Tip Ubon Rice Factory –รีโนเวตโรงงานธรรมดา ให้มีคาแร็คเตอร์เฉพาะตัว

Tip Ubon Rice Factory

การสร้างความโดดเด่นให้บุคคล ส่วนหนึ่งคือการ “เลือกเครื่องแต่งกายที่เหมาะกับบุคลิกภาพ” หลักการนี้ใช้ได้กับการออกแบบอาคารเช่นกัน เพราะถ้าคนเราจะดูดีได้ด้วยเสื้อผ้าที่เหมาะกับตนเอง แล้วทำไมอาคารอย่างโรงงานแปรรูปข้าวจะมีดีไซน์โฉบเฉี่ยวขึ้นบ้างไม่ได้

เดิมทีโรงงานแปรรูปข้าวแห่งนี้ก็เหมือนโรงงานทั่วไปที่สามารถพบเห็นได้ในจังหวัดนครปฐม แต่ไม่ใช่กับผู้บริหารรุ่นใหม่ของ Tip Ubon Rice Factory อย่าง คุณแบงค์ –นพศักดิ์ จิวราช และ คุณบอส – ณรงค์ฤทธิ์ จิวราช เพราะทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนการ “แต่งตัว” ให้โรงงานเสียใหม่ โดยไว้วางใจให้สถาปนิกรุ่นใหม่แต่ฝีมือไม่ธรรมดาจาก Archive Studio มาช่วยเปลี่ยนพื้นที่ออฟฟิศของโรงงานธรรมดาแห่งนี้ด้วยงานดีไซน์สไตล์โมเดิร์น เพื่อให้ตัวอาคารมีคาแร็คเตอร์จัดจ้าท้าทายสายตาและมีภาพลักษณ์ชวนจดจำ

นอกจากการบิดเปลือกอาคารแล้ว สถาปนิกยังได้เจาะช่องเปิดในผนังด้านที่ถูกบิดนั้น เพื่อช่วยลดความรู้สึกเทอะทะและสร้างมุมมองที่ดูไม่ทึบตัน

แต่กว่าจะรีโนเวตโรงงานที่มีลักษณะคล้ายตึกสองชั้นแบบดั้งเดิมขนาด 600 ตารางเมตรให้มีรูปลักษณ์ดูทันสมัยตรงตามที่เจ้าของให้โจทย์มานั้น ต้องใช้เวลานานกว่า 2 ปีเนื่องจากที่นี่มีผู้ใช้งานหลากหลายกลุ่ม การวางผังพื้นที่และรูปแบบการเข้าถึงจึงไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งแรกที่สถาปนิกเริ่มลงมือทำคือ การออกแบบแผนผังการเข้าถึงโดยแบ่งตามประเภทผู้ใช้งานเป็นหลัก เห็นได้จากชั้น 1 ออกแบบเป็นออฟฟิศสำหรับการติดต่องาน มีส่วนที่ลูกค้าสามารถเข้ามาติดต่อธุรกิจได้ ส่วนชั้น 2 เป็นพื้นที่เฉพาะพนักงานและผู้บริหารเท่านั้น ตกแต่งรอบ ๆ ให้มีบรรยากาศชวนทำงานและสร้างความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน

มุมมองจากสนามหญ้าจะเห็นสัดส่วนของตัวอาคารได้อย่างชัดเจน ฟาซาดหรือเปลือกอาคารที่ยื่นหดเข้าออกช่วยสร้างมิติแสงเงาที่น่าสนใจ อีกทั้งวัสดุกรุผิวอาคารยังสะท้อนบรรยากาศรอบด้านให้ดูสวยล้ำ เปลี่ยนภาพโรงงานเดิมไปอย่างสิ้นเชิง

การออกแบบฟาซาด หรือเปลือกอาคาร เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่ใช้งานแต่ละส่วนให้ลงตัวได้อย่างน่าสนใจเสมือนว่ามวลอาคารมีการยืดหด และการบิดตัวจนเกิดเป็นสเปซที่มีคาแร็คเตอร์เฉพาะตัวนั้น ในขั้นตอนนี้สถาปนิกได้พิจารณาถึงปัจจัยสำคัญภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการออกแบบอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่ตั้งของอาคารที่หันหน้าไปทางทิศใต้ซึ่งรับความร้อนช่วงบ่ายตลอดวัน โดยให้ฟาซาดทำหน้าที่ช่วยบังแดด ไปจนถึงการดีไซน์ฟาซาดเพื่อกำหนดฟังก์ชันการใช้งานของห้องต่าง ๆ เรียกได้ว่าทั้งความสวยงามและประโยชน์ใช้สอยต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างกลมกลืน

กรุอะลูมิเนียมคอมโพสิตลงบนโครงเหล็ก รอยต่อระหว่างแต่ละแผ่นช่วยสร้างแพตเทิร์นให้อาคารได้ในตัว

เพิ่มความโดดเด่นให้ฟาซาดด้วยการนำอะลูมิเนียมคอมโพสิตสีเงิน ซึ่งเป็นวัสดุที่มีผิวมันวาวตามความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยที่ซินแสแนะนำมากรุทับลงบนโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กของอาคารเก่า นอกจากจะสวยงามแปลกตาแล้ว ยังส่งผลดีโดยตรงกับงานสถาปัตยกรรมในอนาคตที่จะมีการจัดสวนและปลูกต้นไม้เพิ่มเติม การใช้อะลูมิเนียมคอมโพสิตนี้จะทำให้ตัวอาคารสามารถสะท้อนเงาของธรรมชาติรอบ ๆ ได้ เสมือนว่าอาคารนั้นกลมกลืนและเป็นส่วนหนึ่งของบริบทนั่นเอง

สร้างบรรยากาศการทำงานให้ผ่อนคลายและดูสะอาดตาด้วย การเลือกใช้สีขาวเป็นหลัก โดยเน้นออกแบบตู้บิลท์อินไว้ใช้เก็บ ของในส่วนของสำนักงานเป็นหลัก เพื่อให้พื้นที่โดยรวมดูเป็น ระเบียบเรียบร้อย

“เรานำโจทย์ของลูกค้ามาตีความในเชิงดีไซน์ในทุก ๆ ด้าน” แค่ประโยคสั้น ๆ จากสถาปนิกก็เพียงพอแล้วที่จะรับรู้ได้ถึงความใส่ใจและจริงใจในทุกรายละเอียดของการออกแบบ แน่นอนว่าการออกแบบขึ้นใหม่เพื่อสร้างมูลค่า เชิงเศรษฐกิ จนั้นย่อมง่ายกว่าการปรั บปรุงอาคารเก่าโดยยั งต้องคงคุณค่าของพื้นที่เดิมไปพร้อม ๆ กับการเติมเต็มสิ่งที่ขาด เช่นเดียวกับโครงการนี้ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจ ในบุคลิกของบริษัทและรูปแบบการใช้งานอาคารอย่าง ถ่องแท้ จนสามารถเลือกเครื่องแต่งกายให้อาคารได้อย่าง พอดีและเหมาะสม
ถ้าเปรียบโรงงานแปรรูปข้าวแห่งนี้เป็นผู้ชายสักคน ก็คงต้องบอกอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ตอนนี้เขาเป็นผู้ชายที่ ทั้งเท่และดูดีขึ้นมากจริง ๆ”