโลหะ ถ้าหลอดไฟติดหรือเรืองแสง แสดงว่ามีไฟรั่วให้หยุดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนั้นทันที และตรวจเช็กว่ามีการติดตั้งสายดินถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่มีให้ติดตั้งสายดินให้เรียบร้อย เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ไม่เกิดอันตรายจากไฟฟ้าดูด

ระบบไฟฟ้าในบ้าน

หมายเหตุ : ถ้าเครื่องตัดไฟรั่วไม่ทำงาน และแก้ไขเบื้องต้นแล้วยังพบปัญหาอยู่ แนะนำให้เรียกช่างไฟฟ้ามืออาชีพมาช่วยแก้ไข และในขณะที่ปลดเมนสวิตช์เพื่อทำการซ่อมแซมนั้น ให้เขียนป้ายเตือนไว้ว่า “ห้ามสับไฟ! ช่างไฟฟ้ากำลังทำงาน” แขวนไว้ที่เมนสวิตช์ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานด้วยนะครับ


เรื่อง : คันยิก้า

ภาพประกอบ : เอกรินทร์ พันธุนิล

เดินสายไฟร้อยท่อเหล็กสไตล์ลอฟต์

เบรกเกอร์ไฟฟ้าควรอยู่ที่ตำแหน่งใด

สายไฟแต่ละสี ต่างกันอย่างไร

 

The post 5 ขั้นตอนตรวจระบบไฟฟ้าด้วยตัวเอง appeared first on บ้านและสวน.

เคล็ดลับปลูกกุหลาบให้ออกดอกสวย ฉบับที่ใครๆก็ทำตามได้

$
0
0

ความตั้งใจแรกของคุณต๋อม-ไฉไล  โกมารกุล ณ นครในการมาซื้อที่ดินและสร้างบ้านพักตากอากาศ ซึ่งต่อมาได้เพิ่มเป็นBed and Breakfast ชื่อ Chailai Grace อยู่ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่คือเพื่อปลูกกุหลาบ ด้วยสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นในฤดูหนาวประกอบกับระดับความสูงของที่ดินเหนือระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 500 เมตร น่าจะเหมาะกับการปลูกกุหลาบในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามการปลูกกุหลาบให้ออกดอกสวยงามก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ รวมทั้งความเอาใจใส่ ซึ่งคุณต๋อมพร้อมแชร์ประสบการณ์ให้กับเราฟังดังนี้

สวนกุหลาบของคุณต๋อมหรือ Chailai Grace ตั้งอยู่ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ภายในปลูกกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ แยกไว้เป็นแปลงๆ แม้ช่วงที่เราไปถ่ายทำ คุณต๋อมบอกว่ากุหลาบยังไม่งามเท่าที่ควรเนื่องจากพึ่งมีพายุเข้า แต่ก็ถือว่ากุหลาบออกดอกสวยมากทีเดียว
Bishop’s Castle เป็นกุหลาบอังกฤษที่คุณต๋อมที่สุดโปรดปรานสายพันธุ์หนึ่ง ด้วยสีสันและกลิ่นที่หอมเด่น อีกทั้งยังออกดอกให้ชื่นชมง่ายอีกด้วย
ด้วยขนาดลำต้นของกุหลาบสายพันธุ์ Bishop’s Castle ที่ทอดยาวไปได้ไกลทำให้สามารถปลูกเป็นซุ้มไม้เลื้อยคู่กับกุหลาบเลื้อยอย่าง Strawberry Hill ได้ ทำให้ใครที่เดินผ่านซุ้มนี้ได้กลิ่นหอมของกุหลาบสายพันธุ์นี้เสมอ
กุหลาบเลื้อยสายพันธุ์ Strawberry Hill

ทำความรู้จักกับนิสัยกุหลาบ

“ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่ากุหลาบคือ ผู้หญิงสวยที่กินเก่งและขี้โรค ดังนั้นการจะดูแลหญิงสาวคนนี้ให้เติบโตไปอย่างสวยงาม เราต้องค่อยสังเกตอาการของเขาในทุกวันและหมั่นป้อนอาหารที่มีประโยชน์ให้แก่เขา”

อุณหภูมิเฉลี่ยที่เหมาะสมในการปลูกกุหลาบคือ 25 องศาเซลเซียสในช่วงกลางวัน และ 15-16 องศาเซลเซียสในเวลากลางคืน แต่ถ้าอุณหภูมิของบ้านเราไม่ได้เหมาะสมเพียงพอเท่ากับอุณหภูมิดังกล่าว จะยังสามารถปลูกกุหลาบได้อยู่ไหม ก็ต้องบอกว่าได้ เพราะถึงอย่างไรก็ตามก็ต้องดูที่ปัจจัยด้านสายพันธุ์ของกุหลาบที่ปลูกด้วย กุหลาบเป็นพันธุ์ไม้ที่มีสายพันธุ์เยอะมากบนโลก ซึ่งแต่ละพันธุ์ก็จะมีความทนทานและความชอบที่แตกต่างกันไป กุหลาบส่วนใหญ่ที่พบว่าปลูกได้ดีในประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพมหานครคือกุหลาบวาเลนไทน์ และกุหลาบมอญ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่กุหลาบเกือบทุกชนิดเป็นเหมือนกันคือกุหลาบเป็นพรรณไม้ที่ชอบแดดจัดเต็มวันหรือย่างน้อย 6 ชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่ควรปลูกกุหลาบให้อยู่ใต้เงาของต้นไม้ใหญ่เด็ดขาด

แปลงกุหลาบหน้าบ้านปลูกกุหลาบ Bishop’s Castle เพื่อเตรียมสำหรับนำดอกไปทำเป็นชา เนื่องจากกุหลาบทั้งหมดในสวนไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีอันตราย จึงสามารถนำไปบริโภคเองได้
ขอบแปลงกั้นด้วยหินแม่น้ำดูเป็นระเบียบและสวยงามเข้ากับสวนสไตล์อังกฤษ ทั้งหมดเพื่อง่ายต่อการดูแลและรักษาสารอาหารในดินของกุหลาบไม่ให้ไหลออกไปตามน้ำ

เตรียมแปลงปลูก

กุหลาบชอบดินโปร่งร่วน ไม่มีน้ำขังแฉะและมีอินทรียวัตถุสูง จะเห็นได้ว่าที่สวนของคุณต๋อมจะปลูกกุหลาบเป็นแปลงอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งในแปลงก็จะทำโคกขึ้นพูนสูงจากดินรอบๆเล็กน้อยประมาณ 10-15 เซนติเมตร อีกทั้งยังมีก้อนหินแม่น้ำวางเป็นขอบดูสวยงาม ซึ่งนอกจากความสวยแล้ว แปลงกุหลาบที่เป็นโคกช่วยให้น้ำที่รดหรือน้ำฝนสามารถไหลผ่านแปลงกุหลาบไปโดยไม่ขัง ขณะเดียวกันหินแม่น้ำยังทำหน้าที่กั้นไม่ให้สารอาหารไหลไปตามน้ำจนหมด อีกทั้งยังง่ายต่อการดูแลและบำรุงดินอีกด้วย วัสดุปลูกสูตรของคุณต๋อมจะใช้ดินผสมปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 มูลค้างคาว กระดูกป่น และฮิวมัส เพื่อบำรุงดินผสมในอัตราส่วนเท่าๆกัน อีกทั้งยังต้องหมั่นพรวนดินทุก 3 เดือน  หรือทุกครั้งที่ดินเริ่มแน่น ถ้าผิวดินแน่นน้ำก็จะไหลออกไปด้านข้างก่อนซึมลงสู่รากกุหลาบ กุหลาบก็จะรับน้ำไม่เพียงพอได้

กุหลาบสายพันธุ์ Pope John Paul II Hybrid Tea Rose เป็นกุหลาบลูกผสมสายพันธุ์อเมริกาที่มีกลิ่นหอมแรงและแข็งแรงมาก

Louis Philippe กุหลายสายพันธุ์ฝรั่งเศสทรงพุ่มสูง แม้ดอกจะมีขนาดเล็กแต่ก็ออกเป็นช่อสีแดงเข้ม มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ และมีหนามน้อย ถือว่าเป็นกุหลาบสายพันธุ์ที่แข็งแรงจากโรคและมีต้นสมบูรณ์ที่สุดในสวนเลยก็ว่าได้

การเลือกสายพันธุ์กุหลาบ

สำหรับคุณต๋อมแน่นอนว่าเหตุผลอันดับแรกที่เลือกปลูกกุหลาบสายพันธุ์นั้นๆคือความชอบในลักษณะดอกของสายพันธุ์นั้น แต่ก็ยังต้องสามารถปลูกในสวนได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งต้องเรียนรู้จากประสบการณ์เองอยู่ดี เพราะสภาพพื้นที่ที่ต่างกัน ความแข็งแรงของกุหลาบก็ต่างกันออกไป บางต้นปลูกอีกที่หนึ่งงาม แต่อีกที่อาจไม่งามก็ได้

สิ่งที่ควรเรียนรู้ต่อมาคือแหล่งที่ซื้อกุหลาบ ต้องเป็นร้านที่มีความรู้ด้านกุหลาบเป็นอย่างดี ไม่ได้รับกุหลาบจากที่อื่นมาขายเพียงอย่างเดียว พอให้เราทราบข้อมูลเบื้องต้นว่ากุหลาบชนิดนั้นเป็นสายพันธุ์อะไร และมีระยะการปลูกหรือขนาดทรงพุ่มใหญ่แค่ไหน ส่วนมากกุหลาบในแปลงจะปลูกให้มีระยะห่างระหว่างกันอยู่ที่ 50-80 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้กุหลาบเบียดกันจนเกินไป นอกจากนั้นไม่ควรปลูกกุหลาบต่างสายพันธุ์ไว้รวมกัน เนื่องจากแต่ละพันธุ์จะมีความชอบ ระยะทรงพุ่มรวมถึงอัตราการเจริญเติบโตไม่เท่ากัน ต้นที่โตเร็วหรือทรงพุ่มใหญ่กว่าก็จะไปเบียดอีกสายพันธุ์หนึ่งจนเติบโตไม่ได้ในที่สุด หรือบางชนิดเป็นกุหลาบเลื้อยก็จำเป็นต้องทำซุ้มสำหรับให้กุหลาบนั้นได้สามารถเลื้อยไต่ไปได้ หากเอาไปปลูกในแปลงทั่วไปก็จะมีกิ่งเก้งก้างไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น

กุหลาบสายพันธุ์ Beverly จากประเทศเยอรมัน เป็นกุหลาบทรงพุ่มขนาดกลาง ออกดอกสีสันสวยงาม และทนต่อโรค

การรดน้ำและบำรุงต้น

เนื่องจากกุหลาบไม่ชอบความแฉะ แต่จะให้ขาดน้ำไปเลยก็ไม่ได้อีกเช่นกัน ดังนั้นเราจะรดน้ำแค่ช่วงเช้าวันละครั้ง เฉลี่ยประมาณวันละ 1 ลิตรต่อต้น หากมีฝนตกก็หยุดให้น้ำไปเลยในวันนั้นก็ได้ การให้น้ำกุหลาบในช่วงเย็นจะทำให้มีน้ำขังที่ใบและเป็นที่มาของโรคได้เช่นกัน

ทุกอาทิตย์คุณต๋อมจะใส่สารชีวภาพอย่างเบสโตซานและไคโตซานปริมาณ 1 ซีซี ต่อ น้ำ 1 ลิตร ฉีดพ่นไปที่ใบ ดินและลำต้น ถ้าสภาพอากาศไม่ดีคือมีฝนตกหรือมีหมอกลงจัดควรให้ทุก 3-4 วัน เพราะหมอกเหล่านี้จะนำพาโรคที่เป็นอันตรายต่อกุหลาบมาด้วยมาก สารชีวภาพเหล่านี้จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กุหลาบและเพิ่มสารอาหารให้กุหลาบสามารถต่อสู้กับโรคและออกดอกสวยได้

ฉีดพ่นน้ำผสมสารชีวภาพบำรุงกุหลาบในช่วงเย็นเพื่อให้ต้นกุหลาบแข็งแรงและบำรุงให้กุหลาบออกดอกแทนยาฆ่าแมลงหรือปุ๋ยเคมี
กิจกรรมทุกเช้าคือการออกมาตัดดอกกุหลาบมาปักแจกัน ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการตัดกิ่งที่เป็นโรคและดูแลกุหลาบไปด้วยในตัว

การดูแลกุหลาบ

สิ่งที่ต้องทำให้ทุกๆเช้าคือการเดินออกมาตรวจแปลงกุหลาบ ตัดใบและกิ่งที่ไม่ดีออก กิ่งที่ไม่ดีก็คือกิ่งที่มีรูปทรงไม่สมบูรณ์ กิ่งที่เอียงเข้าหาลำต้น กิ่งที่เป็นโรค อีกอาการที่พบบ่อยคืออาการกิ่งแห้งจากด้านบน บางกิ่งจะมีสีเหลืองก่อนกลายเป็นสีดำ เรียกว่าดายแบล็ค เมื่อปล่อยจนต้นตายก็จะกลายเป็นโรคระบาดไปยังต้นอื่นๆได้ ดังนั้นต้องรีบตัดออกอย่าให้รุกลามไปมาก มักพบในต้นที่มีอายุมาก อาการอีกอย่างที่พบมากคือโรคใบจุดดำ(black spot) มาจากเชื้อราที่มากับฝนให้รีบตัดทิ้งเลยเช่นกัน เพราะยิ่งฝนหรือน้ำเปียกใบก็จะไหลไปสู่อีกใบจนเกิดโรคล่ามไปเรื่อยๆ  อีกทั้งต้องหมั่นดึงวัชพืชที่ขึ้นอยู่รอบๆ

วิธีตัดแต่งกิ่งกุหลาบที่ถูกวิธีคือตัดเหนือกิ่งที่มีใบประกอบอยู่ 5 ใบย่อย ควรเหลือทิ้งไว้ที่ต้นอย่างน้อย 2 ชุด กุหลาบจะแตกยอดที่ตาแรกที่ถูกตัดเกิดเป็นกิ่งใหม่ที่สมบูรณ์

ด้วงกุหลาบเป็นอีกหนึ่งศัตรูพืชที่มากินใบและดอก หากไม่ใช้สารเคมีก็ต้องใช้วิธีจับออกด้วยมือในเวลากลางคืน แต่จะอยู่แค่ 45 วันเท่านั้นในช่วงฤดูร้อน หลังจากด้วงระบาดตามธรรมชาติเราสามารถใช้โอกาสนี้ตัดกิ่งลงไปเหนือโคน 10-15 เซนติเมตรเพื่อทำสาวได้เช่นกัน แต่ต้องสังเกตว่าต้นกุหลาบต้นนั้นแข็งแรงดีหรือไม่ ถ้าเป็นกุหลาบที่ไม่แข็งแรงควรปล่อยไปก่อน

“ พี่เองไม่ได้เป็นคนที่เรียนมาทางด้านเกษตร ทั้งหมดมาจากความรักล้วนๆ เพราะรักจึงอยากดูแล ศึกษาและเอาใจใส่กุหลาบในสวนของเราทุกวัน พี่เชื่อว่าถ้าคนที่ไม่เคยปลูกต้นไม้มาก่อนอย่างพี่ สามารถปลูกกุหลาบให้ออกดอกสวยได้ ทุกคนที่มีความรักในกุหลาบก็ย่อมทำได้เช่นกัน ”

นอกจากตัดใบและกิ่งที่มีอาการแห้งจากปลายกิ่งลงโคนที่เรียกว่าดายแบล็คออกแล้ว การตัดต้องคาดคะเนว่ากิ่งใหม่จะพุ่งไปทางไหน ถ้าไม่ระวังก็จะไม่เป็นทรงพุ่มสวยงาม
กุหลาบในแปลงเมื่อถูกตัดแต่งอยู่เสมอเมือแตกกิ่งใหม่จะทำให้ทรงต้นดูเป็นระเบียบและออกดอกสวยงาม


สถานที่ : Chailai Grace เลขที่ 448 หมู่ 3 ซอยวัดจอมคีรี, ตำบล แม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

โทรศัพท์ : 095 705 9257

facebook : Chailai Grace

เรื่อง : ปัญชัช

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

ปลูกกุหลาบ ไม่ออกดอก ลำต้นไม่งาม ควรทำอย่างไรดี?

5 โรคกุหลาบ พึงระวังและวิธีรักษาให้กลับมาสวย

The post เคล็ดลับปลูกกุหลาบให้ออกดอกสวย ฉบับที่ใครๆก็ทำตามได้ appeared first on บ้านและสวน.

จัดบ้านช่วงปีใหม่ฉบับย่อ 8 ข้อจบปิ๊ง

$
0
0

“เดี๋ยวหยุดปีใหม่จะเก็บบ้าน”
มารู้ตัวอีกทีวันหยุดก็กำลังจะหมดไป บ้านก็ยังไม่ได้เก็บ ลองมาตั้งเป้ากันใหม่ ขอแบ่งเวลามาสักวัน ในการ จัดบ้านต้อนรับปีใหม่ แบบรวบรัด ใช้เวลาไม่มาก แต่เห็นผลแบบสุดๆ การเริ่มต้นปีใหม่แบบคลีนๆ เหมือนเป็นการกดปุ่ม restart ให้พร้อมลุยในปีหน้าฟ้าใหม่ ไปกันเล๊ย!

หยุดยาวหลายวัน ใครๆก็อยากพักผ่อนอยากจะนอนแช่อืดๆ หรือออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนให้หนำใจ แต่ขอฮึ๊บเดียว แล้วเริ่มลงมือทำ จัดบ้านต้อนรับปีใหม่ ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เลือกสักหัวข้อที่ดูเป็นไปได้กับเรามากที่สุด จากหนึ่งไปสอง การค่อยๆเห็นบ้านสะอาดขึ้นเรื่อยๆ จะช่วยให้รู้สึกดีอย่างน่าประหลาดใจเลยหละ

จัดบ้านต้อนรับปีใหม่ จัดตู้เย็น

1. รื้อตู้เย็น

ได้เวลาคืนพื้นที่ให้ตู้เย็น จะได้มีที่เก็บเค้กปีใหม่ ^^
– ของกินหมดอายุจงทิ้งไป ท้องเสียไปไม่คุ้มกันนะ
– ของอยู่ในตู้เย็นมานานจนจำไม่ได้ทิ้งจ้า
– สภาพไม่ไหวไม่ควรเก็บไว้ เดี๋ยวกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อ
– อย่าลืมเช็คอาหารแช่แข็ง ของเหล่านี้ก็มีหมดอายุเช่นกัน

จัดระเบียบครัว

2. กล่องพลาสติก จะทิ้ง หรือ เก็บ

ถึงเวลาที่ยื้อกันมานาน ว่าจะทิ้ง จะทิ้ง แต่ก็ยังอยู่ ฤกษ์งามยามดีปีใหม่นี้ ของเก่าหมดสภาพ ต้องไปซักที
– กล่องที่สภาพดี แข็งแรง ใส สะอาด เก็บไว้ใช้งานต่อได้
– แต่ถ้าสภาพเกินเยียวยา เหลือง ซีด ปริ แตก ควรตัดใจทิ้งไป
– สภาพของพลาสติกเริ่มเปลี่ยนไป เหนียว เปื่อย ยุ่ย ทิ้งได้เลยค่ะ
– กล่องไร้คู่ มีแต่กล่องไม่มีฝา หรือมีแต่ฝาไม่มีกล่อง โบกมือลาได้เลย

10 วิธีแก้ปัญหา “จานล้นบ้าน” เก็บอย่างไรให้ใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่

จัดตู้ยา

3. อัพเดทตู้ยาประจำบ้าน

– เช็ควันหมดอายุของยาทุกประเภท
– จดรายการยาสามัญประจำบ้านที่ต้องซื้อมาเปลี่ยน หรือ เติม
– แยกหมวดหมู่ของยา เช่น ยาใช้ภายใน ยาใช้ภายนอก ไม่ให้ปะปนกัน
– อุปกรณ์เวชภัณฑ์ควรมีพร้อม เช่น สำลี พลาสเตอร์ปิดแผล

จัดตู้ยาประจำบ้านอย่างไร ให้พร้อมหยิบใช้เมื่อต้องการ

ทำความสะอาดหิ้งพระ จัดหิ้งพระ

4. หิ้งพระ

จะเริ่มต้นปีใหม่ทั้งที เรามาเริ่มต้นด้วยสิ่งดีๆเพื่อเป็นศิริมงคลแก่บ้านและผู้อยู่อาศัย
– เก็บดอกไม้ พวงมาลัยที่เหี่ยวแห้งไปทิ้ง เปลี่ยนใหม่ให้สวยงาม
– ล้างภาชนะที่ใส่ของไหว้ จาน แก้วน้ำต่างๆ ให้ใสสะอาด
– เปลี่ยนทรายกระถางธูป หรือ ตักขี้ธูปออก
– เช็ดทำความสะอาดหิ้งพระ รวมถึงพระพุทธรูป ให้สะอาดสดใสรับปีใหม่

ทำความสะอาด จัดบ้าน

5. ต้นไม้

เหล่าต้นไม้หลายต้นเติบโตจนแน่นกระถาง และอีกหลายต้นก็ถอดใจไม่ไปต่อกับเรา ลงมือเคลียสักนิดเพื่อความสดชื่นที่อยู่ใกล้ๆตัว
– เศษซากต้นไม้ที่แห้งเหี่ยว แห้งตาย จัดการเคลียออกให้เกลี้ยง
– เติมปุ๋ย เปลี่ยนดิน ย้ายกระถาง ชุบชีวิตให้เด็กๆ
– ทำความสะอาดบริเวณที่วางต้นไม้ ล้างคราบดิน เศษใบไม้ให้สะอาดเอี่ยม
– จัดเรียงต้นไม้กลับเข้าที่ หันต้นไม้รับแสง พร้อมให้ชื่นชมความงาม

จัดบ้านต้อนรับปีใหม่

6. พื้นที่บนโต๊ะ

ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะกินข้าว โต๊ะกาแฟในห้องนั่งเล่น โต๊ะทำงาน เคาน์เตอร์ ลองเคลียของออกให้เห็นหน้าโต๊ะบ้างก็ดีนะ
– ข้าวของเมื่อไม่มีที่ไป มักจะแลนดิ้งบนที่ว่างเหล่านี้เสมอ
– ขนม แก้วน้ำ ขวดน้ำ จัดการ เก็บ/ทิ้ง
– เอกสาร บิล ใบเสร็จ คัดแยก จัดเก็บให้เรียบร้อย
– เมื่อเห็นโต๊ะโล่งๆ ช่วยให้รู้สึกปลอดโปร่งสบายใจดีนะคะ

จัดบ้านต้อนรับปีใหม่ จัดเอกสาร

7. คัด-แยกเอกสาร

บิล ใบเสร็จ จดหมาย ใบแจ้งหนี้ สารพัดเอกสารสำคัญ ซุกไว้ตรงไหน ไปเก็บกลับมา
– เก็บรวบรวมใบแจ้งหนี้ของปีนี้เอาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าอะไรอีกก็ตาม เก็บใส่กล่องหรือแฟ้มที่เขียนป้ายไว้อย่างชัดเจน
– ซองเอกสาร ซองจดหมายต่างๆ แยกทิ้ง หรือ เก็บไว้ใช้ซ้ำ
– คัดแยกเอกสารสำหรับยื่นเสียภาษีของปี 2020 เตรียมเอาไว้
– เตรียมกล่องเก็บเอกสารสำหรับปี 2021 รอไว้ได้เลย เมื่อมีที่เก็บอย่างชัดเจน เราจะไม่ไปวางทิ้งไว้ตามที่ต่างๆอีก

 

จัดบ้านต้อนรับปีใหม่ จัดบ้าน

8. จัดเก็บหนังสือ

อาจจะฟังดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่จริงๆแล้ว การจัดเก็บหมวดหนังสือ นิตยสารต่างๆ ไม่ยากอย่างที่คิด
– รวบรวมหนังสือที่กระจัดกระจายตามที่ต่างๆ ทั้งบนโต๊ะ หัวเตียง ในห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น มารวมไว้ด้วยกัน
– คัดแยกว่าเล่มไหนเก็บ เล่มไหนทิ้ง
– เล่มที่ทิ้งมัดเป็นตั้งไว้ ให้ง่ายต่อการขาย หรือ บริจาค
– เล่มไหนเก็บ ปัดฝุ่น ทำความสะอาด เก็บเข้าชั้นหนังสือให้เรียบร้อย

เรื่อง jOhe

ภาพประกอบ pstaryu


วิธีจัดห้องนอนไม่ให้เป็นแหล่งสะสมไรฝุ่น ป้องกันการเกิดภูมิแพ้

เช็คลิสต์ของต้องทิ้งทวงคืนพื้นที่ว่าง เปลี่ยนบ้านรกให้กลายเป็นบ้านแสนรัก

จัดระเบียบตู้เสื้อผ้า เคลียร์เรื่องเครียดๆยามเช้ากับเสื้อผ้าที่หาไม่เคยเจอ

The post จัดบ้านช่วงปีใหม่ฉบับย่อ 8 ข้อจบปิ๊ง appeared first on บ้านและสวน.

NOTE KRITSADA ศิลปินหนุ่มผู้กล้าจะล้มเหลว ล้มเลิก และเริ่มใหม่เสมอ

$
0
0

โน้ตกฤษดา ภควัตสุนทร หลายคนอาจรู้จักเขาในฐานะนักออกแบบผู้ร่วมก่อตั้งครีเอทีฟสตูดิโอและโปรดักชั่นเฮ้าส์ James Dean บางคนอาจเพิ่งได้ฟังซิงเกิ้ลใหม่ ‘หอน’ (Horn) จากวง The Keylookz ที่เขาเป็นนักร้องนำ หรือบางทีก็อาจเคยใส่เสื้อเชิ้ตแบรนด์ Wolfkind ที่เขาเคยออกแบบไว้เมื่อหลายปีก่อน แต่เชื่อว่าใครก็ตามที่ได้เห็นผลงานศิลปะของเขาสักครั้ง ก็ต้องมีภาพจำของลายเส้นและสไตล์ อันเป็นเอกลักษณ์ภายใต้ลายเซ็นของ NOTE KRITSADA แน่นอน

หมวกหลายใบ และบทบาทหลายด้านที่ศิลปินหนุ่มไฟแรงคนนี้สวมอยู่ได้สะท้อนตัวตน และความเชื่อของเขา ณ ขณะนั้นอย่างชัดเจน มาวันนี้บทบาทความเป็นศิลปินครอบครองพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชีวิต และเป็นพื้นที่ที่ถ่ายทอดความหลงใหล ความทรงจำหรือประสบการณ์ส่วนตัวของ NOTE KRITSADA ให้แปรเปลี่ยนเป็นผลงานศิลปะที่ไร้กรอบจำกัด

“ครึ่งหนึ่งของชีวิตทำงาน ผมมีหุ้นส่วนร่วมกันทำบริษัท มีพนักงานที่เราต้องดูแล มีงานที่เราต้องคิดให้ตอบโจทย์ลูกค้าตลอด อีกครึ่งหนึ่งคือเรื่องงานศิลปะ จริง ๆ ผมก็ไม่ได้มองว่าผมเป็นนักดนตรี เพราะเชื่อว่านักดนตรีจริง ๆ คงต้องทุ่มเทกว่าผมเยอะ แค่มีเพื่อนอีกสองคนที่ทำวงสนุก ๆ ด้วยกัน”

“งานศิลปะช่วยบำบัดผมจากงานคอมเมอร์เชี่ยลที่บริษัทขณะเดียวกันงานที่บริษัทก็บำบัดผมจากงานศิลปะและงานดนตรีเองก็ช่วยบำบัดผมจากการหมกมุ่นกับศิลปะหรืองานคอมเมอร์เชี่ยล ผมว่าแต่ละอย่างที่ผมทำมันมีมิติ และเสน่ห์ที่ต่างกันไป”

room เคยได้พูดคุยกับโน้ต กฤษดา ครั้งแรกในหนังสือฉบับพิเศษ room The Book Vol.04 เมื่อหลายปีก่อน มาวันนี้เราเจอเขาอีกครั้งในงาน Bangkok Art Biennale (BAB) 2020 ภายใต้บรรยากาศสุดแสนอนามัยของคลินิกทันตกรรม WOW WOW…MORE FUN!!!  ที่เขาจำลองขึ้นเพื่อนำเสนอประสบการณ์การทำฟันอันแสนเจ็บปวดตั้งแต่วัยเยาว์จวบจนถึงปัจจุบัน โดยบอกเล่าผ่านผลงานศิลปะในหลากหลายสื่อ ทั้งงานวาดเส้น ประติมากรรม และแอนิเมชั่นสามมิติ 

note Kritsada

note kritsada

แต่ไหนแต่ไร ผลงานของโน้ต-กฤษดา เชื่อมโยงกับประสบการณ์ส่วนตัว มุ่งถ่ายทอดความรู้สึกของตนอย่างตรงไปตรงมา สอดแทรกอารมณ์ขันแกมเสียดสี โดยปราศจากความคาดหวังหรือผลตอบรับใดๆ แต่กระนั้น เรากลับรู้สึกว่าเรื่องราวเรียบง่ายอย่างเช่น ‘การทำฟัน’ ได้สร้างประสบการณ์ร่วมที่คาดไม่ถึงกับผู้ชม 

“จริง ๆ ผมไม่ได้คาดหวังอะไรล่วงหน้าจากคนที่ดูงาน อาจจะเคยคาดหวังในการแสดงงานครั้งแรกเพราะกลัวว่างานจะไม่ดีพอ แต่พอผ่านครั้งนั้นไปแล้ว เราก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ว่าใครจะคิดอย่างไร เพราะคิดว่าเขาต้องใช้ประสบการณ์ และรสนิยมของตัวเองในการตัดสินงานเราอยู่แล้ว ผมปล่อยให้งานศิลปะมันทำหน้าที่ของมันไปดีกว่า”

“สิ่งที่ผมสนใจที่สุดคือการมีวินัยในการทำงาน การแบ่งเวลาของตัวเอง การกล้าที่จะเผชิญกับวัสดุหรือกระบวนการใหม่ที่ไม่คุ้นเคย”

Note Kritsada
Pencil drawing & oil color on canvas, 2014 (ภาพ: Note0Kritsada)
Note Kritsada
Pencil and acrylic on canvas, 2017 (ภาพ: Note0Kritsada)

มองย้อนกลับไป นิทรรศการแสดงผลงานเดี่ยวของเขาทั้ง ‘Wolf’ ในปี 2014 และ ‘Flow’ ในปี 2019 คือบทสรุปประมวลผลแนวคิดในแต่ละช่วงชีวิตของเขาได้เป็นอย่างดี จากเรื่องราวของหมาป่า ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำตัว มาถึงการเสียดสีปัญหาสุขภาพของตนเองด้วยสำเนียงตลกร้าย เทคนิคการสร้างสรรค์ และวัสดุ สำหรับเขาดูจะเป็นเพียงสื่อกลางที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลง และทดลองกับสิ่งใหม่ได้ตลอดเวลา

“ผมชอบวาดคนที่ผมไม่รู้จักสำหรับผม คนเหล่านี้ก็เทียบเท่ากับวัสดุ ไม่ต่างจากสีน้ำมันดี ๆ แปรงสวย ๆ เป็นวัสดุหนึ่งที่ถ่ายทอดความคิดของผม ซึ่งผมมักจะเลือกทำงานกับชาวคอเคเชี่ยน (Caucasian) ตั้งแต่สมัยทำงานแฟชั่นแล้ว คงเพราะดูเป็นสากลดีมั้ง”

Note Kritsada
Note Kritsada on Ilford canvas, 2019 (ภาพ: Note0Kritsada)
Note Kritsada
Note Kritsada hair cut, 2019 (ภาพ: Note0Kritsada)

“การแสดงงานของผม นอกจากการขายงานเพื่อหาเงินทุนมาสร้างงานใหม่ ผมชอบเชิญเพื่อน เชิญคนที่เราชอบพอมาดูงานของเรา ถามเขาว่าคิดอย่างไร งานชิ้นไหนที่พัฒนาต่อไปได้ บางทีผู้ใหญ่ที่ผมนับถือจะมีคำแนะนำดี ๆให้เสมอ ช่วยเติมไฟให้เราทำงานต่อไป”

“ผมเคยทำงานขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วผมรู้สึกชอบมันมาก มากเสียจนผมรู้สึกว่าผมคงไม่สามารถทำงานที่สวยกว่านี้ได้อีกแล้ว ผมวางรูปนี้ไว้แล้วก็นั่งกินเบียร์ดูมันทุกวัน แล้วคิดว่ามันจะมีรูปไหนที่สวยกว่านี้ได้อีกไหม แต่เราก็วาดภาพต่อไปเรื่อย ๆ บางทีก็สวย บางทีก็ไม่สวย แต่สุดท้ายแล้วมันคือการพัฒนา การแปรผันของความละเอียดกับเวลา ความละเอียดอาจจะเท่าเดิมแต่ใช้เวลาน้อยลง เพราะว่ามีความแม่นยำมากขึ้น”

“แต่ก่อนผมอาจจะวาดคนแล้วไม่ค่อยเหมือนหรือผิดหลักสรีระบ้าง ตอนนั้นผมรู้สึกไม่ชอบ แต่มาตอนนี้ผมก็กลับไปวาดแบบตอนนั้นไม่ได้อีก เพราะว่าเราแม่นยำขึ้นแล้ว จนกลายเป็นว่างานเก่า ๆ ของผมกลับดูมีเสน่ห์มากกว่า”

 

Note Kritsada
Hypertext Transfer Protocol Female – Graphite, acrylic on canvas, 2019 (ภาพ: Note0Kritsada)
Note Kritsada
A meaning without feeling I – Brass, spray paint, fibreglass, rubber, steel, 2019 (ภาพ: Note0Kritsada)

แน่นอนว่าเส้นทางบนผืนผ้าใบของศิลปินย่อมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ตลอดการเดินทาง เขาตัดสินใจเปิดประตูทางออกหลายบานอย่างไม่ลังเล เพื่อพาตัวเองออกจากเส้นทางเดิม

“ผมเป็นคนที่ชอบหาทางใหม่ ๆ ตลอด เมื่อก่อนตอนที่เรียนจบด้านนิเทศศิลป์ก็เคยคิดว่าอยากจะเป็นนักโฆษณา อยากเป็นครีเอทีฟ แต่พอเรียนจบเรากลับรู้สึกไม่อยากเป็นแล้ว หันไปหลงเสน่ห์แฟชั่น อยากจะเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ เลยลองทำงานที่  Greyhound เราก็ได้เป็นดีไซเนอร์เต็มตัว แต่พอผ่านไปสักระยะก็รู้สึกอิ่มตัวอีก”

“เริ่มรู้สึกว่าเราน่าจะเรียนเพิ่มเติมเพื่อฉีกตัวเองไปเป็นศิลปินบ้างเพราะว่าเราชอบวาดรูป ก็เลยลองเข้าไปเรียนปริญญาโทด้านทัศนศิลป์ ได้ความรู้มาก็ออกมาทำงานศิลปะเต็มตัว พร้อมกับเปิดแบรนด์เสื้อผ้า Wolfkind ก็ประสบความสำเร็จอยู่ช่วงหนึ่งแล้วก็ปิดตัวไป”

“พอเรามาทำงานศิลปะ ศิลปะก็สอนเราเหมือนกันว่าเราไม่ควรจะอยู่นิ่ง ไม่ควรจะพอใจกับสิ่งที่เราเป็นอยู่หรือมีอยู่แล้ว ควรต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ พัฒนาข้อดีข้อด้อยของเรา ถ้าผมเอาแต่คิดมันก็ไม่มีวันสำเร็จ แต่ถ้าผมคิด ผมจะต้องทำให้เสร็จเลย เช่น ถ้าผมตั้งใจว่าจะต้องทำให้เสร็จในวันนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าใครก็ตามจะต้องมาช่วยเราทำให้มันเสร็จให้ได้”

Fail Fast, Succeed Faster หากพูดถึงแนวคิดยอดนิยมทางธุรกิจ การล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นย่อมสูญเสียน้อยกว่า และเบนเข็มไปสู่เส้นชัยได้เร็วยิ่งขึ้น แต่สำหรับเส้นทางชีวิต ความกล้าหาญในการล้มเลิก ล้มเหลว และเริ่มต้นใหม่ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน

“การที่เราจะฉีกตัวเองออกมาหรือละทิ้งอะไรบางอย่าง  อาจไม่ใช่การล้มเลิกหรือเจอทางตันเสมอไป จริง ๆ ผมว่าการล้มเลิก ก็คือความกล้าหาญอย่างหนึ่ง ความล้มเหลวกับการล้มเลิกเป็นของคู่กัน ล้มเลิกก็ได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไร ถ้าคนมันไม่กลัวสักอย่าง อยู่ที่ว่าเราจะกล้าทำสิ่งใหม่ แล้วล้มเหลวอีกครั้งหรือเปล่า

“ผมว่าการเป็นศิลปินมันไม่มีจุดสูงสุดของอาชีพ ไม่เหมือนนักกีฬา ที่เมื่อคุณได้เหรียญทองโอลิมปิก นั่นคือสุดยอดของอาชีพแล้ว แต่งานศิลปะมันอยู่ที่ว่า คุณจะทำแบบเดิมหรือทำแบบใหม่ กล้าพอที่จะฉีกตัวเองไปทำแบบใหม่ แล้วทิ้งลายเซ็นเดิมของคุณหรือเปล่า”

และแน่นอนว่าเขากำลังมองหาประตูบานใหม่ ที่จะออกไปผจญภัยบนเส้นทางอื่นอีกครั้ง เตรียมพบกับงานแสดงศิลปะโซโล่ครั้งใหม่ของเขาช่วงต้นปีหน้ากับผลงานเซรามิก วัสดุใหม่ล่าสุดที่เขาซุ่มสร้างสรรค์มาตั้งแต่สามปีก่อน

“งานแสดงครั้งใหม่ที่จะถึงนี้ ผมว่าจะกลับไปหาหมาป่าอีกสักครั้ง”

ระหว่างนี้ตามไปเยือนร้านทำฟันกับผลงานแบบจัดเต็มของเขาได้ในงาน BAB 2020 ภายใต้ธีม Escape Routes ณ ชั้น 15 The PARQ ถนนพระราม 4 ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มกราคม 2564

ติดต่อ

Instagram : Note_kritsada

www.notekritsada.net

เรื่อง: monosoda

ภาพ: นันทิยา / ภาพผลงาน: Note0Kritsada

 

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ จากงาน BAB 2020 ต่อได้ที่ https://www.baanlaesuan.com/206181/arts/bab-2020-2


P7 ศิลปินที่ไม่พึ่งคอมพิวเตอร์ ทำแต่งานแฮนด์เมด ที่ไม่มีชิ้นไหนซ้ำกัน

The post NOTE KRITSADA ศิลปินหนุ่มผู้กล้าจะล้มเหลว ล้มเลิก และเริ่มใหม่เสมอ appeared first on บ้านและสวน.

น้อยแต่เนี้ยบในทาวน์เฮ้าส์สไตล์ลอฟท์

$
0
0

ทาวน์เฮ้าส์หลังนี้ได้รับการรีโนเวทใหม่ โดยไม่ยุ่งกับโครงสร้างเดิมเลย แต่ภายในได้กลายมาเป็น ทาวน์เฮ้าส์สไตล์ลอฟท์ที่โล่ง เรียบ แต่แบ่งพื้นที่เป็นลำดับขั้นตามการใช้งาน ตั้งแต่ประตูหน้าบ้านไปจนสุดรั้วด้านหลังอย่างลงตัว

ออกแบบภายใน: Alkhemist Architects

จากข้อจำกัดของทาวน์เฮ้าส์ที่ห้ามเปลี่ยนแปลงฟาซาดของอาคาร การเปลี่ยนแปลงหน้าบ้านจึงใช้การเปิดบานประตูชั้นล่างออกให้โปร่งโล่งจากหน้าบ้านถึงหลังบ้าน ลมและอากาศดีจึงสามารถพัดผ่านได้ตลอดทั้งวัน

ห้องภายในชั้นล่างของบ้าน เปิดรับแสงจากด้านหน้า ด้วยห้องนั่งเล่นสีดำและผนังปูนขัดมัน

บ้านหลังใหม่ของนักโฆษณา

ทาวน์เฮ้าส์สไตล์ลอฟท์ หลังนี้เป็นของ คุณปิ๊ก – โรจนะ ฉั่วสกุล อาร์ตไดเร็กเตอร์ชื่อดังแห่งวงการโฆษณา ผู้คว้ารางวัลกรังปรีซ์แรกของจีนจาก Cannes Lions หลังจากกวาดประสบการณ์และรางวัลอยู่ที่ประเทศจีนระยะหนึ่ง ก็ถึงเวลาต้องกลับมาอยู่บ้านเกิด พร้อมกับการก่อตั้ง Storyteller เอเจนซี่โฆษณานักคิดนักเล่าเรื่อง และลงหลักปักฐานสร้างครอบครัว

บ้านหลังใหม่หลังนี้เปลี่ยนชีวิตประจำวันของคุณปิ๊กไปอย่างมาก จากเดิมที่เคยพักอาศัยในคอนโดมิเนียมห้องเล็กๆ และต้องออกจากห้องในทุกวันหยุด กลายมาเป็นการดื่มด่ำกับชีวิตพักผ่อนแบบสบายๆ ได้ตลอดทั้งวัน งานรีโนเวททาวน์เฮ้าส์ครั้งนี้เป็นฝีมือของ คุณดอน – ไกรพล ชัยเนตร สถาปนิกแห่ง Alkhemist Architects ที่ดึงเอาคาแร็กเตอร์ของคุณปิ๊กถ่ายทอดเป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่สะท้อนตัวตนเจ้าของในทุกมุมมอง

จุดเด่นของ ทาวน์เฮ้าส์สไตล์ลอฟท์ หลังนี้ คือกริดไลน์แบ่งแยกงานบิลท์อินแต่ละส่วนได้อย่างชัดเจนและเป็นระเบียบ

คุณปิ๊กและภรรยาในห้องนั่งเล่น บันไดใช้เหล็กประกบความกว้างพอดีระยะคาน ลูกนอนบันไดจึงดูกว้างขึ้นอีก

ชั้นล่างสุดจัดสรรผังพื้นแบบโอเพ่นแปลน ทุกส่วนจึงใช้งานร่วมกันได้อย่างอเนกประสงค์แม้จะเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก

จัดการภายใน ไม่แตะภายนอก

คีย์เวิร์ดสำคัญที่คุณดอนได้รับจากคุณปิ๊กคือคำว่า “เลเยอร์” นั่นก็เพราะการทำงานสายอาร์ตไดเร็กเตอร์ซึ่งมีความสนใจหลักในด้านองค์ประกอบศิลป์ โจทย์ในงานออกแบบครั้งนี้จึงต้องจัดวางเส้นสายและพื้นที่อย่างสมดุล เงื่อนไขสำคัญของงานรีโนเวทครั้งนี้คือ จำเป็นต้องคงโครงสร้างอาคารเดิมไว้ และห้ามเปลี่ยนแปลงฟาซาดด้านหน้า การออกแบบจึงอ้างอิงจากพฤติกรรมความเป็นอยู่และกริดไลน์ในการจัดวางผังภายในเป็นหลัก

ด้วยความที่เป็นทาวน์เฮ้าส์หลังหัวมุมในซอยตัน การจัดการพื้นที่ภายในอย่างเป็นส่วนตัวแต่เปิดออกสู่สิ่งแวดล้อมจึงเกิดขึ้น เริ่มต้นจากเดิมที่ผังพื้นชั้นล่างถูกซอยย่อยเป็นห้องน้ำและห้องครัวเหมือนกับบ้านจัดสรรทั่วไป เมื่อทางคุณปิ๊กบอกว่าชั้นล่างไม่จำเป็นต้องมีห้องน้ำก็ได้ ผนังภายในทั้งหมดจึงถูกรื้อออกและจัดการพื้นที่ภายในได้แบบโอเพ่นแปลน

หน้าบ้านครึ่งหนึ่งเป็นส่วนตู้รองเท้า ที่ใช้สัดส่วนการแบ่งหน้าบานขนาดเดียวกับประตูหน้าบ้าน สร้างทัศนะการมองเห็นเป็นผนังผืนเดียวกันทั้งหมด

รายละเอียดของตู่รองเท้าด้านหน้าที่ใส่ใจให้กลมกลืนไปกลับประตูบานพับของ ทาวน์เฮ้าส์สไตล์ลอฟท์

แบ่งพื้นที่ออกเป็นชั้นๆ ในทาวน์เฮ้าส์สไตล์ลอฟท์ที่เปิดโล่ง

เลเยอร์แรกคือผนังหน้าบ้านเปลี่ยนเป็นประตูแบบบานเปิดต่อเนื่องกับตู้รองเท้าด้านหน้า จากมุมมองด้านหน้าในแนวเดียวกันกับทางเข้ามีไอส์แลนด์กลางบ้านเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับนั่งแฮ็งก์เอ๊าต์หรือรับประทานอาหาร สู่ประตูบานเลื่อนหลังบ้านเป็นเลเยอร์ปิดท้าย ส่วนผนังด้านข้างที่ติดกับรั้วโครงการเปิดออกทั้งหมด สร้างฉากหลังของห้องนั่งเล่นด้วยสวนสีเขียวและทางเดินหินสไตล์รีสอร์ตแบบที่คุณปิ๊กชื่นชอบ ชั้นล่างจึงอยู่ได้สบายโดยไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ

พื้นที่ส่วนไอส์แลนด์ตรงกลาง เคาน์เตอร์ครัวส่วนหนึ่งและตู้เย็นสามารถเลื่อนบานเลื่อนเพื่อปิดบังกลายเป็นผนังผืนเดียว

รายละเอียดของหน้าบานประตู ซึ่งบากร่องไว้ให้เลื่อนเข้าไปได้พอดีกับเคาน์เตอร์ครัว

ความน่าสนใจอีกประการคือการซ่อนส่วนเซอร์วิสอย่างส่วนซักล้างไว้หลังบานเปิด และส่วนครัวหลังบานเลื่อนที่สามารถสวมเข้าได้พอดีกับเคาน์เตอร์ครัว จึงปิดซ่อนไว้ได้อย่างมิดชิด พร้อมกับได้เส้นสายที่รับพอดีกับแนวบันได บันไดยังคงใช้โครงสร้างเดิมของโครงการ เพียงแต่เปลี่ยนความหนาหนักของท๊อปไม้ให้ดูเบาบางด้วยการใช้เหล็กพับประกบกันตามแนวลูกตั้งลูกนอน ยื่นออกมาให้พอดีกับแนวคานหลอกตาให้บันไดดูกว้างขึ้นกว่าเดิม

ขยายผนังห้องน้ำออกไปจนสุดระเบียงเดิมที่ไม่ได้ใช้งาน จึงวางอ่างอาบน้ำได้พอดี เปิดหน้าต่างด้านบนเพื่อรับแสงสว่างและระบายความอับชื้น

วอล์กอินคลอเซ็ตแบบเปิด ประหยัดเนื้อที่ในการใช้งาน

ผนังหัวเตียงเป็นกระจกลอนกั้นแบ่งพื้นที่ระหว่างห้องนอนกับวอล์กอินคลอเซ็ต จึงยังรู้สึกโปร่งสบายไม่อึดอัด

ตัดสิ่งไม่จำเป็น เพิ่มสิ่งที่ต้องการ

ส่วนชั้นบนที่เป็นห้องนอน ใช้การเฉือนส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้งานมากนักอย่างระเบียง ให้กลายมาเป็นพื้นที่ใช้งานภายในอย่างเต็มที่ จึงเกิดเป็นวอล์กอินโคลเซ็ตขนาดย่อมที่ซ่อนอยู่ด้านหลังหัวเตียง และภายในส่วนห้องน้ำที่เปลี่ยนระเบียงด้านหลังให้กลายเป็นพื้นที่ภายในซึ่งสามารถบรรจุอ่างอาบน้ำได้พอดี

สวนข้างบ้านที่ทำหน้าที่เป็นฉากหลังให้กับพื้นที่นั่งเล่น

แม้เส้นสาย รูปลักษณ์ หรือการอยู่อาศัยจะดูเรียบง่าย แต่ทั้งหมดเกิดจากกระบวนการคิดเพื่อเติมจังหวะที่เหมาะพอดีให้กับทุกส่วนทั้งในแง่องค์ประกอบศิลป์ การเลือกสรรวัสดุทั้งภายใน และวัสดุภายนอก รวมไปถึงรูปแบบการใช้งาน พื้นที่ลอฟท์สีเข้มแห่งนี้จึงถูกเติมแต่งสีสันด้วยการใช้ชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ท่ามกลางอากาศธรรมชาติของแดดลมฝน และสวนต้นไม้สีเขียว

เรื่อง : Skiixy

ภาพ : สิทธิศักดิ์ น้ำคำ


มารู้จักการทำผนังลอฟท์กัน

ชอบบ้านเหล็กสีดำ ดีเทลดีมาทางนี้เลย

รีโนเวททาวน์เฮ้าส์หลังเล็กให้โปร่งสบาย

The post น้อยแต่เนี้ยบในทาวน์เฮ้าส์สไตล์ลอฟท์ appeared first on บ้านและสวน.

30 ต้นไม้ยอดฮิต ที่มาแรง และเป็นที่นิยมปลูกมากที่สุดในปี 2020

$
0
0

ถือว่าเป็นปีทองสำหรับวงการต้นไม้เลยก็ว่าได้ สำหรับในปี พ.ศ.2563 หรือ ค.ศ. 2020 เพราะหลังจากที่คุณญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์โพสรูปเธอกับต้นไม้ของเธอลงในโลกโซเชียล วงการต้นไม้ของประเทศไทยก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป กระแสดังกล่าวส่งผลให้ผู้คนจากหลากหลายวัยและอาชีพที่อาจจะเริ่มเบื่อกับการเวิร์คฟอร์มโฮม ออกมาจับจ่ายใช้สอยนำเอาต้นไม้ใบและต้นไม้ชนิดต่างๆมาแต่งบ้านกันมากขึ้น ผู้คนเริ่มกลับมาสนใจการปลูกต้นไม้ด้วยตนเองและทำให้ต้นไม้หลายชนิดกลายเป็นต้นไม้ยอดฮิตไปในชั่วข้ามคืน

ก่อนสิ้นสุดปีนี้ เราจึงขอรวมรวบต้นไม้ยอดฮิตที่มีคนสนใจและเข้ามาค้นหาข้อมูลมากที่สุดใน https://www.baanlaesuan.com/ จะมีต้นอะไรบ้างนั้นมาชมกันเลย

 

 

1.หลิว

ชื่อวิทยาศาสตร์: Salix babylonica L.

การนำไปใช้งาน เป็นต้นไม้ยืนต้นที่สามารถปลูกเป็นต้นไม้ประธานหรือเป็นฉากหลังได้ดี ลำต้นขนาดไม่ใหญ่มากจึงสามารถปลูกในสวนที่มีขนาดจำกัดได้ แต่ต้องมีแสงแดดเพียงพอ นิยมใช้ในการจัดสวนสไตล์จีน ญี่ปุ่นและอังกฤษ ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 4–8 เมตร ทนต่อบริเวณที่น้ำท่วมถึง สามารถปลูกริมถนนและทางเดิน แต่ส่วนใหญ่นิยมปลูกประดับสวนริมน้ำ เพราะรูปทรงอ่อนช้อย ช่วยเพิ่มเส้นสายที่พลิ้วไหวดูนุ่มนวลสามารถลดทอนความแข็งขององค์ประกอบที่อยู่รอบๆได้ดี

2.โกฐจุฬา

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Eupatorium capillifolium

การนำไปใช้งาน ต้นใบ และกลิ่นคล้ายผักชีลาวมากแต่มีขนาดโตกว่า สูงได้ถึง 60 เซนติเมตร – 2 เมตร มีดอกขนาดเล็กออกเป็นช่อตามก้าน มีกลีบเลี้ยงสีเขียว คล้ายถ้วยหุ้ม มีกลีบเล็กๆ เหมือนด้ายสีขาวโผล่เป็นรัศมี ในธรรมชาติจะมีผีเสื้อกลางคืนชนิดหนึ่งที่กินน้ำหวานจากดอกของต้นไม้ชนิดนี้ไว้ในตัวเพื่อใช้ล่าเหยื่อ ขยายพันธุ์โดยการปักชำยอด ชอบแสงจัด ดินร่วนน้ำไม่ขัง นิยมปลูกเป็นไม้ประดับและกินยอดเป็นผักสด ปลูกในแปลงเพื่อสร้างความรู้สึกอ่อนช้อยหรือพรางตาวัสดุที่อยู่ด้านหลัง เหมาะกับปลูกในสวนชนบท สวนอังกฤษและสวนผักสวนครัว

3.หูกระจงแดง

ชื่อวิทยาศาสตร์: Terminalia sp.

การนำไปใช้งาน จัดเป็นต้นไม้พุ่มสูงประมาณ 3 เมตร สามารถปลูกได้ในบริเวณที่ได้รับแสงแดดตลอดวันหรือแสงแดดครึ่งวันได้ โตช้า ลายใบและโคนใบแหลม สีเขียวอมเหลือง เส้นใบและกึ่งกลางใบสีม่วงแดง ก้านใบสั้น เหมาะกับปลูกในสวนทุกประเภท แต่นิยมใช้กับสวนจีนและสวนญี่ปุ่นเนื่องจากใบสีแดงให้ความรู้สึกเหมือนธรรมชาติในฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี สามารถสร้างสีสันและจุดเด่นในสวนได้ไม่ยาก นิยมทั้งปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกประดับแปลง

4.แคคตัสและต้นไม้อวบน้ำ

การนำไปใช้งาน ยังเป็นต้นไม้ที่เป็นที่นิยมอยู่เสมอสำหรับแคคตัสและต้นไม้อวบน้ำ ทั้งนำมาปลูกเป็นต้นไม้กระถางประดับในห้องที่มีแสงแดดส่องถึง หรือในปัจจุบันก็เริ่มนำออกไปปลูกประดับในสวนที่ให้ความรู้สึกเหมือนสวนทะเลทรายและแถบเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย ซึ่งในปีนี้สายพันธุ์ที่มาแรงคงเป็นปราสาทนางฟ้า (Cereus sp. ‘Fairy Castle’) ซึ่งต่อมาเพี้ยงเป็น “คอนโดนางฟ้า” ตามตลาดจะขายเป็นไม้กระถางขนาดเล็ก แต่เมื่อโตเต็มที่แล้วจะเปลี่ยนรูปเป็นไม้ลำขนาดใหญ่ ผิดกับตอนแรกไปสิ้นเชิง เหมาะกับปลูกริมกำแพงหรือทำเป็นรั้วบริเวณที่ไม่ต้องการให้คนเดินผ่านได้

5.สนมังกร

ชื่อวิทยาศาสตร์: Juniperus chinensis L.

การนำไปใช้งาน นิยมใช้จัดสวน เพราะทนอากาศร้อนได้ดี แต่ไม่ทนน้ำขังแฉะ นิยมปลูกไว้ริมถนน และทางเดิน หรือปลูกเป็นกลุ่มเพื่อสร้างจุดนำสายตา สามารถปลูกเรียงกันเพื่อสร้างฉากหลังให้กับสวนได้ รวมถึงพรางบริเวณที่ไม่ต้องการให้มองเห็น ดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องตัดแต่งมากก็ยังคงมีรูปทรงต้นที่สวย ในบริเวณภาคเหนือหรือพื้นที่ที่อากาศเย็นจะมีขนาดต้นที่ใหญ่

6.ซิลเวอร์โอ๊ก

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Grevillea robusta A.Cunn.exR.Br.

การนำไปใช้งาน ใช้กับงานสวนได้ทุกรูปแบบ ทั้งสวนญี่ปุ่น สวนหิน สวนโมเดิร์น สวนยุโรป สามารถปลูกต้นเดียวเป็นจุดเด่นในสวน หรือปลูกเป็นกลุ่มให้อารมณ์แบบป่าสนในต่างประเทศ นิยมใช้ไม้ทำเฟอร์นิเจอร์ ถือเป็นไม้ต้นโตเร็วที่ปลูกเลี้ยงง่าย  ชอบดินระบายน้ําดี  เป็นกรดเล็กน้อยถึงปานกลาง  ทนแล้ง  แต่ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรครากเน่า  จึงไม่ควรปลูกในบริเวณที่มีน้ําขังแฉะ  นอกจากมีใบสวยเป็นจุดเด่นแล้ว  ยังมีทรงพุ่มค่อนข้างโปร่ง  ทําให้แสงแดดส่องทั่วถึงโคนต้นได้  จึงสามารถปลูกไม้ประดับชนิดอื่นที่ไม่ต้องการแสงแดดมากเป็นต้นไม้ชั้นล่างร่วมได้

7.หอมหมื่นลี้

ชื่อวิทยาศาสตร์: Osmanthus fragrans Lour.

การนำไปใช้งาน เหมาะกับปลูกเพื่อสร้างร่มเงาและสร้างกลิ่นหอมในสวน หากปลูกในที่มีอากาศเย็นจะมีช่อดอกใหญ่และบานพร้อมกันทั้งต้น สามารถปลูกเป็นไม้กระถางในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนได้ แต่จะออกดอกน้อยและช่อดอกเล็กกว่า ดอกมีสีขาว ช่อดอกบานพร้อมกันทั้งช่อนาน 2–3 วันแล้วโรย ส่งกลิ่นหอมตลอดวัน ออกดอกเดือนตุลาคม –กุมภาพันธ์ เป็นต้นไม้ยืนต้นที่สูงได้ถึง 8 เมตร

8.ลิ้นมังกร

ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Sansevieria trifasciata Prain

การนำไปใช้งาน ถือว่าเป็นต้นไม้ที่สามารถนำไปปลูกในสวนได้เพื่อใช้ประโยชน์หลากหลายวัตถุประสงค์ เหมาะทั้งปลูกเป็นไม้กระถางหรือลงแปลงประดับสวน ถือว่าเป็นต้นไม้ที่ทนมาก เหมาะกับคนที่พึ่งเริ่มต้นปลูกต้นไม้ สามารถอยู่ในบริเวณที่รำไรถึงครึ่งวันได้ นิยมปลูกในสวนกรวดและสวนหิน สามารถประดับในอาคารได้ดีและปลูกกลางแจ้งในพื้นที่แห้งแล้วได้เช่นกัน รวมถึงปลูกบริเวณที่มีพื้นที่จำกัดได้เช่นฉากหรือมุมอาคาร

9.ไฮเดรนเยีย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hydrangea macrophylla (Thunb.) Ser.

การนำไปใช้งาน อีกหนึ่งไม้ดอกเมืองหนาวที่ปลูกประดับในสวนให้บรรยากาศแบบสวนอังกฤษ เป็นไม้ดอกอายุหลายปี ลำต้นสูงได้ถึง 2 เมตรหากได้รับอากาศที่เหมาะสม ออกดอกเป็นช่อกลมแน่น มีหลายสีหลายสายพันธุ์ทั้งสีม่วง ชมพู ฟ้า ขาว แดง ไฮเดรนเยียชอบน้ำปานกลาง ดินระบายน้ำได้ดี แดดครึ่งวัน และจะออกดอกได้ดีในช่วงที่มีอากาศเย็น สามารถปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกลงแปลงก็ได้ ไม่ควรปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดแรงเกินไป ใบจะไหม้และตายได้ทันที

10.พลูฉีก/มอนสเตอร่า

ชื่อวิทยาศาสตร์: Monstera deliciosa Liebm.

การนำไปใช้งาน เป็นไม้เลื้อยทอดยาวไปตามพื้นหรือหลักพยุงต้น ก้านใบยาว ใบเป็นรูปหัวใจ มีลักษณะเป็นแฉกฉลุลงบนพื้นใบ บางชนิดจะมีขอบใบหยักเป็นแฉกหรือลักษณะใบมีรูปร่างแปลกตา ส่วนมากมักมีสีเขียวสด และขอบใบจะค่อยๆใหญ่ขึ้นตามอายุของต้น นิยมปลูกเป็นไม้กระถางเลื้อยขึ้นหลัก เลี้ยงง่ายและทนทาน สามารถปลูกในอาคารได้ ชอบแสงแดดรำไร ควรปลูกในเครื่องปลูกที่โปร่งและระบายน้ำดี รดน้ำให้มีความชื้นปานกลาง

11.หอมเจ็ดชั้น

ชื่อวิทยาศาสตร์: Tarenna wallichii (Hook.f.) Ridl.

การนำไปใช้งาน เป็นไม้พุ่มสูงได้ถึง 3 เมตร ดอกบานพร้อมกันทั้งช่อนาน 2–3 วันแล้วโรย ส่งกลิ่นหอมแรงตลอดวัน ออกดอกช่วงเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ หากปลูกในพื้นที่ที่มีความชื้นตลอดปี จะทยอยออกดอกในช่วงอื่นๆด้วยได้ ชอบแสงแดดเต็มวัน ควรปลูกให้ห่างจากต้นไม้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร หมั่นตัดแต่งกิ่งจะทำให้ออกดอกดกขึ้น หากปลูกในที่มีอากาศเย็นจะออกดอกดก เหมาะกับปลูกในสวนป่า สวนทรอปิคัลและสวนไทย

12.โรสแมรี่

ชื่อวิทยาศาสตร์: Rosmarinus officinalis  L.

การนำไปใช้งาน ต้นไม้พุ่มสามารถสูงได้ถึง 1-2 เมตร มีทั้งชนิดพุ่มและชนิดเลื้อย ลำต้นและใบมีขนนุ่มสั้นสีขาวปกคลุม ปลูกเป็นไม้กระถาง ไม้ประดับแปลง และไม้คลุมดิน(ชนิดเลื้อย)ได้ ใบมีกลิ่นหอมมากใช้สกัดน้ำมันหอมระเหยและเป็นส่วนผสมของยา เครื่องสำอาง หรือปรุงรสชาติอาหารให้มีกลิ่นหอมและรสเผ็ดร้อน โดยเฉพาะใช้แต่งกลิ่นอาหารจำพวกเนื้อ ชา และไวน์ นิยมปลูกเป็นสมุนไพรในสวนครัวสไตล์ชนบทฝรั่งเศสและยุโรป

13.พลูฉลุ

ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Monstera obliqua (Miq.) Walp. ‘Expilata’

การนำไปใช้งาน ต้นไม้เลื้อยขนาดเล็ก ใบรูปรีแกมรูปขอบขนาน กว้าง 5 – 10 เซนติเมตร ยาว 8 – 18 เซนติเมตร ปลายใบแหลมโคนใบมน ผิวใบด้านบนสีเขียวถึงเขียวเข้ม แผ่นใบเป็นรูเว้าแหว่งขนาดใหญ่และเล็กสลับกันไปอยู่ระหว่างเส้นใบ แต่ไม่สม่ำเสมอ โคนก้านใบเป็นกาบเล็กๆ เหมาะปลูกระดับล่างของสวนแนวตั้งหรือแปลงปลูกที่ชุ่มชื้นหรือปลูกในกระถางประดับในอาคารได้ นิยมใช้แต่สวยสไตล์สวนป่าและทรอปิคอล

14.ฟิโลเดนดรอน

ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Philodendron sp.

การนำไปใช้งาน ไม้อิงอาศัย อายุหลายปี ที่มีหลากหลายสายพันธุ์และแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีรูปทรงของใบที่สวยงามแตกต่างกันไป เมื่อนำไปจัดวางอยู่ในบริเวณไหนก็ดูสวยเด่นอยู่เสมอ นิยมปลูกเป็นไม้กระถางประดับในอาคาร ปลูกประดับสวน และเป็นไม้ตัดใบไปประดับแจกัน ชอบแสงแดดรำไร ดินร่วนระบายน้ำดี และรดน้ำสม่ำเสมอแต่อย่าให้แฉะ

15.คุณนายตื่นสาย

ชื่อวิทยาศาสตร์: Portulaca umbraticola Kunth

การนำไปใช้งาน ไม้เลื้อยคลุมดิน อายุหลายปี ดอกบานเมื่อได้รับแสงแดดตอนเช้า มีทั้งดอกสีขาว ชมพู แดง เหลือง และส้ม ออกเดี่ยวตามซอกใบหรือปลายกิ่ง กลีบดอกชั้นเดียว บอบบาง ขอบกลีบดอกหยักเป็นคลื่น ดอกบานเต็มที่กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ออกดอกตลอดปี คนส่วนใหญ่มักเข้าใจสลับกับแพรเซี่ยงไฮ้ ปลูกเลี้ยงง่าย เหมาะปลูกคลุมดินในที่โล่ง หมั่นตัดแต่งกิ่งแห้งก็จะให้ดอกตลอดปี

16.ทองอุไร

ชื่อวิทยาศาสตร์: Tecoma stans (L.) Kunth

การนำไปใช้งาน ไม้พุ่ม อายุหลายปี สูงได้ถึง 2-5 เมตรโตเร็ว ชอบแสงแดดตลอดวันถึงครึ่งวัน นิยมปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกประดับแปลงทั้งริมทางเดินหรือมุมต่างๆของสวน ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายยอด ดอกรูปแตรสีเหลืองสด โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ดอกร่วงง่าย แต่ก็ออกดอกง่ายมาก ออกดอกได้ดกตลอดปี สามารถปลูกกับสวนทุกสไตล์ เหมาะทั้งปลูกเป็นต้นไม้ประธานและฉากหลังในสวน ให้ร่มเงาบริเวณถนนหรือทางเดินได้

17.ยางอินเดีย

ชื่อวิทยาศาสตร์: Ficus elastica Roxb. ex Hornem.

การนำไปใช้งาน ปัจจุบันมีพันธุ์ใบด่างที่มีสีสันสวยงาม เช่น ยางอินเดียด่าง ยางอินเดียด่างสามสี ยางอินเดียใบดำ ยางอินเดียแคระ เป็นต้น นิยมปลูกเป็นไม้กระถางในอาคารเพราะมีใบหนามันจึงปรับตัวในพื้นที่ที่ได้รับแสงน้อยได้ดีปานกลาง น้ำยางสีขาวเป็นพิษ ในต่างประเทศใช้ทำยางลบ หากนำไปปลูกลงดินจะโตเร็วมากและรากแผ่ออกไปได้ไกลกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ จึงไม่ควรปลูกไว้ใกล้บ้านหรือสิ่งก่อสร้าง

18.บัวบกโขด

ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Stephania erecta Craib

การนำไปใช้งาน นิยมปลูกเป็นต้นไม้กระถาง อยู่ในกลุ่มไม้อวบน้ำ เป็นไม้โขดที่เติบโตได้ดีในป่า จัดเป็นพืชล้มลุกที่มีหัวอยู่ใต้ดิน มีหัวหรือรากขนาดใหญ่ไว้สะสมน้ำและสารอาหาร ยิ่งอายุเยอะหัวยิ่งใหญ่และออกก้านใบได้ง่าย ถ้าอยากให้ต้นยาวเลื้อย ให้วางในพื้นที่แสงรำไร เพราะเมื่อแตกกิ่งก้านออกมาแล้ว ตัวก้านจะยืดตัวหาแสง ทำให้ได้ก้านยาว แต่ถ้าชอบแบบก้านสั้นๆ ใบเยอะๆ ก็ให้วางไว้ในที่แสงเต็มวัน ต้นก็จะแตกใบกลมๆ ให้ได้ชมอยู่เสมอ

19.เหลืองชัชวาล

ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Dolichandra unguis-cati (L.) L.G. Lohmann

การนำไปใช้งาน ไม้เลื้อย ชนิดนี้กลายเป็นไม้ยอดนิยมขึ้นมาเพราะสามารถปลูกให้เลื้อยแนบไปกับกำแพงได้ดีเนื่องจากตามซอกใบมีมือพันปลายแยกเป็น 3 แฉก คล้ายเล็บแมว จึงยึดเกาะกับวัสดุผิวหยาบได้เหนียวแน่น แต่หากผนังเป็นพื้นผิวเรียบอาจจะทำตาข่ายหรือสลิงให้เลื้อยเกาะขึ้นไปก็ได้ โตเร็ว และออกดอกตลอดทั้งปี แต่จะดกในช่วงฤดูร้อน

20.บีโกเนีย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Begonia spp. & hybrid

การนำไปใช้งาน ไม้ล้มลุก อายุหลายปีโตเร็วถึงปานกลาง นิยมใช้วัสดุที่อุ้มน้ำและระบายน้ำได้ดี เช่น กาบมะพร้าวสับ นิยมปลูกเป็นไม้คลุมดิน ไม้กระถาง หรือใช้จัดสวนแนวตั้ง เหมาะปลูกในที่อากาศเย็น ควรได้รับปุ๋ยทางใบทุก 2 สัปดาห์ ถ้าปลูกบนแผงสวนแนวตั้ง ในช่วงฤดูฝนควรหมั่นฉีดสารป้องกันกำจัดเชื้อราอยู่เสมอ เพื่อป้องกันโรคเน่า เหมาะกลับปลูกในสวนสไตล์ทรอปิคอลและสวนอังกฤษ

21.เวอร์บีน่า

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Verbena bonariensis

การนำไปใช้งาน ไม้ดอกอายุหลายปี ลำต้นเป็นเหลี่ยม ตั้งตรงสูง 0.6-1.2 เมตร มีดอกออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีชมพู ม่วงอ่อนจนถึงม่วงเข้ม ปลูกเลี้ยงง่ายได้ตลอดทั้งปี เจริญเติบโตเร็ว ชอบดินระบายน้ำดี แสงแดดจัดถึงแสงครึ่งวัน ทนต่อสภาพอากาศร้อนและแล้งได้ดี สามารถตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ออกดอกใหม่ จึงนิยมปลูกประดับแปลงหรือปลูกเป็นทุ่ง สามารถตัดดอกปักแจกันได้

22.เศรษฐีพันล้าน

ชื่อวิทยาศาสตร์: Kalanchoe hybrid

การนำไปใช้งาน เป็นไม้อวบน้ำที่ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ขยายพันธุ์ง่ายจึงเป็นพืชที่พบได้ทั่วไป ขอบใบหยักมนมีตาพิเศษที่เกิดเป็นต้นเล็กๆ ตามขอบใบจำนวนมาก แผ่นใบหนา ตั้งขึ้น สีเขียวอมฟ้า ก้านใบสีเขียว เมื่อต้นสมบูรณ์เต็มที่จะผลิช่อดอก โดยแยกต้นเล็กที่เจริญจากขอบใบมาปลูกได้

23.สับปะรดสี

วงศ์ Bromeliaceae

การนำไปใช้งาน ด้วยความที่เป็นต้นไม้ที่มีชนิดพันธุ์ในวงศ์เยอะมากจึงมีให้เลือกใช้จัดสวนได้มากมายหลายประเภท บางชนิดปลูกบนดินได้และทนทานกับแสงแดดจัด บ้างเหมาะกับการปลูกเป็นไม้กระถางประดับ หรือปล่อยให้เติบโตกับขอนไม้ ตลอดจนคาคบไม้และซอกหิน เหมาะกับสวนสไตล์ทรอปิคอลที่ต้องการสันที่สวยงาม

24.ตีนตุ๊กแก

ชื่อวิทยาศาสตร์: Ficus pumila L.

การนำไปใช้งาน ไม้เลื้อยขนาดเล็ก ยอดเลื้อยได้ไกล 2-5 เมตร ปลูกเป็นไม้เลื้อยเกาะผนังหรือประดับตามแนวรั้ว ชอบแสงแดดเต็มวันและปานกลาง ความชื้นสูง การปลูกต้นตีนตุ๊กแกไม่ก่อให้เกิดปัญหากับโครงสร้างของกำแพง เพียงแต่ทำให้ผิวหน้าของกำแพงที่ฉาบไว้ผุกร่อนหรือเป็นรอย ซึ่งคงไม่สวยงามเวลาที่คุณต้องการจะรื้อต้นไม้ออก

25.กวักมรกต

ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Zamioculcas zamifolia

การนำไปใช้งาน ต้นไม้ประดับที่เหมาะสําหรับประดับภายในอาคารเป็นต้นไม้กระถาง แต่ก็สามารถปลูกในแปลงสวนได้ร่วมกับต้นไม้ชนิดอื่น  เนื่องจากสามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพที่มีแสงน้อย ลักษณะลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดิน ก้านใบอวบน้ำ ใบสวยมีสีเขียวเป็นมันวาว ปัจจุบันมีพันธุ์ที่มีสีด่างและดำ ไม่ค่อยพบปัญหาแมลงรบกวนแต่จะมีปัญหารากเน่าถ้าหากรดน้ำมากเกินไป การดูแลรักษาง่ายไมต้องรดน้ำมาก ปลูกได้ในดินผสมทั่วไป

26.พยับหมอก

ชื่อวิทยาศาสตร์: Plumbago auriculata Lam.

การนำไปใช้งาน นิยมปลูกเป็นฉากหลังของสวนหรือปลูกร่วมกับต้นไม้ดอกชนิดอื่นในแปลงปลูกหรือกระถางต้นไม้ ตำแหน่งที่ปลูกไม่ควรจำกัดความสูง เพราะถ้าตัดแต่งบ่อยๆ จะไม่มีดอก เพราะดอกแห้งคาต้น มักใบไหม้ ยอดเน่า และเกิดราดำในฤดูฝน จึงควรพ่นยากันรา ออกดอกตลอดปี แต่ออกดกในช่วงเดือน พ.ย.-ม.ค.

27.ทิลแอนด์เซีย

ชื่อวิทยาศาสตร์: Tillandsia spp.

การนำไปใช้งาน ไม้อากาศที่เราคุ้นเคยกันอีกชนิดหนึ่ง เป็นไม้เขตร้อนที่ทนแดดได้ดี จึงปลูกเลี้ยงได้ง่าย หากมีขอนไม้สำหรับเกาะเกี่ยวจะยิ่งเติบโตได้ดี ด้วยว่าเป็นพืชอิงอาศัยชนิดที่จัดเป็นไม้อวบน้ำนั้นจะมีใบหนาอวบน้ำ มีไทรโคมปกคลุมใบ ซึ่งทำหน้าที่ดูดความชื้นจากอากาศ รูปทรงจะมีลักษณะแตกต่างกันไป บ้างก็มีสีสันเป็นพู่ขนตรงปลายยอด ส่วนใหญ่แล้วนิยมปลูกทิลแอนด์เซียไว้แขวนประดับตามอาคารในบนต้นไม้ใหญ่ในสวน

28.ชบาเมเปิ้ล

ชื่อวิทยาศาสตร์: Hibiscus acetosella Welw. ex Hiern

การนำไปใช้งาน นิยมปลูกเป็นไม้กระถางและปลูกประดับแปลง ให้ดอกบานตอนเช้าแล้วหุบช่วงสาย ออกดอกตลอดปีแต่ออกมากช่วงหน้าหนาว ใบคล้ายใบเมเปิ้ล แผ่นใบบาง สีแดงถึงแดงอมม่วง ในต่างประเทศนิยมนำใบมากินเป็นผักสลัดหรือตกแต่งอาหารให้ดูน่ากินยิ่งขึ้น ดอกสดชงเป็นชา ให้สีแดงอมชมพู รวมถึงนำมาทำเป็นแยมกินกับขนมปังด้วย

29.พรมออสเตรเลีย

ชื่อวิทยาศาสตร์: Fittoniaver schaffeltii (Lem.) Coem. var. argyroneura(Coem.) Nichols

การนำไปใช้งาน ไม้ล้มลุกอายุหลายปี เหมาะปลูกเป็นไม้กระถางหรือไม้คลุมดิน ชอบแสงแดดครึ่งวันเช้าถึงรำไร ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปรีถึงรูปไข่กลับ ปลายใบแหลม กว้าง 2 – 2.5 เซนติเมตร ยาว 4 – 10 เซนติเมตร พื้นใบสีเขียวเข้มเป็นมัน เส้นใบสีขาวสานกันเป็นร่างแห ก้านใบอ่อนมีขนสั้นนุ่มปกคลุม มีสีสวยงามสามารถปลูกในสวนถาดร่วมกับต้นไม้ชนิดอื่นได้

30.เฟิน

การนำไปใช้งาน พรรณไม้ที่ได้รับความนิยมมาตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นสวนสไตล์ทรอปิคัล สวนอังกฤษ สวนโมเดิร์น ล้วนแต่มีเฟินเป็นองค์ประกอบหนึ่ง อาจจะเพราะเฟินเป็นพรรณไม้ที่ดูแลง่ายและมีฟอร์มใบที่สวยงาม ปลูกเลี้ยงง่าย มีความแข็งแรงคงทน ชอบแสงรำไร เป็นเฟินอิงอาศัยที่สามารถเติบโตบนดินได้จึงนิยมปลูกทั้งในกระถางสำหรับตั้งประดับภายในบ้าน และปลูกประดับในสวนตามต้นไม้ใหญ่ โขดหิน ก็เสริมให้สวนดูร่มรื่นมากขึ้น


40 ต้นไม้ยอดฮิตที่ไม่เคยตกเทรนด์

จะปลูก ไม้ยืนต้น ที่โตเร็ว ควรปลูกต้นอะไรดี

The post 30 ต้นไม้ยอดฮิต ที่มาแรง และเป็นที่นิยมปลูกมากที่สุดในปี 2020 appeared first on บ้านและสวน.

10 บ้านสวยอยู่สบาย ที่มียอดเข้าชมสูงสุดแห่งปี 2020

$
0
0

ปี 2020 กำลังโบกมือลา เป็นธรรมเนียมประจำของทุกปีที่ บ้านและสวน จะรวบรวมสถิติบ้านที่มียอดผู้ชมสูงสุด 10 อันดับมาให้รับชมกัน แต่ละหลังบอกได้เลยว่าสวยปั๊วะปัง แถมยังอยู่สบายมากๆ ด้วยนะ!

บ้านสวยอยู่สบาย ที่นำมาให้ชมกันนี้ส่วนใหญ่เป็นแบบบ้านชั้นเดียวและแบบบ้านพื้นถิ่นที่มีกลิ่นอายความเป็นไทย ซึ่งเหตุผลที่มีผู้ชื่นชอบกันมากเป็นพิเศษนั้นอาจเพราะเป็นบ้านที่ดูเรียบง่าย ดูแลง่าย ทั้งยังเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรา ยิ่งเมื่อตัวบ้านตั้งอยู่ในทำเลที่มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นเขียวครึ้ม ก็ช่วยให้บรรยากาศโดยรวมดูเพลินตาเพลินใจ สะท้อนว่าคนเรานั้นยังคงโหยหาความเป็นธรรมชาติอยู่ทุกขณะจิต ไปชมพร้อมๆ กันเลยว่า มีหลังไหนเข้าวินบ้าง

1. บ้านชั้นเดียว เรียบง่ายที่สร้างสุขสงบกลางธรรมชาติ

ออกแบบสถาปัตยกรรม: Anonym โดยคุณพงศ์ภัทร  เอื้อสังคมเศรษฐ์ และคุณปานดวงใจ รุจจนเวท
ออกแบบภูมิสถาปัตรยกรรม : P do Landscape Studio

บ้านชั้นเดียวที่เน้นบรรยากาศเงียบสงบ สามารถนั่งมองธรรมชาติอันเรียบง่ายรอบตัวที่มุมระเบียงไม้โปร่ง บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในเกียวโต ก่อให้เกิดเเรงบันดาลใจจนนำมาสู่การออกแบบบ้านชั้นเดียว ที่สร้างความสุขอันลึกล้ำและกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความประทับใจ >> อ่านต่อ

บ้านชั้นเดียว บ้านกลางสวน ห้องรับแขก สวนคอร์ตยาร์ด


2. บ้านชั้นเดียว แบบโมเดิร์นล้านนากลิ่นอายแบบญี่ปุ่น

เจ้าของ : คุณวิภาดา หว่างจ้อย – คุณปกรณ์ อยู่ดี
สถาปนิก :INLY STUDIO Co.,Ltd โดยคุณปกรณ์ อยู่ดี
งานไม้ : ยางนาสตูดิโอ
ภูมิสถาปัตยกรรม : กานต์ การ์เด็น

บ้านชั้นเดียวแบบโมเดิร์นล้านนาที่เรียบง่ายแฝงกลิ่นอายความญี่ปุ่น เด่นด้วยการเป็นบ้านชั้นเดียวที่ตั้งใจออกแบบก้อนอาคารสลับกับสวนและคอร์ตยาร์ด เพื่อเปิดให้ธรรมชาติแทรกซึมเข้าสู่ทุกส่วนของบ้าน >>อ่านต่อ   บ้านสวยอยู่สบบ้านชั้นเดียว บ้านชั้นเดียว ห้องนั่งเล่น


3.Baan Lek Villa บ้านกึ่งโฮมสเตย์ดีไซน์ร่วมสมัยเเบบบ้านไทยใต้ถุนสูง

เจ้าของ  : ครอบครัวนิโรจน์โรจน์
สถาปนิก : GLA DESIGN STUDIO โดยคุณรินระดา นิโรจน์ เเละคุณพิชญ์ นิ่มจินดา

บ้านไทยดีไซน์โมเดิร์นร่วมสมัยใต้ถุนสูงในจังหวัดจันทบุรี มาพร้อมคอนเซ็ปต์การทำบ้านให้เป็นกึ่งโฮมสเตย์อารมณ์เหมือนบ้านต่างจังหวัด ซึ่งมีทั้งความเรียบง่ายเเละกลมกลืนกับบริบทของที่ตั้งที่คำนึงถึงสภาพอากาศเเสงเเละลม >> อ่านต่อ  บ้านสวยอยู่สบาย

บ้านปูน บ้านใต้ถุนสูง บ้านปูน บ้านใต้ถุนสูง บ้านปูน บ้านใต้ถุนสูง ห้องนอน


4.ทาวน์เฮ้าส์ของสถาปนิกชื่อแมวผู้หลงใหลเหล็ก ปูน ไม้ และเลี้ยงเจ้าเหมียว 11 ตัวไว้ในบ้าน

เจ้าของ: คุณภราดร – คุณปียมาภรณ์ กู้เกียรตินันท์
ออกแบบ: คุณคุณภราดร กู้เกียรตินันท์

บ้านทาวน์เฮ้าส์ที่รีโนเวตได้อย่างสวยงามน่าอยู่ โดยมีโจทย์ว่าต้องมีที่เก็บของให้เยอะที่สุด เพื่อให้ภายในบ้านยังดูดีเรียบร้อยแม้จะมีของเยอะ ซึ่งเป็นชีวิตจริงของการอยู่บ้าน พร้อมกับออกแบบให้ธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านด้วย ทำให้ทั้งคนและแมวที่อยู่อาศัยด้วยกันในบ้านนี้แฮปปี้ที่สุด >> อ่านต่อ 

ทาวน์เฮ้าส์ บ้านรีโนเวท บ้านรีโนเวต ทาวน์เฮ้าส์รีโนเวท ทาวน์เฮ้าส์รีโนเวต ทาวน์เฮ้าส์ บ้านรีโนเวท บ้านรีโนเวต ทาวน์เฮ้าส์รีโนเวท ทาวน์เฮ้าส์รีโนเวต ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร


5.บ้านไม้แบบไทยๆ กลิ่นอายโมเดิร์นของป๊อด – ธนชัย อุชชิน

เจ้าของ: คุณธนชัย อุชชิน
สถาปนิก: Erix Design Concepts โดยคุณณัฐภาคย์ พัฒนาพรหมชัย

บ้านพักตากอากาศสไตล์ไทยโมเดิร์นของ ป๊อด โมเดิร์นด็อก ศิลปินคนดัง ที่ปลีกตัวมาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในช่วงวันธรรมดากับคุณแม่ พร้อมทำงานศิลปะท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีความเป็นธรรมชาติของเขาใหญ่ ภายในบ้านที่ออกแบบให้เปิดโล่ง สามารถรับลมได้ดี จึงอยู่อาศัยได้อย่างสบายกายและใจ >> อ่านต่อ

บ้านสวยอยู่สบาย บ้านชั้นเดียว


6.ชีวิตธรรมดาในบ้านไม้ใต้ถุนสูง

เจ้าของ : คุณสายันต์  ทิพย์แสง  และคุณอารมณ์  วิรัชศิลป์
สถาปนิก : Studio Miti  โดยคุณประกิจ  กัณหา
ตกแต่งภายใน : บริษัทเอเดค  อินทีเรียส์  จำกัด

บ้านไม้ใต้ถุนสูงแบบไทยๆ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากบ้านทรงไทยมอญของชุมชนใกล้เคียงในจังหวัดปทุมธานี เน้นการทำช่องเปิดไว้ทางฝั่งทิศตะวันออกให้มากกว่าฝั่งทิศตะวันตก เพื่อเป็นตัวดักความร้อนไม่ให้เข้าถึงพื้นที่พักผ่อนภายในบ้าน อีกทั้งยังวางแผนทำเกษตรผสมผสานตามทฤษฎีของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้รู้สึกถึงชีวิตที่อยู่แบบพึ่งพาตัวเองได้ >> อ่านต่อ

บ้านใต้ถุนสูง บ้านสวยอยู่สบาย บ้านไม้ บ้านใต้ถุนสูง เล้าไก่


7. “เฮือนธรรม” บ้านพื้นถิ่นไทย ในขนบแบบญี่ปุ่น

เจ้าของ: คุณสมยศ สุภาพรเหมินทร์ และคุณอูซาบุโระ ซาโตะ
ออกแบบ:  บริษัทสถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาศรมศิลป์ จำกัด
สถาปนิกที่ปรึกษา: คุณธีรพล นิยม
สถาปนิกโครงการ: คุณนันทพงศ์ เลิศมณีทวีทรัพย์
ผู้รับเหมา: คุณประทิว ยาใส

จุดเด่นของบ้านหลังนี้คือการออกแบบที่ผสมผสานข้อดีของบ้านพื้นถิ่นไทย เข้ากับลักษณะพื้นที่ใช้งานของบ้านญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว อีกทั้งมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติและวิถีแห่งความสมถะ โดยเลือกใช้วัสดุมาผสมผสานเข้าด้วยกันตามข้อดีและความเหมาะสม อย่างตัวเรือนเป็นไม้ทั้งหลัง มีเหล็กและปูนเป็นฐานโครงสร้าง แม้จะเป็นวัสดุสมัยใหม่ แต่ด้วยการออกแบบรูปแบบการใช้งานก็ทำให้วัสดุต่างๆกลายเป็นภาษาเดียวกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ >> อ่านต่อ 

บ้านสวยอยู่สบาย บ้านใต้ถุนสูง


8.บ้านต่อเติมของนักเก็บที่ชอบจัดของ บ้านที่ขยายออกตามปริมาณความสุข

เจ้าของ – ออกแบบ : ครอบครัวนาวิกมูล

บ้านเดี่ยวสีขาวที่ค่อยๆต่อเติมออกไปทีละนิด ตามจำนวนสมาชิกของบ้านที่เพิ่มขึ้นตามวันและเวลา ทำให้มีข้าวของแห่งความทรงจำมากมาย โดยเฉพาะหนังสือ แต่ด้วยความช่างคิดช่างจัดของเจ้าของบ้าน ก็ทำให้บ้านหลังนี้มีมุมเล็กมุมน้อยน่ารักๆที่ชวนให้น่าเข้าไปใช้งาน และเสริมให้บรรยากาศของบ้านดูอบอุ่นมากขึ้นอีกด้วย >> อ่านต่อ

บ้านสวยอยู่สบาย ชั้นเก็บของ ครัวสีขาว


9.บ้านไร่กลางทุ่งที่สร้างด้วยเงินเก็บสามแสนและน้ำพักน้ำแรงฉบับคนบ้านนอก

เจ้าของ: คุณในดวงตา ปทุมสูติ – คุณรุ่งโรจน์ ไกรบุตร

บ้านไร่หลังเล็กที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงและพลังใจของผู้เป็นเจ้าของที่ละทิ้งชีวิตวุ่นวายในเมืองกรุง มุ่งมั่นกลับมาทำกินบนผืนดินของบรรพบุรุษที่จังหวัดสุพรรณบุรี โครงสร้างบ้านเสร็จด้วยฝีมือช่างชาวบ้านที่ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ต่อจากนั้นก็เป็นสองมือของเจ้าของบ้านฝ่ายชายที่ทำงานไม้ทั้งหมด คือ ผนัง ประตูหน้าต่าง และเฟอร์นิเจอร์บางส่วน นอกจากนี้ยังได้เตรียมแหล่งอาหารไว้ด้วย ทั้งแปลงผักสวนครัว รวมถึงมียุ้งข้าวสำหรับเก็บกินในบ้าน มีบ่อน้ำธรรมชาติใช้อุปโภค โดยขุดบ่อและปลูกไผ่โดยรอบเป็นอาณาเขต ส่วนหนึ่งเป็นดงกล้วย อีกส่วนทำนา นอกนั้นปลูกไม้ยืนต้นไว้ใช้ไม้ นับเป็นบ้านไร่แสนสุขที่น่าอยู่จริงๆ >> อ่านต่อ

บ้านสวยอยู่สบาย ครัวไทย


10.บ้านมินิมัลในแบบมูจิที่สนทนากับธรรมชาติและผู้สูงอายุ

แบบบ้านชั้นเดียวสไตล์มินิมัลขนาดกะทัดรัดกับแปลนบ้านแบบผังอิสระที่ไร้ผนังกั้น พร้อมทั้งชานไม้ขนาดใหญ่ที่เน้นการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ยืดหยุ่นต่อรูปแบบการอยู่อาศัย และเอื้อต่อการเติบโตของครอบครัว นี่คือหัวใจสำคัญของ  Yō no Ie House บ้านที่รวมเอาประสบการณ์ 15 ปีในการออกแบบบ้านของ MUJI มาเรียงร้อยเพื่อนำเสนอรูปแบบการอยู่อาศัยตามปรัชญา “ความสุขเล็กๆที่เรียบง่ายและอบอุ่น” >> อ่านต่อ

บ้านชั้นเดียว บ้านผู้สูงอายุ บ้านชั้นเดียว บ้านผู้สูงอายุ บ้านชั้นเดียว บ้านผู้สูงอายุ


เรียบเรียง: Tarnda

ภาพ: ฝ่ายภาพบ้านและสวน นิตยสาร my home

 

15 บ้านสวยสุดป๊อปจาก Instagram บ้านและสวน

ชม 5 บ้านเก่าทรงคุณค่า ที่เปรียบเสมือนมรดกของสถาปัตยกรรมไทย

รวมบ้านสายเขียว ขอมี “โรงเรือน” เป็นพระเอก

 

The post 10 บ้านสวยอยู่สบาย ที่มียอดเข้าชมสูงสุดแห่งปี 2020 appeared first on บ้านและสวน.


ตัวจบของกระบะ สายแคมป์ TRD Sport Trailer

$
0
0

สายแคมป์ ต้องหยุดมองเพราะมองยังไงก็ภาพซ้อน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะนี่คือชุดแต่งรถลากของ Toyota Racing Development หรือสำนักแต่งรถของโตโยต้าที่เรารู้จักกันในนาม TRD นั่นเอง

อ่าน : จาก STUDIO 248 สู่ CAMP STUDIO ก้าวใหม่ที่สะท้อนความหลงใหลและประสบการณ์ในการออกแบบ

TRD Sport Trailer มาด้วยรูปลักษณ์เข้าคู่กับกระบะของ Hilux USA ปี 2020 ซึ่งเอาจริง ๆ เราคิดว่า ทีมได้ตัดกระบะมาต่อเติมดื้อ ๆ นั่นแหละ แต่เอาเถอะก็มันสวยซะขนาดนี้ ของมันต้องมีแหละจริง ๆ นะ

เจ้ากระบะพ่วงน้อยคันนี้ ไม่ได้เล็กอย่างหน้าตา เพราะเขาออกแบบมาให้เป็นกระบะสารพัดประโยชน์อย่างแท้จริง กับการออกแบบที่สามารถเปลี่ยนการใช้งานแบบโมดูลาร์ได้นั่นเอง ทำให้เจ้ากระบะพ่วงคันนี้เป็นทุกอย่างให้คุณแล้วตั้งแต่ห้องน้ำ ห้องส้วม ตู้เย็น รถปั่นไฟ ถังสำรองน้ำ เตาบาร์บีคิว ห้องครัวเคลื่อนที่ หรือแม้แต่เต็นท์ขนาด 4 คนนอน ก็ยัดรวมมาไว้ได้หมด

จึงเรียกได้เต็มปากเลยว่าเจ้านี่ก็คือ Base Camp ดี ๆ นี่เอง รวมกับรถกระบะคันสวยแล้วก็เหมือนมีรถบ้านอย่างไรอย่างนั้น เพราะการใช้งานเขาบอกว่า เอาไว้ลากไปตามถนนดี ๆ ถ้าจะออกลุยออฟโรดก็จอดไว้เป็นฐานที่มั่น ขากลับก็มาลากไปยังจุดหมายต่อไปได้ตามแต่ใจจะสะดวกเลย

ดีหมดจดขนาดนี้ เสียดายอย่างเดียวคือยังไม่มีวางจำหน่ายในไทย แต่ที่อเมริกาก็แง้ม ๆ มาแล้วว่า จะมาพร้อมกับ Toyota TRD Sport package สำหรับรถกระบะ และ SUV ในอนาคตอันใกล้นี้ ตอบรับยุคของชาวแคมป์กันสุด ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย


ภาพ : Toyota Motor North America
เรื่อง : Wuthikorn Sut

ติดตามอัพเดตโลกดีไซน์ได้ทุกวันที่ Facebook.com/roomfan

The post ตัวจบของกระบะ สายแคมป์ TRD Sport Trailer appeared first on บ้านและสวน.

กล้องฟิล์มข้างทางสู่ นิทรรศการภาพถ่าย Via Wien

$
0
0

นิทรรศการภาพถ่ายขาวดำ Via Wien โดยคุณนิวัติ คูณผล เริ่มต้นด้วยความเรียบง่ายจากความชอบส่วนตัว ผ่านกล้องฟิลม์และเลนส์มือสอง เผยเรื่องราวของกรุงเวียนนา ออสเตรีย ในแบบสตรีทสีขาวดำ ทั้งผู้คน ร้านค้า และงานสถาปัตยกรรม ที่นอกจากผลงานจะน่าสนใจแล้ว การจัดแสดงงานด้วยแสง ซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

บรรยากาศการแสดงงานชั้นสองของบ้านอาจารย์ฝรั่ง
ผลงานที่ว่าด้วยแสงและเงา บนถนนที่กรุงเวียนนา

กล้องฟิล์มเก่า ที่ไม่รู้ว่าจะใช้ได้หรือไม่

“พอกลับมาใช้ฟิล์มภาพมันได้อารมณ์กว่า การถ่ายทำให้เราละเมียดขึ้น เพราะยุคที่ถ่ายด้วยมือถือด้วยกล้องดิจิตอล นี่ถ่ายแหลกเลย แต่ฟิล์มมันต้องรอ ต้องมีจังหวะ เราต้องประหยัด ก็เลยทำให้มี Passion ของการถ่ายฟิล์มเกิดขึ้น” คุณติ๊ก-นิวัติ คูณผล เจ้าของผลงานภาพถ่าย และมัณฑนากรแห่ง Process Architect & Planner อธิบายถึงการที่กลับมาถ่ายกล้องฟิล์มอีกครั้ง

นิทรรศการนี้เป็นการบันทึกเรื่องราวของการไปใช้ชีวิตอยู่ 4 ปีที่เวียนนา เป็นเหตุให้คุณติ๊กได้ไปเดินเล่นที่ตลาดมือสอง จนได้ไปพบกล้องฟิล์มซึ่งวางเป็นกองๆ ขาย 10 ยูโร 20 ยูโร และ 30 ยูโร เข้า โดยผู้ขายเองก็ไม่รับประกันว่ากล้องที่ขายอยู่นั้นใช้งานได้ไหม คุณติ๊กจึงซื้อกล้องตัวหนึ่งกลับมาในราคาราว 1,200 บาท  มันคือกล้อง Olympus OM2 และเป็นจุดเริ่มต้นของนิทรรศการครั้งนี้

หลังจากนั้นคุณติ๊กก็ศึกษากล้องตะกูล OM มากขึ้น ไปซื้อเลนส์มือสองมาใช้งาน และซื้อกล้องอื่นๆ มาเพิ่มเติมภายหลัง แล้วตระเวณไปตามที่ต่างๆ เพื่อรอดูแสง เมื่อถ่ายเสร็จก็นำไปล้างและโพสต์งานลงบนโซเชียลในชื่อ Via Wien ทำให้เริ่มมีคนเข้ามาพูดคุยกัน เมื่อคุณติ๊กจะกลับเมืองไทย ทางแกลอรี่ที่บ้านอาจารย์ฝรั่ง(บ้านอาจารย์ศิลป์) จึงติดต่อในเรื่องการแสดงงานภาพถ่ายขาวดำชุดนี้

ภาพสตรีทของผู้คนที่กรุงเวียนนา
ผลงานภาพร้านไส้กรอก

คน ถนน ไส้กรอก และสถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่

เนื้อหาของภาพหลักๆ แบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกันได้แก่ ภาพสตรีทที่ว่าด้วยเรื่องผู้คน และเรื่องราวความเป็นไปบนท้องถนนที่กรุงเวียนนา ส่วนที่สองว่าด้วยเรื่องราวของร้านไส้กรอก ซึ่งไส้กรอกสไตล์เวียนนาถือเป็นอาหารขึ้นชื่อที่ทุกคนต้องลิ้มลองเมื่อไปยือน และส่วนที่สามเป็นการกำหนดโจทย์ของคุณติ๊กเอง ในการตามไปถ่ายงานของสถาปนิกออสเตรียนาม Otto Wagner (1841-1918) ผสถาปนิกผู้นำกลุ่มในการวางผังเมืองและสร้างอาคารหลายแห่งในกรุงเวียนนาอย่างสถานีรถไฟที่มีกลิ่นของศิลปะอาร์ตนูโวเป็นต้น

ในห้องที่จัดแสง แสงจะถูกส่องทาบมาที่ตัวภาพพอดีเหมือนภาพดูสว่างเรื่องขึ้นมาในบรรยากาศห้อง
คุณนิวัติ คูณผล กับมุมภาพที่มีการจัดแสงส่องลงบนผนังให้เหมือนแสงแดดในตัวภาพถ่าย

คิดอย่างดีไซเนอร์ ผนังไม่ใช่แค่ผนังแขวนรูป

โดยในนิทรรศการยังมีอีกส่วนที่น่าสนใจ คือห้องที่จัดแสดงภาพโดยควบคุมแสงให้เป็นห้องมืด “เพราะเราเป็นมัณฑนากร ก่อนหน้านี้เราก็ทำงานกับ Exhibition อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็มองอะไรที่เป็น Exhibition ที่ไม่ใช่แค่การแขวนรูป ผมต้องวางแผนก่อนว่าห้องไหนเป็นภาพหมวดไหน พอรู้ว่าห้องเนี่ยเป็นภาพหมวดแสงและเงา ผมก็เลยคิดว่าต้องทำอะไรกับห้องนี้สักอย่างล่ะ ก็จัดแสงดีกว่า เลยชวนน้องไลท์ติ้งดีไซเนอร์ ชื่อน้องผึ้งจาก Be Lit มา”

แสงในห้องแสดงแสงเงานี้ แบ่งออกเป็นสองเทคนิค เทคนิคแรกคือการส่องไฟเป็นกรอบสี่เหลี่ยมให้พอดีกับขนาดของภาพ ซึ่งจะช่วยให้ภาพดูคล้ายกับเรืองแสง กับอีกเทคนิคคือการจัดแสงส่องให้เป็นแถบรูปทรงของเส้นลำแสง เอียงพาดบนกำแพงล้อไปกับแสงจริงในภาพ เสมือนเป็นแดดที่แทรกตัวออกมาจากช่องตึก นับเป็นรูปแบบการจัดแสดงที่ส่งเสริมผลงาน ขยายเรื่องราวจากภาพสู่พื้นที่จริง

ภาพชุดพิเศษที่คุณนิวัติ ไปถ่ายให้กับสถานฑูตไทยในกรุงเวียนนา ในงานที่มีโขนมาจัดแสดง

Via Wien

“Wien คือชื่อเมืองเวียนนา ในภาษาของเขา ภาษาเยอรมันที่เขาใช้คนออสเตรียจะเรียกตัวเองว่า Wiener ส่วน Via ก็แปลว่า ผ่าน ซึ่งเราก็ผ่านเวียนนามา” คุณติ๊กอธิบายถึงชื่อที่มาของนิทรรศการภาพถ่ายขาวดำนี้ ซึ่งได้บันทึกเรื่องราวเมือง ซึ่งคนไทยอาจไม่คุ้นเคยในการไปใช้ชีวิตอยู่เท่าไรนัก ส่วนใครที่สนใจสามารถเข้าชมได้ นิทรรศการ Via Wien นี้จัดขึ้นที่ชั้นสอง ของบ้านอาจารย์ฝรั่ง (บ้านอาจารย์ศิลป์) ใกล้สะพานซังฮี้ ตั้งแต่วันนี้ถึง 17 มกราคม 2564 สอบถามได้ที่ 065 234 0044 โดยชั้นล่างยังมีร้านกาแฟเก๋ๆ Craftman X บ้านอาจารย์ฝรั่ง ให้นั่งเล่นได้ด้วย

มุมหนึ่งของห้องจัดแสดง ผนังนี้เป็นเรื่องราวของร้านต่างๆ ของไส้กรอกสไตล์เวียนนา
ภาพขาวดำของงานสถาปัตยกรรม ที่ออกแบบโดย Otto Wagner ภาพโดย นิวัติ คูณผล

สนใจสถาปนิกชาวออสเตรีย Glenn Murcutt คลิก

The post กล้องฟิล์มข้างทางสู่ นิทรรศการภาพถ่าย Via Wien appeared first on บ้านและสวน.

10 สวนสวยที่มียอดผู้เข้าชมมากที่สุดในปี 2020

$
0
0

ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ปีพ.ศ.2563 หรือ ค.ศ.2020 คงเป็นอีกหนึ่งปีที่ยากจะลืมเลือน จากเหตุการณ์ทั้งภัยธรรมชาติและโรคระบาด ในอีกมุมหนึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เรากลับมาอยู่ที่บ้านมากขึ้นและเริ่มมองเห็นความสำคัญของธรรมชาติในสวนมากขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตามในหนึ่งปีที่ผ่านมาทีมงานบ้านและสวนทุกคนยังคงไม่หยุดที่จะตามหาสวนที่สร้างแรงบันดาลใจและเต็มไปด้วยไอเดียมากมายให้ผู้คนทั่วไปได้เข้ามาหาความรู้กับเรา ส่งผลให้เรายังคงเป็นแพลตฟอร์มเกี่ยวกับการตกแต่งสวนอันดับหนึ่งของประเทศไทยเสมอมา ก่อนสิ้นปีนี้เราจึงขอรวบรวม 10 สวนสวยที่ผู้เข้าชมจากทั้งใน https://www.baanlaesuan.com/ และ อินสตาแกรม บ้านและสวน มาให้ชม จะมีสวนไหนกันบ้างนั้น มาตามดูกันได้เลยครับ

1.สวนสวยที่มีมอสส์เป็นพรมทางเดิน

เจ้าของ : คุณอัญชลินทร์ ปานศิริ

ออกแบบ : ร้าน Mochar Art โดยคุณพลอย น้ำดี โทรศัพท์ 08-0282-1115

สวนที่เต็มไปด้วยมอสส์สีเขียวสดอ่อนนุ่มเท้าเมื่อค่อยๆ เหยียบลงไปเบาๆ บนพื้นสวนช่าง เป็นความรู้สึกที่พิเศษจริงๆ ค่ะ สำหรับสวนที่ ปลูกมอสส์ และเต็มไปด้วยมอสส์ในทุกมุมอาจไม่ใช่ภาพที่เห็นกันบ่อยนัก เนื่องด้วยการปลูกเลี้ยงมอสส์ให้ได้ผลดีต้องมีการปรับ สภาพแสงและความชื้นสัมพัทธ์ให้เหมาะสม รวมทั้งการเลือกใช้พรรณไม้ ชนิดอื่นๆ ก็ต้องสอดคล้องเข้ากันได้ดีกับสภาพแวดล้อมด้วย

อ่านต่อได้ที่นี่

2.สวนสไตล์โมเดิร์นมินิมัล ดูดี เรียบง่ายและใกล้ชิดธรรมชาติ

เจ้าของ : คุณสริศ  พัฒนะเมลือง

ออกแบบ : บริษัท กิ่ง ก้าน ใบ จํากัด โทรศัพท์ 02 543 6843

เกิดจากความรักในและต้นไม้จนเป็นเหตุให้หลังจากที่สร้างบ้านเสร็จ คุณสริศ  พัฒนะเมลืองตัดสินใจเปลี่ยนพื้นที่ซึ่งเดิมตั้งใจออกแบบมาให้เป็นสระว่ายน้ำคู่ไปกับบ้านหลังงามย่านประเวศ ให้กลายเป็นพื้นที่สวน สไตล์โมเดิร์นมินิมัล โดยเลือกใช้บริการจัดสวนของ บริษัท กิ่ง ก้าน ใบ จํากัด เพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นสวนพื้นที่สีเขียวอย่างที่ต้องการ

อ่านต่อได้ที่นี่

3.Perfect Harmony ความลงตัวในสวนที่ออกแบบให้พื้นที่ 3 ส่วนเป็นหนึ่งเดียวกัน

เจ้าของ : คุณธนินท์รัฐ ลิ้มภัทรนันท์ และคุณวรรณกาญจน์ ลิ้มเกษมสถาพร

ออกแบบ : คุณอรรถ ประพันธ์วัฒนะ /จัดสวน :  Design Item

สวนอังกฤษ เป็นหนึ่งในรูปแบบสวนที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด จริงๆแล้วก็ยังแบ่งย่อยได้อีกหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสวนคอตเทจ สวนวินเทจ ไปจนถึงสวนประดิษฐ์ ซึ่งสวนแห่งนี้ก็เกิดจากการผสมผสานสไตล์ข้างต้นเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นสวนที่ผู้ออกแบบเรียกว่าเป็นสไตล์ Modern Formal Cottage Garden

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

4.ความสุขในสวนญี่ปุ่นที่มีบ่อปลาเป็นหัวใจหลัก

เจ้าของ : คุณชัยพัฒน์ – คุณเกศณี สุนทรมาลัย

ออกแบบ : คุณสุภัสเศรษฐ์ วิละรัตน์

แก่นเเท้ของธรรมชาติ ปรัชญา เเละการดำรงของวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง ก่อเกิดเป็นงานศิลปะในเเขนงต่าง ๆ ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคติที่มีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมของประเทศอื่น ๆ ในเเถบเอเชีย จึงไม่แปลกที่เเม้ประเทศไทยจะมีศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เเต่เรายังซาบซึ้งเเละหลงใหลในศิลปะญี่ปุ่นได้ โดยเฉพาะด้านการจัดสวน

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

5.สวนจัดเองสไตล์คอตเทจรอบบ้านหลังเล็กเหมือนฟาร์มในฝัน

เจ้าของ – ออกแบบ : คุณมีนา – คุณเชิดศักดิ์ กัลป์มาพิจิตร

หน้าบ้านของ สวนจัดเองสไตล์คอตเทจ มีกำแพงสีส้มติดตัวอักษรเป็น คำว่า “Casa del Campo” จุดหมายของเราในครั้งนี้ คุณมิ้น – มีนา กัลมาพิจิตร เจ้าของบ้าน เล่าถึงความหมายของคำที่ติดบนรั้วหน้าบ้านว่ามาจากภาษาสเปน เพราะเธอเคยเป็นไกด์ภาษาสเปนมานานกว่าสิบปี ทั้งยังเคยไปเรียนภาษาเพิ่มเติมที่ประเทศสเปน

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

6.ชมไม้ดอกสวย ๆ ในสวนกลิ่นอายชนบทยุโรปของคุณบี – วัลวิภา โยคะกุล

เจ้าของ: คุณวัลวิภา โยคะกุล

ออกแบบ : Summersnow Home & Garden  โดยคุณธนตพล พรมแพน และคุณเฉลิมพล เฉลิมสุข โทรศัพท์ 06-1956-9878

เพราะการท่องเที่ยวที่ได้ไปเห็นสถานที่สวย ๆ มากมาย และยังชอบดูหนังโรแมนติกอย่างเรื่อง Letters to Juliet กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักแสดงสาวสวย คุณบี-วัลวิภา โยคะกุล ตัดสิน ใจแปลงโฉมสวนบาหลีให้กลายเป็นสวนที่มีกลิ่นอายชนบทยุโรป ภายในบ้านแฝดหลังงามที่ดูร่มรื่นและสดชื่นด้วยไม้ดอกแสนสวย

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

7.Modern Japanese Garden สวนญี่ปุ่นโมเดิร์นเรียบๆ แต่ไม่นิ่ง

เจ้าของ : คุณชยพล ธรรมสังวาล

ออกแบบ : G-up Garden Design โดยคุณศิริชัย อิ่มละออ โทรศัพท์ 06-1598-5836, 08-6762-2202

บ้านโมเดิร์นที่นำกลิ่นอาย สวนญี่ปุ่น มาใช้สร้างบรรยากาศร่มรื่น เด่นด้วยไม้ลำต้นฟอร์มสวย พื้นโรยก้อนหินเเละกรวดเเม่น้ำตามแบบอย่างของสวนหินญี่ปุ่น ก่อนจะแซมด้วยไม้ดอกโทนสีขาว-ชมพู พร้อมมุมนั่งเล่นพักผ่อนหลากหลายมุม

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

8.สวนในทุ่งกว้าง…แบบชนบทฝรั่งเศส

เจ้าของ : คุณสิทธิรัชต์ – คุณบราลี ธนะรัชต์

ออกแบบ  : Little Tree โดยคุณศิริวิทย์ ริ้วบำรุง และคุณจาตุรงค์ ขุนกอง

บ้านตากอากาศสไตล์โปรวองซ์หลังงามที่โดดเด่นด้วยรูปแบบสวนและพรรณไม้ที่ดูแปลกตา เพราะจำลองภาพสวนในชนบทแบบฝรั่งเศสมาผสมผสานกับกลุ่มต้นไม้ทนแล้ง ไม้ดอกเล็กๆ ละเอียดอ่อนโยน และพรรณไม้เส้นสายคล้ายหญ้า สร้างบรรยากาศของสวนแบบทุ่งหญ้าดังที่เจ้าของบ้านต้องการ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

9.สวนชนบทอังกฤษบนดาดฟ้า

เจ้าของ : คุณพิไลพรรณ  ชวาลรัตน์

ออกแบบ : ร่มรื่นแลนด์สเคป  โดยคุณอัศนัย  แก่นจันทร์

เปลี่ยนพื้นที่บนดาดฟ้าของตึกสูงเป็นสวนสวยสไตล์ชนบทอังกฤษที่แบ่งพื้นที่ได้เป็นสัดส่วน ดูเรียบร้อยและดูแลง่าย ได้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านไม่ใช่อยู่บนตึก ด้วยความเคยชินกับการอยู่บ้านที่มีบริเวณกว้างขวาง มีสวนมีต้นไม้ร่มครึ้มสบายตา เมื่อต้องมาอยู่บ้านที่อยู่บนดาดฟ้าตึก ทำให้ คุณแดง-พิไลพรรณ ชวาลรัตน์ รู้สึกเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ 

10.สวนป่าใกล้ชิดธรรมชาติของคนรักไม้ใบ

เจ้าของ : คุณวันทนา กษีรรัตน์

ออกแบบ : TTT Tree Landscape โดยคุณพุทธิพจน์ พงษไพโรจน์ โทรศัพท์  09-4784-9393

สวนซึ่งเป็นจุดตรงกลางระหว่างเจ้าของสวนคือ คุณวัน-วันทนา กษีรรัตน์ ผู้หลงใหลในไม้ใบ และ คุณเต็นท์-พุทธิพจน์ พงษไพโรจน์ จากTTT Tree Landscape นักจัดสวนน้ำตกหรือสวนป่าสไตล์ทรอปิคัล เพื่อนำธรรมชาติเข้ามาอยู่ใกล้ตัวมากขึ้น เพียงหนึ่งก้าวจากบ้านก็สามารถดื่มด่ำไปกับธรรมชาติที่เป็นเสมือนป่าในเมือง

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่


10 สวนสวยที่มียอดผู้เข้าชมมากที่สุดในปี 2019

รวมแบบสวนสวยที่ฮอตสุดๆในอินสตาแกรมบ้านและสวน

The post 10 สวนสวยที่มียอดผู้เข้าชมมากที่สุดในปี 2020 appeared first on บ้านและสวน.

ดูแลและใช้งานเครื่องฟอกอากาศ อย่างไร ให้อากาศในห้องสดชื่นได้เต็มที่

$
0
0

ถ้าอยากสูดอากาศสะอาดบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่หลังจากมีเครื่องฟอกอากาศมาตั้งไว้ประจำห้องแล้ว ก็ต้องดูแลรักษาและใช้งานอย่างถูกวิธี เพื่อให้ผู้ช่วยดักจับฝุ่นของเราทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยค่ะ ดูแลเครื่องฟอกอากาศ

เพราะลำพัง แค่การนำเครื่องฟอกอากาศ มาตั้งและเปิดใช้งานไปเรื่อย ๆ นั้น ก็อาจไม่ได้ช่วยให้อากาศภายในห้องสะอาดขึ้นได้ อย่างเต็มที่ แต่ก็อย่าลืมที่จะใส่ใจ ดูแลเรื่องความสะอาด ของแผ่นกรอง หรือ พื้นที่การใช้งาน รวมไปถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผลให้เครื่องฟอกอากาศนั้น สามารถใช้งานไปได้อีกนาน ๆ ด้วย ซึ่งแต่ละข้อที่ my home นำในวันนี้ ก็เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้เครื่องฟอกอากาศนั้น สามารถทำงานได้ดีขึ้นได้ โดยไม่ยากเย็นเลยค่ะ ดูแลเครื่องฟอกอากาศ

1 . เปลี่ยนแผ่นกรองเมื่อถึงเวลา

ดูแลเครื่องฟอกอากาศ เครื่องฟอกอากาศล้างยังไง เครื่องฟอกอากาศสกปรก ดูแลเครื่องฟอก เครื่องฟอกอากาศ
https://www.youtube.com/channel/UCQy6cBWjuMY0jDtg_8W1DnQ

ส่วนที่สำคัญและเป็นเหมือนหัวใจของเครื่องฟอกอากาศก็คือแผ่นกรองด้านในหรือแผ่นกรอง HEPA นั่นเอง แผ่นกรองชั้นนี้จะเป็นเส้นใยที่มีความละเอียด สามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 และแบคทีเรียได้ โดยจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือนไปจนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับว่ามีการเปิดใช้งานมาน้อยหรืออยู่ในพื้นมีมลพิษหนาแน่นแค่ไหน โดยพื้นฐานเมื่อแผ่นกรองเริ่มเสื่อมคุณภาพก็จะมีโหมดการแจ้งเตือนจากเครื่องฟอกอากาศ เมื่อถึงเวลาจะต้องหาแผ่นกรองชิ้นใหม่มาสับเปลี่ยนเข้าไป ไม่สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดเองได้ค่ะ

 

2 . ดูแลแผ่นกรองคาร์บอน

ดูแลเครื่องฟอกอากาศ เครื่องฟอกอากาศล้างยังไง เครื่องฟอกอากาศสกปรก ดูแลเครื่องฟอก เครื่องฟอกอากาศ
https://www.consumeranalysis.com

สำหรับเครื่องฟอกอากาศบางตัวที่มีฟังก์ชันการกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นก็จะมีแผ่นกรองคาร์บอน (Carbon filter) เพิ่มมาอีกชั้น ซึ่งจะมีลักษณะเป็นแผ่นสีดำ ๆ เนื่องจากมีส่วนผสมของถ่านนั่นเองค่ะ แผ่นกรองชั้นนี้จะมีหน้าที่ช่วยดูดซับทั้งกลิ่นอับ กลิ่นอาหาร ควันบุหรี่ ฯลฯ เมื่อใช้งานไปได้สักประมาณ 3 เดือนก็จะถึงเวลาที่ควรนำออกมาเคาะหรือปัดฝุ่นออก ส่วนอายุการใช้งานแผ่นกรองชั้นนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี ก็ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการการกำจัดกลิ่นได้ดีขึ้น

 

3 . ทำความสะอาดตาข่ายด้านนอกอย่างสม่ำเสมอ

ดูแลเครื่องฟอกอากาศ เครื่องฟอกอากาศล้างยังไง เครื่องฟอกอากาศสกปรก ดูแลเครื่องฟอก เครื่องฟอกอากาศ
https://freshandbreezy.com

ภายนอกเครื่องฟอกอากาศจะมีแผ่นตาข่าย หรือ ฟองน้ำสำหรับดักจับฝุ่นขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นด่านแรกในการเปลี่ยนอากาศที่เข้ามาให้สะอาดบริสุทธิ์ นั่นหมายความว่าตรงจุดนี้ก็เป็นอีกส่วนสำคัญไม่แพ้กัน การทำความสะอาดแผ่นตาข่ายชั้นนอกนั้น ไม่มีระยะเวลาที่ตายตัว แค่ต้องคอยใส่ใจและสังเกตว่ามีฝุ่นจับตรงส่วนนี้มากน้อยแค่ไหน ถ้าหากเริ่มมีฝุ่นจับตัวหนาจนเห็นได้ชัดก็ควรถอดไปล้างทำความสะอาดได้โดยอาศัยแปรงปัดฝุ่น หรือ ล้างด้วยน้ำสะอาดตามปกติ จากนั้นจึงเช็ด หรือ ตากให้แห้งก่อนนำไปประกอบกลับตามเดิมค่ะ

 

4 . อย่าลืมทำความสะอาดภายนอกเครื่อง

ดูแลเครื่องฟอกอากาศ เครื่องฟอกอากาศล้างยังไง เครื่องฟอกอากาศสกปรก ดูแลเครื่องฟอก เครื่องฟอกอากาศ
https://www.iqair.cn

การทำความสะอาดตัวเครื่องด้านนอกก็สำคัญไม่แพ้การทำความสะอาดแผ่นกรองแต่ละชั้นเหมือนกันค่ะ สำหรับชิ้นส่วนเครื่องที่เป็นพลาสติกนั้น แค่ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดคราบหรือใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดมาเช็ดก็เพียงพอค่ะ แต่ส่วนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษนั้นก็คือบริเวณช่องที่ปล่อยอากาศให้ผ่านออกมา ตรงจุดนี้จะมีลักษณะเหมือนแผ่นตะแกรงที่ซ้อนทับกันไป ทำให้ฝุ่นสามารถเข้าไปเกาะและสะสมได้ ยิ่งถ้าหากไม่ได้ใช้งานหรือทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ฝุ่นที่กองรวมกันอยู่จุดนี้ก็จะฟุ้งกระจายเมื่อเปิดใช้งาน แทนที่จะได้อากาศที่สะอาดสดชื่นก็กลับต้องสูดดมฝุ่นจากตรงนี้เข้าไปแทน

 

5 . ใช้งานเครื่องฟอกอากาศในพื้นที่ปิด

ดูแลเครื่องฟอกอากาศ เครื่องฟอกอากาศล้างยังไง เครื่องฟอกอากาศสกปรก ดูแลเครื่องฟอก เครื่องฟอกอากาศ
https://hips.hearstapps.com

การเปิดห้องให้โล่ง เป็นระยะเพื่อระบายอากาศนั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ใช่กับช่วงเวลาที่เปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศแน่นอนค่ะ เพราะเครื่องฟอกอากาศนั้น จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ก็ต่อเมื่ออยู่ภายในห้องปิดที่มีอากาศเข้าออกไม่มาก ตัวเครื่องจะสามารถดึงอากาศภายในห้องมาทำให้สะอาด และปล่อยออกไปหมุนเวียนภายในห้องได้ ถ้าหากใช้ในพื้นที่เปิดก็จะยิ่งมีการใช้กำลังในการดึงอากาศเข้ามามาก ฟิลเตอร์ก็จะยิ่งทำงานหนักเพราะอากาศที่ปนเปื้อนจากภายนอกจะเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่ขาด ซึ่งนั่นเป็นจุดที่เกินกำลังของเครื่องฟอกอากาศค่ะ

 

6 . จัดเครื่องฟอกอากาศและเครื่องปรับอากาศให้อยู่คนละมุม

เครื่องฟอกอากาศล้างยังไง เครื่องฟอกอากาศสกปรก ดูแลเครื่องฟอก เครื่องฟอกอากาศ
https://www.elarabygroup.com

เครื่องฟอกอากาศและเครื่องปรับอากาศ จะใช้หลักการดึงอากาศรอบ ๆ เข้าไปเหมือนกัน ถ้าหากตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้ง 2 ประเภทนี้ใกล้กันมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดการแย่งอากาศกันแทนที่จะช่วยกันกรองหรือกระจายอากาศออกไป และโดยส่วนมากเครื่องปรับอากาศจะมีแรงดูดมากกว่า ถ้านำเครื่องฟอกอากาศไปตั้งไว้ใกล้ ๆ ก็คงมีกำลังไม่พอที่จะดึงอากาศภายในห้องเข้าไปทำความสะอาดแน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถดึงอากาศรอบ ๆ เข้ามาทำความสะอาดได้อย่างเต็มที่ก็ควรจัดวางให้อยู่คนละมุมกับเครื่องปรับอากาศจะดีที่สุดค่ะ

 

7 . ใช้งานในมุมที่อากาศถ่ายเทสะดวก

เครื่องฟอกอากาศล้างยังไง เครื่องฟอกอากาศสกปรก ดูแลเครื่องฟอก เครื่องฟอกอากาศ
https://cdn.cleanup.expert

การทำให้เครื่องฟอกอากาศนั้น สามารถดึงอากาศทั้งห้องเข้ามาทำความสะอาดได้อย่างเต็มที่ ก็คือการวางตัวเครื่องไว้ในตำแหน่งกลางห้อง หรือ ในมุมที่อากาศหมุนเวียนได้ดี ไม่ควรอยู่ระหว่างซอกตู้ซอกโต๊ะ หรือ มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ๆ มาขวางทางเข้าออกของอากาศ รวมไปถึงควรตั้งให้ห่างจากกำแพง แล ะมุมที่มีฝุ่นสะสมอย่าง ชั้นวางหนังสือ พรม หรือ ผ้าม่านด้วยค่ะ แม้เครื่องฟอกอากาศจ ะไม่สามรถดึงฝุ่นละอองที่จับตัวกันตามพื้นผิวต่าง ๆ ออกมาได้โดยตรง แต่แรงดันของอากาศที่ผ่านเข้าออกบริเวณนั้นก็มีผลทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายมากกว่าเดิมได้ โดยอย่างน้อยควรเว้นระยะห่างออกมาประมาณครึ่งฟุต หรือ 1 ฟุตเป็นอย่างต่ำ

 

8 . เลือกเครื่องฟอกอากาศให้พอดีกับขนาดห้อง

เครื่องฟอกอากาศล้างยังไง เครื่องฟอกอากาศสกปรก ดูแลเครื่องฟอก เครื่องฟอกอากาศ
https://cdn.thewirecutter.com

อีกปัจจัยที่จะช่วยให้เครื่องฟอกอากาศ ไม่ทำงานหนักจนเกินไป ก็คือการใช้เครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับพื้นที่ หรือ ขนาดของแต่ละห้อง เพราะเครื่องฟอกอากาศแต่ละตัวนั้น จะถูกออกแบบมาให้มีกำลังที่ต่างกัน จึงเหมาะกับพื้นที่ที่ต่างกันออกไป ควรวางแผนหรือ ต้องรู้ก่อนเสมอว่าเครื่องฟอกอากาศที่ใช้งาน เหมาะกับห้องไม่เกินกี่ตารางเมตร และควรเลือกเครื่องฟอกอากาศให้มีกำลังที่มากกว่าขนาดของห้องเล็กน้อย เพราะถ้าหากนำเครื่องฟอกไปไว้ในห้องที่กว้างเกินกว่าเครื่องจะรับไหว ก็จะทำให้เครื่องทำงานหนักเกินไปจนอาจเสื่อมสภาพเร็ว แถมอากาศที่ได้ก็ยังไม่สะอาดบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ด้วยค่ะ

 

story : Kamonchanok.L


PM 2.5 กับการแก้ปัญหาในบ้าน : วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศ

วิธีจัดห้องนอนไม่ให้เป็นแหล่งสะสมไรฝุ่น ป้องกันการเกิดภูมิแพ้

กำจัดฝุ่นในมุมที่เข้าถึงยาก ให้สะอาดได้ด้วยของใช้ในบ้าน

8 ต้นไม้ฟอกอากาศภายในบ้านที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง

แอร์เคลื่อนที่ ความเย็นคุณภาพในราคาย่อมเยา ดีจริงหรือไม่?

The post ดูแลและใช้งานเครื่องฟอกอากาศ อย่างไร ให้อากาศในห้องสดชื่นได้เต็มที่ appeared first on บ้านและสวน.

น้ำหูเสือโยเกิร์ตสมู้ตที เครื่องดื่มสมุนไพรบำรุงระบบหายใจ ที่ทำได้เองภายใน 5 นาที !

$
0
0

น้ำหูเสือโยเกิร์ตสมู้ตที เครื่องดื่มแสนอร่อยที่ให้รสชาติเปรี้ยวหวานกําลังดี มีรสเผ็ดร้อนเล็กน้อยและมีกลิ่นหอมคล้ายเครื่องเทศออริกาโน เหมาะเป็นเครื่องดื่มคู่กับมื้ออาหารที่ช่วยให้เจริญอาหารยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นยาบํารุงร่างกาย แก้อาการไอ ไอเรื้อรัง เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ อาหารไม่ย่อย รวมถึงช่วยแก้อาการหอบหืด ทําให้หายใจโล่งขึ้นอีกด้วย

สมุนไพรบางชนิดอย่างหูเสือ หลังจากเด็ดมา ปรุงอาหารจนเหลือแต่กิ่งหรือลําต้น ก็สามารถ นําไปปักชําเป็นต้นใหม่ได้อีกด้วย

ส่วนผสม

• โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย หรือ ปริมาณ 135 กรัม

• น้ําผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ

• ใบหูเสือ 2-3 ใบ

• น้ําแข็งก้อนใหญ่ 2-3 ก้อน

วิธีทํา

ปั่นส่วนผสมทั้งหมดในเครื่องปั่นน้ําผลไม้ให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน

อาจเพิ่มรสเปรี้ยวด้วยมะนาว

จากนั้นเทใส่แก้ว

คุณป๊อป-อักขราทร ศิลปี

เชฟและฟู้ดสไตลิสต์ผู้พัฒนาเมนูอาหารและแบรนด์สินค้ามานานกว่า10ปี ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้านอาหารให้มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มูลนิธิไทยประกันชีวิต และร้านอาหารมากมาย สามารถติดตามผลงาน หรือติดต่อคุณป๊อปได้ที่ เพจเฟซบุ๊ค อาหารของคุณยาย By ครูป๊อป หรืออินตราแกรม Pop_silp

ต้นหูเสือ หรือ เนียมหูเสือ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Plectranthus amboinicus (Lour.) Spreng.

ใบมีสารที่สามารถทําน้ํามันหอมระเหยได้ อีกทั้งยังมี ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ การงอกของพืชอื่นๆ และเอนไซม์โปรติเอส จากเชื้อเอชไอวี รวมถึงยังเป็นยาฆ่าแมลงได้ด้วย


เรื่อง : ปัญชัช

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

ต้นเนียมหูเสือ

สมุนไพรฤทธิ์เย็น ช่วยบำรุงผิวจากแสงแดดและความร้อน

The post น้ำหูเสือโยเกิร์ตสมู้ตที เครื่องดื่มสมุนไพรบำรุงระบบหายใจ ที่ทำได้เองภายใน 5 นาที ! appeared first on บ้านและสวน.

15 ต้นไม้ในสวนที่สามารถเป็นสมุนไพรบำรุงสุขภาพ แบบไม่ต้องง้อหมอ

$
0
0

ปิดปีด้วยข่าวคราวด้านสุขภาพและโรคภัยที่ดูจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราไปแล้ว ทั้งเรื่องฝุ่นPM2.5และไข้หวัดจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งนําไปสู่ความตื่นตัวของผู้คนในสังคมที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและหาทางป้องกันตัวเองจากโรคภัยมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันแล้ว ในสวนของเราเองก็คือห้องยาใกล้ตัวที่สามารถรักษาหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ โรคเรื้อรัง หรือดูแลสุขภาพให้แข็งแรงด้วยพืชสมุนไพรที่ปลูก เรามีตัวอย่างต้นไม้ในสวนที่สวยด้วยและใช้ทำสมุนไพรบำรุงสุขภาพใกล้ตัวที่ประยุกต์ใช้ในการรักษาและดูแลสุขภาพให้ลองนําไปทําตามกันได้ ดังนี้

1.ราชพฤกษ์หรือคูน

Cassiafistula L.

ฝักมีสาร ออกฤทธิ์ที่ส่งผลต่อระบบประสาทของแมลง ช่วยใน การขับถ่าย แก้ไข้มาลาเรีย ขับเสมหะได้ แก้อาการกระหายน้ํา เมล็ดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล

2.กุหลาบมอญ

Rosa x damascena Mill.

มีฤทธิ์ช่วย คลายกล้ามเนื้อเรียบและกดการทํางานของกล้ามเนื้อ ลาย กลีบดอกใช้เข้ายาหอมเป็นยาบํารุงหัวใจ น้ําดอกไม้เทศที่มีส่วนผสมของกุหลาบมอญช่วยแก้อาการอ่อนเพลียและกระวนกระวาย ดอกแห้งใช้เป็น ยาระบายอ่อนๆและแก้อาการอ่อนเพลีย

3.ว่านน้ํา

Acorus calamus L.

เหง้าและรากมีน้ํามัน หอมระเหยซึ่งมีกลิ่นเฉพาะที่ช่วยลดความดันโลหิต บรรเทาอาการปวด อาการชัก ช่วยลดพิษของ แอมเฟตามีน มีฤทธิ์แก้ไอ ขับเสมหะ ยับยั้งอาการ หอบหืด สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ ใช้ไล่ยุงและแมลง น้ํามันจากต้นว่านน้ํามีฤทธิ์ยับยั้ง การสะสมเซลล์ไขมันได้อีกด้วย

4.อังกาบหนู

Barleria prionitis L.

ทุกส่วนของต้น มีสรรพคุณแก้อาการไขข้ออักเสบได้ ลําต้นและใบแก้ปวดบวมหรือปวดฟัน ส่วนรากช่วยรักษาฝีได้ เมื่อนํามาคั้นน้ําสามารถทากันเท้าแตกหรือหยอดหูแก้อาการหูอักเสบได้

5.กระดูกไก่ดํา

Justicia gendarussa Burm.f.

ใบมีสารสําคัญคือVitexinและApigenin ซึ่งมีฤทธิ์ ต้านการอักเสบและลดอาการปวดได้ดี รวมถึงมีฤทธิ์ ยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของ เซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากได้

6.ชบาเมเปิ้ล

Hibiscus acetosella Welw.ex Hiern

นิยมนํามารับประทานเป็นผักสดและประกอบอาหาร มีรสเปรี้ยว ใบและดอกมีสารแอนโทไซยานินและ เพ็กติน ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายและต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง

7.ลําดวน

Melodorum fruticosum Lour.

ดอกแห้ง มีสรรพคุณเป็นยาบํารุงกําลัง หัวใจ และโลหิต แก้ วิงเวียน แก้ไอ เป็นไข้ และยังจัดเป็นหนึ่งในตํารับ พิกัดเกสรทั้งเก้า(ประกอบด้วยเกสรดอกบัวหลวง ดอกกระดังงา ดอกจําปา ดอกพิกุล ดอกบุนนาค ดอกมะลิ ดอกสารภี ดอกลําเจียก และดอกลําดวน)

8.ต้นหูเสือ

Plectranthus amboinicus (Lour.) Spreng.

ใบมีสารที่สามารถทําน้ํามันหอมระเหยได้ อีกทั้งยังมี ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ การงอกของพืชอื่นๆ และเอนไซม์โปรติเอส จากเชื้อเอชไอวี รวมถึงยังเป็นยาฆ่าแมลงได้ด้วย

9.เครือขยันหรือย่านางแดง

Bauhinia strychnifolia Craib.

เถามีสารช่วยบํารุงธาตุในร่างกาย ดับพิษร้อน แก้โรคหัวใจบวม ใช้เป็นยาแก้พิษหลายชนิด รวมถึง ล้างสารพิษจากยาเสพติด

10.ดีปลี

Piper retrofractum Vahl.

มีฤทธิ์กดประสาท ส่วนกลาง ช่วยเสริมฤทธิ์ยานอนหลับ ต้านพิษในตับ ลดระดับน้ําตาลในเลือด ช่วยต้านเชื้อราและ แบคทีเรีย แต่เป็นอันตรายต่อสตรีมีครรภ์

11.ชะมวง

Garcinia cowa Roxb. ex Choisy

ใบมีสาร ช่วยยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลเข้าสู่เซลล์ และ มีสารชะมวงโอน(Chamuangone) ซึ่งช่วยต้านเซลล์ มะเร็งได้ดี รวมถึงแบคทีเรียที่ก่อโรคทางเดินอาหาร

12.ตดหมูตดหมา

Paederia linearis Hook.f.

ทุกส่วน ใช้เป็นยาถอนพิษเหล้า ยาสูบ พิษจากอาหาร และแก้ท้องเสีย ผลและใบใช้เป็นยาแก้ปวดฟัน ใบแก้พิษงู ดอกมีสรรพคุณแก้อาการไข้จับสั่น

13.ผักปลัง

Basella alba L.

ใบช่วยลดภาวะเสี่ยง เป็นโรคเบาหวานได้ ลดการเป็นหมัน ยอดอ่อนและ ใบอ่อนมีคุณค่าทางสารอาหารมาก ช่วยบํารุงธาตุ เป็นยาลดไข้ ใบและผลนํามาขยี้ทาบริเวณที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย

14.บอระเพ็ด

Tinospora crispa (L.) Hook.f. & Thomson

มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย ควบคุมระดับน้ําตาลในเลือด ลดความดันโลหิต แต่หากรับประทานส่วนรากต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจมีผลต่อหัวใจ

15.ตะไคร้หอม

Cymbopogon nardus Rendle

ใบและลําต้นมีสารที่นําไปกลั่นเป็นน้ํามันหอมระเหย มีคุณสมบัติป้องกันตัวเต็มวัยและสามารถฆ่าไข่ของ ด้วงถั่วเขียว ป้องกันยุงกัด ยับยั้งเพลี้ย และควบคุม การเจริญเติบโตของเชื้อรา Aspergillusflavus

The post 15 ต้นไม้ในสวนที่สามารถเป็นสมุนไพรบำรุงสุขภาพ แบบไม่ต้องง้อหมอ appeared first on บ้านและสวน.

โลกทึ่ง “เฟินก้านดํา”หลายชนิด พบเพียงที่เดียวในโลก คือที่ประเทศไทย

$
0
0

รู้หรือไม่ว่ามีเฟินก้านดําหลายชนิดที่ได้รับการบันทึกว่าเป็นพืชถิ่นเดียวหรือพืชเฉพาะถิ่น(EndemicPlants) ซึ่งพบเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น โดยพบขึ้นและแพร่พันธุ์ตามธรรมชาติบนพื้นที่ที่มีลักษณะจํากัดทางระบบนิเวศ เช่น บนเกาะ ยอดเขา หน้าผาของภูเขาหินปูน แอ่งพรุ ฯลฯ ซึ่งถิ่นที่อยู่ดังกล่าวมีสภาพจํากัดของสิ่งแวดล้อมหรือมีสภาพดินฟ้าอากาศเฉพาะที่ ค้นพบเฟินก้านดำ

เฟินเป็นไม้ใบประดับอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับความนิยมปลูกเลี้ยงในเมืองไทยมานานแล้ว โดยเฉพาะเฟินสกุลก้านดํา(Adiantum) ซึ่งก้านใบมีสีดําเป็นมันเงา แผ่นใบแลดูบอบบางพลิ้วไหว แถมยังมีเสน่ห์ตรงใบอ่อนมีสีสวย จนมีการนําเฟินป่าหลายชนิดมาปลูกเป็นไม้ประดับ และมีการปรับปรุงพันธุ์เพื่อคัดเลือกเฟินต้นใหม่ที่สวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ

รู้จักกับเฟินก้านดําถิ่นเดียวของไทย ซึ่งมีการนํามาทดสอบปลูกเพื่อการอนุรักษ์ หลายชนิดพบขึ้นเฉพาะบนภูเขาหินปูนหรือดินที่สลายมาจากหินปูน เช่น ก้านดําใบบาง ก้านดําคลองพนม ก้านดําทุ่งสง และก้านดําทองแถม โดยแต่ละชนิดมีความสวยงามแตกต่างกันไป

ก้านดําทองแถม (A.thongthamii Suk-sathan)

เฟินขนาดเล็ก ใบประกอบแบบขนนก1ชั้น แผ่นใบรูปขอบขนาน ใบย่อยรูปพัดเกือบกลม ปลายใบมน ขอบหยักเป็นพู เนื้อใบหนาคล้ายหนัง มีขนสีเทาเงินปกคลุมหนาแน่นทั้งด้านบนและด้านล่าง พบที่เกาะช้าง จังหวัดตราด โดยขึ้นตามซอกหินบริเวณกลางแจ้งในป่าดิบแล้งบนภูเขา

ก้านดําคลองพนม (A. phanomensis S.Linds & D.J.Middleton)

เฟินขนาดเล็ก ใบประกอบแบบขนนก1ชั้น แผ่นใบรูปขอบขนาน ใบย่อยรูปพัด ขอบใบด้านบนหยักเป็นพูตื้น ด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนสั้นนุ่มหนาสีน้ําตาลถึงเทา พบที่อุทยานแห่งชาติคลองพนมและอุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยขึ้นตามหน้าผาหินปูนที่มีความชุ่มชื้นสูง

ก้านดําทุ่งสง(A.siamense Tagawa & K.Iwats.)

เฟินขนาดเล็ก ใบประกอบแบบขนนก1ชั้น แผ่นใบรูปหอกแคบ ส่วนปลายใบยืดยาวและสร้างตาพิเศษที่พัฒนาเป็นต้นใหม่ได้ใบย่อยรูปกึ่งสามเหลี่ยม ปลายใบมน โคนรูปลิ่ม ขอบใบด้านบนหยักเป็นพู เนื้อใบนุ่มคล้ายกระดาษ ใต้ใบมีขนบางสีน้ําตาลหรือขาวยาว พบที่จังหวัดนครศรีธรรมราช กระบี่ โดยขึ้นตามผาหินปูนในที่ร่มรําไร

ก้านดําใบบาง(Adiantum membranifolium S.Linds & Suksathan)

เฟินขนาดเล็ก ใบเดี่ยวหรือใบประกอบแบบขนนก2ชั้น แผ่นใบรูปขอบขนาน ใบย่อยรูปพัด โคนใบรูปลิ่ม ขอบใบด้านบนหยักเป็นพูลึก เนื้อใบบางโปร่งแสง เรียบเกลี้ยง พบในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย เลย และกาญจนบุรี โดยขึ้นอยู่ตามผนังหินปูนที่เปียกชื้นหรือมีมอสส์ปกคลุม


เรื่องและภาพ : อังกาบดอย

เฟินก้านดำบนหินฟองน้ำ งดงามตามธรรมชาติ

มาเรียนรู้เทคนิคเพาะสปอร์เฟินก้านดำกัน

โรงเรือนเฟิน สวรรค์ของคนรักเฟิน

The post โลกทึ่ง “เฟินก้านดํา” หลายชนิด พบเพียงที่เดียวในโลก คือที่ประเทศไทย appeared first on บ้านและสวน.


Zoo Inspired .. บ้านสีขาวที่เต็มไปด้วย(ตุ๊กตา)สัตว์

$
0
0

ความรักความชื่นชอบที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ครั้งยังเด็ก หลายเรื่องราวถูกส่งผ่านมายังสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัว โดยเฉพาะ บ้านน่ารัก อบุอ่น หลังนี้ ของคุณวศิทธิ์ บัณฑิตย์ดำรงกูล Marketing communications manager บริษัท Pendulum ที่แสดงให้เห็นความชื่นชอบที่มีต่อสัตว์น้อยใหญ่ และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดแบรนด์ fashion & lifestyle เพื่อสัตว์เลี้ยง Animal-go-round ร่วมกับพี่สาวอีกด้วย

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่
ชั้นล่างเป็นพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน เปิดโล่งเป็นพื้นที่ใหญ่เพื่อให้พื้นที่ทั้งหมดเชื่อมต่อกัน มองเห็นกันได้ไม่ว่าใครจะพักผ่อนอยู่มุมไหน

 

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่ ซามอยด์
สุนัขพันธุ์ซามอยด์ winter (ผ้าพันคอฟ้า) warmer (ผ้าพันคอชมพู) อายุ 8 ปี เลี้ยงแบบอิสระภายในบ้าน เปลี่ยนจากพื้นหินอ่อนเป็นกระเบื้องยางลายไม้ เพื่อไม่ให้พื้นลื่นเพราะอาจส่งผลต่อสะโพกและขาหลังของน้องๆได้

บ้านหลังใหญ่สีขาวมองเห็นรั้วสีเขียวของต้นไม้ที่โอบล้อมบ้านเอาไว้ ชั้นล่างเปิดโล่งเป็นห้องโถงใหญ่ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบง่ายจัดกลุ่มไว้ตามการใช้งาน โดยเน้นโทนสีธรรมชาติ สีขาว เทา ไม้ และเพิ่มความสดชื่นด้วยสีเขียวของต้นไม้ สอดแทรกรายละเอียดด้วยของตกแต่งอย่างเครื่องจักรสาน และ ที่ขาดไม่ได้คือสัตว์น้อยใหญ่ที่แอบซ่อนตัวอยู่ในทุกมุมของบ้านได้อย่างน่ารัก โดยคุณศิทธิ์ให้นิยามว่าเป็นการแต่งบ้านสไตล์ “cozy twist” ที่เน้นความเป็น บ้านน่ารัก อบอุ่น เป็นกันเอง “สวนสัตว์ถือเป็นสถานที่โปรดของทุกคนในครอบครัว เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด ต่างประเทศต้องมีโปรแกรมแวะสวนสัตว์ อควาเรี่ยมเสมอ รวมไปถึงในความทรงจำก็จะมีสัตว์เลี้ยงหลากหลายสายพันธุ์ปรากฏอยู่ด้วย มีตั้งแต่ ปลา เต่า เป็ด ไก่ กระต่าย นก และที่รักที่สุดคือสุนัข”

ของแต่งบ้าน

ตู้ปลา

ตู้ปลาขนาดใหญ่ออกแบบให้เข้ากับบ้านด้วยโทนสีขาวเรียบง่าย

ชั้นล่างเป็นเหมือนจุดศูนย์รวมที่สมาชิกทุกคนในบ้านมักจะใช้เวลาร่วมกัน ด้วยพื้นที่กว้างขวางและเปิดโล่ง ทำให้มีหลายมุมให้เลือกใช้ ถึงแม้จะแยกกันนั่งตามมุมสบายของตัวเองแต่ก็ยังมองเห็นกันได้ “เพราะมองว่าการใช้ชีวิตอยู่จริงนั้น มันไม่เหมือนกับการนั่งกินข้าวใน showroom มันจะมีปัจจัยอื่นๆเข้ามามีส่วนด้วยเสมอ เหมือนบ้านหลังนี้ที่อยู่กันหลายคน หลายช่วงอายุ ก็ย่อมต้องมีรสนิยมที่แตกต่างกัน ความชอบที่ต่างกัน lifestyle ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความคอนทราส ไม่เข้ากันบ้างในบางอย่าง แต่ก็กลับทำให้สนุกแปลกตา” แต่เราก็ยังสัมผัสได้ถึงความเป็น บ้านน่ารัก อบอุ่น ของทุกคนในบ้านหลังนี้

“สวนสัตว์เป็นสถานที่โปรดของทุกคนในครอบครัว

บ้านหลังนี้จึงอยากให้ทุกมุมของบ้านมีสัตว์น่ารักๆซ่อนตัวอยู่”

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่

คุณยีราฟยืนเด่นรอต้อนรับอยู่ที่โถงบันได พร้อมเพื่อนกวางมูส หมีขาว และคุณหมี

เป็นมุมไฮไลท์เด่นประจำบ้านที่ใครไปใครมาก็ต้องขอถ่ายรูปกับมุมนี้

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่

เพิ่มความน่าสนใจให้กับโต๊ะกินข้าวด้วยการใช้เก้าอี้สองสีวางสลับกัน

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่

บนตู้จัดวางของตกแต่งด้วยต้นไม้ต้นเล็กๆ และแอบวางสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยเอาไว้ด้วย

สวน ทางเดินในสวน

เลือกบ้านที่มีสวนไม่กว้างมาก ลดภาระการดูแลสวนลง แต่ยังได้บรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ที่มองทีไรก็รู้สึกสดชื่นทุกครั้ง

 

สวน ซามอยด์ กรงนก

สวนเล็กๆรอบบ้านอันแสนร่มรื่นจัดเป็นมุมนั่งเล่นใกล้ๆกรงนกที่ออกแบบบ้านไม้เพิ่มเข้าไปได้อย่างน่ารัก

ดอกไม้รอบบ้านเพิ่มความสดชื่น สดใสให้กับสวนแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

 

ประสบการณ์ รวมไปถึงอิทธิพลที่ได้รับจากหลากหลายที่มา กลายเป็นพื้นฐานที่รวมกันเป็นความชอบในวันนี้ “เด็กๆ เคยไปเรียนที่ญี่ปุ่น ชอบความมินิมอลแบบญี่ปุ่น ที่เน้นเรื่องสัจจะวัสดุ แต่ไม่ต้องสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ พอโตมาได้เรียนดีไซน์ ก็ได้รับอิทธิพลจากงาน Scandinavian ที่มีความมินิมัลแต่เพิ่มลูกเล่นและสีสันเข้าไป พื้นฐานสองอย่างที่ชอบนำมาปรับใช้กับสิ่งที่เรามีอยู่ มันเกิดการผสมผสาน ไม่ใช่ว่ามิกซ์แล้วจะแมชเสมอไป แต่เราก็มีความสุขกับการมิกซ์และไม่แมชในคราวเดียวกัน”

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่

มุมแพนทรี่เล็กๆบริเวณชั้นล่าง ออกแบบให้มี island สำหรับจัดเตรียมอาหาร และใช้เป็นมุมนั่งกินอาหารเป็นง่ายๆได้อีกด้วย

โคมไฟ ของแต่งบ้าน

หยอดความน่ารักไว้ทุกที่แม้แต่โคมไฟแขวนก็ยังมีนกเกาะ

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่

ตี่จู้เอี๊ยะ

ตี่จู้เอี๊ยะสีชมพูอ่อนครอบด้วยบ้านไม้ โดยเลือกใช้ไม้สนให้เข้ากับตู้เก็บของที่วางอยู่สองข้าง ทำให้ดูกลมกลืนเข้ากับบ้านได้เป็นอย่างดี

ทางเดินในบ้าน ซามอยด์

โถงทางเดินไปยังส่วนออฟฟิศ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และรูปวาดใหญ่ที่ผนัง ซึ่งเป็นฝีมือการวาดรูปของคุณศิทธิ์

“ตั้งตนเป็นศัตรูกับแนวคิดการทิ้งของที่ไม่จำเป็นของ Marie Condo และให้ความสำคัญกับเรื่อง budget จากบ้านเปล่าของโครงการ เลือกที่จะนำเฟอร์นิเจอร์จากบ้านเก่าเข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด มีการปรับเปลี่ยน ต่อเติมเล็กน้อยเท่าที่จำเป็น กั้นห้องนอนเพิ่ม และเปลี่ยนโรงรถเป็น home office ของบริษัท animal-go-round ใส่ความชื่นชอบในเรื่องสัตว์เข้าไปในการแต่งบ้าน โดยในทุกมุมของบ้านจะมีสัตว์น่ารักๆชนิดต่างๆซ่อนตัวอยู่ ยกเว้นยีราฟที่ยืนเด่นเป็น center piece ของบ้าน ซึ่งใครที่มาบ้านก็มักพากันถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลินจนลืมเจ้าของบ้าน”

“ถ้าให้นิยามสไตล์การแต่งบ้าน น่าจะเป็น cozy twist เน้นความเป็นบ้านที่ดูอบอุ่นเป็นกันเอง”

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่ ห้องนั่งเล่น

มุมนั่งเล่นชั้น 2 กับเปียโนตัวใหญ่วางเข้ามุม แสงที่ส่องผ่านม่านโปรงจากหน้าต่างบานใหญ่ทำให้มุมนี้ดูอบอุ่นชวนพักผ่อน

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่

เฟอร์นิเจอร์หวายให้ความรู้สึกอบอุ่น ตกแต่งด้วยตุ๊กตาหมีขาตัวเล็ก ส่วนผสมที่แตกต่างแต่ลงตัว

โคมไฟ แชนเดอเลีย

แชนเดอเลียที่ถอดมาจากบ้านเก่า ยังคงสวยงามเสมอ

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่

เก้าอี้สีเทานั่งสบายกับตุ๊กตาสัตว์น้อยใหญ่ที่มองเห็นได้ในทุกมุมของบ้าน

ของแต่งบ้าน

ของที่ระลึกหลายๆชิ้นมีความน่าสนใจ อย่าง booklet ชิ้นนี้ได้ไปดูแฟชั่นโชว์

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่

 

ห้องนั่งเล่นชั้นบนได้รับแรงบันดาลใจมาจากห้องเล่านิทาน ห้องดนตรี ศิลปะสำหรับเด็ก ข้าวของที่สะสม ตุ๊กตาสัตว์ตัวเล็กๆ และหนังสือที่เรียงรายอยู่บนชั้น ถูกนำมาจัดวางไว้อย่างน่าสนใจ รวมไปถึงเครื่องดนตรีเก่าอีกหลายชิ้นที่คุณศิทธิ์เล่นมาตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้ “ที่ชั้นนี้เป็นเหมือนตู้โชว์ของที่ระลึกที่เก็บสะสมมาจากการไปเที่ยวต่างประเทศ ของพ่อแม่ และของเรา รวมไปถึงของที่ระลึกจากงานต่างๆ คัดมาแล้วว่าเป็นชิ้นที่ชอบ ซึ่งก็เกือบทุกชิ้น ถึงจะดูไม่เข้ากันสุดๆ แต่มีความหมาย”

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่

ห้องนอนคุณศิทธิ์ใช้โทนสีขาว น้ำเงิน และ ไม้ ดูอบอุ่นเหมาะแก่การพักผ่อน วางฟูที่นอนไว้บนพื้นทำให้รู้สึกโล่งสบาย

เพราะมีระยะห่างจากเพดานมากขึ้น ใช้ผ้าลายสวยสีน้ำเงินเป็นทั้งผ้าม่านและผ้าคลุมเตียง

ห้องนอน ห้องทำงาน ห้องสีขาว

มุมวาดรูปในห้องนอนใช้พื้นที่ไม่มากแต่ดูลงตัวพอดีกับการใช้งาน

ตู้เสื้อผ้า

ตู้เสื้อผ้าบิลท์อินเต็มความสูง ทำสีหน้าบานตู้ให้เป็นสีไม้ธรรมชาติสลับกับสีขาว ดูน่ารักและแอบซ่อนความสนุกสนานไว้ในคราวเดียวกัน

เฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ ของแต่งบ้าน

เก้าอี้หางฟูดูนุ่มนิ่มน่านั่ง

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่ชั้นแขวนเสื้อผ้าแบบลอยตัว แต่ดูกลมกลืนเข้ากับบ้าน เว้นพื้นที่ตรงกลางสำหรับวางโต๊ะทำงานตัวเล็กๆ

ตู้เสื้อผ้า

แขวนเสื้อไว้แต่แอบเติมหัวสุนัขจิ้งจอกเข้าไปหน่อย

“เวลาไปเที่ยวต่างประเทศจะชอบพัก air bnb สนุกกับการได้ไปพักบ้านที่สวยๆ บางทีอาจจะต้องเดินไกลหน่อยแต่ก็ต้องไป เราได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านเหล่านี้ด้วย ช่วงที่ตกแต่งบ้านนี้เป็นช่วงที่ work from home พอดี ก็ค่อยๆจัดบ้านไป มีเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินบางส่วน แต่ส่วนมากจะใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว มีทั้งของใหม่และที่ยกมาจากบ้านเก่า พอย้ายมาอยู่บ้านที่ใหญ่ขึ้น ทั้งคนทั้งน้องหมาต่างก็แฮปปี้ ทุกคนมีห้องของตัวเอง มีพื้นที่ส่วนกลางกว้างขวาง เพราะทุกอย่างที่ประกอบกันขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนสบายไม่ใช่แค่เรา”

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่

ตกแต่งห้องน้ำในโทนสีขาว-ดำ และจัดวางไม้กระถางเพิ่มสีเขียวให้ห้องน้ำดูสดชื่น

บ้านน่ารัก อบอุ่น บ้านสีขาว บ้านน่าอยู่

วางไม้กระถางรวมกลุ่มกันไว้ แทรกด้วยสุนัขจิ้งจอกเซรามิกสีขาวที่มาช่วยเฝ้าต้นไม้อยู่ไม่ห่าง

เจ้าของ คุณวศิทธิ์ บัณฑิตย์ดำรงกูล และครอบครัว

เรื่อง jOhe

ภาพ สิทธิศักดิ์ น้ำคำ

สไตล์ วรวัฒน์ ตุลยทิพย์


บ้านหลังเล็กที่แต่งแต้มสีสันไว้ภายใน พร้อมปลูกต้นไม้อยู่ในทุกมุมของบ้าน

บ้านชั้นเดียวอยู่สบาย

บ้านสีขาว และ ไม้ สไตล์ญี่ปุ่น

The post Zoo Inspired .. บ้านสีขาวที่เต็มไปด้วย(ตุ๊กตา)สัตว์ appeared first on บ้านและสวน.

CH house บ้านหน้าแคบ แคบแค่ไหนก็อยู่ได้

$
0
0

เชื่อไหมถ้าจะบอกว่านี่คือนี้ บ้านหน้าแคบ แค่ 4 เมตร! แต่จัดการพื้นที่ได้อย่างชาญฉลาด ด้วยการออกแบบให้อาคารสูงชะลูด! เพื่อเอาชนะปัญหาที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก แถมแอบซ่อนมุมสีเขียวไว้ข้างใน พร้อมนำขนบการอยู่อาศัยแบบชาวเวียดนามดั้งเดิมมาผสานเข้ากับงานออกแบบสไตล์โมเดิร์นได้อย่างลงตัว ช่วยให้การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่เป็นเรื่องง่ายและมีความสุขขึ้น

มองจากภายนอกอาจทำให้หลายคนทึ่งกับไซซ์ของบ้าน ที่มีหน้าแคบแค่ 4 เมตร แต่กลับสูงถึง 35 เมตร! ทั้งนี้ก็เพราะ ODDO architects ต้องการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยขนาดจำกัดในเมือง ขณะเดียวกันวัสดุที่ใช้ออกแบบก็เป็นวัสดุที่หาง่ายราคาไม่แพงอย่าง บล็อกซีเมนต์เจาะรู โดยนำมากรุเป็นแพตเทิร์นเก๋ ๆ ให้แก่เปลือกอาคารชั้นแรก โดยมีผนังและบานกระจกใสหุ้มกรอบเหล็กสำหรับเปิดออกได้ซ้อนอยู่ด้านในอีกชั้นจนจรดความสูงของอาคาร ร่วมกับยอดไม้สีเขียวที่ปลูกเป็นคอร์ตยาร์ดเล็ก ๆ ช่วยบังแดดและฝุ่นละออง โดยที่แสงและลมธรรมชาติสามารถสาดส่องและพัดพาเข้ามาได้อย่างทั่วถึง แถมยังเกิดผลพลอยได้เป็นเอฟเฟ็กต์แสงผาดผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ ให้ดูมีมิติ บ้านหน้าเคบ

CH house บ้านหน้าแคบ แคบแค่ไหนก็อยู่ได้CH house บ้านหน้าแคบ แคบแค่ไหนก็อยู่ได้CH house บ้านหน้าแคบ แคบแค่ไหนก็อยู่ได้แม้จะมีความกว้างที่จำกัด แต่สามารถทำให้พื้นที่โล่งสบายและรู้สึกกว้างขวางอย่างคาดไม่ถึง ด้วยการออกแบบพื้นที่ใช้สอยในแนวลึก และต่อเติมชั้นอยู่อาศัยขึ้นไปในแนวตั้ง โดยสถาปนิกได้แบ่งฟังก์ชันการใช้งานออกเป็น 2 โซน คือพื้นที่เชิงพาณิชย์สองชั้นแรก และพื้นที่พักอาศัยสำหรับสมาชิกทั้ง 6 คน ที่อยู่ถัดขึ้นไปในแต่ละชั้น เช่น ส่วนนั่งเล่น ห้องสมุด ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว ห้องนอน ไปจนถึงชั้นดาดฟ้า รวม 5 ชั้นCH house บ้านหน้าแคบ แคบแค่ไหนก็อยู่ได้CH house บ้านหน้าแคบ แคบแค่ไหนก็อยู่ได้ภายในบ้านได้รับแสงสว่างจากช่องฟาซาดด้านหน้า และช่องเปิดด้านข้างบันไดที่อยู่บริเวณชั้นบน เพื่อส่งแสงธรรมชาติเข้าสู่พื้นที่ที่มีระดับต่ำกว่า นอกจากนี้ยังไม่ลืมทำคอร์ตสำหรับปลูกต้นไม้กระจายอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ทดแทนสวนแนวราบที่ไม่สามารถมีได้ในอาคารลักษณะนี้ ช่วยเติมเต็มบรรยากาศให้บ้านดูสบายสดชื่น แก้ปัญหาการโหยหาพื้นที่สีเขียวที่มีอยู่อย่างจำกัดในกรุงฮานอยCH house บ้านหน้าแคบ แคบแค่ไหนก็อยู่ได้CH house บ้านหน้าแคบ แคบแค่ไหนก็อยู่ได้ CH house บ้านหน้าแคบ แคบแค่ไหนก็อยู่ได้ การจัดวางพื้นที่ใช้งานในระดับที่แตกต่างกัน โดยมีความสูงของเพดานที่แตกต่างกันนี้ ก็เพื่อจัดวางพื้นที่ให้มีความต่อเนื่องกันแบบเปิด ช่วยให้สมาชิกในครอบครัวมีปฏิสัมพันธ์กันได้ง่ายขึ้น เห็นได้จากห้องนอนของลูก ๆ ทั้งสอง ที่ตั้งอยู่เหนือพื้นที่ส่วนกลางหลักถัดจากช่องว่างระหว่างบันได ทำให้สามารถติดต่อกับสมาชิกในครอบครัวที่ชั้นล่างได้ ส่วนห้องนอนของปู่ย่าตายาย และห้องใหญ่ของคู่สามีภรรยาเจ้าของบ้านอยู่ในพื้นที่เงียบสงบด้านในสุด บนสุดคือชั้นดาดฟ้าที่สามารถขึ้นมาชมวิวมองความเป็นไปรอบ ๆ ของกรุงฮานอยที่ไม่เคยซ้ำกันเลยสักวันCH house บ้านหน้าแคบ แคบแค่ไหนก็อยู่ได้CH house บ้านหน้าแคบ แคบแค่ไหนก็อยู่ได้ด้วยบริบทของวิถีชีวิตสมัยใหม่ ทำให้ความผูกพันในลักษณะครอบครัวใหญ่ของชาวเวียดนามค่อย ๆ เลือนหายไป ที่นี่จึงถือเป็นตัวอย่างที่สถาปนิกตั้งใจและพยายามยึดโยงความสัมพันธ์ในรูปแบบดั้งเดิมดังกล่าวให้คงอยู่ ผ่านรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัวอย่างมีความสุข ท่ามกลางสภาวะเมืองที่พลุกพล่านวุ่นวาย  ออกแบบสถาปัตยกรรม : ODDO Architects https://cargocollective.com/oddoarchitects
ภาพ : Hoang Le photography


เรียบเรียง : Phattaraphon, Phonpat Senakhan

hotel sou โรงแรมญี่ปุ่นสไตล์ลอฟต์ เล่าความเท่ผ่านเปลือกอาคารที่(ดู)รกร้าง

The post CH house บ้านหน้าแคบ แคบแค่ไหนก็อยู่ได้ appeared first on บ้านและสวน.

โล่รางวัล 10 บ้านน่าอยู่ 10 สวนสวย ประจำปี พ.ศ.2563

$
0
0

โล่รางวัลสำหรับโครงการ 10 บ้านน่าอยู่ 10 สวนสวย ประจำปีพ.ศ.2563 สวยพิเศษด้วยแนวคิดของ ‘Origin’ หรือความงามกำเนิดจากธรรมชาติ

awardhawardgtrophy

โล่รางวัล นี้มาพร้อมกับโครงการ 10 บ้านน่าอยู่ 10 สวนสวย ประจำปีพ.ศ.2563  ที่คัดเลือกมาจากนิตยสารบ้านและสวน, room และ my home รวมถึงสำนักพิมพ์บ้านและสวน โดยปีนี้นิตยสารบ้านและสวนนำเสนอมุมมองของงานศิลปะยุคแรกเริ่มที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นจากวัสดุตามธรรมชาติ นั่นคือ “เครื่องปั้นดินเผา” เพราะแม้ว่าปัจจุบันเครื่องปั้นดินเผาจะมีวิวัฒนาการผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมายกว่ายุคแรกเริ่ม แต่นั่นก็ไม่เคยทำให้เสน่ห์ของสัมผัส สีสัน และความสร้างสรรค์ที่มนุษย์มีต่อการปั้นดินลดลงหรือ ถูกหลงลืมไปตามกาลเวลาเลย

awardhawardgtrophy
คุณอัญชลี  แก้วดวงทิพย์ แห่งเตาหลวงสตูดิโอ ใช้กรรมวิธีพื้นบ้านที่สุดอย่าง การปั้นดิน  ร่วมกับการนำดินที่มีสีสันหรือพรรณไม้จากธรรมชาติรอบตัวมาใช้ควบคู่ไปกับงาน ออกแบบที่ร่วมสมัย  เกิดเป็น เอกลักษณ์เฉพาะตัว

awardhawardgtrophy

awardhawardgtrophy
ลวดลายสวยงามที่พิมพ์ลงไปบนโล่มาจากลายของใบมะระขี้นกซึ่งเป็นพรรณไม้ที่มีอายุมาเกือบพันปี
awardhawardgtrophy
คุณอัญชลี  แก้วดวงทิพย์ แห่งเตาหลวงสตูดิโอ

นิตยสารบ้านและสวนจึงได้ร่วมงานกับ เตาหลวงสตูดิโอในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นทั้งสตูดิโอสร้างผลงานเซรามิก ร้านค้า และแหล่งทำเวิร์คชอปปั้นดิน เพื่อออกแบบ โล่รางวัล สำหรับปีนี้ขึ้นมาโดยนำดินแดงจากดอยสะเก็ดและดินดำแม่ริมมาใช้สร้างสรรค์ ผ่านเทคนิคแรกเริ่มของมนุษย์ นั่นคือ ทำงานสแล็บดินแผ่นหรือขึ้นรูปจากดินแผ่นด้วยมือ และใช้เครื่องมือช่างพื้นบ้านเพียงเล็กน้อย ตั้งแต่ ขั้นตอนการนวดดิน ขึ้นรูป ไปจนถึงลวดลายที่ ใช้การพิมพ์ลายใบไม้คล้ายรอยจารึกที่ปรากฏในฟอสซิล นอกจากนี้สีสันที่เกิดขึ้นยังมาจากส่วนผสมของขี้เถ้าจากต้นไม้ชนิดต่างๆ ในธรรมชาติอีกด้วย พื้นผิวของดินที่ขึ้นรูปในครั้งแรกจะมีการแตกตามธรรมชาติ ให้ผิวสัมผัสสวยงาม ก่อนใช้ลูกกลิ้ง กลิ้งให้ได้รูปทรงที่อิสระตามแรงในครั้งแรกเช่นกัน สุดท้ายรูปทรงที่เกิดขึ้นกลับมาคล้ายรูปทรงของ ต้นไม้ในธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง น่าประหลาดใจ

 

awardhawardgtrophy
นำแผ่นไม้ที่เลเซอร์ขึ้นลายแล้วมากดลงไปบนเนื้อดินเพื่อสร้างข้อความไว้บนโล่
awardhawardgtrophy
ใช้เครื่องเลเซอร์เพื่อขึ้นลายโลโก้บ้านและสวนลงบนแผ่นไม้

awardhawardgtrophy

คุณอัญชลีแก้วดวงทิพย์ ศิลปินแห่งเตาหลวง สตูดิโอ กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราชอบการนวดปั้นดิน หรือขึ้นรูปจากแป้นหินเฉกเช่นสมัยก่อน  แรงบีบนวด ดินในแต่ละครั้งทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับผลงาน  เช่นเดียวกับการใช้ธรรมชาติรอบตัวเรามาเป็นส่วนหนึ่ง ของการรังสรรค์ผลงาน  เช่น  ใบไม้  ต้นหญ้า  ต้นข้าว  อยากให้ทุกคนที่ได้รับโล่ชอบในสิ่งที่ เตาหลวงสตูดิโอและบ้านและสวนภูมิใจนำเสนอ  โล่ ทุกชิ้นล้วนผ่านมือและความตั้งใจของเรา  โล่ทุกชิ้น คือผลงานที่มีอยู่เพียงชิ้นเดียวในโลก  เหมือนบ้าน และสวนแต่ละแห่งที่สวยงามแต่ก็มีจุดเด่นที่ต่างกัน”

เรื่อง : ปัญชัช ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข, ณัฐกิตติ์ มีสกุล


รวมแบบบ้านที่ได้รับรางวัล 10 บ้านน่าอยู่ประจำปีพ.ศ.2563

รวมแบบสวนสวย ที่ได้รางวัล “10 สวนสวย” ประจำปีพ.ศ.2563

เบื้องหลังการผลิตโล่ “10 บ้านน่าอยู่ 10 สวนสวย 2019”

The post โล่รางวัล 10 บ้านน่าอยู่ 10 สวนสวย ประจำปี พ.ศ.2563 appeared first on บ้านและสวน.

วัสดุผนังเบา 6 ชนิด ที่เราอยากแนะนำ เลือกใช้อย่างไร?

$
0
0

วัสดุผนังเบา นั้นมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน แต่ละชนิดก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป บ้านและสวนจึงอยากขอแนะนำวัสดุสำหรับกั้นผนังเบาให้กับคุณผู้อ่านได้เลือกกันจาก 6 ชนิดที่เราคิดว่าเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมโดยทั่วไป

อ่าน : วัสดุผนังภายนอกอาคาร ที่ทนทานและสวยงามแปลกใหม่

วัสดุผนังเบา 6 ชนิด ที่เราอยากแนะนำ เลือกใช้อย่างไร? วัสดุผนังเบา 6 ชนิด ที่เราอยากแนะนำ เลือกใช้อย่างไร? วัสดุผนังเบา 6 ชนิด ที่เราอยากแนะนำ เลือกใช้อย่างไร? วัสดุผนังเบา 6 ชนิด ที่เราอยากแนะนำ เลือกใช้อย่างไร? วัสดุผนังเบา 6 ชนิด ที่เราอยากแนะนำ เลือกใช้อย่างไร? วัสดุผนังเบา 6 ชนิด ที่เราอยากแนะนำ เลือกใช้อย่างไร?

ติดตามเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับบ้านและสวนได้ทาง https://www.facebook.com/baanlaesuanmag

The post วัสดุผนังเบา 6 ชนิด ที่เราอยากแนะนำ เลือกใช้อย่างไร? appeared first on บ้านและสวน.

THE MINT BUREAU HOMESTAY เปลี่ยนหมู่บ้านทหารเก่าเป็นโฮมสเตย์กลางหุบเขา

$
0
0

Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของกองทหารเขต Taiyue ในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่น โดยในพื้นที่ส่วนนี้ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านที่มีความเป็นส่วนตัวและค่อนข้างเงียบสงบ ด้านทิศเหนือติดกับไหล่เขา ส่วนด้านทิศใต้ติดกับทางระบายน้ำเดิมที่มีมุมมองเปิดโล่ง

Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน

จากการสำรวจพื้นที่พบคอร์ตยาร์ด 3 ส่วน ที่รายล้อมไปด้วยอาคารที่พักขนาดสองชั้นความยาวสามช่วงเสา โดยชั้นล่างเป็นที่อยู่อาศัยและชั้นบนเป็นพื้นที่เก็บธัญพืชและของใช้ต่าง ๆ ส่วนอาคารอเนกประสงค์ขนาดชั้นเดียวได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทั้งยังขาดการซ่อมแซมมาเป็นระยะเวลานาน จึงยากที่จะทำการสำรวจและเก็บข้อมูลลักษณะของสถาปัตยกรรมดั้งเดิม

Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน

เมื่อทางการทำการเข้ามาปรับปรุงพื้นที่แห่งนี้ จึงได้ชวนนักออกแบบจาก 3andwich Design มาทำการรีโนเวตครั้งใหญ่ โดยได้กำหนดฟังก์ชันการใช้งานใหม่ให้กับสถานที่ด้วยการทำเป็นโฮมสเตย์ในชื่อ The Mint Bureau Homestay

Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน

ส่งผลให้สเปซทั้งหมดต้องถูกปรับเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์การเป็นพื้นที่กึ่งพับลิกมากขึ้น เริ่มจากแยกพื้นที่คอร์ตทั้งสามออกจากกัน ลำดับการเข้าถึงใหม่ พร้อมกับเพิ่มพื้นที่เซอร์วิสต่าง ๆ ที่จำเป็นลงไป

ขั้นตอนการออกแบบถูกแบ่งย่อยออกเป็นหลายขั้นตอน เริ่มจากทำการประเมินอาคารเดิมพบว่า อาคารเดิมบางส่วนยังคงมีสภาพดีที่สามารถซ่อมแซมและอนุรักษ์ไว้ได้ ส่วนอาคารที่ได้รับความเสียหายอย่างนักนั้นได้ทำการรื้อถอนออก ทั้งยังได้รื้อกำแพงที่กั้นคอร์ตยาร์ดออกไปด้วย เพื่อเชื่อมพื้นที่ทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียว นำไปสู่การลำดับการเข้าถึงใหม่ ช่วยให้การเข้าถึงพื้นที่ภายในโฮมสเตย์สะดวกมากขึ้น

Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน

ในระหว่างกระบวนการออกแบบ สถาปนิกพยายามคงเลต์เอ๊าต์เดิมของอาคารไว้ทั้งหมด แล้วใช้ศักยภาพของบริบทพื้นที่ที่มีความเป็นธรรมชาติมาสร้างความสัมพันธ์ระหว่างโฮมสเตย์กับพื้นที่ เช่น อาคารหลักในทางเข้าปรับเป็นส่วนต้อนรับ อาคารขนาดสองชั้นปรับเป็นห้องพักทั้งสองชั้น โดยทำการปรับสเปซภายในใหม่ จากเดิมที่เคยแบ่งออกเป็นสามช่วงเสา ให้ยังคงรูปแบบกริดเสา และฟาซาดเดิมไว้ เพื่อสะท้อนถึงรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ รวมไปถึงการเรียงก้อนอิฐเลียนแบบของเดิม ด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่เพื่อเชื่อมความรู้สึกถึงวันวาน

Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน

สำหรับการออกแบบตกแต่งภายใน ได้ออกแบบให้ล้อไปกับตัวสถาปัตยกรรม โดยสถาปนิกผสมผสานความเป็นพื้นถิ่นกับแฟชั่น ซึ่งไม่เพียงสะท้อนลักษณะของมณฑลชานซีเท่านั้น แต่ยังคงสุนทรียภาพและความสะดวกสบายของพื้นที่พักผ่อนไว้อย่างเต็มเปี่ยม

ภายในห้องพักขับบรรยากาศในวันวาน ในส่วนของอาคารใหม่ทาสีฝ้าด้วยโทนสีเข้มชวนนึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ พื้นเป็นปูนเปลือยที่ให้ความรู้สึกเย็นสบาย สะอาดตา เข้ากับผนังสีขาวที่ขับให้ภายในห้องดูสว่าง ไม่อึดอัด และส่วนของอาคารเก่าคงฝ้าเดิมที่โชว์โครงสร้างไม้ไว้ให้เห็น พื้นใช้ไม้เนื้อแข็ง และอิฐโบราณ ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายตา

ห้องชั้นล่างที่เคยเป็นที่อยู่อาศัย ยังคงเหลือเตียงแบบโบราณ หรือเตียงที่ก่อมาจากอิฐทนความร้อนแบบจีนตอนเหนือไว้ แล้วทำการเพิ่มฟูกที่นอน เหมือนคุณได้ย้อนเวลาไปนอนพักช่วงเวลาเดียวกับคนยุคก่อน ส่วนชั้นสองที่เป็นห้องเก็บของ ใช้เป็นเตียงนอนแบบมาตรฐานแทน

Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน

ในส่วนของอาคารชั้นเดียวที่เสียหายเกินซ่อมแซม ถูกแทนที่ด้วยอาคารหลังคาสแลบแทนหลังคาจั่วแบบของเดิมเพื่อให้ดูทันสมัยมากขึ้น ทั้งยังใช้พื้นที่ดาดฟ้าเป็นพื้นที่เอ๊าต์ดอร์ซึ่งดูเหมือนชานขนาดย่อม สำหรับให้แขกผู้เข้าพักได้ออกมาสูดอากาศและชมวิวสีเขียวจากเหล่าต้นไม้ที่ขึ้นอยู่เดิมในพื้นที่ได้อีกด้วย

Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน

ส่วนของการใช้วัสดุ ได้เลือกกรุฟาซาดอาคารด้วยหินแกรนิต ไม่ใช่เพียงเพื่อระลึกถึงความช่วงเวลาปี 1980 แต่ยังเชื่อมโยงกับลักษณะอาคารเดิม ขณะที่อิฐและพื้นกรวดสีเทาช่วยสร้างความกลมกลืนอย่างมีมิติ


เพื่อความสมบูรณ์และเนรมิตบรรยากาศในวันวานไว้มากที่สุด จึงมีการหยิบวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่น เช่น อิฐ ไม้เนื้อแข็ง และผ้าถักแบบพื้นเมือง มาใช้ในการตกแต่ง แล้วเพิ่มชีวิตชีวาด้วยของตกแต่งสีสันจัดจ้า อย่าง พรม ของตกแต่งผนัง และเสื้อผ้า ที่นี่จึงนับเป็นโครงการรีโนเวตที่มีคุณค่า นอกจากจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ตั้งแล้ว ยังเป็นการเก็บรักษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ส่งต่อให้แก่คนรุ่นหลัง โดยไม่เสื่อมสลายไปพร้อมเศษซากปรักหักพังตามกาลเวลา

Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน

Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน Taiyue Courtyard: The Mint Bureau Homestay โฮมสเตย์จากหมู่บ้านเก่าในชื่อ Hanhonggou ในประเทศจีน

ออกแบบ: 3andwich Design, He Wei Studio | http://www.3andwichdesign.com/
ภาพ: Weiqi Jin, 3andwich Design
เรียบเรียง: BRL

The post THE MINT BUREAU HOMESTAY เปลี่ยนหมู่บ้านทหารเก่าเป็นโฮมสเตย์กลางหุบเขา appeared first on บ้านและสวน.

Viewing all 9932 articles
Browse latest View live