Quantcast
Channel: บ้านและสวน
Viewing all 9841 articles
Browse latest View live

ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “เชทแลนด์ ชีพด็อก (Shetland Sheepdog)”

$
0
0

ประวัติสายพันธุ์

เชทแลนด์ ชีพด็อก (Shetland Sheepdog) มีต้นกำเนิดมาจากเกาะเกาะเชทแลนด์ (Shetland Islands) ของประเทศสกอตแลนด์ โดยมีลักษณะที่สามารถทำงานหนักได้ มีความฉลาดและซื่อสัตย์ แต่ก่อนเชทแลนด์ ชีพด็อกถูกใช้เพื่อต้อนและปกป้องฝูงแกะ พวกมันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเกษตรกรและคนเลี้ยงสัตว์ ต่อมาเชื่อกันว่าเชทแลนด์ ชีพด็อกเป็นลูกผสมระหว่าง สุนัขพันธุ์คอลลี่ กับ สุนัขขนาดเล็กบางชนิด เนื่องจากมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันหลายอย่าง

ในช่วงปี 1800 เชทแลนด์ ชีพด็อกได้เดินทางไปยังประเทศสกอตแลนด์และประเทศอังกฤษ โดยพวกมันยังคงทำหน้าที่ในการเป็นสุนัขต้อนสัตว์เช่นเคย ในช่วงเวลาเหล่านี้ พวกมันได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีขนาดเล็กกระทัดรัดและมีความชำนาญในการต้อนสัตว์

ถึงแม้ว่าสุนัขสายพันธุ์นี้จะเป็นที่รักของใครหลาย ๆ คนแต่สุนัขสายพันธุ์นี้ ทำให้เกิดข้อโต้เถียงกันอย่างมากทั้งในอังกฤษและอเมริกา ผู้เพาะพันธุ์หลายคนและเจ้าของไม่สามารถตกลงกันได้ว่าเชทแลนด์ ชีพด็อกควรจะมีลักษณะเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้ทำให้สโมสรและองค์กรที่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับสายพันธุ์นี้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งในปี 1930 กลุ่มเหล่านี้ก็สามารถตกลงร่วมกันเกี่ยวกับลักษณะของเชทแลนด์ ชีพด็อกตามที่ต้องการได้

ช่วงต้นในปี 1970 เชทแลนด์ ชีพด็อกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกมันติดอันดับ 1 ใน 10 ของสายพันธุ์สุนัขที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอเมริกา จนกระทั่งทุกวันนี้เชทแลนด์ ชีพด็อกก็ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของคนในครอบครัว เนื่องจากพวกมันมีความซื่อสัตย์และความแข็งแรง

 

ลักษณะทางกายภาพ

ขนและสีขน

เชทแลนด์ ชีพด็อก (Shetland Sheepdog) มีขน 2 ชั้น ขนด้านนอกยาว หนาและหยาบส่วนขนชั้นในมีความอ่อนนุ่ม ขนชั้นนอกสามารถกันน้ำได้ในขณะที่ขนชั้นในช่วยควบคุมอุณหภูมิได้ สีขนของเชทแลนด์ ชีพด็อกมี 3 สีหลักคือ สีน้ำตาล (sable) ซึ่งมีตั้งแต่สีน้ำตาลสว่างไปจนถึงสีน้ำตาลแดง (Mahogany), สามสี (tri-colour) ประกอบไปด้วยสีดำ ขาวและน้ำตาล, สีน้ำเงินลายหินอ่อน (blue merle) ประกอบไปด้วยสีเทามากกว่าสีอื่น ๆ ส่วนสีขาวและดำ (Bi-Black), สีขาว ดำและเทา (bi-blue) จะพบได้น้อยกว่า แต่ยังคงเป็นที่ยอมรับ สีที่เป็นที่รู้จักกันดีคือสีน้ำตาล (sable) ซึ่งมีความโดดเด่นมากกว่าสีอื่น ๆ บางครั้งสีเทาหรือสีน้ำตาลแดง (Mahogany), สีน้ำตาล (sable) อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเชทแลนด์ ชีพด็อกสามสี (tri-colour) เนื่องจากปริมาณสีขนที่เข้มจำนวนมาก อีกสีที่เป็นที่ยอมรับคือสีน้ำตาลลายหินอ่อน (sable merle) แต่มักพบได้น้อยซึ่งมักจะจำแนกความแตกต่างจากสีน้ำตาลปกติของลูกสุนัขได้ยาก สีน้ำตาลลายหินอ่อน (sable merle) มักมีสีน้ำตาลเข้มเป็นหย่อม ๆ บนพื้นสีน้ำตาลอ่อนเมื่อเทียบกับสีดำและสีเทาของสีน้ำเงินลายหินอ่อน (blue merle)

มีสีขนอีก 2 แบบที่ค่อนข้างหายาก เนื่องจากไม่เป็นที่ยอมรับในสายพันธุ์คือการมีหัวสีขาว (ขนส่วนใหญ่เป็นสีขาว) อาจเกิดขึ้นได้เมื่อมีการผสมพันธุ์ของเชทแลนด์ ชีพด็อกที่มีสีขาวทั้งสองตัว สีขนอีกแบบเรียกว่า Double merles เกิดจากการผสมพันธุ์เชทแลนด์ ชีพด็อกที่เป็นลายหินอ่อน (merle) ทั้งสองตัวและมีโอกาสเกิดหูหนวกหรือตาบอดได้มากกว่าสีขนอื่น ๆ มีรายงานเกี่ยวกับเชทแลนด์ ชีพด็อกลายเสือแต่ผู้ที่ชื่นชอบสุนัขสายพันธุ์นี้หลายคนยอมรับว่าบางครั้งการผสมข้ามกันภายในวงศ์ตระกูลของเชทแลนด์ ชีพด็อกอย่างเฉพาะเจาะจงนั้น อาจทำให้เกิดลายเสือขึ้นมาได้

ความสูงและน้ำหนัก

ตามมาตรฐานสายพันธุ์ของ AKC เชทแลนด์ ชีพด็อกมีความสูงอยู่ระหว่าง 13-16 นิ้ว (33-41 ซม.) ปกติแล้วพวกมันมีน้ำหนักประมาณ 11-30 ปอนด์ (5.0–14 กิโลกรัม)

อายุขัย

เชทแลนด์ ชีพด็อกมีอายุโดยเฉลี่ยทั่วไปอยู่ที่ 12 ถึง 14 ปี

 

ลักษณะนิสัย

เชทแลนด์ ชีพด็อกมีความกระตือรือร้น มีความแข็งแรงและอ่อนโยน พวกมันมีคุณสมบัติที่น่าชื่นชมมากมายในสายตาของเจ้าของ ลักษณะบุคลิกภาพของเชทแลนด์ ชีพด็อกขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของพวกมันซึ่งอาจมีตั้งแต่ลักษณะแบบไฮเปอร์ไปจนถึงนิ่ง ๆ และขี้อาย โดยอาจจะแตกต่างกันออกไปหากพวกมันได้รับการเข้าสังคมตั้งแต่ยังอายุน้อย ๆ

ควรให้สุนัขได้รู้จักกับผู้คน สถานที่และประสบการณ์ใหม่ ๆ เร็วเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อทำให้พวกมันรู้สึกสบายใจและมีความเป็นมิตรเมื่อต้องพบปะกับคนแปลกหน้าและสุนัขที่ไม่คุ้นเคย

เชทแลนด์ ชีพด็อกมีสัญชาตญาณในการปกป้องคนในครอบครัวและคนที่พวกมันรัก พวกมันเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ดีและพร้อมที่จะบอกให้คนในครอบครัวรู้ในทันทีเมื่อมีผู้บุกรุก ส่วนหนึ่งเกิดจากความขี้ระแวงของพวกมันทำให้พวกมันไม่เชื่อใจกับใครก็ตามที่ไม่ใช่คนในครอบครัว

การเข้ากับเด็ก

เชทแลนด์ ชีพด็อกสามารถเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเด็ก ๆ ได้หากได้รับการฝึกฝนและเข้าสังคมอย่างเหมาะสม ควรให้สุนัขของคุณได้ทำความรู้จักกับเด็ก ๆ ตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อให้พวกมันสามารถเรียนรู้พฤติกรรมที่เหมาะสมได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าสุนัขเหล่านี้เป็นสุนัขที่ใช้ไล่ต้อนสัตว์ซึ่งหมายความว่าพวกมันเคยชินกับการไล่ตามสิ่งของขนาดเล็กที่เคลื่อนไหวได้รวมถึงเด็ก ๆ ด้วย พฤติกรรมเช่นนี้ของเชทแลนด์ ชีพด็อกจะต้องไม่เกิดขึ้นหากมีเด็กอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน การฝึกสุนัขของคุณให้มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือต้องสอนให้ลูก ๆ ของคุณรู้จักถึงวิธีปฏิบัติต่อสัตว์เลี้ยงของคุณด้วย ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องสร้างความไว้วางใจและความเคารพ เพื่อให้มีการโต้ตอบกันอย่างเหมาะสม แต่ไม่ว่าเชทแลนด์ ชีพด็อกและลูกของคุณจะประพฤติตัวได้ดีเพียงใด ก็ควรที่จะมีผู้ปกครองคอยดูแลอยู่เสมอ

 

การดูแล

การออกกำลังกาย

เชทแลนด์ ชีพด็อกไม่จำเป็นที่จะต้องออกกำลังกายเป็นเวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวัน แต่พวกมันต้องการการออกกำลังกายในระดับปานกลางเพื่อสุขภาพที่ดี ในบางครั้งสุนัขสายพันธุ์นี้จะทำแค่เพียงเดินไปรอบ ๆ บ้าน แต่อย่างไรก็ตามพวกมันชอบที่จะได้วิ่งเล่นกับเจ้าของและสุนัขตัวอื่น ๆ เมื่อมีโอกาส

เนื่องจากสุนัขสายพันธุ์นี้มีความชาญฉลาดคุณจึงต้องกระตุ้นพวกเขาอยู่เสมอ โดยใช้เกมเป็นส่วนหนึ่งของการออกกำลังกาย เช่น การใช้สิ่งของล่อให้วิ่งตาม, การแข่งต้อนสัตว์, การสะกดรอย หรือการเล่นกับลูกบอลซึ่งจะทำให้พวกมันรู้สึกท้าทายทั้งด้านทางความคิดและร่างกาย การทำให้พวกมันรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินเป็นสิ่งสำคัญมากในการป้องกันไม่ให้พวกมันรู้สึกเบื่อ เนื่องจากเมื่อเชทแลนด์ ชีพด็อกเริ่มมองหาแหล่งความบันเทิงของพวกมันเองมันอาจจะกัดโซฟาของคุณหรือขุดดอกไม้ที่ปลูกไว้ในสวนหลังบ้านได้

อาหาร

อาหารที่ให้จะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพโดยรวมของพวกมัน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงควรจัดหาอาหารที่มีคุณภาพสูงและทำจากส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติทั้งหมด ควรทำการตรวจสอบฉลากอาหารเพื่อดูแหล่งโปรตีนและผักตามธรรมชาติ หลาย ๆ บริษัทพยายามใช้ข้าวโพดและถั่วเหลืองใส่เข้าไปในผลิตภัณฑ์ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้อาจเป็นอันตรายต่อระบบย่อยอาหารของสัตว์เลี้ยงได้เนื่องจากย่อยได้ยาก

ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ สุนัขควรได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการวันละ 2 ถ้วย โดยแบ่งออกเป็นสองมื้อแยกกัน ทำการวัดปริมาณอาหารของสุนัขและตรวจสอบดูปริมาณการกินเพื่อหลีกเลี่ยงโรคอ้วนและภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพอื่น ๆ เช่นเดียวกับในมนุษย์สุนัขแต่ละตัวมีความแตกต่างกันจึงเป็นเหตุผลที่ควรพิจารณาเกี่ยวกับอายุ น้ำหนัก ระดับการทำกิจกรรมและการเผาผลาญของพวกมันเมื่อทำการจัดอาหาร สำหรับสูตรอาหารที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นควรทำการปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ควรมีน้ำสะอาดให้แก่สุนัขอยู่ตลอดเวลา และทำความสะอาดชามวันละครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย การจัดหาน้ำดื่มที่สะอาดเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะหลังจากการออกกำลังกายหรือในสภาพอากาศที่ร้อน

 

โรคประจำพันธุ์

ปัญหาสุขภาพที่พบได้ทั่วไปในเชทแลนด์ ชีพด็อก มีดังนี้

  • โรคผิวหนัง
    • โรคผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ (Dermatomyositis)
  • โรคระบบประสาท
    • โรควิตกกังวล (Anxiety)
    • โรควิตกกังวลต่อการแยกจาก หรือว่าเกิดจากบาดแผลทางใจ (Separation Anxiety)
    • โรคลมชัก (Epilepsy)
  • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
    • ภาวะขาดไทรอยด์ (Hypothyroidism)
  • โรคระบบโครงกระดูก ข้อต่อ และโครงสร้าง
    • โรคกระดูกสะบ้าเคลื่อน (Patellar Luxation)
    • โรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติ (Hip Dysplasia)
  • โรคระบบเลือดและภูมิคุ้มกัน
    • โรควอนวิลลิแบรนด์ (Von Willebrand Disease)
  • โรคตา
    • ความผิดปกติของตาในสุนัขพันธุ์คอลลี่ (Collie Eye Anomaly : CEA)

 

เรื่อง : ธันยพร แท่นนอก

The post ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “เชทแลนด์ ชีพด็อก (Shetland Sheepdog)” appeared first on บ้านและสวน.


ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “พุดเดิ้ล (Poodle)”

$
0
0

ประวัติสายพันธุ์

มีแนวคิดว่าสุนัขสายพันธุ์ พุดเดิ้ล (Poodle) มาจากทวีปเอเชีย และหลังจากนั้นหลายศตวรรษต่อมาก็ได้มีการตั้งรกรากในประเทศเยอรมนี โดยในศตวรรษที่ 15 พุดเดิ้ลกลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในฝรั่งเศส ซึ่งมักมีเพียงราชวงศ์และขุนนางเท่านั้นที่เป็นเจ้าของสุนัขพันธุ์นี้

ในขณะนั้นสุนัขสายพันธุ์พุดเดิ้ลถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท (ทั้งหมดเป็นสายพันธุ์แท้ ซึ่งหมายความว่าพวกมันไม่ได้ผสมพันธุ์กับสุนัขสายพันธุ์อื่น เพื่อสร้างความแตกต่าง) ได้แก่ พุดเดิ้ล สแตนดาร์ด (Standard Poodle), พุดเดิ้ลขนาดกลาง (Mid-Sized Poodle) และพุดเดิ้ล มินิเจอร์ (Miniture Poodle) ปัจจุบันพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดและพุดเดิ้ล มินิเจอร์สามารถพบได้บ่อยที่สุดแต่พุดเดิ้ล สแตนดาร์ดจะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า

หลายปีผ่านไปพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดเริ่มถูกใช้เพื่อการล่าเป็ด พวกมันเป็นสุนัขล่าสัตว์ที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากมีความฉลาดและมีความแข็งแรง ด้วยความฉลาดนี้จึงทำให้พวกมันแตกต่างจากสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ ทำให้คณะละครสัตว์เริ่มฝึกพวกมันให้แสดงโชว์ ชนชั้นสูงของประเทศฝรั่งเศสเริ่มนำพวกมันมาอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น จนในที่สุดพวกมันก็ได้รับการพัฒนาจนมีชื่อเสียง หลังจากนั้นสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลก็ได้กลายมาเป็นสุนัขประจำชาติของประเทศฝรั่งเศสจนถึงทุกวันนี้

ต่อมาพุดเดิ้ลได้อพยพไปพร้อมกับชาวอาณานิคมเริ่มแรกและได้รับการยอมรับจาก AKC ในปีค. ศ. 1887 (รวมกันเป็นสายพันธุ์เดียวถึงแม้ว่าจะมีพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดและพุดเดิ้ล มินิเจอร์รวมอยู่ด้วยก็ตาม) นอกจากนี้พุดเดิ้ลยังเป็น 1 ใน 10 อันดับแรกของสุนัขที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอีกด้วย

 

ลักษณะทางกายภาพ

พุดเดิ้ลส่วนใหญ่มีขนที่แน่นหนา มีความหยิกและไม่ผลัดขนจึงต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นประจำ พุดเดิ้ลส่วนใหญ่มีเดียวล้วน (solid-colored) และการขึ้นทะเบียนจำนวนมากอนุญาตให้มีแค่สีทึบเท่านั้นที่สามารถแสดงโชว์ได้ ส่วน “Parti” (ย่อมาจาก parti-colored) คือพุดเดิ้ลที่มีสีเป็นหย่อมขนาดใหญ่ที่แตกต่างจากสีหลักของร่างกาย ส่วน “Phantom” คือพุดเดิ้ลมีสีดำและสีน้ำตาลแดง พุดเดิ้ลที่มีสีเดียวล้วนอาจมีสีเดิมไปตลอดชีวิต อาจจะจางลงหรือเป็นเฉดสีที่อ่อนกว่าเดิม โดยปกติบริเวณหูและขนที่หนาขึ้นจะเป็นสีเดิมมากกว่าส่วนอื่น ๆ

หางมักจะมีลักษณะฟูฟ่องแต่ในประเทศสหรัฐอเมริกามักทำการตัดหางแต่ไม่ค่อยนิยมทำในทวีปยุโรป การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในสหราชอาณาจักรและประเทศออสเตรเลีย เมื่อพุดเดิ้ลถูกตัดหางแล้วจะมีลักษณะหางเหมือนกระต่าย (หางที่สั้นมาก) ในปัจจุบันแทบจะไม่มีให้เห็นยกเว้นในโรงงานผลิตลูกสุนัข (puppy mill) ส่วนหูของพุดเดิ้ลจะมีลักษณะที่ห้อยลง

ขนาดของพุดเดิ้ล

พุดเดิ้ลมีหลายขนาดแตกต่างจากสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ โดยวัดความสูงจากพื้นไปจนถึงไหล่สำหรับตัวโตเต็มวัย ความสูงที่แน่นอนของพุดเดิ้ลแต่ละประเภทแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละประเทศ โดย kennel club ได้ทำการจำแนกพุดเดิ้ลออกเป็น 3 ขนาดคือ พุดเดิ้ล สแตนดาร์ด (Standard Poodle), พุดเดิ้ล มินิเจอร์ (Miniture Poodle) และพุดเดิ้ลทอย (Toy Poodle) ซึ่งบางครั้งเป็นขนาดของสายพันธุ์เดียวกัน แต่บางครั้งก็เป็นคนละสายพันธุ์กัน ส่วนองค์กร Fédération Cynologique Internationale ได้ทำการจำแนกจาก 1 สายพันธุ์ออกเป็น 4 ขนาด คือพุดเดิ้ล สแตนดาร์ด (Standard Poodle), พุดเดิ้ลขนาดกลาง (Mid-Sized Poodle), พุดเดิ้ล มินิเจอร์ (Miniture Poodle) และพุดเดิ้ลทอย (Toy Poodle) เฉพาะองค์กร Fédération Cynologique Internationale เท่านั้นที่ได้อธิบายถึงขนาดใหญ่สุดในพุดเดิ้ล สแตนดาร์ด ประเทศฝรั่งเศสมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวสายพันธุ์ในองค์กร ’Fédération Cynologique Internationale และในประเทศนี้มีการระบุขนาดลูกสุนัขไว้ด้วยกัน ส่วนชื่อพุดเดิ้ลทีคัพ (Tea-Cup Poodle) เป็นชื่อทางการตลาดและไม่ได้รับการยอมรับจากสถาบันสุนัขใด ๆ

องค์กร Fédération Cynologique Internationale พุดเดิ้ลจัดอยู่ในกลุ่มเพื่อนคู่หู (Companion) และสุนัขกลุ่มทอย (Toy Group) โดยใน Australian National Kennel Council และ the New Zealand Kennel Club จำแนกพุดเดิ้ลทั้ง 3 ขนาดไว้ในกลุ่มสุนัขที่ไม่ใช้ในเกมกีฬา (Non-Sporting) ส่วน Canadian Kennel Club และ American Kennel Club จำแนกพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดและ พุดเดิ้ล มินิเจอร์ไว้ในกลุ่มสุนัขที่ไม่ใช้ในเกมกีฬาเช่นเดียวกันแต่จำแนกพุดเดิ้ลทอยไว้ในสุนัขกลุ่มทอย และสุดท้ายคือ United Kennel Club จำแนกพุดเดิ้ล มินิเจอร์และพุดเดิ้ลทอยไว้ในกลุ่มเพื่อนคู่หูแต่จำแนกพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดไว้ในกลุ่มสุนัขล่าเหยื่อ (Gundog Group)

ขน

พุดเดิ้ลมีความแตกต่างจากสุนัขส่วนใหญ่ ซึ่งมักจะมีขน 2 ชั้น แต่พุดเดิ้ลมีขนเพียงชั้นเดียวที่มีความหนาและหยิก (ไม่มีขนชั้นใน) ซึ่งหลุดร่วงน้อยและอาจไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ลักษณะขนมีตั้งแต่หยาบไปจนถึงนุ่มและเป็นคลื่น

อายุขัย

พุดเดิ้ล สแตนดาร์ด (Standard Poodle) มักมีอายุประมาณ 12-15 ปี

 

ลักษณะนิสัย

พุดเดิ้ลเป็นสุนัขที่มีความมั่นใจและรักทุกคนที่มีความใกล้ชิดกับมัน บุคลิกของพุดเดิ้ลที่มักถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อย ๆ คือถูกมองว่าชอบวางมาด ปลีกตัวออกห่างจากคนแปลกหน้าและโดยทั่วไปแล้วมักจะไม่เป็นมิตร แต่แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่บุคลิกที่มีมาตั้งแต่กำเนิดของพุดเดิ้ล

พุดเดิ้ลมีความฉลาดเป็นอย่างมาก พวกมันไม่ได้เป็นเพียงสุนัขโชว์ที่มีชื่อเสียงเพียงเพราะขนที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีหรือการมีรูปร่างที่สมส่วน แต่พวกมันเป็นสุนัขที่สามารถนำมาแสดงโชว์ได้เนื่องจากมีความฉลาดมากพอที่จะเรียนรู้และฝึกฝน พุดเดิ้ลเป็นหนึ่งในสุนัขที่เชื่องและสามารถฝึกได้มากที่สุดในหลาย ๆสายพันธุ์ สิ่งที่ทำให้บุคลิกลักษณะของพุดเดิ้ลเป็นที่นิยมมากคือสามารถฝึกให้พวกมันให้ทำอะไรก็ได้

นอกเหนือจากนั้นพวกมันค่อนข้างมีความสุขุม พุดเดิ้ลมีพฤติกรรมที่สามารถช่วยดูแลและปกป้องคนที่พวกมันรักได้แต่พวกมันไม่ใช่สายพันธุ์ที่มีความก้าวร้าว พวกมันเห่าและเป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ยอดเยี่ยมได้เนื่องจากพวกมันจะเตือนให้รู้ว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามา แต่อย่างไรก็ตามหากพุดเดิ้ลไม่ได้รับการเข้าสังคมอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดที่ขึ้นชื่อในเรื่องการเก็บตัว อารมณ์ร้อน ไม่ชอบผู้คนและสุนัขตัวอื่น ๆ ความวิตกกังวลของพุดเดิ้ลเป็นเรื่องปกติในสุนัขสายพันธุ์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันมักมีภาวะวิตกกังวลต่อการแยกจากหรือว่าเกิดจากบาดแผลทางใจ (separation anxiety) พุดเดิ้ลจึงไม่ใช่สุนัขประเภทที่ถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพังเป็นระยะเวลานาน ๆ ได้

การเข้ากับเด็ก

การเข้ากันของสุนัขและเด็ก ๆโดยส่วนใหญ่แล้วขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยงสุนัข ในช่วงปีแรกของลูกสุนัขในกรณีที่พวกมันถูกล้อมรอบไปด้วยเด็ก ๆพวกมันจะเป็นเพื่อนที่ยอดเยี่ยมสำหรับเด็ก ๆพวกเขาจะเล่นด้วยกันและที่สำคัญที่สุดคือการปกป้องเด็กราวกับว่าเด็ก ๆเป็นของพวกมัน แต่อย่างไรก็ตามพวกมันมีแรงขับในการล่าเหยื่อดังนั้นในช่วงแรกพวกมันควรได้รับการควบคุมเมื่อมีการโต้ตอบ สิ่งสำคัญคือต้องสอนทั้งสุนัขและเด็ก ๆ ให้รู้ถึงวิธีการโต้ตอบที่ถูกต้องและเหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ

พุดเดิ้ล สแตนดาร์ดที่ไม่ได้รับการเลี้ยงดูมาพร้อมกับเด็ก ๆ ไม่ควรนำเข้ามาอยู่ในบ้านที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบพวกมันมีแนวโน้มที่จะหวงอณาเขตและปลีกตัวออกไป และบ่อยครั้งการขาดทักษะในการสื่อสารกับ ๆเด็กจะทำให้เกิดการตอบสนองที่ไม่ดีจากสุนัขสายพันธุ์นี้ ดังนั้นพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดจึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับบ้านที่มีเด็ก ๆที่ถูกเลี้ยงมาด้วยกันเท่านั้น

 

การดูแล

การออกกำลังกาย

พุดเดิ้ลต้องการการออกกำลังกายประมาณ 30 นาทีต่อวัน การออกกำลังกายสำหรับสุนัขสายพันธุ์นี้อาจจะไม่สำคัญเท่ากับในสุนัขสายพันธุ์อื่นแต่ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสุขภาพที่ดีและแรงขับในการไล่ล่าของพวกมัน พุดเดิ้ล สแตนดาร์ดมีแรงขับในการล่าเหยื่อและมักจะแสดงให้เห็นเมื่อพวกมันไล่ล่ากระรอกหรือเล่นในสนาม นอกจากนี้พวกมันยังสามารถว่ายน้ำได้อย่างยอดเยี่ยมและชอบวิ่งถ้ามีโอกาส

พุดเดิ้ลไม่ใช่นักผจญภัยที่จะสามารถเดินป่าเป็นเวลาหลายชั่วโมงได้แต่แน่นอนว่าพวกมันมีความแข็งแร็งและชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง หนึ่งในการออกกำลังกายที่เกิดประโยชน์สูงสุดที่สามารถให้พุดเดิ้ล สแตนดาร์ดทำได้คือการให้พวกมันได้เคลื่อนไหวและเรียนรู้ไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าเมื่อพวกมันออกไปวิ่งเล่นหรือให้ไปคาบของกลับมาคุณสามารถใช้ช่วงเวลาเหล่านี้ในการค่อย ๆสอนคำสั่งใหม่ ๆได้

อาหาร

ปริมาณอาหารที่แนะนำต่อวันสำหรับพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดคืออาหารที่มีคุณภาพสูง 2-3 ถ้วยต่อวันโดยแบ่งเป็นสองมื้อ สุนัขเหล่านี้มักมีแนวโน้มในการเลือกกินอาหารที่ไม่แน่นอน อาจต้องใช้เวลาเพื่อค้นหาสิ่งที่พวกมันชอบจริง ๆและเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกมันด้วย

เช่นเดียวกันกับสุนัขทั่ว ๆไป อายุ การเผาผลาญ น้ำหนักและระดับการทำกิจกรรมล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อทำการจัดการอาหารที่เหมาะสมสำหรับพุดเดิ้ล คอยสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดและตรวจสอบให้แน่ใจว่าอาหารมีคุณภาพสูงและพวกมันไม่ได้มีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นจนเกินไป

 

โรคประจำพันธุ์

ปัญหาสุขภาพที่พบได้ทั่วไปในพุดเดิ้ล มีดังนี้

  • โรคผิวหนัง
    • โรคผิวหนังอักเสบ (Dermatitis)
    • โรคต่อมไขมันอักเสบ (Sebaceous Adenitis : SA)
  • โรคระบบประสาท
    • โรควิตกกังวล (Anxiety)
    • โรควิตกกังวลต่อการแยกจาก หรือว่าเกิดจากบาดแผลทางใจ (Separation anxiety)
    • โรคลมชัก (Epilepsy)
  • โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
  • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
    • กลุ่มอาการคุชชิ่ง (Cushing’s Disease)
    • โรคแอดดิสัน (Addison’s Disease)
    • ภาวะขาดไทรอยด์ (Hypothyroidism)
  • โรคระบบโครงกระดูก ข้อต่อ และโครงสร้าง
    • โรคหัวกระดูกต้นขาตายจากการขาดเลือด (Legg–Calvé–Perthes disease : LCPD)
    • โรคกระดูกสะบ้าเคลื่อน (Patellar luxation หรือ Slipping kneecaps)
    • โรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติ (Hip dysplasia)
    • โรคข้อศอกเจริญผิดปกติ (Elbow dysplasia)
  • โรคระบบเลือดและภูมิคุ้มกัน
    • โรควอนวิลลิแบรนด์ (von Willebrand’s disease : vWD)
  • โรคตา
    • เส้นประสาทตาไม่เจริญ (Optic Nerve Hypoplasia)
    • โรคต้อหิน (Glaucoma)
    • โรคจอประสาทตาเสื่อม (progressive retinal atrophy)

 

เรื่อง : ธันยพร แท่นนอก

The post ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “พุดเดิ้ล (Poodle)” appeared first on บ้านและสวน.

รีโนเวตตึกแถวเก่าให้กลายเป็นบ้านเดี่ยวทันสมัยพร้อมสวนในบ้าน

$
0
0

โดยทั่วไปโครงการรีโนเวตมักเป็นความท้าทายสำหรับนักออกแบบอยู่แล้ว เนื่องจากมักต้องพบเจอข้อจำกัดมากกว่าโครงการที่ออกแบบและสร้างขึ้นใหม่ โดยเฉพาะโครงการธนบุรี 6 การ รีโนเวท ที่ต้องเปลี่ยนโฉมจากตึกแถวอายุ 20 ปี ให้กลายเป็นบ้านเดี่ยวสมัยใหม่ พร้อมสวนภายในบ้าน

DESIGNER DIRECTORY : ACA ARCHITECTS LIMITED

ในการ รีโนเวท ‘จากตึกแถวกลายเป็นบ้านเดี่ยว’ แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดา แต่ทว่าสถาปนิก ACA ARCHITECTS LIMITED โดยคุณอนนท์ จิตรานุเคราะห์ และคุณวรัญธร อินฑุภูติ กลับสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ พร้อมกับการเติมเต็มความต้องการทางด้านฟังก์ชันได้อย่างครบถ้วน

รีโนเวท ตึกเก่า

ตึกแถวหลังนี้เดิมทีเป็นบ้านคุณพ่อและคุณแม่ของคุณพีระนันท์ ฐิติพนาวัลย์ หลังจากทำงานอยู่ที่สิงคโปร์มานานหลายปี เมื่อต้องการกลับมาเมืองไทย เขาจึงต้องมองหาบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันเพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดครอบครัว แต่สุดท้ายแล้ว ด้วยข้อจำกัดหลายประการ จึงทำให้คุณพีระนันท์ และครอบครัวตัดสินใจรีโนเวตตึกแถวของตัวเองหลังนี้ใหม่ โดยเลือกรีโนเวตเฉพาะชั้น 3 และ 4 เพื่อเป็นพื้นที่พักอาศัยส่วนตัวของคุณพีระนันท์ ขณะที่ชั้นล่างเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคุณพ่อคุณแม่

รีโนเวท ตึกเก่า รีโนเวท ตึกเก่า

เมื่อได้รับโจทย์มาแล้ว ผู้ออกแบบได้เข้ามาดูความเป็นไปได้ในการออกแบบ แล้วพบว่าตึกแถวแห่งนี้ มีข้อจำกัดเรื่องแสงสว่างที่ไม่สามารถส่องเข้ามายังพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างเพียงพอ เมื่อรวมเข้ากับโจทย์จากเจ้าของบ้าน ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ไม่ชอบเปิดเครื่องปรับอากาศ และชอบธรรมชาติเป็นทุนเดิม ผู้ออกแบบจึงรื้อผนังเดิมของทั้งสองชั้นนั้นออก แล้วทำการกั้นห้องใหม่ โดยแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอนหลัก และห้องนอนของลูกในอนาคต โดยยังเก็บบันไดเดิมไว้ เนื่องจากโครงสร้างยังมีความแข็งแรงและสวยงามอยู่

รีโนเวท ตึกเก่า

นอกจากนี้ยังแก้ปัญหาคลาสสิกของตึกแถวอย่างปัญหาความอับทึบ ด้วยการเจาะพื้นระหว่างชั้น 3 กับ ชั้น 4 บริเวณตำแหน่งชิดผนังกลางบ้านให้เกิดเป็นช่องเปิดขนาดใหญ่ ช่วยดึงแสงธรรมชาติให้เข้ามาในบ้านได้อย่างทั่วถึง ทั้งยังได้ประโยชน์ในเรื่องของลมที่พัดเข้ามาจากช่องเปิดด้านบนหลังคาสกายไลท์ ทำให้บ้านหลังนี้เย็นสบาย และมีแสงสว่างตลอดทั้งวัน

รีโนเวท ตึกเก่า

นอกจากนั้นยังออกแบบช่องเปิดต่าง ๆ ให้มีขนาดใหญ่ และเปิดใช้งานได้สะดวกตามความต้องการของคุณพีค ที่ชอบเปิดรับลมธรรมชาติมากกว่าการเปิดเครื่องปรับอากาศ  ผู้ออกแบบจึงออกแบบบริเวณหน้าบ้านใหม่ในคราวเดียวกัน โดยดันสเปซฝ้าเพดานให้สูงขึ้นมากที่สุดตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อให้บ้านดูโปร่งโล่ง ส่งผลให้ระดับความสูงภายในห้องนอนชั้น 4 สูงกว่าตึกแถวทั่วไป สร้างความรู้สึกน่าพักผ่อน และไม่รู้สึกถูกกดทับจากสเปซที่อึดอัด ราวกับไม่ได้อยู่ในตึกแถวอย่างเคย

รีโนเวท ตึกเก่ารีโนเวท ตึกเก่า

ด้านการตกแต่งภายในเน้นความเรียบง่าย และการใช้วัสดุจากธรรมชาติเป็นหลัก โดยมีคุณอนนท์ จิตรานุเคราะห์ เป็นผู้ดูแลให้ในทุกรายละเอียด ธีมการใช้สีจึงออกมาเป็นสีโทนเทาและเขียว ตัดกับสีน้ำตาลอบอุ่นจากไม้จริง เพื่อแสดงให้เห็นความสวยงามของสัจวัสดุ ทั้งวงกบจากไม้สักและเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่นำมาตกแต่ง นอกจากนั้นยังออกแบบตู้บิลท์อินสำหรับใช้เก็บฟิกเกอร์ของสะสมให้คุณพีคเป็นพิเศษ โดยให้ตู้ทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ไม่รู้สึกขวางกั้นสเปซ อีกทั้งยังออกแบบให้หยิบจับ และทำความสะอาดตู้ได้ง่ายลดการสะสมของฝุ่น

รีโนเวท ตึกเก่า

นอกจากการรีโนเวตภายในแล้ว การรีโนเวตภายนอกก็เป็นสิ่งที่ผู้ออกแบบให้ความสำคัญ เนื่องจากต้องการให้ภาพรวมของการรีโนเวตกลายเป็นหนึ่งเดียว โดยเลือกรีโนเวตเฉพาะเปลือกอาคารด้านนอกบริเวณชั้น 3 และ 4 เท่านั้น โดยติดตั้งฟินที่ทำจากไม้เนื้อแข็งตามตำแหน่งเดียวกับวงกบหน้าต่าง เพื่อไม่ให้เกิดเส้นสายที่เยอะจนเกินไป อีกทั้งสีของไม้ยังตัดกับสีเขียวที่ทาบนผนังบ้าน

รีโนเวท ตึกเก่ารีโนเวท ตึกเก่า

แม้ว่าข้อจำกัดด้านการออกแบบตึกแถวหลังนี้ จะเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาความไม่โปร่งสบายอย่างที่บ้านเดี่ยวควรจะมี แต่ความท้าทายจริง ๆ ในการออกแบบโครงการนี้ ผู้ออกแบบกลับเล่าว่าเป็นขั้นตอนการก่อสร้างเสียส่วนใหญ่

รีโนเวท ตึกเก่า

เนื่องจากชุมชนโดยรอบค่อนข้างมีความหนาแน่น  อีกทั้งซอยที่ตั้งของตึกแถวยังเป็นซอยที่ค่อนข้างเล็กและแคบ ทำให้ไม่สะดวกขณะทำงาน หรือมีรถเข้า-ออก รวมไปถึงการรีโนเวตเฉพาะชั้น 3 และ 4 ต้องแลกมากับความอดทนของทุกฝ่าย ที่ต้องอยู่กับเสียงดัง ฝุ่น และกลิ่นจากการก่อสร้างอยู่พักใหญ่ กว่าการรีโนเวตครั้งนี้จะแล้วเสร็จ จนกระทั่งสุดท้ายก็เสร็จทันช่วง Work from Home พอดี คุณพีคจึงได้ใช้พื้นที่เองจริง ๆ อย่างเต็มศักยภาพ ในพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่อาศัยในบ้านเดี่ยวมากกว่าตึกแถวอย่างที่ตั้งใจ

รีโนเวท ตึกเก่า

เจ้าของ  คุณพีระนันท์ ฐิติพนาวัลย์
ออกแบบ  คุณอนนท์ จิตรานุเคราะห์ และคุณวรัญธร อินฑุภูติ
ACA ARCHITECTS LIMITED | www.anonc-architect.com
โทร. 08-1638-9556

เรื่อง     Ektida N.
ภาพ      นันทิยา, Nut Sangthongchay

The post รีโนเวตตึกแถวเก่าให้กลายเป็นบ้านเดี่ยวทันสมัยพร้อมสวนในบ้าน appeared first on บ้านและสวน.

สวนสไตล์สเปนข้างบ้าน ที่เรียบง่ายแต่โก้หรู

$
0
0

หลังจากมองหาที่ดินเพื่อปลูกบ้านอีกหลังย่านชานเมือง คุณช้างและคุณออร์แกน ทวีปิยมาภรณ์ เลือกปลูกบ้านทรงสเปนตามที่บริษัทรับเหมาสร้างบ้านแห่งหนึ่งออกแบบให้ เป็นบ้านหลังใหญ่ที่เรียบโก้และดูอบอุ่นบนเนื้อที่ประมาณ 300 ตารางวา ในขณะที่กำลังก่อสร้างบ้าน คุณออร์แกนก็มองหานักจัดสวนที่จะมาออกแบบสวนให้เข้ากับบ้านหลังใหม่เป็นสวนสไตล์สเปนไปพร้อมกัน

ทางเดินจากหน้าบ้านไปยังศาลาในสวน ปูพื้นด้วยกระเบื้องดินเผาวางสลับลายก้างปลาเพิ่มลูกเล่น ลดทอนความยาวของทางเดินด้วยการทำพื้นต่างระดับ เพิ่มระเบียงลูกกรงที่เปลี่ยนมาจากกำแพงอิฐเดิมที่ออกแบบไว้เพื่อให้ดูโปร่งมากขึ้น ตั้งกระถางเอิร์นที่สั่งจากต่างประเทศ และประดับโคมไฟเพื่อให้แสงสว่าง ด้านในสองข้างทางเดินปลูกสนมังกรต้นสูงสลับกับไม้พุ่มตัดแต่ง ให้อารมณ์โก้หรูตามแบบฉบับสวนสเปน

“เดิมเป็นบ้านเก่า 3 หลังบนที่ดิน 3 แปลงค่ะ เราทุบทิ้งทั้งหมดและให้บริษัทออกแบบสร้างบ้านหลังใหม่ ดูอยู่สองบริษัท อีกแบบเป็นสไตล์ยุโรปหรูหรา แต่ดูเยอะไปไม่ใช่เรา ออร์แกนอยากได้บ้านที่ดูชิลๆ น่าอยู่มากกว่า เลยเลือกบ้านทรงสเปนของอีกบริษัทค่ะ บ้านหลังนี้สร้างมา 3 ปีแล้ว ส่วนสวนใช้เวลาประมาณ 1 ปีต้นไม้ถึงโตอย่างที่เห็น ทั้งหมดนี้คือเริ่มจากที่โล่งๆ ไม่มีอะไรเลย” คุณออร์แกนเริ่มเล่าที่มาของบ้านและสวนแห่งนี้ให้ฟัง

“ระหว่างที่สร้างบ้าน ก็อยากทำสวนไปพร้อมๆ กันด้วยเลย ดูตามเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หาไปเรื่อยๆ ก็ดูอยู่หลายบริษัท ดูว่าใครทำสวนสไตล์ไหน จนได้เห็นผลงานของ คุณซี – กนกวรรณ ณ พัทลุง กับ คุณมอร์ – อัศนัย แก่นจันทร์ ในนิตยสารบ้านและสวน คิดว่าน่าจะทำสวนตามแบบที่เราชอบให้ได้ค่ะ ลองโทร.คุยให้เข้ามาดูพื้นที่ โจทย์ที่ให้ไปก็คืออยากได้สวนแบบยุโรปและชอบสีสัน คุณซีก็ออกแบบมาให้ดู เขาแบ่งโซนสวนเป็นสัดส่วน มีลูกเล่นในแต่ละมุม มีศาลา ชิงช้า สนามหญ้า ผนังและซุ้มเหล็กดัด มีทางเดินที่เดินวนไปได้รอบๆ สวน และสามารถเดินจากห้องนั่งเล่นในบ้านออกมาที่สวนได้เลย เราดูแล้วก็โอเคเลยค่ะ คือเราบอกไปแค่คร่าวๆ ว่าอยากได้อะไร แล้วคุณซีก็ออกแบบลงรายละเอียดเพิ่มมาให้ ถูกใจค่ะ

สวนหน้าบ้านด้านหนึ่งทำเป็นที่นั่งรอบโคนต้นไม้ใหญ่ พื้นปูหินแกรนิตลูกเต๋า อีกฝั่งเป็นสนามหญ้ากว้าง มีบ่อน้ำพุขนาดใหญ่ที่สั่งทำขึ้นใหม่เป็นพิเศษ ด้านหลังเป็นกำแพงต้นข่อยพุ่มแน่นสีเขียวเข้ม เป็นมุมสวนที่ดูเป็นระเบียบเรียบง่ายแต่ก็โก้หรูในที
สวนครัวเป็นความต้องการของคุณออร์แกนที่อยากทำให้ลูกๆ คุณซีเลือกพื้นที่แคบยาวข้างบ้าน ออกแบบเป็นกระบะอิฐทำเป็นแปลงปลูกผักสวนครัวแบบง่ายๆ ผนังตีระแนงไม้สูงทาสีขาว ปูพื้นด้วยแผ่นซีเมนต์ปูพื้นทางเดินสำเร็จรูปวางลายทแยงเพิ่มลูกเล่น
น้องภาคย์ น้องภริม และน้องภิญญ์ กับกิจกรรมปลูกผักสวนครัวในวันว่าง

“ส่วนเรื่องต้นไม้ก็ให้ผู้ออกแบบเลือกให้เลยค่ะ เพราะเราไม่ค่อยรู้เรื่องต้นไม้ ที่ขอเป็นพิเศษก็คืออยากได้พวงคราม โดยคุณซีจะเลือกสิ่งต่างๆ มาให้ก่อนในระดับหนึ่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้น กระถาง ของตกแต่ง ส่งรูปมาให้ดูทางไลน์ว่าชอบแบบนี้ไหม เอาแบบนี้ดีไหม ของตกแต่งส่วนหนึ่งออร์แกนเจอแล้วซื้อเก็บไว้ เช่น น้ำพุ บางชิ้นคุณซีเจอก็ส่งมาให้ดูว่าชอบไหม ถ้าโอเคเราก็ไปซื้อ คุยปรึกษากัน ช่วยกันคิด บางชิ้นก็ต่างคนต่างไปเจอแต่เป็นชิ้นเดียวกัน ออร์แกนกับคุณซีชอบอะไรคล้ายๆ กันด้วยค่ะ หลายๆ อย่างเรามีความเห็นตรงกัน ชอบเหมือนกัน ที่เขาเสนอมาก็เออน่ารักดี ชอบค่ะ”

สวนรอบบ้านพื้นที่รวมเกือบ 100 ตารางวา แบ่งออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือ สวนหน้าบ้านที่เน้นความเรียบโก้ มีเพียงสนามหญ้ากว้างและน้ำพุสไตล์ยุโรป สวนข้างบ้านที่ทำเป็นแปลงปลูกผักสวนครัวสำหรับเด็กๆ สวนหลังบ้านพื้นที่แคบยาวเป็นที่ตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์จำนวนมากที่ออกแบบเป็นทางเดินคดโค้งตามที่เจ้าของบ้านต้องการ ขนาบข้างด้วยสนมังกรต้นสูงและไม้พุ่มตัดแต่งที่ยังคงให้กลิ่นอายของสวนสเปน และไฮไลต์สำคัญคือสวนคอร์ตยาร์ดอีกด้านของตัวบ้าน เป็นพื้นที่สวนหลักที่ประกอบด้วยสนามหญ้ากว้าง มุมชิงช้า และศาลาขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการผสมผสานสไตล์สวนอังกฤษและสวนสเปนไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

ศาลาในสวนหลังใหญ่เป็นมุมรับแขกและทำกิจกรรมของครอบครัว พื้นปูกระเบื้องโมเสกที่ออกแบบและสั่งทำเป็นพิเศษ เน้นสีสันสดใสและลายนกกับดอกไม้ในแบบที่คุณออร์แกนชอบ ตกแต่งด้วยกระถางต้นไม้หลากหลายขนาด และรูปปั้นสีสันสดใส ให้อารมณ์ของสวนสเปน
ถัดจากศาลาเห็นประตูเหล็กดัดที่คุณซีออกแบบเป็นทรงโค้งล้อกับซุ้มประตูหน้าต่างของบ้าน แต่ทาสีดำให้ดูแตกต่างและชวนให้เดินเข้าไปชมสวนด้านใน ปลูกสนมังกรต้นสูงและไม้พุ่มตัดแต่งทรงกลมตามแบบของสวนในยุโรป
มุมชิงช้านั่งเล่นของเด็กๆ ซึ่งเปลี่ยนจากบ่อปลาตามที่ออกแบบไว้เดิม เพราะไม่อยากมีภาระต้องคอยดูแลให้ยุ่งยาก ซุ้มชิงช้าใช้เส้นตรงที่ดูเรียบง่าย และทาสีเขียวให้ดูกลืนไปกับต้นไม้รอบๆ ไม่ให้ดูเด่นจนเกินไป วางกระถางเทอราคอตตาสีส้มเด่นเติมสีสันความเป็นสวนสเปน

“พอได้โจทย์ว่าเป็นสวนสเปนก็ทำการบ้านเลยค่ะ หาข้อมูลว่าสวนสเปนต้องประมาณไหน มีองค์ประกอบอะไรบ้าง เราแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนแยกจากกัน โซนศาลานั่งเล่นใช้สำหรับรับแขกของคุณพ่อคุณแม่ ส่วนสนามหญ้าด้านในเป็นโซนสำหรับเด็กๆ ได้วิ่งเล่นกัน วางผังแบบสวนประดิษฐ์  (Formal Garden) ที่มักเห็นตามสวนในประเทศแถบยุโรป ใช้ต้นไม้ตัดแต่งในบางส่วน และใส่ดีเทลความเป็นสวนสเปนด้วยไม้ดอกหลากสีสัน พวกสีส้ม สีน้ำเงิน มีน้ำพุ รูปปั้น ซุ้มเหล็กดัดทรงโค้ง และกระถางเอิร์นปลูกต้นไม้สวยๆ” คุณซีเล่า

“สไตล์สวนจะก่ำกึ่งระหว่างสวนอังกฤษกับสวนสเปน หลักๆ คือเรื่องของสีสัน โทนหลักเป็นสีเทา สีดำ แล้วเติมสีของต้นไม้ดอกไม้ สีกระเบื้อง ของตกแต่งเพื่อให้มีกลิ่นอายของสวนสเปน ต้นไม้ที่เลือกก็ใช้กับสวนอังกฤษได้นะคะ เพียงแต่เติมสีสันของดอกไม้เข้าไปให้มากขึ้น จะมีต้นไม้ตัดแต่ง ไม้ฟอร์ม ใช้สนมังกร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสวนสเปน ส่วนพวกของตกแต่ง โคมไฟ กระถาง คุณออร์แกนกับซีช่วยกันหา ช่วยกันเลือกค่ะ คุยปรึกษากันตลอด”

ด้านหลังบ้านพื้นที่แคบมากและวางคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้หลายตัว เดิมเป็นแค่พื้นที่โล่งโรยหินแกลบ ก็เปลี่ยนเป็นทางเดินคดโค้งตามแบบที่เจ้าของบ้านอยากได้ พื้นปูคอบเบิลสโตน ปลูกสนมังกรและไม้พุ่มตัดแต่งตลอดสองข้างทาง นับเป็นมุมเล็กๆ ที่แสดงถึงความใส่ใจของผู้ออกแบบ
รั้วสูงด้านหลังถูกบังด้วยกำแพงต้นข่อยสูง ตกแต่งด้วยซุ้มเหล็กดัดทรงโค้งทาสีดำตามแบบของสวนสเปน เพิ่มมิติด้วยไม้ตัดแต่งทรงพุ่มที่ด้านหน้า วางเอิร์นเทอราคอตตาโบราณที่สั่งนำเข้าจากต่างประเทศ จำนวนไม่ต้องมาก แต่ดูโก้

“ด้วยสถาปัตยกรรมของบ้าน กับสวนสเปนที่ออร์แกนชอบอยู่แล้ว คุณซีทำออกมาได้ถูกใจค่ะ สวนนี้อาจใช้เวลาทำนานนิดหนึ่ง เราค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ เพราะต้องรอกระเบื้อง รอของตกแต่งต่างๆ กระถางเอิร์นก็สั่งจากต่างประเทศ หรืออย่างพื้นกระเบื้องโมเสกที่ศาลาก็จ้างเขาออกแบบใหม่ทั้งหมดค่ะ ให้พอดีกับขนาดของศาลา และได้ลายอย่างที่เราชอบ สวนใหญ่ขนาดนี้แต่ดูแลไม่ยากค่ะ คุณซีติดตั้งระบบสปริงเกลอร์ไว้ให้หมดแล้ว แต่ก็มีบางจุดที่ต้องรดมือบ้าง อย่างพวกไม้กระถางแขวน เราตัดแต่งต้นไม้กันเองค่ะ แต่ส่วนใหญ่คุณพ่อซึ่งท่านเกษียณแล้วเป็นผู้ดูแล ท่านชอบตัดต้นไม้ ตัดหญ้า ทำแล้วมีความสุข ได้ออกกำลังไปด้วยในตัวค่ะ”

คุณซี – กนกวรรณ ณ พัทลุง ผู้ออกแบบสวนแห่งนี้
ลูกกุญแจที่คุณออร์แกนซื้อมาจากประเทศออสเตรเลีย อีกหนึ่งของสะสมที่ซื้อเก็บไว้เพราะชอบ เป็นของตกแต่งที่ช่วยเติมเรื่องราวให้สวนแห่งนี้ดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

เรื่อง : วชิรพงศ์ หวลบุตตา

ภาพ : อภิรักษ์  สุขสัย

เจ้าของ : คุณช้าง – คุณออร์แกน  ทวีปิยมาภรณ์

ออกแบบ : ร่มรื่นแลนด์สเคป โดยคุณกนกวรรณ ณ พัทลุง และคุณอัศนัย แก่นจันทร์

โทรศัพท์ 09-4464-2914

สวนชนบทอังกฤษบนดาดฟ้า

Prairie ดินเนอร์กลางทุ่งหญ้าสไตล์ฝรั่งเศส ที่เชียงใหม่

สวนในทุ่งกว้างแบบชนบทฝรั่งเศส

The post สวนสไตล์สเปนข้างบ้าน ที่เรียบง่ายแต่โก้หรู appeared first on บ้านและสวน.

ประหยัดค่าไฟได้สูงสุด 60% ด้วยหลังคาพลังงานสะอาดจาก SCG SolarRoof Solutions

$
0
0

เคยลองคำนวณไหมว่าเดือนๆหนึ่งคุณเสียค่าไฟที่บ้านกันเดือนละกี่บาท?แล้วจะดีกว่าไหมถ้ามีตัวช่วยในการลดค่าไฟได้สูงสุด 60%ต่อเดือนด้วยการลงทุนแค่ครั้งเดียวที่เหลือนอนนับเงินไว้ไปใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ ในบ้านได้แบบระยะยาว

เรากำลังพูดถึงการติดแผงโซลาร์เซลล์ที่เราเคยได้ยินชื่อมานานสักพักแต่ส่วนใหญ่มักใช้ในพื้นที่โครงการต่างๆโรงงานหรือว่าพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลแต่วันนี้การติดแผงโซลาร์เซลล์จะเป็นเรื่องง่ายและใกล้ตัวยิ่งขึ้นเมื่อ SCG ได้พัฒนาให้ประยุกต์ใช้กับที่อยู่อาศัยขนาดเล็กได้แล้วด้วย SCG Solar Roof Solutions

SCG Solar Roof Solutions เหมาะกับบ้านแบบไหน?

หลังคาโซลาร์เหมาะกับบ้านที่ใช้ไฟฟ้าเยอะในช่วงกลางวัน เพราะเป็นช่วงทีแผงโซลาร์เซลล์ได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพโดยจะแปรเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับเป็นไฟฟ้ากระแสตรงที่ใช้งานได้ทันทีและด้วยกระบวนการPhotovoltaic Effectกระแสไฟจะส่งไปยังอินเวอร์เตอร์เพื่อแปลงพลังงานไฟฟ้ากระแสตรงเป็นกระแสสลับเพื่อให้สามารถใช้งานกับเครื่องไฟฟ้าภายในบ้านได้หรือหากเหลือก็ยังสามารถขายคืนให้กับการไฟฟ้าได้อีกด้วย

ข้อควรรู้ก่อนติดโซลาร์

สำหรับใครที่อยากติดโซล่าร์ที่บ้านนอกเหนือจากการดูเรื่องราคาแล้ว อยากให้คำนึงถึงรูปแบบการ ให้บริการ คุณภาพของสินค้าที่เลือกใช้ และบริการหลังการขาย เพราะการติดโซล่าร์ไม่ใช่แค่ 1-2 ปี แล้วจบไป แต่โซล่าร์จะอยู่คู่หลังคาบ้านคุณไปอีก 20-30 ปี สำหรับใครที่สนใจอยากติดโซล่าร์กับทาง SCG ก็มั่นใจได้เลย ครับ เพราะนอกจากจะมีบริการที่ครบวงจร คุณภาพโซล่าร์ที่ได้รับมาตรฐานระดับสากลแล้ว ยังมีบริการหลัง การขายที่รับประกันถึง 25 ปีโดย SCG อีกด้วย หากคุณตัดสินใจจะติดแล้วละก็ทีมงานจาก SCG ก็พร้อมเข้า ให้บริการเช่นเดียวกัน ผ่าน 5 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

1.ทีมวิศวกรเข้าสำรวจหน้างานเพื่อตรวจเช็คสภาพและดูความพร้อมของพื้นที่

2.ออกแบบระบบโซลาร์ด้วยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญให้เหมาะสมกับขนาดของบ้านทิศทางที่ต้องติดตั้งและความปลอดภัยของระบบ

3.ดำเนินการขออนุญาตจากภาครัฐก่อนถึง 3 หน่วยงาน คือ 1)เขต หรือ เทศบาล 2)MEA หรือ PEA 3)คณะกรรมการกองกำกับการพลังงานซึ่ง SCG ดำเนินการให้ทั้งหมด

4.ติดตั้งระบบโดยทีมช่างมืออาชีพโดยหายห่วงเรื่องปัญหาหลังคารั่วด้วยระบบ Solar Fix ติดตั้งโซล่าร์โดยไม่ต้องเจาะหลังคาให้เสี่ยงรั่ว

5.ตรวจเช็คระบบและส่งมอบงานเพื่อความมั่นใจตลอดอายุการใช้งาน

บ้านหลังคาทรงไหนถึงจะติดตั้งแผงโซลาร์บ้าง?

จะหลังคาทรงไหนก็ติดได้จัดมาเลยไม่ว่าบ้านคุณจะเป็นหลังคาทรงจั่ว ปั้นหยา หมาแหงน หรือสแลปก็สามารถติดได้เพราะในฐานะที่ SCG เป็นผู้ผลิตกระเบื้องหลังคามานานกว่า 80 ปี จึงมีความเชี่ยวชาญด้านหลังคาเป็นพิเศษ ได้ออกแบบนวัตกรรมSolar FIX (จดสิทธิบัตรใช้ได้เฉพาะ SCG เท่านั้น) เป็นนวัตกรรมยึดแผงโซลาร์กับผืนหลังคาแบบพิเศษโดยไม่ต้องเจาะกระเบื้อง ช่วยป้องกันปัญหาหลังคารั่วที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทำให้เจ้าของบ้านมั่นใจได้ว่าหลังคาบ้านคุณจะไม่รั่วอย่างแน่นอนทั้งยังสามารถติดได้ทั้งบ้านเก่าและบ้านใหม่

ลดค่าไฟฟ้าจริง เช็คได้ด้วยแอปพลิเคชัน

หลายๆคนยังคงคาใจว่าติดโซลาร์แล้วช่วยลดค่าไฟได้จริงไหม? หายสงสัยได้เลยเพราะคุณสามารถดูการประหยัดไฟแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชันSCG Solar Solutions ได้ง่ายๆสามารถเรียกดูได้ทั้งแบบรายวันรายเดือนและรายปียิ่งไปกว่านั้นคุณยังสามารถติดตามการทำงานและการผลิตไฟฟ้าของแผงโซลาร์เซลล์ได้ตลอดเวลาที่คุณต้องการอีกด้วย

บอกเลยว่าไม่ติดไม่ได้แล้วเพราะมีแต่คุ้มกับคุ้มยิ่งช่วงนี้ที่หลายคนเริ่มหันมาทำงานที่บ้านแทนหรือเปลี่ยนบ้านเป็นโฮมออฟฟิศหากได้เปิดแอร์เย็นๆทั้งวันได้แบบไม่ต้องกลัวค่าไฟพุ่งสูงแถมได้นั่งทำงานเย็นๆแบบสบายใจหรือบ้านไหนที่มีคุณพ่อคุณแม่เกษียณแล้วก็เหมาะมากๆเรียกว่าสร้างความสะดวกสบายไม่ต้องออกไปไหนก็มีความสุขง่ายๆได้ที่บ้านเรา

สำหรับผู้อ่านท่านใดที่กำลังวางแผนติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/39EOp4P หรือติดต่อ SCG Experience , SCG Home Solution และ SCG RoofingCenter ทั่วประเทศ หรือสามารถโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ SCG HOME Contact Center 02-586-2222 หรือเปิดสำรวจหน้างานผ่านออนไลน์ได้ที่ SCGHome.com

The post ประหยัดค่าไฟได้สูงสุด 60% ด้วยหลังคาพลังงานสะอาดจาก SCG SolarRoof Solutions appeared first on บ้านและสวน.

เยี่ยมโรงเรือนบรอมีเลียหรือสับปะรดสีหลากชนิด พร้อมวิธีการปลูกแบบมืออาชีพ

$
0
0

ด้วยสีสันที่สดใสและรูปทรงที่หลากหลายของทั้งใบ ดอกและทรงต้นที่งามราวกับผลงานศิลปะที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ทำให้คุณอ๊อตโต้- ทินกร กำลังงามเริ่มหลงเสน่ห์ในบรอมีเลียหรือสับปะรดสี รวมไปถึงต้นไม้ในวงศ์ Bromeliaceae ชนิดอื่นๆ จนเริ่มปลูก สะสมและเพาะพันธุ์สำหรับประกวดและจำหน่ายจนเต็มโรงเรือน ทำให้ OTTO Bromeliad กลายเป็นโรงเรือนสับปะรดสีที่น่ามาเที่ยวชมและล้วงความลับในการปลูกมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย

นอกจากโรงเรือนบรอมีเลียดแล้ว ที่ OTTO Bromeliad ยังปลูกต้นไม้สายพันธุ์ต่างๆไว้หลายชนิด โดยแบ่งตามลักษณะการอยู่อาศัยของต้นไม้ชนิดนั้น เช่นต้นไม้ทนแล้งและต้นไม้ที่ชอบความชุ่มชื้น
โรงเรือนสำหรับปลูกและเพาะพันธุ์ดิกเกียหรือสับปะรดหนาม หนึ่งในต้นไม้วงศ์ของสัปะรดสีที่ชื่นชอบอากาศแห้งแล้ง ซึ่งในธรรมชาติจะพบในแถบอเมริกาใต้ตามโขดหินบนภูเขา
ดิกเกียสายพันธุ์ต่างๆมีจุดเด่นที่สีใบเขียวเทาและขอบใบมีหนามเหมือนฟันปลาฉลาม ปัจจุบันเป็นที่ต้องการมากโดยเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบต้นไม้อวบน้ำและต้นไม้ทนแล้ง
Dyckia distachya นำมาปลูกใส่กระถางตั้งไว้กลางแจ้ง
Dyckia choristaminea นำมาปลูกในสวนให้ความรู้สึกเหมือนต้นไม้คลุมดินฟอร์มสวย

 

การสร้างโรงเรือนสับปะรดสี

ที่โรงเรือนอ๊อตโต้ บรอมีเลียด(OTTO Bromeliad) ของคุณอ็อตโต้ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ คุณอ๊อตโต้ได้เป็นคนออกแบบโรงเรือนด้วยตนเองทั้งหมด  โดยแต่ละเรือนจะใช้ปลูกพรรณไม้ต่างประเภทกันเพื่อให้สิ่งแวดล้อมภายในโรงเรือนเหมาะสมกับการเจริญเติบโดของพรรณไม้ชนิดนั้นๆมากที่สุด เช่นต้นไม้ทนแล้งหรือไม้ทะเลทรายจะใช้หลังคากันฝนแบบโปร่งแสงให้แดดช่วยให้อากาศภายในชื้นน้อยที่สุด แต่ก็ยังต้องเปิดด้านข้างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ส่วนในโรงเรือนของบรอมีเลียจะแบ่งออกเป็น 2 เรือนใหญ่คือ พวกดิกเกียหรือสับปะรดหนาม และสับปะรดสีทั่วไป เนื่องจากดิกเกียจะมีความแตกต่างจากสับปะรดสีทั่วไปคือจัดอยู่ในกลุ่มต้นไม้ทนแล้ง ต่างจากสับปะรดสีทั่วไปที่ส่วนใหญ่ชอบความชุ่มชื้น ดังนั้นโรงเรือนของดิกเกียจะเปิดให้อากาศผ่านระบายถ่ายเทได้สะดวก พื้นปูด้วยคอนกรีตเพื่อง่ายต่อการทำความสะอาดและแห้งเร็ว ส่วนโรงเรือนสับปะรดสีอื่นจะปูด้วยดินโรยกรวดที่ช่วยสะสมความชุ่มชื้นได้ตลอดวัน หากพื่้นที่ปลูกมีแสงแดดจัด ความชื้นสัมพันธ์น้อย ก็จะทำให้เกิดอาการใบเหลืองจากแดด และอาจทำให้ใบไหม้ได้

“สิ่งสำคัญคือต้องกรองแสงด้วยหลังคาสแลนกรองแสงอย่างน้อย 50% ถึงแม้จะเป็นสับปะรดสีที่ปลูกกลางแดดได้อย่าง แอคเมีย โฮเฮนเบอร์เกีย และนีโอเรเจเลียก็ตาม สำหรับใครที่ต้องการปลูกสับปะรดสีในสวนทั่วไปควรปลูกในที่ซึ่งได้รับแสงเพียงครึ่งวันเช้า เพราะแดดในช่วงบ่ายอาจแรงเกินไปโดยเฉพาะในฤดูร้อน ” คุณอ๊อตโตเล่า

ความแตกต่างระหว่างโรงเรือนสำหรับปลูกสับปะรดสีพวกดิกเกียกับสับปะรดสีทั่วไป แม้มีการกรองแสงคล้ายกันแต่ประเด็นหลักที่ทำให้ต้องแยกกันปลูกคือความชื้นภายในโรงเรือน
Hohenbergia leopaldo-horstii variegata หนึ่งในต้นสับปะรดสีที่คุณอ๊อตโต้- ทินกร กำลังงาม เจ้าของสวนภูมิใจด้วยสีสันและทรงต้นที่สวยงามไร้ที่ติ

วัสดุปลูกและการดูแล

แม้บรรยากาศในโรงเรือนหรือภายในสวนควรต้องชุ่มชื้น แต่วัสดุปลูกหรือเครื่องปลูกไม่ควรแฉะจนเกินไปหรือเกิดน้ำขังได้ง่าย วัสดุปลูกที่คนทั่วไปสามารถใช้ปลูกสับปะรดสีได้ก็ได้แก่กาบมะพร้าวสับอย่างเดียวได้เลย แต่ควรแช่น้ำไว้ 3 วันก่อนใช้ อาจผสมกับถ่านและอิฐมอญทุบด้วยก็ได้ สำหรับผู้ที่จะปลูกสับปะรดสีในสวนแนวตั้งควรใช้รากชายผ้าสีดาแห้งจะช่วยสะสมความชื้นได้ดีที่สุด

สามารถบำรุงโดยปุ๋ยสูตรเสมอหรือปุ๋ยละลายช้าโรยด้านบนวัสดุปลูกในช่วงเวลาเย็น และต้องเลือกกระถางให้เหมาะสมกับต้นและดินในกระถาง อาจใช้กระถางที่มีขนาดเล็กกว่าต้นก็ได้ เพราะยิ่งกระถางใหญ่ ปริมาณวัสดุปลูกยิ่งมาก ความชื้นก็จะยิ่งเยอะเกินไปและระบายน้ำได้ช้าอาจส่งผลให้เกิดโรคเกี่ยวกับเชื้อราและเน่าได้ง่าย ส่วนการรดน้ำจะรดทุกวันก็ได้ หรือจะวันเว้นวันก็ได้ สิ่งสำคัญคือสังเกตอย่าให้น้ำที่ขังตรงกลางต้นแห้ง

ส่วนดิกเกียจะใช้วัสดุปลูกที่แตกต่างกันออกไปคือเน้นให้โปร่งและระบายน้ำง่ายเช่นดินปนทรายผสมกับกาบมะพร้าวสับละเอียด เช่นเดียวกับการให้น้ำ ควรให้เพียงอาทิตย์ละ 1-2 ครั้งก็พอ ในช่วงฤดูฝนสามารถหยุดให้น้ำไปได้เลย

ทิลแลนด์เซียหรือสับปะรดอากาศ เป็นหนึ่งในสมาชิกวงศ์สับปะรดสี (Bromeliaceae) หรือที่หลายท่านคุ้นเคยกันดี ซึ่งเคราฤาษีก็เป็นหนึ่งในนั้น
Neoregelia Wild Rabbit สีสันและลวดลายที่จัดจ้านทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดในขณะนี้
Orthophytum แตกหน่อเตรียมสำหรับแยกเพื่อไปเพาะเป็นต้นใหม่ต่อไป

การขยายพันธุ์

วิธีขยายพันธุ์ที่ง่ายที่สุดคือการแยกหน่อ โดยตัดหน่อที่ตัดแยกออกมาแล้วควรทาด้วยปูนแดงหรือยากันเชื้อราทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์แล้วจึงนำไปชำบนกาบมะพร้าวสับ โดยรากจะออกบริเวณโคนกาบใบ ให้น้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

การเพิ่มมูลค่าและเพิ่มความสนุกในการปลูกบรอมีเลียดหรือสับปะรดสีคือการผสมให้ได้สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งอาจได้ลูกผสมที่สวยกว่าเดิมหรือด้อยกว่าเดิมก็ได้ โดยจะทำโดยการนำเอาเกสรตัวผู้จากต้นพ่อไปผสมอยู่ในเกสรตัวเมียของต้นแม่จากต้นที่กำลังออกดอกอยู่ รอจนต้นเกิดเมล็ดและนำไปเพาะเป็นต้นใหม่

“มีสูตรที่คนในวงการบอกกันต่อมาว่าต้นลูกจะได้สีและลายของใบจะได้จากต้นที่เป็นเกสรตัวผู้ และลักษณะรูปทรงต้นไม้จากต้นที่เป็นเกสรตัวเมีย แต่สำหรับผมก็ไม่จริงเสมอไป มันเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของการปลูกสับปะรดสีคือการลุ้นว่าลูกที่เกิดจะออกมามีสีสันและลวดลายอย่างไร” คุณอ๊อตโต้เล่า

การผสมพันธุ์เกสรของสับปะรดสีควรทำให้ช่วเช้าที่ดอกเริ่มบานง่ายต่อการดึงเกสร
เกสรตัวผู้ที่ดึงออกมาจากดอกเพื่อไปผสมกับเกสรตัวเมียของดอกชนิดอื่น

ดึงเกสรตัวผู้ของดอกต้นแม่ออกจากนั้นนำเกสรตัวผู้ของต้นพ่อที่เราต้องการไปผสมกับเกสรตัวเมียแทน
Neoregelia Iron Horse ( Breed by Otto) หนึ่งต้นสับปะรดสีสายพันธุ์ผสมที่คุณอ๊อตโต้เป็นคนผสมด้วยตัวเอง
หนึ่งในต้นไม้ที่ผสมสายพันธุ์เองของคุณอ๊อตโต้ ลูกผสมที่เกิดจากผสมข้ามสกุลของ Neoregelia x Aechmea (Breed by Otto)

โรคที่พบและการแก้ใข

ศัตรูพืชของสับปะรดสีมีอยู่ไม่มาก โดยทั่วไปที่พบบ่อยคือเพลี้ยหอยและตั๊กแตน ซึ่งจัดการได้โดยขูดตัวออกให้หมด ตัดใบแห้งและใบแก่ด้านล่างออก และโรยด้วยสตาร์เกิลจี (Starkle G: ชื่อการค้า)

หากรอบโคนต้นเริ่มเน่าแสดงว่าเป็นโรคแอนแทรคโนสให้นำต้นนั้นมาตัดส่วนใบที่เน่าออก และทิ้งหรือทำลายโดยการเผา  ล้างและนำต้นสับปะรดสีต้นนั้นไปพึ่งให้แห้ง ก่อนนำไปปลูกในวัสดุปลูกใหม่และอาจพ่นด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าช่วย

“อย่าลืมหมั่นล้างและทำความสะอาดแกนกลางของสับปะรดสีให้สะอาดด้วยน้ำสะอาด ไม่ให้เกิดตะไคร่ เพราะตะไคร่เหล่านี้จะไปเกาะทำให้สีของใบไม่สวยงามเท่าที่ควร”

เพลี้ยหอย
โรคแอนแทรคโนส
ตะไคร่ที่เกาะบริเวณกลางต้นสับปะรดสีที่ควรนำมาล้างทำความสะอาด
เมื่อเครื่องปลูกเริ่มกลางเป็นดินชื้นควรทำการเปลี่ยน

 

สามารถเข้าไปเยี่ยมชมโรงเรือนของคุณอ๊อตโตได้ที่ โรงเรือนอ๊อตโต้ บรอมีเลียด(OTTO Bromeliad) 339 หมู่ที่5 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

โทรศัพท์ 081-7839771


เรื่อง : ปัญชัช

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

ปลูกสับปะรดสีให้รอด ดูแลไม่ยาก!

สารพันปัญหา”สับปะรดสี” สีไม่สด ใบเป็นจุด แก้อย่างไร

สะสมและขายต้นไม้ในสวนจนเป็นเงิน

The post เยี่ยมโรงเรือนบรอมีเลียหรือสับปะรดสีหลากชนิด พร้อมวิธีการปลูกแบบมืออาชีพ appeared first on บ้านและสวน.

รวม 30 ไอเดียการ ห่อของขวัญ สุขสันต์ทุกเทศกาล

$
0
0

ทุกเทศกาลเมื่อมีของขวัญผู้ให้และผู้รับของขวัญต่างมีความสุขรู้สึกแฮปปี้ แต่การ ห่อของขวัญ แบบเดิม ๆ เมื่อผู้รับแกะกระดาษที่ห่อเสร็จแล้วต่างพากันทิ้งกระดาษและริบบิ้นต่าง ๆ จนเกิดเป็นขยะมากมาย จะดีกว่าไหมถ้าการ ห่อของขวัญ ช่วยเพิ่มสีสันและช่วยให้ของขวัญของเราน่าจดจำ น่าเก็บไว้ทั้งส่วนที่ห่อด้านนอกและของขวัญด้านใน ถ้าอย่างนั้นมาบอกลาการห่อของด้วยกระดาษพับมุมสามเหลี่ยมที่มุมขอบติดสก๊อตเทปธรรมดา 

แล้วลุกขึ้นมา ห่อของขวัญ ด้วยไอเดียสนุก ๆ คนที่รักงานประดิษฐ์ประดอยมักมีความสุขกับการ DIY  มาทำให้คนที่ได้รับของขวัญรู้สึกดีเหมือนกับผู้ให้ตั้งใจลงมือทำสิ่งนี้ด้วยตัวเองแถมยังมีชิ้นเดียวในโลกอีกด้วย ใครไม่ชอบก็บ้าแล้ว มอบให้ได้ทุกเทศกาล การ DIY นี่แหละที่ช่วยให้ชุ่มชื้นหัวใจได้มากที่สุด วันนี้ my home จะพาทุกคนไปห่อของขวัญด้วยตัวเอง ทั้งน่ารักและไม่แพง จะมีไอเดียอะไรดี ๆ บ้างน๊า.. ไปดูกันเลย!

 

30 ไอเดียการ ห่อของขวัญ อย่างมีสไตล์

ห่อของขวัญ

https://www.countryliving.com/diy-crafts/how-to/g1053/gift-wrapping-ideas/

 

ห่อของขวัญ

ttps://chicpursuit.com/christmas-wrapping-idea

 

ห่อของขวัญ

http://www.alwaysrooney.com/2017/12/diy-gift-boxes-personalized-brown-paper.html

 

ห่อของขวัญ

https://www.etsy.com/coolcraftbook/listing/779997425/wrapping-by-pojagi-furoshiki?utm_source=Pinterest&utm_medium=ListingManager&utm_campaign=Share&utm_term=so.lmsm&share_time=1582064985312&epik=dj0yJnU9UVhuaGFwSTc5MTBXM1loR2c2ZEdXVXdyeEkxTllkbVImcD0wJm49Z0QtYkNPWTBVUml2TzJ6R21Sb0pYUSZ0PUFBQUFBRi16QUQ0

 

ห่อของขวัญ

https://www.sweet-laura-blog.de/%E2%98%85-%E2%98%85-%E2%98%85-adventskalender-no-29-%E2%98%85-%E2%98%85-%E2%98%85-gingerbread-haeuse

 

ห่อของขวัญ

ttps://i.pinimg.com/originals/ba/eb/76/baeb76425043077f5203afc0cd6ec372

 

ห่อของขวัญ

https://www.papernstitchblog.com/leather-wrapped-diy-gift-wrap-for-the-holidays

 

ห่อของขวัญ

https://www.bloglovin.com/blogs/craft-creativity-3044314/sota-presentaskar-cute-treat-boxes-4824878308

 

ห่อของขวัญ

https://www.etsy.com/listing/685698287/20pcs-pink-ice-cream-shape-cute-gift-box?epik=dj0yJnU9RkNXeGlxckpoVVdQVDV6bVhrdlI1Y2huMjJtM3NwcmkmcD0wJm49c1RmeHVzdWFjX2s1MXQwVnhETkVRZyZ0PUFBQUFBRl9TQ3RJ

 

ห่อของขวัญ

https://fairytalechristmas.blogspot.com/2018/12/make-cute-triangular-gift-bags-diy.html

 

ห่อของขวัญ

http://regardsetmaisons.blogspot.com/2016/12/sortez-votre-fil-coudre-pour-faire-vos.html

 

ห่อของขวัญ

https://emoi-emoi.com/blogs/news/3-idees-pour-un-noel-zero-dechet/

 

ห่อของขวัญ

https://www.aliexpress.com/item/33010669201.html

 

ห่อของขวัญ

https://www.marthastewart.com/274678/gift-wrapping-ideas

 

ห่อของขวัญ

https://www.etsy.com/listing/776825167/pojagi-wrapping-lesson-book-bojagi-craft?epik=dj0yJnU9cjMyNmpjVHh6NnZ3bjBabEdsenp5ZExVdUFqNWo4anEmcD0wJm49YnFJa0tONmVVVFdaTXozWDZkOWU1QSZ0PUFBQUFBRl9TRG8w

 

ห่อของขวัญ

https://www.buzzfeed.com/h2/fbso/unitedstatespostalservice/innovative-gift-wrapping-ideas-to-inspire-you-this-holida?b=1

 

ห่อของขวัญ

https://www.downgraf.com/inspiration/35-packaging-design-for-inspiration/

 

ห่อของขวัญ

http://cinq.tokyo.jp/cinq20161223/

 

ห่อของขวัญ

https://www.marthastewart.com/1532407/corn-husk-candy-favors?utm_source=pinterest.com&utm_medium=social&utm_campaign=marthastewartliving_marthastewart_11590218&utm_content=standard&utm_term=crafts_201810

 

https://perfecthomes.co.th/thailand-supermarket-swaps-plastic-packaging-with-banana-leaves/

 

https://www.etsy.com/listing/563380826/scandinavian-christmas-decorations?ref=related-8&ep_click=1&epik=dj0yJnU9UlpRUkp0djVzVDlXblEwWE1IckdfcndwMmZ6bDBDLVkmcD0wJm49WllmWHRzcERSLTItQlY3d3d4d296ZyZ0PUFBQUFBRl9TRWFN

 

https://harcovnice.blogspot.com/2015/12/taky-neco-domu.html

 

 

 

https://thecreativeshour.com/christmas-gift-wrapping-idea

 

https://wrappr.com/blogs/how-to/wrap-a-wine-bottle

 

https://www.joann.com/boye-pom-pom-tassel-making-set/15397490.html?epik=dj0yJnU9XzBGVUhHUkpVSElIQkF5Z2NFWjR0dWlLV3pKM29LZWMmcD0wJm49alljbTkxcVFnVVkzUGpKMHFfUUVvQSZ0PUFBQUFBRl9TRjdv

 

 

 

ดีดีอัญ คลังแสงริบบิ้นใจกลางย่านสำเพ็ง

30 ไอเดียโบว์ติดของขวัญ เพิ่มความน่ารักจากเส้นสายของริบบิ้น

The post รวม 30 ไอเดียการ ห่อของขวัญ สุขสันต์ทุกเทศกาล appeared first on บ้านและสวน.

CHULA BEACH KHANOM รีสอร์ตคอนกรีตเรียบเท่ริมหาดขนอม

$
0
0

Chula Beach Khanom รีสอร์ตกะทัดรัดขนาด 6 ห้องพักบนที่ดิน 3 ไร่ ริมหาดหน้าด่าน อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช หมุดหมายใหม่สำหรับการพักผ่อนที่เงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติแบบไม่เหมือนใคร

Chula Beach Khanom

อาคารคอนกรีตสองชั้นดูเรียบง่าย และถ่อมตนท่ามกลางธรรมชาติคือ Chula Beach Khanom มวลอาคารหน้ากว้าง 25 เมตร ได้รับการแบ่งออกเป็น 5 ช่วงเสา โดยช่วงเสาตรงกลางออกแบบให้เป็นโถงสูงโปร่งโล่งในลักษณะดับเบิ้ลสเปซ ช่วยให้ตัวอาคารคอนกรีตดูโปร่งเบา พื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้นล่างเป็นคาเฟ่ ส่วนอีกครึ่งเป็นห้องพัก 2 ห้อง ส่วนพื้นที่ชั้นบนประกอบด้วยห้องพักทั้งหมด 4 ห้อง

Chula Beach Khanom
จากด้านในรีสอร์ต โถงกลางที่ขนาบด้วยกำแพงสูง ได้สร้างกรอบภาพที่ขับเน้นให้ทิวทัศน์ทะเลโดดเด่นยิ่งขึ้น

หากมองจากผังพื้น จะเห็นเป็นลักษณะคล้ายลูกศร อันเกิดจากพื้นที่โถงกลางที่ยื่นล้ำออกมาด้านหน้าเพื่อสร้างความโดดเด่นให้ทางเข้ารีสอร์ต ในขณะที่ส่วนห้องพักจะหลบเหลื่อมกันไปด้านหลังเพื่อสร้างชั้นเชิงทางมุมมองให้เกิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน โดยทุกห้องพักยังคงเปิดรับวิวทะเลแบบเต็มที่ได้อย่างเท่าเทียม บริเวณโถงกลางโปร่งโล่งนี้เปรียบเสมือนกรอบภาพที่ขับเน้นความงามของทิวทัศน์ อีกทั้งยังเป็นสเปซเอนกประสงค์ที่เหมาะกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น งานอีเว้นต์ ปาร์ตี้ ฯลฯ ซึ่งเชื่อมต่ออย่างลงตัวกับพื้นที่คาเฟ่ทางด้านข้าง

Chula Beach Khanom
ภาพ: เกริกกฤษดา ทองแก้วสวัสดิ์ – เพจ พาวัวไปล่าม @Pawuapailaam
Chula Beach Khanom
การผสมผสานของวัสดุในผิวสัมผัสที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอิฐช่องลมที่ช่วยพรางสายตาในขณะที่ยังคงความรู้สึกโปร่งสบาย ผสานกับความงามที่ไม่สมบูรณ์ของผิวคอนกรีตหล่อในที่ รวมถึงบานกรอบประตูไม้ และฝ้าเพดานไม้ไผ่รวกขนาดเล็กที่แต่งเติมรายละเอียดลดทอนความแข็งกระด้าง

SYNE Bar (ซายน์ บาร์) คาเฟ่และบาร์บนชั้นล่างของรีสอร์ตที่มีบริการทั้งอาหารไทย และต่างประเทศ ​เครื่องดื่มเบา ๆ  ไปจนถึงค็อกเทลรสจัดจ้าน พื้นที่นี้เปิดเป็นสาธารณะรองรับลูกค้าที่แวะเวียนมารับประทานอาหาร และนั่งจิบกาแฟริมหาด ชื่อคาเฟ่ตั้งใจให้มีเสียงพ้องกับคำว่า “ทราย” ที่เชื่อมโยงกับหาดทรายขาวของขนอม  แม้ว่าจะโดดเด่นด้วยผนังโค้งสามช่วงที่เป็นชั้นวางขวดเครื่องดื่ม และเคาน์เตอร์บาร์ด้านหน้าที่กรุแผ่นสเตนเลสสีคอปเปอร์ แต่ผิวสัมผัสมันวาวที่สะท้อนบริบทรอบข้างกลับสร้างความกลมกลืนได้อย่างน่าสนใจ 

Chula Beach Khanom
SYNE คาเฟ่กึ่งเอ๊าต์ดอร์ที่ให้ทุกคนได้ลิ้มลองเมนูอร่อยบนผืนทราย ที่ดูราวกับทอดตัวยาวต่อเนื่องมาจากชายหาด

ภายในห้องพัก ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และหวายสีสีเอิร์ธโทนสบายตา สร้างบรรยากาศอบอุ่นที่ช่วยลดทอนความแข็งกระด้างของผนังปูนหล่อในที่ และพื้นคอนกรีตขัดมัน นอกจากนี้ คอร์ตเล็กๆ ที่เชื่อมระหว่างพื้นที่ห้องนอนกับห้องน้ำช่วยเปิดรับแสงธรรมชาติ และสร้างการหมุนเวียนอากาศภายในห้อง ห้องพักชั้นล่างเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้ใกล้ชิดธรรมชาติเป็นพิเศษ ในขณะที่ห้องพักชั้นบน มีอ่างอาบน้ำ พร้อมระเบียงขนาดใหญ่เปิดรับวิวมุมกว้างสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว

ห้องนอนบนชั้นล่าง ใกล้ชายหาดเป็นพิเศษพร้อมวิวธรรมชาติเขียวขจี

Chula Beach Khanom

“ถึงคอนกรีตอาจจะไม่ได้ถือเป็นวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือยั่งยืนสักเท่าไหร่แต่ถ้าวิเคราะห์จากสภาพภูมิอากาศที่ค่อนข้างโหดร้ายในพื้นที่นี้ถ้าเราใช้วัสดุอื่นแล้วต้องมาคอยบำรุงรักษาอาคารตลอดเวลาผมว่ามันก็ไม่ใช่วิถีที่ยั่งยืนเช่นกันดังนั้นผมเลยเลือกใช้คอนกรีตเป็นหลัก”

– คุณณัฐตนัย จันจรัสศรี ผู้ออกแบบ

การเลือกใช้วัสดุคอนกรีตจึงตอบรับกับสภาพภูมิอากาศเขตร้อนริมชายฝั่ง ที่มีทั้งฝน ลมพายุ แสงแดดจัด ได้เป็นอย่างดี โดยที่นี่มีการใช้คอนกรีตในหลากหลายรูปแบบและผิวสัมผัส เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละส่วนของอาคาร ไม่ว่าจะเป็นอิฐบล็อกช่องลม คอนกรีตหล่อในที่ และคอนกรีตขัดมัน ซึ่งนับเป็น 60-75% ของพื้นที่รีสอร์ตทั้งหมดโดยสัดส่วนที่เหลือเลือกใช้วัสดุไม้ อาทิ ไม้ไผ่รวก ไม้เนื้อแข็ง ฯลฯ เพื่อช่วยลดทอนความแข็งกระด้างของอาคาร และเพิ่มบรรยากาศอบอุ่นน่าพักผ่อน  

การเลือกใช้วัสดุไม้นั้น เน้นการใช้งานในระนาบที่ไม่ได้สัมผัสกับแสงแดดและฝนโดยตรง อาทิ การใช้ไม้ไผ่รวกขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-3 เซนติเมตร เพื่อสร้างผิวสัมผัสที่มีรายละเอียด บริเวณฝ้าเพดานของระเบียงที่มีหลังคาคลุม โดยวัสดุทั้งหมดเป็นวัสดุธรรมดาที่หาได้ในท้องถิ่น และเป็นที่คุ้นเคยของช่างในพื้นที่

Chula Beach Khanom

“ผมอยากสร้างรีสอร์ตนี้แบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างทั้งหมดตรงนี้คือเฟสแรกถ้ามีข้อบกพร่องหรืออะไรที่ยังไม่สมบูรณ์ก็จะได้ค่อยๆปรับปรุงเพิ่มเติมในเฟสต่อไปด้วยเฟสต่อไปก็จะมีห้องพักเพิ่มเติมพร้อมสระว่ายน้ำซึ่งโถงดับเบิ้ลสเปซตรงกลางนี้ก็จะกลายเป็นทางเข้าหลักที่นำไปสู่พื้นที่ด้านหลัง”

– คุณณัฐตนัย จันจรัสศรี ผู้ออกแบบ

Chula Beach Khanom

รูปทรงเรียบง่ายวัสดุไร้การปรุงแต่งการคำนึงถึงตำแหน่งต้นไม้และบริบทดั้งเดิมรวมไปถึงการให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผู้ใช้งานในสเปซแห่งนี้มากกว่าการนำเสนอสถาปัตยกรรมที่หวือหวาและโดดเด่นเหนือธรรมชาติรอบข้างคือความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ประสบการณ์การพักผ่อนรูปแบบใหม่ที่ตอบรับวิถีชีวิตปัจจุบันโดยกระทบความงามของธรรมชาติดั้งเดิมให้น้อยที่สุด

—-

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ที่ตั้ง : 10/10 หมู่ 6 อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช

โทร. : 08-9510-1592 

Facebook : @chulabeach 

Website : www.chulabeachkhanom.com

เจ้าของ-ออกแบบ: คุณณัฐตนัย จันจรัสศรี

ภาพ: Karn Tantiwitayapitak

เรื่อง: dsnm


SUNNE Voyage เปิดประสบการณ์ล่องทะเลตะวันออกกับเรือไม้ดีไซน์อบอุ่น

The post CHULA BEACH KHANOM รีสอร์ตคอนกรีตเรียบเท่ริมหาดขนอม appeared first on บ้านและสวน.


วิธีเลือกแผ่นเมทัลชีทอย่างมืออาชีพ

$
0
0

เมทัลชีท (Metal Sheet) หรือแผ่นเหล็กรีดลอน เป็นวัสดุมุงหลังคาสุดฮิตที่ทำจากแผ่นเหล็กเคลือบสังกะสี-อลูมิเนียม  (Zine-Aluminium ) มีลักษณะเป็นแผ่นยาว รอยต่อน้อย จึงนิยมใช้มุงหลังคาบ้าน กันสาด ผนังเมทัลชีท และกั้นรั้วเมทัลชีท

เมทัลชีท วิธีการเลือก

1.เลือกลอนให้เหมาะกับบ้าน

รู้ไหมว่าแผ่นเมทัลชีทนั้นมีหลายลอน ทั้งลอนสูง ลอนเล็ก ลอนรูปกระเบื้อง ลอนสำหรับผนัง จึงสามารถเลือกรูปแบบลอนให้เข้ากับบ้านและการใช้งานได้ โดยมีหลักในการเลือกคือ

-พื้นที่ขนาดเล็ก จะเหมาะกับลอนเล็กและลอนเตี้ย เพื่อให้ดูสมส่วนกัน

-บ้านอยู่ในพื้นที่ฝนชุกลมแรง แนะนำให้ใช้ลอยสูงเพื่อช่วยระบายน้ำได้ดี

-บ้านที่มีสไตล์เฉพาะตัว เลือกใช้ลอนกระเบื้องที่เข้ากับสไตล์นั้นๆ ซึ่งมีหลายรูปแบบให้เลือก

เมทัลชีท

2.ใช้ความหนาให้เหมาะกับการใช้งาน

แผ่นเมทัลชีทมีหลายความหนา ซึ่งมีผลกับความแข็งแรง และระยะความห่างของแป ดังนั้นก่อนตกลงติดตั้งหลังคา ควรเช็คสเปกหลังคาว่ามีความหนาที่เหมาะสม และเช็คก่อนการติดตั้งว่าใช้เมทัลชีทตรงกับที่สเปกไว้หรือไม่

-งานหลังคาขนาดเล็ก เช่น ที่พักอาศัยชั่วคราว ใช้ความหนา 0.23-0.28 มิลลิเมตร

-งานหลังคาและผนังขนาดเล็กที่มีระยะแปไม่เกิน 1.2 เมตร เช่น บ้านพักอาศัย ส่วนต่อเติม โรงจอดรถ และกันสาด ใช้ความหนา 0.30-0.35 มิลลิเมตร

-งานหลังคาขนาดกลางและงานผนังทั่วไป เช่น โรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กหรือโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลาง ใช้ความหนา 0.35-0.40 มิลลิเมตร

-งานหลังคาขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่มีระยะแปไม่เกิน 1.5 เมตร เช่น โรงงานหรืออาคารขนาดกลางที่ต้องการการก่อสร้างคุณภาพสูง ใช้ความหนา 0.40-0.47 มิลลิเมตร

-งานหลังคาขนาดใหญ่ที่มีระยะแปถึง 2.5 เมตร เช่น โรงงานหรืออาคารขนาดใหญ่  ใช้ความหนา 0.47 มิลลิเมตรขึ้นไป

 

3.เคลือบสีหรือไม่เคลือบสีดีกว่ากัน

เมทัลชีทที่ไม่เคลือบสีจะเป็นสีเงินๆ ซึ่งเป็นสีของสังกะสี-อลูมิเนียม จะมีราคาถูกที่สุด และมีความทนทานต่อสนิมในระดับหนึ่ง ส่วนเมทัลชีทเคลือบสีที่มีคุณภาพ จะผ่านการเคลือบสังกะสี-อลูมิเนียม สารปรับผิว สีรองพื้นและสีเคลือบผิว ตามลำดับ จึงสามารถป้องกันการเกิดสนิมได้ดีกว่า และมีอายุการใช้งานนานขึ้น

เมทัลชีท

4.การติดตั้งมี 3 ระบบ

-ระบบยิงสกรู (Bolt System) ระบบที่ใช้สกรูยิงยึดระหว่างแผ่นเมทัลชีทกับแปหรือโครงสร้างหลังคา สามารถใช้ได้ทุกความหนา ติดตั้งง่าย ใช้ได้กับแผ่นเมทัลชีททั่วไป จึงเป็นที่นิยมอย่างมาก

เมทัลชีท

ระบบไม่ใช้สกรู (Boltless System) แผ่นเมทัลชีทที่ไม่ต้องติดตั้งด้วยสกรู คือ แผ่นเมทัลชีทลอนคลิปล็อก โดยใช้สกรูยึดอุปกรณ์ติดตั้งที่เรียกว่า คอนเน็กเตอร์ กับแป จากนั้นนำแผ่นเมทัลชีทยึดติดกับคอนเน็กเตอร์ โดยกดที่สันลอนให้ลงล็อก จึงลดการรั่วซึมได้ดีเพราะไม่มีการใช้สกรูในการเจาะยึดแผ่น

เมทัลชีท

 -ระบบไร้รอยต่อ (Seamless System) โดยใช้แผ่นเมทัลชีทซีมเลส ติดตั้งด้วยการเจาะยึดสกรูกับคลิปที่ยึดตัวแผ่น แล้วนำแผ่นต่อไปมาซ้อนทับให้ล็อกกัน แผ่นซ้อนทับกันจึงปิดทับสกรูไปด้วย  ส่วนที่ล็อกกันมีลักษณะเป็นครีบสูงตั้งตรง น้ำจึงไม่รั่ว และดูเหมือนไร้รอยต่อ

เมทัลชีท

ตัวอย่างการติดตั้งด้วยแผ่นเมทัลชีทซีมเลส

5.มีมาตรฐานอุตสาหกรรม

หากต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้ มอก. หรือมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถมั่นใจได้ว่าทุกแผ่นผ่านการตรวจสอบมาแล้วว่ามีความหนาตามที่ระบุไว้จริง อีกทั้งยังได้รับการทดสอบเรื่องการกระแทก ความแข็งแรง และการยึดเกาะของสี

______________________________________________________________________________________________________________________________________

เรื่อง ศรายุทธ ศรีทิพย์อาสน์

ภาพประกอบ เอกรินทร์ พันธุนิล

ภาพ แฟ้มภาพนิตยสารบ้านและสวน, room

อ่านเรื่อง เมทัลชีท ต่อ

ไอเดียแต่งบ้านด้วยเมทัลชีท สำหรับคนรักลุคดิบเท่สไตล์อินดัสเทรียล

เมทัลชีท อะคริลิก และพอลิคาร์บอเนต วัสดุชนิดไหนเหมาะกับการมุงหลังคาโรงจอดรถ

จำเป็นต้องติดฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาเมทัลชีทหรือไม่

ตืดตามเรื่องราวน่าสนใจได้ที่  www.facebook.com/baanlaesuanmag

 

The post วิธีเลือกแผ่นเมทัลชีทอย่างมืออาชีพ appeared first on บ้านและสวน.

จุสก์ (JYSK) เปิดตัวคอลเลคชั่น “Under Beautiful Blue Sky by Ploy Chariyaves x JYSK”

$
0
0

จุสก์ (JYSK) แบรนด์ของแต่งบ้านจากสแกนดิเนเวียเปิดตัวคอลเลคชั่น “Under Beautiful Blue Sky by Ploy Chariyaves x JYSK” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก “การออกเดินทางช่วงสุดสัปดาห์ช่วงฤดูฝน”

JYSK
Bright Day in the Garden: Place Mat แผ่นรองจานอาหารลวดลายดอกไม้ (169 บาท) เก็บบรรยากาศสดใสในสวนดอกไม้วันแดดจัดมาสร้างสีสันบนแผ่นรองจานอาหาร ทำให้การจัดสำรับสวยรื่นเริงได้ไม่ยาก

บริษัท บุญถาวร ไลฟ์สไตล์ เฟอร์นิเจอร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย “จุสก์ (JYSK)” แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านชื่อดังระดับโลกจากประเทศเดนมาร์ก จัดงานเปิดตัวคอลเลคชั่นพิเศษUnder Beautiful Blue Sky by Ploy Chariyaves x JYSK” ครั้งแรกของการร่วมงานกันระหว่างแบรนด์ระดับโลกจากสแกนดิเนเวียกับนักออกแบบคอนเซ็ปต์ชาวไทย “พลอย จริยะเวช” ที่นำเสนอคอลเลคชั่นของใช้และของตกแต่งบ้านด้วยงานเซรามิคและงานผ้าทั้งหมด 9 ไอเท็ม โดยคอลเลคชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “การออกเดินทางช่วงสุดสัปดาห์ในช่วงฤดูฝน” มาในรูปแบบของ ถ้วยชากาแฟพร้อมจานรอง, แผ่นรองจานอาหาร, กระถางต้นไม้, จานขนาดใหญ่, จานขนาดกลาง, เสื้อคลุม Loungewear, Bean Bag, ปลอกหมอนอิง และ กระเป๋าผ้า Tote Bag พร้อมวางจำหน่ายที่ร้านจุสก์ (JYSK) ทั้ง 10 สาขาทั่วประเทศและทางออนไลน์แล้ววันนี้ โดยภายในงานได้รับเกียรติจากผู้บริหารของ บริษัท บุญถาวร ไลฟ์สไตล์ เฟอร์นิเจอร์ จำกัด นำโดย กฤษณ โชคพิพัฒนผล กรรมการผู้จัดการ, กษมา พิสิษฐ์กุล รองกรรมการผู้จัดการ และ คมสัน บพิตรพิทักษ์ ผู้จัดการทั่วไป ร่วมด้วย พลอย จริยะเวช ร่วมเปิดตัวคอลเลคชั่น Under Beautiful Blue Sky by Ploy Chariyaves x JYSK โดยมีเซเลบริตี้ผู้หลงใหลในการตกแต่งบ้าน อาทิ กรองกาญจน์ ชมะนันทน์, กัญญารัตน์ พลาดิศัย และ โศรยา บุนนาค ร่วมงานด้วย ณ ร้าน JYSK สามย่านมิตรทาวน์

Blossom: Pillow ปลอกหมอนอิงสีเขียว (340 บาท) ปล่อยให้ผีเสื้อและดอกไม้เติมความสนุกสนานสร้างสีสันให้กับมุมสบายในพื้นที่พักผ่อน, Blue Sky Blooming: สตูล Bean Bag (1,350 บาท) ทรงสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินกรมท่า

พลอย จริยะเวช ผู้สร้างสรรค์คอลเลคชั่นครั้งนี้ ได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบคอลเลคชั่น Under Beautiful Blue Sky by Ploy Chariyaves x JYSK  ว่า ได้ไอเดียจากการออกเดินทางช่วงสุดสัปดาห์ในช่วงฤดูฝนที่ได้เก็บเกี่ยวความสดชื่น รับพลังธรรมชาติจากหลายๆ จังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ในจังหวะเวลาที่ฝนหยุดพัก โดยคอลเลคชั่นนี้จะเติมความรื่นเริงให้กับรายละเอียดในชีวิตความเป็นอยู่ในบ้านให้สดชื่นขึ้นได้ โทนสีหลักที่ใช้คือ “สีน้ำเงิน” อันสื่อถึงธรรมชาติแห่งผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ อบอุ่น มั่นคง โปร่งใจ ปรากฏอยู่บนสินค้าทั้ง 9 ไอเท็มในปริมาณมากน้อยต่างกัน แต่งแต้มด้วยสีรองโทนเย็น อย่าง สีเขียว ม่วง ฟ้าอมเทา ขาว แลพ สีรองโทนร้อน ได้แก่ สีชมพู ส้ม เหลือง

Blue Sky & Blooming: Tote Bag (รับฟรีเมื่อซื้อสินค้าครบ 2,000 บาท) กระเป๋าผ้าใบใหญ่สีน้ำเงิน โดดเด่นด้วยลายดอกไม้ดำ-ขาว

“ตามหลักจิตวิทยาสีสันโทนร้อนหากใช้กับเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารจะทำหน้าที่กระตุ้น appetite ช่วยขับเสริมรสชาติการกินอาหาร ดีไซน์แผ่นรองจานอาหารจึงใช้สีสันสดแจ่มหลากหลาย สนุกรื่นเริง จานทั้งสองขนาดใช้สีสดจัด ตัดกับแบ็คกราวนด์ขาวน้ำเงิน ช่วยเชื่อมโยงกับชิ้นอื่นๆ ในคอลเลคชั่น กระถางต้นไม้ทำเป็นลายคราม (น้ำเงิน-ขาว) แบบสมัยใหม่ ใช้ลวดลายผีเสื้อและหอยทาก ขลิบขอบกระถางและจานรองกระถางด้วยสีแดงอมส้ม เพื่อสร้างทวิสต์บนลายครามแบบเดิมๆ”

Colorful Petals: จานอาหารขนาดใหญ่ (190 บาท) Happy Butterfly: จานอาหารขนาดกลาง (140 บาท)

“สีส้มแสด” ในคอลเลคชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก “ทุ่งดอกดาวกระจาย” ทางขึ้นเขาจีนแล จ.ลพบุรี “ผีเสื้อ แมลง หอยทาก” จาก “สวนชมพู่” นครชัยศรี ที่อยู่ไม่ไกลจากอีกสวนโปรดที่แวะไปเป็นประจำคือ “ลิตเติ้ลทรี การ์เดน” “สีชมพูของดอกกุหลาบ” มาจาก “ไร่กลางพนา” ที่เขาใหญ่ “นาข้าวเขียวสด” ที่อ่างทองและสุพรรณบุรี “ดอกไม้ ผีเสื้อ หอยทาก ทุ่งเขียวใต้ผืนฟ้าสีน้ำเงินสวยงาม” มาจากความทรงจำและประสบการณ์ที่ได้สัมผัสบรรยากาศสดชื่นในฤดูฝนในวันที่บังเอิญแดดจัดถูกนำมาแปรเปลี่ยนเป็นลายเส้นแบบอิสระผ่านการใช้พู่กันและหมึก ก่อนจะเติมสีสดแจ่ม จัดวางลวดลายลงบนเครื่องใช้ในบ้านทั้ง 9 ของคอลเลคชั่น Under Beautiful Blue Sky by Ploy Chariyaves x JYSK

Slow n Glow Moment: ถ้วยชา/กาแฟ พร้อมจานรอง (230 บาท) Blue & White with A Twist: Plant Pot (410 บาท)

คอลเลคชั่น Under Beautiful Blue Sky วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ผู้ที่สนใจสามารถเลือกชมสินค้าของ JYSK ได้ที่สาขาต่างๆ ของจุสก์ทั้ง 10 สาขา ได้แก่ บุญถาวร ดีไซน์วิลเลจ พุทธมณฑล, บุญถาวร ดีไซน์วิลเลจ ราชพฤกษ์, สามย่านมิตรทาวน์, คอสโมบาซาร์ เมืองทองธานี, โรบินสัน ลาดกระบัง, 101 ทรู ดิจิทัล พาร์ค, เมโทรมอล สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสวนจตุจักร, บุญถาวร ระยอง, บุญถาวร สัตหีบ และบุญถาวร เซ็นทรัลโฮม นครราชสีมา ตรวจสอบที่ตั้งสาขาได้ที่ https://www.jyskthailand.com/dealerlocator/

คมสัน บพิตรพิทักษ์ ผู้จัดการทั่วไป. พลอย จริยะเวช, กฤษณ โชคพิพัฒนผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บุญถาวร ไลฟ์สไตล์ เฟอร์นิเจอร์ จำกัด, กษมา พิสิษฐ์กุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บุญถาวร ไลฟ์สไตล์ เฟอร์นิเจอร์ จำกัด

เรื่อง/ภาพ เอกสารประชาสัมพันธ์

The post จุสก์ (JYSK) เปิดตัวคอลเลคชั่น “Under Beautiful Blue Sky by Ploy Chariyaves x JYSK” appeared first on บ้านและสวน.

สวนสดใสด้วยไม้ดอก “สีเหลืองส่องสว่าง”เทรนด์สี PANTONE 2021

$
0
0

เทรนด์สีปีหน้า PANTONE บอกไว้ว่า “สีเหลืองส่องสว่าง” (Illuminating) คือสีแห่งปี 2021 ซึ่งสื่อความหมายถึงความหวัง เป็นแสงสว่างแห่งชีวิตใหม่ ซึ่งเข้ากับสถานการณ์ของโลกในช่วงปีที่ผ่านมา และด้วยความหวังว่าในปี 2021 นั้นจะเป็นปีที่ค้นพบกับแสงสว่าง โดยครั้งนี้เป็นอีกปีที่ PANTONE ประกาศให้ “สีเทาที่สุด” (Ultimate Gray) เป็นคู่สีแห่งปี 2021 ด้วย ในความหมายที่สื่อถึงสติปัญญา ความฉลาด เชื่อมโยงไปถึงความน่าเชื่อถือ ที่นำพาความหวังและแสงสว่างมาสู่ทุกคน

ดอกไม้สีเหลือง จึงสื่อความหมายในทางที่ดี นั่นคือความสว่างสดใสที่น่าส่งมอบแทนความปรารถนาดี ซึ่งในเมืองไทยนั้นพบเห็นได้หลากหลายชนิด ทั้งไม้ดอกอายุปีเดียว ไม้ดอกอายุสองปี และไม้ดอกอายุหลายปี และนิยมปลูกเป็นสวนขนาดใหญ่ อาทิ ดอกทานตะวัน ดอกดาวกระจาย ปอเทือง ซึ่งนอกจากจะปลูกเพื่อความสวยงามแล้วยังปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ เป็นปุ๋ยอินทรีย์เพิ่มไนโตรเจนในดินได้ด้วย

กุหลาบ สีเหลือง

•ย้อนไปดูดอกไม้สีน้ำเงินเทรนด์สีแห่งปี2020
•ปลูกดอกไม้สีม่วงไวโอเลตตามเทรนด์สีปี2018

การเลือกซื้อ ดอกไม้สีเหลือง มาปลูกมีวิธีเลือกง่ายๆ คือ เลือกต้นที่มีใบเขียวสด ไม่เหี่ยวหรือมีร่องรอย การทำาลายของแมลง ทรงพุ่มกะทัดรัดเหมาะกับกระถาง ดินปลูกไม่มีคราบเกลือหรือตะไคร่ และยังมีดอกตูม มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของพุ่มต้น หลีกเลี่ยงต้นที่มีดอกบานอยู่แล้วเพราะเมื่อมาปลูกเลี้ยงสักพักดอกก็จะโรย แต่จะเลือกดอกไม้สีเหลือง ชนิดใดมาปลูกประดับเพิ่มความสดใสให้สวนนั้น ลองไปเลือกดูกันได้เลย

 

1 | ดาห์ลเบิร์กเดซี่ Dahlberg Daisy, Golden Fleece

ชื่อวิทยาศาสตร์ Thymophylla tenuiloba (DC.) Small

เดซี่ สีเหลือง

เป็นอีกดอกไม้สีเหลืองที่มีความน่ารักสดใส อายุ 2 ปี ต้นเป็นพุ่มเตี้ยสูงไม่เกิน 30 เซนติเมตร ลำต้นเล็กทอดเลื้อย ทุกส่วนของต้นมีกลิ่นหอมฉุน

 

2 | เบญจมาศ Chrysanthemum

ชื่อวิทยาศาสตร์ Chrysanthemum x grandiflorum Ramat.

เบญจมาศ สีเหลือง
ดอกแบบ Anemone-centred

เบญจมาศมีทั้งไม้ดอกล้มลุกและอายุหลายปี ต้นเป็นพุ่มแตก กิ่งก้านไม่มากนัก มีรูปทรงและขนาดต่างกันไปตามพันธ์ุ ช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น  เป็นไม้ดอกที่สวยงามทั้งสีสัน ลักษณะ และขนาด นิยมปลูกเป็นไม้กระถางและปลูกลงแปลงเพื่อตัดดอกจำหน่าย

 

3 | ทองอุไร  Yellow Bells, Yellow Elder

ชื่อวิทยาศาสตร์ Tecoma stans (L.) Juss. ex Kunth

ทองอุไร สีเหลือง

ทองอุไร เป็นไม้พุ่มที่มีใบช่วยดักจับฝุ่นได้ดี มีชื่อเรียกหลายชื่อด้วยกันไม่ว่าจะเป็น ดอกละคร พวงอุไร สร้อยทอง เป็นไม้ดอกอายุหลายปี ต้นเป็นพุ่มสูงได้ถึง 5 เมตร  ดอกรูปแตร กลีบบาง ร่วงง่าย เดิม มีสีเหลืองเพียงสีเดียวและติดฝักไดีดี ปัจจุบันมีสีส้ม เหลืองอมส้ม และเหลืองอ่อน แต่ไม่ติดเมล็ด ต้องขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งหรือ เสียบยอดเท่านั้น

 

4 | ไอริส Iris, Flag, Fleur-de-lis, Sword Lily

ชื่อวิทยาศาสตร์ Iris hybrid

ไอริส สีเหลือง

ไม้ดอกอายุหลายปี มีเหง้าทอดเลื้อยใต้ดิน แตกกอ เป็นพุ่มสูง 50 – 60 เซนติเมตร ดอกมีหลายสี ทั้งสีเหลือง ม่วง สีขาว มีลายริ้วสีพาดจากกลางกลีบ เป็นไม้ดอกที่สามารถปลูกในเมืองไทยได้ แต่ชอบอากาศเย็น แสงแดดตลอดวัน และพักตัวในฤดูหนาว ขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อ

 

5 | ชบา China Rose, Chinese Hibiscus

ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus rosa-sinensis L. & hybrid

ชบา สีเหลือง

ชบาเป็นอีกหนึ่งไม้พุ่มที่นิยมปลูกริมรั้ว อายุหลายปี ต้นเป็นพุ่มสูง 2 – 4 เมตร ลำต้น มีเนื้อไม้อ่อน เปลือกเหนียว ทุกส่วนมีเมือกลื่น ใบรูปไข่ หรือรูปไข่แกมรูปรีออกเรียงสลับ ขอบใบหยักฟันเลื่อย สีเขียวเขีมหรือใบมีลายด่างสีขาว ดอกเดี่ยวออกตาม ซอกใบใกล้ปลายกิ่ง เดิมมีเพียงสีแดง ปัจจุบันมีสีดอกหลากสี เชน ชมพู ขาว เหลือง ส้ม และ ม่วง

 

6 | เข็ม Ixora

ชื่อวิทยาศาสตร์ Ixora spp. & hybrid

เข็ม สีเหลือง

ต้นดอกเข็มนิยมปลูกเป็นแนวรั้ว ปลูกเลี้ยงง่าย ตัดแต่งเป็นฟอร์มง่าย เป็นไม้ดอกอายุหลายปี เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 0.50 – 2 เมตร ช่อดอกออกที่ปลายยอด โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน เป็นหลอดยาวเล็ก ปลายแยกเป็น 4 กลีบ มีหลากสี หลายชนิดและพันธุ์ที่มีชื่อเรียกต่างกัน เช่น Ixora x williamsii ต้นเตี้ย ดอกสีแดงเรียก “เข็มเชียงใหม่” สีชมพู เรียก “เข็มพิษณุโลก” สีเหลืองเรียก “เข็มเหลืองแคระ” สีขาว เรียก “เข็มขาวแคระ” ให้ดอกดกและออกดอกตลอดปี

เข็มเศรษฐีอเมริกันเหลือง

 

7 | ดอกไม้จีน Lemon Daylily, Lemon Lily

ชื่อวิทยาศาสตร์ Hemerocallis spp. & hybrid

ดอกไม้จีน สีเหลือง

เป็นอีกไม้ดอกมีเหง้าที่พักตัวในช่วงฤดูหนาว มีพุ่มสูง 30 – 50 เซนติเมตร ใบรูปแถบยาวเรียว ช่อดอกแบบช่อกระจะ ก้านช่อดอกยาว 30 – 40 เซนติเมตร ดอกรูปแตร ดอกบานขนาด 8 – 10 เซนติเมตร กลีบดอกสีเหลืองหรือสีส้ม ปัจจุบันมีลูกผสมที่ให้สี แปลกแตกต่างจากเดิม ในเมืองไทยนิยมปลูกทางภาคเหนือ ที่มีอากาศเย็น ชอบแสงแดดตลอดวัน

 

8 |  ปอเทือง Sunn Hemp

ชื่อวิทยาศาสตร์ Crotalaria juncea L.

ปอเทือง สีเหลือง

นอกจากความสดใสของดอกสีเหลืองของปอเทืองจะช่วยให้รู้สึกสดชื่นเมื่อมองเห็นแล้ว ปอเทืองยังเป็นหนึ่งในพืชตะกูลถั่วที่ช่วยบำรุงดินได้ด้วย เป็นไม้ดอกอายุสั้นแค่ 1 ปี ต้นชะลูดสูง 1.80 – 3 เมตร ใบ เดี่ยวรูปรี ช่อดอกแบบช่อกระจะออกที่ปลายยอด มีดอกย่อย 8 – 20 ดอก รูปดอกถั่วสีเหลือง เมื่อต้นออกดอกจึงไถกลบเพื่อปรับปรุงดินให้ดีขึ้น ปัจจุบัน มักปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าชม

 

9 | เหลืองชัชวาล Anikab/Cat-claw Ivy

ชื่อวิทยาศาสตร์ Macfadyena unguis-cati (L.) A.H.Gentry

เหลืองชัชวาลถือเป็นไม้เลื้อยยอดฮิตที่นิยมปลูกเป็นไม้เลื้อยไต่ผนังและทำเป็นซุ้มบังแดด เป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็งขนาดกลาง ออกดอกตลอดปีแต่จะดกในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม กลีบดอกสีเหลือง โคนดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแผ่ออกเป็น 5 กลีบ ด้านในสีเหลืองอ่อน มีเส้นสีเหลืองเข้มเป็นแนวตามยาว

 

10 | บานเช้าสีเหลือง Sage Rose/West Indian Holly

ชื่อวิทยาศาสตร์ :Turnera ulmifolia L.

บานเช้าดอกเหลืองเป็นไม้ดอกอายุหลายปี ดอกบานพร้อมกันในช่วงเช้าและหุบพร้อมกันในช่วงบ่าย เหมาะปลูกเป็นไม้ดอกกระถางหรือปลูกลงแปลงเพื่อจัดสวน ชอบแดดจัด ดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี

ยังมีไม้ดอกสีอื่นๆ อีกมากมายในหนังสือ “รวมพันธุ์ไม้ดอก Flowering Plants”

สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ ร้านนายอินทร์ 

 

เรื่อง JOMM YB

ภาพ คลังภาพบ้านและสวน

9 ไม้ดอกสีเหลือง ปลูกให้สวนสวยอร่าม

อัพเดทข่าวสารอื่นๆได้ที่เฟซบุ๊คบ้านและสวน

 

 

The post สวนสดใสด้วยไม้ดอก “สีเหลืองส่องสว่าง” เทรนด์สี PANTONE 2021 appeared first on บ้านและสวน.

KhonKaen Green Market ตลาดเขียวขอนแก่น ตลาดเล็ก ๆ ของคนรักสุขภาพและเกษตรอินทรีย์

$
0
0

Khonkaen Green Market หรือตลาดเขียวขอนแก่น ตั้งอยู่บริเวณริมบึงแก่นนคร อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ถือเป็นตลาดนัดเล็ก ๆ ที่เราได้เห็นภาพคนรักสุขภาพหลากหลายวัยพากันมาเลือกซื้อผลผลิตสด ๆ จากสวนของเกษตรกรกันอย่างเพลิดเพลิน ยิ่งบรรยากาศแดดร่มลมตกในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ยิ่งทำให้การเดินชมตลาดคึกคักไม่น้อย

สำนักพิมพ์บ้านและสวนมีโอกาสได้ไปเยือนจังหวัดขอนแก่นกันอีกครั้ง จึงอดไม่ได้ต้องไปเยี่ยมเยือนตลาดแห่งนี้ เพราะนอกจากได้เลือกซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์แล้ว ยังได้แวะทักทายและพูดคุยกับผู้ปลูกผักอินทรีย์ที่เคยฝากเรื่องราวลงในหนังสือ Garden & Farm Vol.15 เกษตรในเมือง Urban Farming และ Garden & Farm Vol.16 เครื่องแกงและพืชเครื่องเทศ กันด้วยค่ะ

ตลาดเขียวขอนแก่นก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2557 โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ คือ

  1. เป็นพื้นที่ตลาดที่ให้โอกาสกับเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ได้นำผลผลิตมาขายเอง และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร
  2. เพื่อให้คนในชุมชนเมืองได้เข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย
  3. เป็นพื้นที่สร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตกับผู้บริโภค

ผักกาดหญ่าหรือผักกาดหญ้า ผักพื้นบ้านอีสานรสชาติฝาดอมเปรี้ยว มีกลิ่นฉุนเล็กน้อย นิยมกินแกล้มกับน้ำพริก เช่น น้ำพริกปลาป่น

สินค้าที่จำหน่ายหลัก ๆ ได้แก่ ผลผลิตทางการเกษตรโดยตรงจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ไข่ไก่ ไข่เป็ด เนื้อสัตว์ เช่น ไก่บ้าน เป็ดพื้นบ้าน ปลาจากแม่น้ำชี เนื้อหมูอินทรีย์ที่เลี้ยงแบบไบโอไดนามิก อาหารแปรรูปและงานหัตถกรรมชุมชน

คุณจงกล พารา และคุณถนัด แสงทอง เจ้าของศูนย์เรียนรู้สวนผักคนเมือง อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ในหนังสือ Garden & Farm Vol.15 เกษตรในเมือง Urban Farming
เมล็ดพันธุ์ผักชนิดต่าง ๆ ที่นำมาโชว์พร้อมจำหน่ายให้ผู้สนใจทั่วไป ซึ่งสามารถปลูกเพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ไปปลูกต่อได้ไม่รู้จบ

เมล็ดพันธุ์ผักที่เพาะทดสอบความงอก
คุณเครือวัลย์ กลุ่มเกษตรปลอดสารบ้านหนองผือ เจ้าของสูตรปลาร้าบองสับที่ลงในหนังสือ Garden & Farm Vol.16 เครื่องแกงและพืชเครื่องเทศ

ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 จนถึงทุกวันนี้ ตลาดเขียวขอนแก่นได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีผู้มาเดินตลาดศุกร์ละประมาณ 700-1,200 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ คนที่มาออกกำลังกายรอบ ๆ บึงแก่นนคร กลุ่มแม่บ้าน รวมถึงกลุ่มผู้ป่วย

 

คุณเฟื่องฟุ้ง กิจพงษ์ประพันธ์ เจ้าของร้านเฟื่องฟุ้ง เบเกอรี่เพื่อสุขภาพจากแป้งข้าวพื้นบ้าน

ขนมปังไส้ถั่วเขียวอินทรีย์สูตรหวานน้อย
ขนมปังไส้ต่าง ๆ

นอกเหนือจากการจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์แล้ว ภายในตลาดยังมีสมาชิกที่ให้คำแนะนำและให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคเรื่องสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น เรื่องสารเคมีปนเปื้อนในอาหาร ปัญหาสิ่งแวดล้อมในเมืองขอนแก่น เรื่องสิทธิบัตรยา สิทธิผู้บริโภค หรือแม้แต่การอัปเดตสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งยังมีกิจกรรมการระดมผักและผลไม้ในทุกเย็นวันศุกร์เพื่อบริจาคไปยังมูลนิธิช่วยเหลือเด็ก (บ้านลูกรัก) ซึ่งดูแลเด็กด้อยโอกาสจำนวน 40-50 คน

นอกจากเปิดตลาดทุกวันศุกร์ สมาชิกในกลุ่มยังกำลังทำร้านชำออแกนิกส์ เพื่อเป็นจุดกระจายสินค้าและเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกับผู้บริโภค โดยในส่วนของร้านค้าจะเป็นที่รวบรวมสินค้าและผลผลิตของกลุ่มตลาดเขียวขอนแก่น โดยเฉพาะพืชผัก อาหารแปรรูป และผลผลิตจากเครือข่ายผู้ผลิตอินทรีย์อื่น ๆ เช่น อาหารทะเลจากกลุ่มประมงพื้นบ้าน ผลไม้และผลผลิตอินทรีย์จากภูมิภาคอื่น ๆ

ตลาดเขียวขอนแก่นเปิดทุกวันศุกร์ เวลา 14.00-19.00 น. ไม่ว่าจะเป็นชาวเมืองขอนแก่นหรือนักท่องเที่ยวผู้รักสุขภาพ สามารถแวะไปเลือกซื้อสินค้า สอบถาม แลกเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์กับสมาชิกได้ หรือสามารถติดตามอ่านเรื่องราวการทำเกษตรอินทรีย์ของพวกเขาเพิ่มเติมได้ในหนังสือ Garden & Farm Vol.15 เกษตรในเมือง Urban Farming และ Garden & Farm Vol.16 เครื่องแกงและพืชเครื่องเทศ

 

ข้อมูล : คุณจงกล พารา สมาชิกตลาดเขียวขอนแก่น และเจ้าของศูนย์เรียนรู้สวนผักคนเมือง ตำบลพระลับ อำเภอเมืองฯ จังหวัดขอนแก่น

เรียบเรียง : อังกาบดอย

ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม

The post KhonKaen Green Market ตลาดเขียวขอนแก่น ตลาดเล็ก ๆ ของคนรักสุขภาพและเกษตรอินทรีย์ appeared first on บ้านและสวน.

บ้านไม้หลังเล็กริมสระบัว ได้อารมณ์บ้านต่างจังหวัด ทั้งที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ

$
0
0

บ้านไม้น่ารักหลังน้อยที่ออกแบบเป็นบ้านชั้นเดียวสร้างอยู่ริมสระบัว ให้กลิ่นอายแบบบ้านต่างจังหวัด โดยภายในผสมผสานการตกแต่งหลากสไตล์ในแบบที่เจ้าของบ้านชื่นชอบ ทั้งเสน่ห์ผ้าอินเดีย สีสันแบบเมดิเตอร์เรเนียน และการโชว์โครงสร้างเนื้อไม้แบบดิบๆ เป็นบ้านที่แต่งตามอำเภอใจ ฉีกตำราการออกแบบ แต่ทำให้เจ้าของบ้านมีความสุขสุดๆไปเลย

บ้านไม้ชั้นเดียว

เจ้าของ – ตกแต่ง : คุณปรีณัน นานา

บ้านไม้ชั้นเดียว
สร้างบ้านริมน้ำพร้อมทำทางเดินและชานไม้ไว้นั่งพักผ่อน เพื่อซึมซับบรรยากาศและช่วยให้อากาศภายในบ้านเย็นสบายขึ้นอีกด้วย
บ้านไม้ชั้นเดียว
ทำมุมนั่งเล่นง่ายๆด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าทาสีใหม่ให้สดใส แขวนกังหันและกระดิ่งลมที่ชายคาทำให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

เมื่อเดินเข้ามาภายในบริเวณบ้าน ทำให้เราลืมไปเลยว่ากำลังยืนอยู่ภายในซอยสุขุมวิท ใจกลางกรุงเทพฯที่สับสนวุ่นวาย เพราะภาพเบื้องหน้าเราเป็นเรือนไม้ขนาดกะทัดรัดริมสระบัว หลังคากระเบื้องว่าวสีเขียวท่มกลางความร่มรื่นของเงาไม้ ลมพัดไอเย็นมาสัมผัสกายให้คลายเหนื่อยได้ทั้งวัน    บ้านไม้ชั้นเดียว

เจ้าของบ้านหลังนี้ คือ คุณตุ้ม -ปรีณัน นานา เธอเริ่มเล่าเรื่องราวของบ้านให้เราฟังว่า ภายในรั้วเดียวกันนี้มีบ้านทั้งหมด 4 หลัง ตอนแรกมีบ้านคุณแม่หลังเดียว ลูกทุกคนก็จะอยู่ด้วยกันหมด ต่อมาเมื่อลูกๆเริ่มโตขึ้น ก็เริ่มแยกตัวออกมาสร้างบ้านของแต่ละคน ทั้งบ้านพี่สาว บ้านพี่ชาย และล่าสุดคือบ้านหลังนี้

“หลังจากเรียนจบจากประเทศฝรั่งเศส และกลับมาทำงานในวงการศิลปะซึ่งเป็นงานอิสระ ส่วนมากต้องทำงานอยู่บ้าน ก่อนที่จะมีบ้านหลังนี้ต้องใช้รถคันใหญ่ๆไว้เป็นเหมือนออฟฟิศเคลื่อนที่ จนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วต้องการพื้นที่สำหรับทำงาน จึงขออนุญาตคุณแม่สร้างบ้านหลังนี้” 

พอเริ่มคิดจะสร้างบ้านคุณตุ้มได้ปรึกษากับเพื่อน คือ ดร.ดาวิษี  บุญธรรม  ซึ่งเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ถึงเรื่องการวางตำแหน่งห้องต่างๆให้อยู่ในทิศทางรับลม เพราะคุณตุ้มชอบบ้านที่เปิดโล่ง จากนั้นจึงร่างแบบให้ช่างดู  พอดีช่วงนั้นมีช่างเข้ามาทำบ้านพี่สาวกับบ้านพี่ชาย การพูดคุยรายละเอียดต่างๆจึงค่อนข้างสะดวก

“ตอนก่อสร้างสนุกมาก  เพราะช่างอยู่หน้าบ้านเราอยู่แล้ว  และเราก็ไม่รีบร้อน ทำไปปรับแบบเล็กๆน้อยๆไปเรื่อย  บางขั้นตอนเราก็ลงมือทำเองด้วย อย่างกระเบื้องโมเสกในห้องน้ำที่ดูบิดๆเบี้ยวๆก็ฝีมือเราเอง  พอดีช่างเป็นชาวสุโขทัย ซึ่งชำนาญการสร้างบ้านไม้อยู่แล้ว ทุกอย่างจึงยิ่งง่ายเข้าไปอีก  อย่างไม้เก่าพวกนี้ช่างก็หาให้  ส่วนฝ้าเพดานเราอยากได้ที่สานจากตอก  จะไปหาซื้อที่สวนจตุจักร  ช่างก็บอกไม่ต้องซื้อ เพราะพ่อแม่เขาสามารถทำได้  ก็เลยช่วยสานมาให้ได้ขนาดพอดี”

เฟอร์นิเจอร์ไม้เก่า

ภายในบ้านตกแต่งโดยผสมผสานสไตล์ต่างๆเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างกลมกลืน  จากห้องโล่งๆห้องแรกที่รวมพื้นที่ส่วนทำงาน  มุมนอน  และมุมนั่งเล่นเข้าด้วยกัน ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าและผ้าพลิ้วๆลายสวยหลากสี  เชื่อมต่อไปยังพื้นที่ด้านนอกซึ่งเป็นห้องน้ำแบบเปิดโล่ง  ผนังปูนสีเหลืองสดสลับกับสีฟ้าแบบน้ำทะเลแถบอันดามัน และที่ขาดไม่ได้คือกระเบื้องโมเสกชิ้นเล็กๆที่วางสลับสีเรียงตัวกันอย่างบิดๆเบี้ยวๆอยู่เหนืออ่างอาบน้ำอย่างที่เจ้าของบ้านว่า

“ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะทำบ้านเพื่อใช้เป็นที่ทำงานอย่างเดียว แต่เพราะความเคยชินในช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ซึ่งมักจะทำทุกอย่างอยู่ในห้องเล็กๆห้องเดียวได้อย่างสบายๆ พอมาทำบ้านจึงเพิ่มมุมนอน มุมนั่งเล่น ห้องน้ำ และห้องครัวด้วย จนมีครบทุกอย่างอยู่ในนี้

“ทุกอย่างในบ้านจะคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก ดูว่าเราต้องการใช้อะไรบ้างก็ทำไปตามนั้น ในบ้านจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์แบบสูงเลย นอกจากโต๊ะทำงาน เพราะปกติเราชอบนั่งเล่นกับพื้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หน้าต่างจะอยู่ติดพื้น”

ห้องแบบสตูดิโอ
จัดห้องแบบสตูดิโอให้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ง่าย ด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว เพราะเจ้าของบ้านชอบนั่งกับพื้น เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ที่เลือกใช้จึงเป็นแบบเตี้ยที่ดูไม่อึดอัด
ฝ้าไม้ไผ่
เปิดฝ้าโล่งถึงหลังคาเพื่อโชว์โครงสร้างของบ้านไม้แล้วกรุฝ้าด้วยไม้ไผ่สานที่สั่งทำแบบคละลาย ทำให้ดูเป็นกันเองแบบบ้านต่างจังหวัด พร้อมดีไซน์ช่องระบายอากาศบนหน้าจั่วเป็นบานเกล็ดซ้อนกับบานกระจก และมีระบบรอกดึงปิดบานกระจกเวลาที่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ
ห้องนั่งเล่น
มุมนั่งเล่นภายในห้องทำแบบง่ายๆ โดยใช้เบาะรองนั่งผ้าฝ้ายสีสดวางเรียงกับพื้นแทนชุดโซฟา พร้อมกับหมอนลายสวยจำนวนมาก และติดผ้าม่านบางพลิ้วหลากสี สร้างความรู้สึกผ่อนคลายในการพักผ่อนและให้กลิ่นอายแบบอินเดียอย่างที่เจ้าของบ้านประทับใจ สังเกตว่ามีการออกแบบให้ความสูงของขอบหน้าต่างจากพื้นมีระยะพอดีกับการนั่งพิง และสามารถเท้าแขนได้อย่างสบายๆ เมื่อเปิดหน้าต่างออกไป
ห้องทำงาน
ไม่จำเป็นต้องใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เข้าชุดกันทั้งหมด อย่างชุดโต๊ะทำงานและชั้นวางของเป็นไม้เก่าสีเข้มแต่ใช้เก้าอี้เหล็กสีสด ก็ทำให้บ้านดูน่าสนใจขึ้น

ห้องนอน
สร้างพื้นที่นอนพักผ่อนด้วยการกั้นด้วยผ้าสีขาวดูสะอาดตา ให้ความู้สึกอ่อนหวานแบบผู้หญิงและเป็นส่วนตัว วางฟูกบนตั่งไม้ทำให้ลุกนั่งได้สะดวกขึ้น
เตียง
พื้นยกระดับที่ใช้วางฟูกนอนก็สามารถทำเป็นที่เก็บของได้ เพียงทำบานพับตรงกลางให้สามารถเปิดได้ ก็จะใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า และดูเป็นระเบียบมากขึ้น
ม่าน
ปิดชั้นวางของด้วยผ้าสไตล์อินเดียทำให้ดูไม่รกตา จะเลาอนหยิบของก็สะดวก แถมยังเปลี่ยนสีได้บ่อยตามใจชอบอีกด้วย

โดยปกติแล้วเรามักพบบ้านหลังใหญ่ที่พยายามตกแต่งของให้น้อยๆแบบมินิมัล เพื่อให้บ้านดูโล่งมากขึ้น  แต่บ้านเล็กหลังนี้กลับผสมผสานสีสันและความชอบทั้งหมดของเจ้าของไว้ได้ชนิด “อยู่มือ”  ไม่รู้สึกถึงความขัดแย้งหรืออึดอัดเลยสักนิด   คาดว่าคงเป็นเพราะส่วนผสมดังกล่าวได้รวบรวมผ่านตัวของคุณตุ้ม ก่อนที่จะถ่ายทอดออกมาอย่างกลมกล่อมสู่บ้านของเธอ

“เรื่องสไตล์การตกแต่งจะเรียกว่าเป็นมิกซ์แอนด์แมทช์แบบตามใจฉันก็ได้ คือก่อนหน้านี้เราก็ชอบเรื่องการตกแต่งบ้านอยู่แล้ว ชอบหาหนังสือแต่งบ้านมาดูอยู่ตลอด มันก็สะสมมาเรื่อยๆ พอมาสร้างบ้านของตัวเองก็ดึงเอาส่วนที่เราชอบออกมาใช้ เคยเห็นห้องน้ำแบบเมดิเตอร์เรเนียนแล้วชอบ เลยอยากให้มีในบ้านเราบ้าง หรืออย่างตอนเด็กๆเคยดูหนังอินเดีย ห้องนั่งเล่นต้องมีหมอนมีผ้าเยอะๆก็เอามาใช้กับบ้านตัวเอง

“จริงๆแล้วตอนเด็กๆเคยคิดอยากเรียนด้านตกแต่งภายในด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้คิดว่าดีเสียอีกที่ไม่ได้เรียนทางนั้น เพราะทำให้เราไม่มีกรอบมาคอยกำหนดว่าแบบไหนได้แบบไหนไม่ได้ เราชอบแบบไหนก็ทำไปอย่างนั้นโดยไม่สนใจด้วยว่าใครจะว่าไม่ดีหรือผิดหลักเกณฑ์อะไร เพราะนี่คือบ้านของเรา”

ห้องน้ำสไตล์เมดิเตอเรเนียน
บริเวณห้องน้ำกว้างๆกึ่งเปิดโล่ง ทำหลังคากระจกเพื่อรับแสงให้ดูสว่างตลอดทั้งวัน ใช้สีเหลืองสด สีฟ้าแบบน้ำทะเล และสีขาว สร้างบรรยากาศให้เป็นห้องน้ำอารมณ์พักผ่อนแบบบ้านริมทะเล
คละสีกระเบื้องโมเสกที่กรุเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าให้เข้ากับห้อง แล้วใช้ไม้เก่าทำเป็นกรอบกระจกพร้อมชั้นวางของ ให้อารมณ์ดิบๆ

ครัว
พื้นที่ครัวเล็กๆสร้างติดกับตัวบ้าน ด้านนอกตกแต่งอย่างเรียบง่ายตามความต้องการใช้งาน โต๊ะกลางในครัวเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่คุณตุ้มออกแบบเอง แล้วให้เพื่อนที่เป็นเจ้าของกิจการผลิตเฟอร์นิเจอร์ช่วยทำให้ ใช้เป็นโต๊ะวางของและเมื่อเปิดขึ้นสามารถใช้เป็นเตาไฟได้ด้วย

แม้บ้านหลังนี้จะเกิดจากความชอบหลายอย่างจนคิดว่าไม่น่าจะนำมาผสมกันได้ แต่ด้วยความช่างรู้สึกและช่างคิด จึงทำให้บ้านหลังนี้มีความลงตัวด้วยไอเดียการตกแต่งที่เป็นตัวของตัวเอง ทำให้เรารู้สึกว่าความสุขไม่ได้อยู่ไกลตัวเลย แต่ได้ถูกบ่มเพาะให้เติบโตไปพร้อมกับบ้านหลังนี้  บ้านไม้ชั้นเดียว


เรื่อง: ศรายุทธ, ดำรง

ภาพ: คลังภาพบ้านและสวน และนิตยสาร room

นิตยสารบ้านและสวนฉบับเมษายน 2549

10 แบบบ้านไม้หลังเล็ก ขนาดกำลังพอดีกับใจ โอบกอดด้วยธรรมชาติ

บ้านไม้หลังเล็กของครูแตงโม บ้าน..ที่เป็นโรงเรียนขนาดพอดี

บ้านไม้ไผ่ ท่ามกลางธรรมชาติ

 

The post บ้านไม้หลังเล็กริมสระบัว ได้อารมณ์บ้านต่างจังหวัด ทั้งที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ appeared first on บ้านและสวน.

7 ขั้นตอน ถ่ายภาพแมวอย่างมืออาชีพ (The PURR-FECT Cat Photos)

$
0
0

เมื่อเจ้านายทั้งหลายทั้งแสนซน คล่องแคล่ว และว่องไวเป็นที่หนึ่ง การที่จะทาสอย่างเราจะ ถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะแมว หรือ บันทึกภาพความน่ารักในอิริยาบถต่าง ๆ ได้ทันท่วงที นั้นก็เป็นเรื่องที่แสนจะยากลำบากเสียเหลือเกิน บางครั้งก็ต้องหาจังหวะเหมาะ ๆ กดถ่ายภาพทีเผลอแบบรัว ๆ หรือไม่ ก็ต้องแอบถ่ายในช่วงเวลาที่เจ้าแมวเหมียวนั้นนอนหลับฝันหวาน

แต่ภาพสวย ๆ จะถูกบันทึกไว้ได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะ วันนี้ บ้านและสวน Pets มี 7 ขั้นตอนง่าย ๆ เพื่อการ ถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง อย่างมืออาชีพ มาแนะนำกันค่ะ 

 

1.ใช้แสงธรรมชาติ และพื้น/ฉากหลังที่ดี

ถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

แน่นอนว่าภาพที่เป็นธรรมชาติ ต้องการบรรยากาศที่สวยงาม มีแบคกราวน์ หรือพื้น / ฉากหลังที่ดี ที่จะช่วยให้นางแบบ – นายแบบตัวน้อยดูโดดเด่นบนภาพถ่ายมากยิ่งขึ้น แต่ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกด้วยนะคะ ต่อมาคือ การเลือกใช้แสง โดยแสงธรรมชาติย่อมจะดีกว่าการจัดแสง เพราะ ภาพที่ได้จะมีความละมุน ไม่แข็งกระด้างจนเกินไป ยิ่งสำหรับสัตว์เลี้ยงตัวนุ่ม ขนฟูด้วยแล้ว แสงธรรมชาติในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะดีที่สุด รวมถึงควรงดใช้แฟลชที่อาจก่อให้เกิดเอฟเฟกต์ต่าง ๆ บนดวงตาแมวด้วยนะคะ

Tips ช่วงเช้า ประมาณ 8.00 – 10.00 น. จะเป็นช่วงที่แสงธรรมชาติกำลังสวยนะคะ

 

2.เตรียมพร้อมอยู่เสมอ

ถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

ไม่มีใครรู้ว่า เจ้านายตัวน้อยจะทำท่าทางน่ารัก ๆ เมื่อไหร่ และภาพที่ดีส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดขึ้นจากท่าทีที่เป็นธรรมชาติ ของนายแบบ-นางแบบ หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า ท่าเผลอ ๆ นี่แหละ ซึ่งการที่เราจะหยิบโทรศัพท์ หรือกล้องขึ้นมาถ่ายภาพกันแบบเร็ว ๆ ในช่วงที่เจ้านายกำลังน่ารักแบบสุด ๆ ก็อาจจะทำให้นางแบบ-นายแบบตกใจได้ง่าย อีกทั้งยังอาจวิ่งหนีไม่ปล่อยให้กล้องโฟกัสได้ทันซะอย่างงั้น ทางที่ดีทาสแมวอย่างเรา จึงควรเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เมื่อได้โอกาสที่เหมาะสม จะได้หยิบกล้องขึ้นมาอย่างช้า ๆ สามารถกดชัตเตอร์ได้แบบที่เจ้านายไม่ทันรู้ตัวค่ะ

 

3.ใช้เลนส์ซูม และโหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง

ถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

น้องแมวมักจะมีการเคลื่อนไหวด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วว่องไวอยู่เสมอ ยิ่งเจอกล้อง หรือมือถือด้วยแล้ว มักจะเผยทักษะแฝงที่สามารถหลบหนีได้ว่องไวเป็นพิเศษ  การถ่ายภาพโดยเลือกใช้โหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง ตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์สูง เพื่อหยุดการเคลื่อนไหว (stop motion) หรือวิดิโอบันทึกช่วงเวลาต่าง ๆ ไว้ จะทำให้สามารถจับภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น เห็นรายละเอียดของสัตว์เลี้ยงได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเฉพาะภาพที่ดีจากภาพทั้งหมดได้อีกด้วย

 

4.องศา และมุมกล้อง

ถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง

ใช่ว่าการกดชัตเตอร์ยิ่งมาก จะยิ่งได้ภาพที่ดี มุมมองของช่างภาพก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ภาพดูสมบูรณ์ และมีมิติมากยิ่งขึ้น ซึ่งองศาและมุมกล้องต่าง ๆ ในการถ่ายภาพ มักจะขึ้นอยู่กับฉากหลังและอิริยาบถของน้องแมวในช่วงเวลานั้น ๆ อย่าง เวลาที่แมวอยู่บนที่สูง ภาพที่ได้ก็มักจะเห็นท่าทางการเคลื่อนไหวแบบทั้งตัว แต่ถ้าเป็นภาพใกล้ แนะนำว่าให้ลองขยับมุมกล้องเข้าไปใกล้ ๆ อีกนิด นอกจากจะไม่เห็นความสั่นไหวของฉากหลังแล้ว การถ่ายภาพที่ได้เห็นแววตาของน้อง หรือมองเห็นในมุมมองเดียวกับมุมมองของสัตว์เลี้ยงจะช่วยให้ภาพดูน่าสนใจ และอาจทำให้ภาพที่ได้กลายเป็นภาพที่พิเศษ จนต้องร้อง “งู้ยยยยย” เลยทีเดียว

Tips อาจเลือกใช้การจัดองค์ประกอบภาพพื้นฐาน หรือที่เรียกว่า กฏสามส่วน มาเป็นตัวช่วยให้นายแบบ-นางแบบดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

 

5.ให้รางวัลด้วยขนม และของเล่น

ถ้าอยากจะได้ภาพสวย ๆ มาเก็บไว้ หรือ ไว้อวดเพื่อน ๆ ว่าลูกของเราน่ารักมากแค่ไหน (มาอวดใน Fb : บ้านและสวน Pets ก็ได้นะคะ) ก็ต้องมีติดสินบนเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยของโปรดกันบ้าง ซึ่งตัวช่วยที่ดีที่สุดที่จะทำให้ได้ในสิ่งที่ทาสอย่างเราต้องการ ก็คงหนีไม่พ้น ขนมและของเล่น เพราะ ของรางวัล หรือของหลอกล่อเหล่านี้ จะช่วยดึงดูดความสนใจ ให้สัตว์เลี้ยงหันมามองกล้อง หรือจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทำให้สามารถจับภาพในช่วงเวลาที่กำลังมีความสุข และดูเป็นธรรมชาติด้วยสายตาขี้อ้อนกันแบบสุด ๆ อีกทั้งเรายังอาจได้รับความร่วมมือที่ดีจากนางแบบ-นายแบบกันอีกด้วยจ้า

 

6.เลือกช่วงเวลาที่มีความสุข

คงไม่มีใครอยากโดนถ่ายภาพในช่วงเวลาที่กำลังหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ หรือตอนที่กำลังตื่นนอนกันใช่มั๊ยล่ะคะ น้องเหมียวก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน ถ้าหากมีใครมาวุ่นวายตอนที่กำลังรู้สึกไม่สบายเนื้อ ไม่สบายตัว หรือกำลังไม่สบายใจ ก็คงจะไม่ค่อยชอบ เราเองก็คงได้ภาพที่ไม่ค่อยน่ารักสักเท่าไหร่ ดังนั้น การเลือกช่วงเวลาที่น้อง ๆ กำลังมีความสุข หรืออารมณ์ดีก็จะเป็นสิ่งหนึ่ง ที่ช่วยให้ได้ภาพที่มี mood & tone ที่ดีได้ เวลาที่ได้มองภาพก็จะสัมผัสได้ถึงความสุขที่ถูกถ่ายทอดออกมาด้วย

Tips แค่ดูหางก็รู้ใจ น้องแมวอารมณ์ไหนให้ดูหาง

 

7.ใช้ความอดทน

ถ่ายภาพแมว

สิ่งสุดท้าย แต่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความอดทน!! คงไม่ต้องบอกกันใช่มั๊ยล่ะคะ ว่า กว่าจะได้แต่ละภาพมา ทาสอย่างเราต้องพยายามกันมากแค่ไหน ไม่ว่าจะกี่ขั้นตอน หรือกระบวนท่าที่งัดไม้ตายออกมาใช้ ก็ต้องแพ้ให้ความอดทน สู้ ๆ กันนะคะ ^^ ภาพที่ดีมักจะมาในช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสมเสมอค่ะ

The post 7 ขั้นตอน ถ่ายภาพแมวอย่างมืออาชีพ (The PURR-FECT Cat Photos) appeared first on บ้านและสวน.

คู่มือเก็บกระเป๋าไปแคมปิ้งสไตล์คนรักสวนและธรรมชาติ

$
0
0

นี่คือคู่มือแคมปิ้งฉบับพึ่งเริ่มต้นสำหรับเหล่าผู้รักการผจญภัยหรือหลงใหลในเสน่ห์ของธรรมชาติที่มีให้เราค้นพบไม่จบสิ้น เพราะการแคมปิ้งเป็นการนําตัวเองกลับไปสู่วิถีชีวิตที่ใกล้เคียงกับชีวิตของชาวป่าหรือมนุษย์เมื่อครั้งอดีต ซึ่งอยู่อาศัยและพึ่งพิงธรรมชาติกันอย่างอ่อนน้อม ขณะเดียวกันก็เหมือนเป็นการหลบหลีกตัวเองจากวิถีชีวิตปกติและเรื่องเครียดในที่ทํางาน เพื่อปลดปล่อยหัวใจให้ไหลไปกับวิวทิวทัศน์และความสวยงามของธรรมชาติที่อยู่รอบตัวแทน

ปัจจุบันมีอุทยานแห่งชาติ ฟาร์ม หรือพื้นที่เอกชนที่เปิดให้นักเดินทางทั่วไปสามารถมาเช่า กางเต็นท์และทํากิจกรรมในช่วงฤดูหนาว ซึ่งแต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์และเสน่ห์แตกต่างกันไป
หากรถของคุณมีราวหลังคา(Rack)หรือชั้นวางของ อยู่แล้ว สามารถใช้เป็นฐานเพื่อยึดกันสาด(Car Awning)แทนเสาเต็นท์ได้เลย โดยอาจเลือก ตําแหน่งที่นั่งตามความเหมาะสมของประเภทรถ ซึ่งจุดกางเต็นท์ควรเป็นบริเวณที่ได้รับอนุญาต ให้กางเต็นท์หรือเป็นคาร์แคมป์เท่านั้น

เริ่มต้นออกเดินทาง

ก้าวแรกของการเดินทางคือการมองไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติก็เริ่มกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ ในบ้านเรามีภูมิประเทศและป่ามากมายที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว หากสามารถเดินทางได้มากกว่า2วันขึ้นไปก็เหมาะกับการเดินทางบนเส้นทางธรรมชาติตามป่าเขาในอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเส้นทางเดินป่าแต่ละเส้นก็จะมีระดับความยากง่ายและระยะเวลาในการเดินแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระยะทาง ความห่างไกลชุมชน อุปสรรค และศักยภาพของผู้เดินป่า ควรศึกษาข้อมูลดังกล่าวให้ดีก่อนออกเดินทาง หากมีเวลาไม่มากควรเลือกจุดกางเต็นท์หรืออุทยานแห่งชาติที่มีจุดพักกางเต็นท์ในบริเวณที่รถยนต์สามารถเข้าถึงได้เลยหรือที่เรียกว่าคาร์แคมป์ เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง ขณะเดียวกันก็สามารถพักผ่อนได้เต็มที่ไม่ต่างจากการกางเต็นท์บนเส้นทางเดินป่าเท่าใดนัก ปัจจุบันสามารถจองการเข้าใช้บริการอุทยานแห่งชาติผ่านแอพพลิเคชั่นQueQ รวมถึงต้องลงทะเบียนเข้า-ออกผ่านแอพพลิเคชั่นไทยชนะทุกครั้ง โดยที่นักท่องเที่ยวไม่จําเป็นต้องโทรศัพท์ไปจองกับอุทยานโดยตรง เพื่อควบคุมจํานวนนักท่องเที่ยวไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ด้วย

อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะสําหรับการ เดินป่า ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์หรือที่นั่งจะมีน้ําหนักเบา และแข็งแรง ทําให้ สมาชิกทุกคนสามารถ เก็บสัมภาระใส่เป้สะพายส่วนตัว แบ่งกันสะพาย และนํามาใช้ร่วมกัน ที่จุดกางเต็นท์ได้
พื้นที่อุทยาน แห่งชาติที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง อุปกรณ์ให้แสงสว่างก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะตะเกียงแก๊ส หรือตะเกียงไฟฟ้าจะมี ประโยชน์มากในการ ทําอาหารหรือจัดการ ธุระต่างๆยามค่ําคืน

เตรียมสัมภาระใส่เป้

เพราะสัมภาระคือภาระของการเดินป่าเช่นกัน สําหรับผู้ที่เพิ่งเดินป่าครั้งแรกควรเตรียมไปเฉพาะสิ่งของที่จําเป็น อย่างอาหาร ยา เครื่องนุ่งห่มอุปกรณ์ค้างแรม รวมทั้งผลิตภัณฑ์ทําความสะอาด อีกทั้งควรเตรียมของใช้ที่เผื่อสําหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือสภาพอากาศที่อาจเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตด้วยเช่นกัน เช่น ร่ม เสื้อกันฝน หรือชุดกันหนาว สิ่งสําคัญอีกอย่างที่ไม่ควรหลงลืมคือ เมื่อนําสัมภาระอะไรเข้าป่าไปแล้ว ก็ต้องนําของทุกอย่างรวมทั้งขยะติดกลับมาด้วย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ทําจากวัสดุย่อยสลายยากอย่างพลาสติกหรือโฟม ควรนําไปในปริมาณที่น้อยที่สุด กระเป๋าสําหรับใส่อุปกรณ์ควรเป็นเป้ที่ทําจากวัสดุแข็งแรงแน่นหนา สะพายได้คล่องตัวและมีน้ําหนักเบา ขนาดที่แนะนําสําหรับการเดินป่าในประเทศไทยที่ใช้บริการลูกหาบช่วยแบกอาหารหรืออุปกรณ์กางเต็นท์ สามารถใช้เป้ขนาดความจุ35-45ลิตรแต่สําหรับผู้ที่ต้องแบกอุปกรณ์เดินป่าชุดเล็กและข้าวของเครื่องใช้ในการดํารงชีพไปเอง ควรเตรียมเป้ขนาด40-55ลิตร ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่นักเดินป่าในประเทศไทยนิยมใช้ ส่วนเป้ขนาด50-55ลิตรขึ้นไปจะเหมาะกับผู้ที่เดินป่าระยะไกลเป็นเวลาหลายวันด้วยอุปกรณ์เดินป่าครบชุด รวมถึงเครื่องครัว อาหาร และเสื้อผ้าสําหรับป้องกันความหนาว

ช่วงเวลาหนึ่งที่นับเป็นความท้าทายและเรื่องสนุกสนานสําหรับนักเดินป่ามือใหม่คือการกางเต็นท์ โดยก่อนซื้อเต็นท์นอกจากทดทองใช้งานและประเมินความเหมาะสมแล้ว ควรเรียนรู้และศึกษาวิธีกางเต็นท์ พื้นฐานมาก่อนด้วย

ที่หลับที่นอน

ที่อยู่อาศัยในป่าก็คือเต็นท์ ซึ่งมีให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการของนักท่องเที่ยวและสถานที่ตั้งแคมป์ ส่วนใหญ่จะแยกเป็นเต็นท์สําหรับผู้เดินป่าแบบแบ็กแพ็คที่มีน้ําหนักเบาเป็นพิเศษและมีขนาดสําหรับ1-2คน เน้นความสะดวกในการพกพาและจัดเก็บใส่กระเป๋า หรือบางท่านอาจเลือกใช้เต็นท์เปลนอนสําหรับ1ท่าน ก็นับเป็นตัวเลือกที่ดี ยิ่งในช่วงฤดูฝนอาจเตรียมแผ่นกันฝนหรือแผ่นรองเต็นท์เพื่อรับมือกับน้ําฝนด้วย โดยก่อนเลือกซื้อควรลองนอนกับสินค้าตัวอย่างที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ก่อน เพื่อสํารวจว่ามีขนาดเหมาะสมกับเราและนอนสบาย ส่วนการเลือกที่นอนควรพิจารณาจากขนาดและอุณหภูมิของจุดกางเต็นท์เป็นหลัก ซึ่งจะมีระบุไว้ที่ถุงนอนอย่างชัดเจน สําหรับผู้ที่เดินทางไปคาร์แคมป์สามารถเลือกขนาดเต็นท์ที่หลากหลายตามจํานวนสมาชิกที่ออกเดินทาง ถ้าเป็นไปได้ควรเป็นเต็นท์รวมเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับสมาชิกผู้ร่วมทาง โดยควรเลือกเต็นท์ที่มีปริมาณความจุมากกว่าจํานวนสมาชิก1ที่เป็นอย่างน้อย เช่น หากจํานวนสมาชิกมีอยู่3คน ควรหาเต็นท์ที่บรรจุได้มากกว่า4คน เพื่อให้มีพื้นที่สําหรับวางสัมภาระอื่นๆภายในเต็นท์ ที่สําคัญ ควรเลือกเต็นท์ที่กันน้ําฝนและกันลม เพื่อรองรับสภาพอากาศที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ก่อนออกเดินทางควรเช็กสภาพเต็นท์ ถุงนอนหรือเครื่องนอนให้เรียบร้อยว่ามีจุดชํารุดหรือต้องซ่อมแซมตรงไหนก่อน

สําหรับบางพื้นที่ที่ไม่อนุญาต ให้ก่อกองไฟในป่า ควรเตรียมเตาแก๊สแบบพกพาสําหรับทําอาหารติดตัว ไปด้วย และควรหลีกเลี่ยงการทํา อาหารที่ก่อให้เกิดควันเป็นจํานวนมาก เพราะเป็นการรบกวนธรรมชาติและผู้อื่นที่มาใช้พื้นที่ร่วมกัน

อาหารการกิน

เช่นเดียวกับสัมภาระ อาหารที่เตรียมไปสําหรับรับประทานในป่าควรมีน้ําหนักเบา ให้พลังงานสูง สะดวกต่อการพกพาหรือนํามาประกอบอาหาร และอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่มีการป้องกันอย่างมิดชิด เช่น อาหารแห้ง ข้าวเหนียวหมูปิ้ง หรือพาวเวอร์บาร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยผงชูรสหรือมีรสจัดเนื่องจากอุทยานแห่งชาติบางแห่งมีจุดจําหน่ายน้ําจํากัดและเราจําเป็นต้องนําน้ําดื่มเข้าไปเอง ซึ่งก็ต้องประเมินให้ดีก่อนออกเดินทาง หากปริมาณน้ําและอาหารน้อยเกินไปก็จะไม่เพียงพอต่อการบริโภคแต่หากมากเกินไปก็จะยิ่งเพิ่มอุปสรรคในการเดินป่ามากขึ้น ส่วนอุปกรณ์ในการทําอาหารควรศึกษาให้ดีว่าสถานที่ที่เราจะเดินทางไปอนุญาตให้ก่อกองไฟด้วยฟืนได้หรือไม่อาจจําเป็นต้องนําเตาแก๊สแบบพกพาที่มีขนาดกะทัดรัดพร้อมแก๊สชนิดกระป๋องสําหรับก่อกองไฟไปเอง สถานที่ที่มีจุดกางต็นท์ที่รถยนต์เข้าถึงก็ถือว่าเป็นการลดอุปสรรคในเรื่องอาหารลงได้มาก เราสามารถเตรียมอาหารหรือรังสรรค์เมนูจากอาหารสดที่เตรียมมาได้เต็มที่ แต่เพื่อความสะอาดและไม่เป็นการรบกวนผู้ที่มากางเต็นท์กลุ่มอื่น ไม่ควรทําอาหารที่ผ่านกรรมวิธีมากจนเกินไป หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง ไม่ใช้น้ํามันหรืออุปกรณ์ในการทําอาหารที่มีขนาดใหญ่มากจนเกินไป และควรใช้อุปกรณ์สําหรับประกอบอาหารที่ออกแบบมาเพื่อกิจกรรมแคมปิ้งโดยเฉพาะ หรือเป็นอุปกรณ์ที่เคลื่อนย้ายสะดวกและอยู่ในสภาพปลอดภัย ไม่ชํารุด

หากสถานที่กางเต็นท์อนุญาต ให้ก่อกองไฟสําหรับประกอบอาหารได้ ควรก่อในพื้นที่ที่กําหนดเท่านั้น และควรเตรียมถ่านหรือเชื้อเพลิงมา ให้พร้อม ไม่ควรใช้กิ่งไม้ ในธรรมชาติสําหรับก่อกองไฟ
ตําแหน่งที่ดีสําหรับ การกางเต็นท์นอกจากอยู่ในพื้นที่ราบและปลอดภัยแล้ว ควรเป็นมุมที่สามารถเปิด ออกไปเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะ แสงแดดในยามเช้าที่จะ สร้างความประทับใจในการ เดินทางครั้งนี้อย่างแน่นอน

สิ่งที่คนรักสวนไม่ควรพลาด

ตลอดเส้นทางการเดินป่าหรือการพักผ่อนบริเวณจุดการเต็นท์ในครั้งนี้ นอกจากเป็นการพักร้อนและใช้เวลาร่วมกันระหว่างเรากับผู้ร่วมทางแล้ว ยังเป็นการมองเห็นความสวยงามของธรรมชาติที่เกิดขึ้นด้วยตาตัวเองจากสถานที่จริง เราสามารถหยิบยกภาพความสวยงามของมุมที่ชอบมาใช้กับการจัดสวนของเราได้โดยเฉพาะผู้ที่จัดสวนธรรมชาติหรือสวนสไตล์ทรอปิคัล เช่น ลักษณะรูปทรงและทิศทางการไหลของน้ําตกหรือลําธาร ตําแหน่งของกลุ่มต้นไม้และก้อนหิน หรือกลุ่มเฟินหรือกล้วยไม้ที่ขึ้นอิงอาศัยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในป่าไม้หรืออุทยานแห่งชาติต่างๆไม่อนุญาตให้นําพรรณไม้หรือสิ่งใดๆในป่าออกนอกพื้นที่ นอกเหนือจากความประทับใจและไอเดียในการจัดสวน อีกทั้งไม่ควรสนับสนุนการซื้อขายหรือลักลอบจําหน่ายสินค้าที่มาจากป่าไม่ว่ารูปแบบใดก็ตาม

สวนของ คุณบุญรักษ์ ธนเจริญโรจน์คืออีกสวนหนึ่งที่ได้แรง บันดาลใจมาจากความ ประทับใจในการเดินทาง เที่ยวชมป่าดิบเขาบนดอย แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมองเห็นลําธาร มอสส์ และต้นไม้ใหญ่ที่มีรูปทรง คดโค้งตามแรงลม

เรื่อง:ปัญชัช

ภาพ:คลังภาพบ้านและสวนนิตยสารroom,my home

5 CAMPING CAFES ชวนจิบกาแฟในบรรยากาศแคมปิ้งสุดชิล

The Camping House ชั่วโมงแห่งความสุขที่บ้านดงหลง

8 ที่พักลานกางเต็นท์ สุนัขพักได้

The post คู่มือเก็บกระเป๋าไปแคมปิ้งสไตล์คนรักสวนและธรรมชาติ appeared first on บ้านและสวน.


ไอเดียไปปิกนิกในสวนแบบคนรักธรรมชาติ

$
0
0

 แม้ว่าการปิกนิกในสวนเพื่อพักผ่อนหย่อนใจจะไม่ใช่วัฒนธรรมพื้นฐานของบ้านเรา แต่หากจะเรียกว่าเป็นการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านก็อาจทําให้การไปปิกนิกดูเป็นกิจกรรมที่เข้าถึงได้และสามารถทําได้บ่อยในวันพักผ่อน เพื่อออกไปนั่งๆนอนๆ พูดคุย และทํากิจกรรมร่วมกันในครอบครัวหรือหมู่เพื่อนฝูง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เท้าของเราได้สัมผัสกับพื้นหญ้าหรือสายลมที่พัดผ่านใบหน้า นับว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะทําให้เราได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ความสวยงามในธรรมชาติ ไม่ว่าจะมาจากดอกไม้หรือ ใบหญ้าก่อให้เกิดวัฒนธรรม การชมธรรมชาติในหลากหลาย สถานที่ ซึ่งล้วนมีความ คล้ายคลึงกับการปิกนิกในสวน เพื่อบําบัดจิตใจและร่างกาย
ระเบียงไม้เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ภายในบ้านกับสวน ในวันว่างสามารถเปลี่ยนเป็นมุมพักผ่อนปิกนิก แสนง่าย โดยการนําเบาะรองนั่งและหมอนอิงมาวางพร้อมด้วยโต๊ะรับประทานของว่างขนาดย่อม

มองหาที่ปิกนิก

แค่พื้นหญ้านุ่มๆบริเวณสนามหลังบ้านก็เพียงพอให้เราอยากไปนั่งพักผ่อนและทอดอารมณ์ได้แล้ว หรือบางบ้านที่มีพื้นที่ระเบียงหรือลานพื้นแข็งที่ได้ร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่สําหรับวางโต๊ะสนามหรือทํากิจกรรมอื่นก็อาจปรับเปลี่ยนมุมดังกล่าวให้ได้มู้ดแอนด์โทนใหม่ เกิดบรรยากาศของสวนในวันพักผ่อนที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น แต่หากใครมีพื้นที่บริเวณบ้านและสวนไม่มากนัก อีกทั้งยังอาจไม่เหมาะกับการพักผ่อนแบบปิกนิก เราอาจมองหาสวนสาธารณะในละแวกบ้าน อุทยานแห่งชาติหรือสถานที่ตากอากาศที่น่าสนใจและเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปพักผ่อนและรับประทานอาหารได้เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางให้เรา กลุ่มเพื่อน หรือญาติได้มาพบปะพูดคุย อีกทั้งยังมีพื้นราบสําหรับนั่งพักผ่อนเพื่อนั่งชมธรรมชาติและสวนที่อยู่รอบๆในช่วงเช้าหรือเย็นที่อากาศกําลังสบายในช่วงวันหยุด แนะนําให้ศึกษารายละเอียดของสถานที่ที่เราจะไปพักผ่อนว่าต้องขออนุญาตหรือจองสถานที่ก่อนเข้าไปใช้บริการหรือไม่

สนามหญ้าบริเวณริมน้ําที่ดูไม่สะดุดตานัก แต่พอนําเสื่อและเต็นท์ขนาดเล็กสําหรับเด็กไปวางก็ทําให้มุมนี้ กลายเป็นมุมที่ชวนมองและส่งเสริมจินตนาการ ให้เด็กเล็กได้อยู่ไม่น้อย

จัดอะไรใส่ตะกร้า

แม้ว่าการไปปิกนิกของเราจะเป็นการพักผ่อน แต่หากเป็นสถานที่สาธารณะอื่นๆก็ควรศึกษาก่อนว่ามีกฎหรือข้อห้ามประการใดบ้าง จากนั้นจึงมาประเมินว่าระหว่างที่นั่งปิกนิกนั้นมีกิจกรรมอะไรง่ายๆที่ทําได้ด้วยตัวเองบ้าง เช่น ฟังเพลงอ่านหนังสือ เล่นบอร์ดเกม หรือทําอาหาร ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะส่งผลต่อสัมภาระที่เราจําเป็นต้องจัดใส่ตะกร้ามาปิกนิก โดยต้องคํานึงว่า การมาปิกนิกใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือครึ่งวันเท่านั้น การเตรียมกิจกรรมหรือสัมภาระมากจนเกินไปก็อาจเป็นเรื่องเกินความจําเป็นและทําไม่ได้ทั้งหมด อุปกรณ์ที่เตรียมมาควรมีขนาดและจํานวนไม่มากเน้นความสะดวกต่อการพกพาและเพียงพอต่อการใช้งาน โดยมากควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทําจากวัสดุที่ทนต่อแรงกระแทกและไม่แตกหักง่ายเช่นไม้ พลาสติก(แบบใช้ได้หลายครั้ง) เมลามีน โลหะ เนื่องจากเราจําเป็นต้องขนย้าย ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุที่ทําให้ของที่เตรียมไปเสียหายได้ ส่วนภาชนะที่ใส่ควรมีความแน่นหนาและป้องกันความเสียหายในการขนย้ายได้ระดับหนึ่ง แต่หากไม่ได้มีของมากมายนัก อาจใช้เป็นกล่องไม้หรือตะกร้าหวาย ก็ช่วยสร้างมู้ดแอนด์โทนที่เหมาะสมกับการปิกนิกมากยิ่งขึ้น

นอกจากวิวสวยๆแล้ว แปลงกุหลาบหรือดอกไม้ ในสวนก็เป็นมุมหนึ่งที่น่าปูเสื่อสําหรับนั่งปิกนิก ด้วยเช่นกัน ด้วยสีสันที่สดใสและกลิ่นหอม ที่โชยมาอ่อนๆยามที่ลมพัดขณะที่เรานั่งพักผ่อน

เตรียมที่นั่งๆนอนๆ

อดีตคนส่วนใหญ่คุ้นตากับการไปปิกนิก ที่เป็นการเตรียมเสื่อไปปูกับพื้นดินหรือสนามหญ้าสําหรับเป็นทั้งที่นั่ง นอนเล่น วางสัมภาระและรับประทานอาหารไปด้วยในตัว ซึ่งขนาดของเสื่อควรเหมาะสมกับจํานวนผู้ใช้และการใช้งาน หากใช้เสื่อผืนเล็กเกินไปก็อาจไม่สะดวกต่อการนั่งเอกเขนกพักผ่อน แต่หากใช้ผืนใหญ่เกินไปก็จะไม่ตึงได้รูปทรงที่สวยงามพอดี นอกจากนี้ยังสามารถเตรียมหมอนขนาดเล็กหรือเก้าอี้สนามมาจัดรวมไว้ด้วยกัน โดยควรเลือกโทนสีหรือชนิดของผ้าที่เข้ากันกับเสื่อเพื่อความสวยงามของมุมพักผ่อน บางครั้งเราอาจใช้กล่องหรือตะกร้าที่แข็งแรงเป็นโต๊ะกลางสําหรับวางอาหารและทํากิจกรรมตามความเหมาะสม หรือใครจะนําของเหลือใช้อย่างลังไม้ กล่องกระดาษ หรือกระถางต้นไม้มาดัดแปลงเป็นโต๊ะหรือชุดที่นั่งก็ดูเก๋ไก๋อยู่ไม่น้อย บางคนเตรียมเปลญวนมาผูกกับต้นไม้ใหญ่ก็น่าสบายไม่แพ้กัน นอกจากนี้ด้วยสภาพอากาศร้อนและมีฝนตกแบบบ้านเรา โปรดอย่าลืมเตรียมร่มไปด้วยก็น่าจะเป็นการดี

ไอเดียที่น่าสนใจ โดยการประยุกต์นําลัง พลาสติกสําหรับใส่ผลไม้มาประดิษฐ์เป็นตะกร้า ปิกนิก นอกจากแข็งแรง และบรรจุของใช้ ได้เป็นจํานวนมากแล้ว ยังสามารถใช้เป็น โต๊ะวางของได้อีกด้วย
เมนูอาหารที่ให้พลังงานประเภทแป้ง น้ําตาล และธัญพืช เหมาะจะนํามารับประทานระหว่างปิกนิก นอกจาก รสชาติอร่อยแล้วยังรับประทานได้ง่าย ส่งเสริมให้ทํากิจกรรมกลางแจ้งได้ตลอดทั้งวันโดยเฉพาะเด็กๆ
บีนแบ็กเป็นที่นั่ง ในอิริยาบถสบายที่สามารถ วางไว้ในบ้านหรือนําไป เป็นที่นั่งเล่นปิกนิกภายนอกบ้านได้ เพราะมีน้ําหนักเบา พกพาสะดวก

มื้อว่างแสนอร่อย

ตามความหมายดั้งเดิม ปิกนิกคือการที่คนกลุ่มหนึ่งหยิบขวดไวน์จากบ้านติดตัวออกมาเพื่อสังสรรค์ด้วยกัน ดังนั้นแม้เวลาผ่านไปการปิกนิกก็น่าจะขาดอาหารและเครื่องดื่มไม่ได้เช่นกัน แม้ว่าวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนไทยกับประเทศในแถบยุโรปที่เป็นต้นกําเนิดของการปิกนิกจะแตกต่างกันบ้างแต่ก็ยังคงเน้นอาหารรับประทานง่ายและไม่หนักท้อง เพื่อสําหรับรองท้องระหว่างทํากิจกรรมกลางแจ้งเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเตรียมมาเอง โดยอาจมาตัดแบ่งหรือจัดจานระหว่างปิกนิก เช่น เมี่ยงคํา หมูทอด หมูแดดเดียว ขนมปังหน้าหมู แซนด์วิช หรือบางคนอาจนําครกมาตําส้มตํา ก็ดูเป็นกิจกรรมที่น่าสนุกดี หากรับประทานอาหารในพื้นที่สาธารณะ ส่วนใหญ่จะมีกฎหรือข้อห้ามที่ควรศึกษาก่อนเข้าไปใช้บริการเช่นไม่อนุญาตให้นําเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เข้ามารับประทาน หรือห้ามใช้ภาชนะที่ทําจากโฟม บางแหล่งท่องเที่ยวอย่างบริเวณน้ําตกไม่ควรนําขวดแก้วหรือแก้วน้ําเข้ามาใช้ เพราะอาจแตกและเป็นอันตรายต่อผู้อื่นได้

มุมนั่งเล่นริมทะเลจัดวางอย่างเรียบง่าย แต่ลงตัวด้วยเฟอร์นิเจอร์หลากหลายสไตล์ อย่าง กล่องไม้นํามาวางเป็น โต๊ะอาหารคู่กับเก้าอี้พับ เก็บได้และร่มสนาม ช่วยพรางแสงแดด

สิ่งที่คนรักสวนไม่ควรพลาด

สุนทรียะของการปิกนิกคือการทํากิจกรรมและพักผ่อนท่ามกลางสวนหรือธรรมชาติระหว่างวัน ดังนั้นเราจะมีโอกาสได้ชื่นชมและสังเกตความสวยงามของสวนของเราหรือพื้นที่ที่เราพักผ่อนได้นานยิ่งขึ้น ซึ่งได้ความเพลิดเพลินจากการสํารวจในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น ความเปลี่ยนแปลงของช่วงเวลาระหว่างวันก่อให้เกิดเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป หรือแม้แต่สถานที่เดิมที่เราคุ้นเคย เมื่อนั่งเล่นในช่วงเวลาที่ต่างกันอาจเกิดแสงเงาไม่เหมือนเวลาอื่น ความสวยงามของสีสันดอกไม้ตามฤดูกาล หรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอย่างนก กระรอก หรือผีเสื้อที่ออกมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเรา นอกจากนี้ยังมองเห็นจุดบกพร่องบางอย่างที่ควรแก้ไขปรับปรุงในสวน อีกทั้งยังสามารถเก็บดอกไม้หรือลูกไม้ที่ตกพื้นมาตกแต่งประดับเป็นงานฝีมือหรือของตกแต่งในบ้านได้ หรือใครที่ยังเหนื่อยล้าก็สามารถหลับตาพักผ่อนทําสมาธิและรับฟังเสียงพิเศษที่ธรรมชาติได้มอบให้ เพื่อชําระจิตใจให้มีพลังมากยิ่งขึ้น

กิจกรรมสําหรับคนรักสวนคงหนีไม่พ้นการปลูกต้นไม้ หากเราเตรียมกระถางออกไป ปิกนิก ก็อาจพบต้นไม้น่ารักๆ ข้างทางให้สามารถนํากลับไป ปลูกที่บ้านได้อีกด้วย


เรื่อง:ปัญชัช

ภาพ:คลังภาพบ้านและสวน นิตยสารroom, my home และหนังสือ Decorating with Plant

โต๊ะพับ ฉบับพกพา จากหน้าต่างเก่า

ไอเดียจัดมุมปิกนิกนั่งเล่นกลางแจ้งในสวนหลังบ้าน

เลือกกล่องอาหารแบบพกพาอย่างไร ให้เหมาะกับการใช้งาน

The post ไอเดียไปปิกนิกในสวนแบบคนรักธรรมชาติ appeared first on บ้านและสวน.

วิธีการปลูกและดูแลมะกอกโอลีฟ

$
0
0

ไม้ประดับหลายชนิดแม้นําเข้ามาจากต่างประเทศ แต่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศเมืองไทย จนมีการปลูกเลี้ยงกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะพรรณไม้ที่มีฟอร์มสวยใบติดทนไม่ว่าจะนําไปปลูกตรงไหนก็สร้างเสน่ห์ให้สวนดูน่าสนใจ ยิ่งปลูกเลี้ยงง่ายด้วยก็ยิ่งเป็นที่ต้องการของนักปลูกเลี้ยงสายฮิปสเตอร์

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบไม้ประดับที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ชื่อของโอลีฟหรือมะกอกโอลีฟต้องอยู่ในลิสต์พรรณไม้ของคุณอย่างแน่นอน

โอลีฟมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Olea europaea L.ถิ่นกําเนิดอยู่ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ชื่อภาษาไทยเรียกทับศัพท์จากคําว่าOlive เป็นพรรณไม้ในวงศ์Oleaceae เช่นเดียวกับมะลิและกรรณิการ์ ซึ่งนิยมปลูกเป็นไม้ประดับในบ้านเรา ลักษณะทั่วไปเป็นไม้ต้นอายุหลายปีสูง3-15เมตร ลําต้นกลม เปลือกต้นขรุขระสีน้ําตาลอมเทา ใบเดี่ยวออกตรงข้าม รูปรี โคนและปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ สีเขียวอมเทา ด้านล่างใบมีนวลสีขาว ดอกสีขาวออกเป็นช่อบริเวณซอกใบ ผลรูปไข่ออกเป็นพวง ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มเกือบดํา มีรสชาติฝาดเฝื่อน นิยมนําไปสกัดน้ํามันและกินผลเป็นอาหาร

โอลีฟเป็นไม้ประดับที่ปลูกเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตช้า แม้ลําต้นไม่ใหญ่แต่มีใบและทรงพุ่มสวยตลอดปี สามารถเติบโตได้ดีในดินทุกประเภท ชอบดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย แสงแดดจัด ทนแล้ง เคล็ดลับการดูแลก็คือระวังอย่าให้น้ําจนดินแฉะเกินไป และไม่ควรมีน้ําขังในจานรองกระถางเป็นเวลานานโดยเฉพาะเมื่อปลูกในที่ร่มหรือบริเวณที่มีแสงแดดน้อย


เรื่อง:อังกาบดอย

ภาพ:อนุพงษ์ฉายสุขเกษม,สิทธิศักดิ์น้ําคํา

การเดินทางของ “โอลีฟ” ไม้มาแรงชนิดล่าสุดในเมืองไทย

สวนในทุ่งกว้างแบบชนบทฝรั่งเศส

The post วิธีการปลูกและดูแลมะกอกโอลีฟ appeared first on บ้านและสวน.

Forest House I บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว เหนือซอกหินกลางวิวธรรมชาติ

$
0
0

บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว หลังล่าสุดจาก Natalie Dionne Architecture สตูดิโอชื่อดังจากเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา แตกต่างจากบ้านทั่วไปเพราะถูกสร้างอยู่เหนือซอกหิน สะกดสายตาด้วยวิวธรรมชาติจากหน้าผาอย่างไม่น่าเชื่อ

Forest House I บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว ที่ตั้งอยู่ระหว่างซอกหิน ณ Eastern Townships ห่างจากเมืองมอนทรีออล ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 100 กิโลเมตร หลังนี้ นับเป็นบ้านในฝันของคู่สามีภรรยาที่ต้องการสร้างบ้านอยู่กลางธรรมชาติมานาน  โดยได้รับการออกแบบให้มีการผสมผสานความเป็นชนบทและความเป็นเมือง เหมาะกับคนที่โหยหาธรรมชาติ แต่ยังสัมผัสได้ถึงรูปแบบชีวิตของคนเมือง

บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว
จากมุมนี้จะเห็นได้ว่า ตัวบ้านตั้งขนานกับซอกหินของอีกฝั่ง
บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว
ห้องรับประทานอาหารที่ยื่นออกมาขนานกับสันเขาด้านล่าง และมุมทางเดินฝั่งหน้าผาที่ถูกรายล้อมด้วยต้นเฮมล็อก
เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของธรรมชาติกับพรรณไม้ต่าง ๆ ที่รายล้อมตัวบ้านอยู่อย่าง ไม้ผลัดใบ และต้นเฮมล็อกที่โตเต็มที่ จึงเลือกใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการตกแต่งทั้งภายในและภายนอก รวมไปถึงวัสดุปิดผิวงานอินทีเรียร์เช่นกัน และด้วยความที่ภูมิประเทศในแถบนี้มีรอยแยกตามธรรมชาติ ทำให้มีโขดหินจำนวนมาก สิ่งนี้จึงกลายเป็นความท้าทายของทั้งเจ้าของบ้านและสถาปนิกในการวางอาคาร ในระหว่างที่ทำการ “เดินสำรวจพื้นที่” พวกเขาได้เจอกับหินรูปทรงประหลาดสูงราว 3 เมตร ใกล้หน้าผา หินก้อนนี้สะดุดตาจนกลายมาเป็นแรงบันดาลใจและเริ่มต้นคิดแผนสร้างบ้านเหนือยอดหินสูง
บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว
โดยต่างฝ่ายเห็นตรงกันว่า เพื่อให้ได้แสงและวิวจากภายนอก บริเวณพื้นที่บ้านควรตั้งขนานกับสันเขา และยื่นออกไปเพื่อรับแสงอย่างนุ่มนวล โครงสร้างที่ยกระดับพื้นอย่างเรียบง่ายของภูมิประเทศที่มีอยู่ สร้างการคงอยู่ของทิวทัศน์อันงดงามที่อยู่ไกลออกไปจากหน้าผาแห่งนี้
บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว
อาคารทรงกล่องที่ดูเหมือนว่าตั้งลอยอยู่เหนือซอกหิน มีระเบียงกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่มีหลังคาคลุมบางส่วน เหมาะกับการพักผ่อนและการใช้ชีวิตกลางแจ้งด้วย Embedded Spa และ Leisure Furniture
บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว
อ่างอาบน้ำแบบ Embedded Spa โปร่งโล่งแยกออกมาจากหลังคาที่มาพร้อมกับ Leisure Furniture
บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว
ระเบียงกว้างกั้นด้วยกระจก ทำให้ไม่บดบังทิวทัศน์อันงดงาม
ภายในบ้านจัดผังแบบโอเพ่นสเปซ โดยเชื่อมห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น และห้องนอน บันไดและห้องโถงที่เชื่อมกับทางเข้าหลักของบ้านจะอยู่ระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอน และใกล้ ๆ กันกับโถงทางเข้า เราจะเจอห้องสองชั้นที่สามารถรองรับแขกได้ถึง 10 คน
บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว
จากด้านนอกของระเบียง สามารถมองทะลุผ่านห้องครัวเข้าไปถึงด้านในสุด
ทุกห้องถูกเชื่อมถึงกันด้วยบ้านทรงกล่องที่มีกระจกทั้งสองด้าน
บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว
ห้องนั่งเล่นพร้อมกับเตาผิงไฟรับกับวิวโขดหินด้านนอก
บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว
บันไดและห้องโถงที่เชื่อมกับทางเข้าหลักของบ้าน
บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว
ห้องนั่งเล่นถูกอาบด้วยแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาอย่างทั่วถึง และในทิศตะวันออกจะเห็นทิวทัศน์ ความลาดชันและความงดงามของป่าที่น่าทึ่ง ในส่วนของระเบียงต่าง ๆ ที่ยื่นออกมาจากด้านหน้า ทำให้มีพื้นที่เพิ่มเติมสำหรับห้องครัว พื้นที่รับประทานอาหาร และห้องน้ำ
 ภายในบ้านขนาด 215 ตารางเมตร นี้ ตกแต่งด้วยไม้เป็นหลักเพื่อสร้างความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ หลังคาที่เปิดโล่งทำจากไม้สปรูซสีดำจากควิเบกตอนเหนือ ความพิเศษอยู่ที่การออกแบบและรายละเอียดขององค์ประกอบของโครงสร้างที่รองรับหลังคาแนวกริด เพื่อให้เข้ากับภูมิทัศน์เสมือนกิ้งก่าที่กำลังนอนอาบแดดบนก้อนหิน และเพื่อการบำรุงรักษาในอนาคตให้น้อยที่สุด
บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว
หลังคาแนวกริดจากไม้สปรูซ เฟอร์นิเจอร์จากไม้เมเปิลและไม้อัดรัสเซีย เข้ากันอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติรอบด้าน
บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว
มองออกไปเห็นวิวทิวทัศน์ที่ตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้อย่างสวยงาม
ไม้เมเปิลถูกใช้สำหรับเคาน์เตอร์ห้องครัว โต๊ะเครื่องแป้ง บันได และโถงทางเดิน ในขณะที่ไม้อัดรัสเซียถูกใช้ในส่วนของตู้ที่เหลือ ชุดสีสดใสที่สถาปนิกเลือกใช้สำหรับตกแต่งภายในดูตัดกันดีกับป่ามืดรอบบ้าน อย่างพื้นคอนกรีตขัดมัน ผนังยิปซัม และหน้าต่างอะลูมิเนียม ช่วยเพิ่มความสว่างให้บ้านได้เป็นอย่างดี
บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว
หน้าต่างอะลูมิเนียมที่ถูกแสงสาดเข้ามาบนผนังยิปซัมภายในบ้าน ดูอบอุ่นและน่าหลงใหล

ท้ายที่สุดบ้านหลังนี้น่าจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่อยากจะเชื่อมต่อกับสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ โดยสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้จากทุกมุมของบ้าน ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของสถาปนิกในการส่งเสริมการใช้วัสดุหมุนเวียนที่ไม่มีผลเสียต่อระบบนิเวศ

แปลนบ้าน Forest House I
ออกแบบ: Natalie Dionne Architecture
ภาพ: Raphaël Thibodeau

เรียบเรียง: ภรภัทร เสนาขันธ์

อ่านต่อ YASU HOUSE บ้านหน้าต่างยาวที่ออกแบบไว้นั่งมองเขาและทิวไม้จากมุมนั่งเล่น

บ้านญี่ปุ่น

The post Forest House I บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว เหนือซอกหินกลางวิวธรรมชาติ appeared first on บ้านและสวน.

ชม 5 บ้านเก่าทรงคุณค่า ที่เปรียบเสมือนมรดกของสถาปัตยกรรมไทย

$
0
0

ไทยนับเป็นประเทศที่รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรม ซึ่งผสมผสานมาจากหลากหลายเชื้อชาติจนกลมกลืนกลายเป็นวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์ของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่งานสถาปัตยกรรม เราได้รวบรวม 5 บ้านหลังงามที่มีอายุเก่าแก่นับหลายสิบปีไปจนถึงร้อยปีมาให้ชมกัน แต่ละหลังได้นำเสนอภูมิปัญญาแบบไทยและงานสถาปัตยกรรมจากชนชาติอื่นมาหลอมรวมจนกลายเป็นบ้านที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์และทรงคุณค่า สมควรแก่การเก็บรักษาไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็นวิวัฒนาการของการออกแบบบ้านในเมืองไทย

บ้านเก่าทรงคุณค่า

เรือนมนิลา

ที่ตั้ง : 66 หมู่ที่ 6 ริมคลองพระยาบันลือ ตำบลไม้ตรา อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ผู้ครอบครอง : รองศาสตราจารย์สุกษม  อัตนวานิช
ปีที่สร้าง : สันนิษฐานว่าสร้างในปี พ.ศ. 2456 ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำปี พ.ศ. 2555

บ้านเก่าทรงคุณค่า
บ้านหลังนี้เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครดังเหลายเรื่องเนื่องจากการอนุรักษ์บ้านให้คงสภาพสมบูรณ์ก็มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก การอนุญาตให้เข้ามาถ่ายทำละครได้จึงเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้บ้านเป็นที่รู้จักและได้เงินไว้ซ่อมแซมบางส่วนด้วย

เรือนหลังนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวรัชสมัยรัชกาลที่ 6 เดิมเจ้าของบ้านเป็นนายอำเภอเสนา สร้างเรือนนี้ขึ้นที่อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ช่างที่ปลูกเรือนเป็นชาวจีนไหหลำ เดิมทีผู้ครอบครองท่านปัจจุบันอยากจะซื้อเพียงหน้าต่างเก่าเพื่อนำไปประกอบในการปลูกบ้านริมน้ำเท่านั้น แต่ด้วยคำแนะนำจากพ่อค้าขายของเก่าที่สวนจตุจักรจึงได้ซื้อเรือนหลังนี้จากคุณยายท่านหนึ่ง ชื่อของบ้านนั้นเจ้าของเรียกตามหนังสือบ้านเรือนไทยว่า “เรือนมนิลา” ด้วยความตั้งใจอยากบูรณะเรือนหลังนี้มากกว่าซื้อเฉพาะหน้าต่างตามความตั้งใจเดิม และต้องการอนุรักษ์ตัวอาคารให้ใกล้เคียงกับเรือนหลังเดิมมากที่สุด เจ้าของจึงเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการขนย้าย โดยมีการสำรวจ ถ่ายรูป และทำรหัสเพื่อป้องกันความเสียหายในภายหลัง จากนั้นจึงวางผังบริเวณ กำหนดตำแหน่งการปลูกเรือนใหม่ในพื้นที่ปัจจุบัน และใช้ช่างฝีมือในการก่อสร้างเรือนใหม่เพียง 3 คน โดยเจ้าของ
และลูกชายเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง และดูแลทั้งหมดทุกขั้นตอนจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์ตามความตั้งใจ เป็นผลให้ใช้เวลาในการบูรณะนานถึง
5 ปี โดยมีต้นแบบอาคารจากจวนผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่มาเป็นแนวทางในการก่อสร้าง      บ้านเก่าทรงคุณค่า

บ้านเก่าทรงคุณค่า

บ้านเก่าทรงคุณค่า

เรือนมนิลามีลักษณะเป็นบ้านไม้สองชั้น ใต้ถุนสูง หลังคาเป็นทรงปั้นหยา ภายในบ้านแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน หน้าต่างประตูชั้นล่างเป็นแบบบานเปิดที่มีบานกระทุ้งในตัว ส่วนหน้าต่างชั้นบนเป็นบานกระทุ้ง นอกจากนี้ยังคำนึงถึงประโยชน์การใช้งานปัจจุบัน ด้วยการต่อเติมห้องน้ำและครัวบริเวณใต้ถุนให้กลมกลืนกับตัวบ้าน รวมทั้งยังต่อเติมมุขขนาดเล็กด้านหน้าบ้านเพื่อรองรับมุขตัวใหญ่และมุขด้านซ้ายของบ้าน สร้างความสวยงามให้แก่ตัวบ้านมากขึ้นการก่อสร้างและปรับปรุงเรือนมนิลามีการรื้อถอนซ่อมแซมส่วนที่เสื่อมสภาพตามรูปแบบวัสดุและเทคนิคช่างแบบดั้งเดิม เพื่ออนุรักษ์บ้านให้ใกล้เคียงกับของเดิมให้มากที่สุด แม้อาคารจะไม่ได้อยู่ในบริเวณเดิมเมื่อแรกสร้าง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของเจ้าของบ้านในการอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรมไทยที่มีเอกลักษณ์และคงคุณค่าเอาไว้ให้มากที่สุด


พิพิธภัณฑ์บ้านเอกะนาค

ที่ตั้ง : 1061 ซอยอิสรภาพ 15 ถนนอิสรภาพ แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
ผู้ครอบครอง : มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
ปีที่สร้าง : พ.ศ. 2462 ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำปี พ.ศ. 2555

บ้านเก่าทรงคุณค่า

พิพิธภัณฑ์บ้านเอกะนาคตั้งอยู่บริเวณหลังมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ติดกับโรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ด้านหน้าอาคารวางขนานไปกับคลองบางไส้ไก่ แต่เดิมบ้านเอกะนาคสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2462 ตรงกับรัชสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นเรือนไทยทรงปั้นหยาของ พ.ต.อ.พระยาประสงค์สรรพการ (ยวง เอกะนาค) ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมตำรวจ ต่อมาตกเป็นของบุตรสาวคือ คุณประยูร เอกะนาค แต่เนื่องจากบุตรสาวของท่านไม่มีทายาทสืบสกุล บ้านหลังนี้จึงเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยตามพินัยกรรม


ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิษณุ บางเขียว อดีตผู้อำนวยการ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เล่าว่า “ในระยะแรกนั้นทางมหาวิทยาลัยไม่มีทุนในการดูแลรักษา จึงเกิดปัญหาน้ำท่วมขัง ทำให้บริเวณชั้นล่างทรุด ไม้กระดานบางส่วนหลุดลอยไปตามน้ำ กระเบื้องหลังคาแตกหัก สภาพบ้านในเวลานั้นทรุดโทรมมาก จนเมื่อปี พ.ศ. 2541 สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยามีโครงการจะบูรณะและปรับปรุงบ้านเอกะนาคให้มีสภาพสมบูรณ์ดังเดิมทั้งภายนอก ภายใน และภูมิทัศน์โดยรอบ โดยจุดเริ่มต้นของการบูรณะคือเพื่อให้เป็น ‘ศูนย์ธนบุรีศึกษา’ สถานที่รวบรวมองค์ความรู้ แหล่งรวมงานวิจัยและวัฒนธรรมต่างๆ ของย่านฝั่งธนบุรี”

ภายในพิพิธภัณฑ์จึงเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายเริ่มตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี มีการจัดแสดงภาพเก่าหายาก เช่น ภาพเกาะกลางน้ำหน้าวัดอรุณราชวราราม ภาพคลองสมเด็จกับพระปรางค์วัดพิชยญาติการาม บริเวณวัดประยุรวงศาวาสก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 อาชีพต่างๆ ของชาวฝั่งธนบุรี ได้แก่ การทำขลุ่ยที่บ้านลาว การทำขันลงหินที่บ้านบุ ขนมฝรั่งกุฎีจีน การทำฆ้องวงบ้านเนิน การทำหัวโขนวัดบางไส้ไก่ ตลอดจนความหลากหลาย
ทางวัฒนธรรมอันเกิดจากผู้คนหลากเชื้อชาติทั้งไทย จีน แขก มอญ และลาวที่เข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่

สำหรับรูปแบบของบ้านเป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน ชั้นบนเป็นไม้ หลังคามุงกระเบื้องว่าวโบราณ มีโถงยื่นออกมาเป็นรูปแปดเหลี่ยมคล้ายแบบพระที่นั่งวิมานเมฆ ซึ่งเป็นที่นิยมมากในสมัยนั้น ลักษณะการก่อสร้างได้รับอิทธิพลจากตะวันตกผสมผสานลวดลายฉลุแบบเรือนขนมปังขิง แต่เดิมหน้าบ้านมีท่าน้ำเชื่อมกับ
คลองบางไส้ไก่ (ปัจจุบันปรับเปลี่ยนเป็นประตูลูกกรง
เพื่อความปลอดภัย) ในสมัยก่อนเวลาที่มีแขกมาพบท่านพระยาประสงค์สรรพการ ส่วนใหญ่จะใช้วิธีเดินทางมาทางเรือ ซึ่งบริเวณระเบียงหน้าบ้านจะสามารถมองเห็นคลองได้ตลอด ความโดดเด่นในการออกแบบบ้านหลังนี้อีกประการหนึ่งคือภายในบ้านจะมีช่องลมระบายอากาศเพื่อถ่ายเทความร้อนจากตัวบ้าน การวางตัวอาคารคำนึงถึงทิศทางการรับลม อีกทั้งยังทำหน้าต่างบานเฟี้ยมเพื่อรับลมเย็นจากภายนอก ทำให้ยามเดินชมภายในอาคารรู้สึกเย็นสบาย

ผู้สนใจสามารถมาเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตย่านฝั่งธนบุรีไปพร้อมๆ กับชมสถาปัตยกรรมอันงดงามของบ้านเอกะนาคได้ หากต้องการเข้าชมด้านในพิพิธภัณฑ์จะต้องมาเป็นหมู่คณะและติดต่อล่วงหน้า เปิดให้ชมวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 น. – 16.30 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2466-6664


บ้านหลวงศรีนครานุกูล  

ที่ตั้ง: เลขที่ 133 ถนนเจริญเมือง อำเภอเมืองฯ จังหวัดแพร่
สถาปนิก/ผู้ออกแบบ : หลวงศรีนครานุกูล
ผู้ครอบครอง : คุณพงศ์ธร  สุทธภักติ (หลานปู่)
ปีที่สร้าง : ไม่ทราบชัด (อายุประมาณ 100 ปี)

บ้านเก่าทรงคุณค่า

แพร่เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีเรื่องเล่าขานถึงความรุ่งเรือง ชื่อเดิมที่ปรากฏในพงศาวดารเชียงแสนคือ “เมืองแพล”
แต่ปัจจุบันเสียงได้เพี้ยนเป็นแพร่ การมาเยือนเมืองแพร่ในครั้งนี้มีเรื่องราวที่น่าค้นหาในหน้าประวัติศาสตร์
มากมาย หนึ่งในนั้นคือจุดหมายปลายทางแห่งนี้
“บ้านหลวงศรีนครานุกูล”

คุณพงศ์ธร  สุทธภักติ ผู้ครอบครองบ้านหลังนี้ เล่าถึงประวัติความเป็นมาของบ้านให้ฟังว่า หลวงศรีนครานุกูล นามเดิมคือ เจียม สุทธภักติ เป็นผู้ออกแบบและสร้างบ้านหลังนี้เพื่อใช้พักอาศัยบนที่ดินที่ได้รับมาจากพระยาคงคาสมุทรเพชร ผู้เป็นพ่อตา ใช้ช่างก่อสร้าง 3 ชุด คือ ช่างทำตัวบ้านเป็นชาวจีนฮกเกี้ยน ช่างตกแต่งและทำเครื่องเรือนเป็นชาวจีนเซี่ยงไฮ้ และช่างแรงงานทั่วไปเป็นชาวเมืองแพร่ ตัวบ้านสร้างด้วยฝีมืออันประณีตสวยงาม ในสมัยนั้นช่างจีนมีฝีมือการก่อสร้างมากกว่าช่างพื้นเมือง หลวงศรีนครานุกูลเป็นคนละเอียดถี่ถ้วน ท่านควบคุมงานก่อสร้างและเลือกไม้เองทุกชิ้น ไม่ใช้ไม้ที่มีกระพี้ตาไม้เลยแม้แต่แผ่นเดียว และผึ่งไม้อยู่นานถึง 10 ปีเพื่อให้แห้งสนิท ทำให้ทั้งตัวเรือนและเฟอร์นิเจอร์ได้รับการสร้างขึ้นอย่างดีและสวยงาม บางชิ้นมีกลไกการเปิด – ปิดที่ซับซ้อนเกินกว่าช่างฝีมือชาวพื้นเมืองจะทำได้”

บ้านเก่าทรงคุณค่า

ลักษณะเป็นบ้านไม้สักสองชั้นหลังคามุงแป้นเกล็ดไม้สัก ชั้นล่างเป็นห้องโถงโล่ง ห้องเก็บของและห้องน้ำ ส่วนชั้นบนเป็นโถงนั่งเล่นและห้องนอนโถงด้านหลังเชื่อมต่อกับนอกชาน คุณพงศ์ธรยังเล่าต่อไปว่า “หลวงศรีนครานุกูลเคยอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯมีโอกาสได้เห็นวังและบ้านเรือนเจ้านายจำนวนมาก ประกอบกับมีความสามารถในการออกแบบ จึงได้นำรูปแบบเหล่านั้นมาออกแบบบ้านหลังนี้ โดยมีจุดเด่นที่เป็นคุณค่าด้านศิลปะการก่อสร้างบางประการ เช่น ฝาไม้ด้านนอกตัวเรือนเป็นฝาสองชั้น ชั้นในตีตั้ง ชั้นนอกตีนอนเพื่อความแข็งแรง ช่องตรงกลางยัดด้วยขนสัตว์เพื่อเป็นฉนวนป้องกันความร้อนและแมลงต่างๆ  อีกทั้งท่านไม่ใช้ไม้หน้าใหญ่ทำพื้นแม้จะทำได้ แต่ให้เลื่อยไม้ให้เหลือหน้าไม้เพียง 4 นิ้ว เข้าลิ้นอัดแน่นเพื่อให้พื้นแน่นสนิท ราดน้ำไม่หยดลงชั้นล่าง เดินไม่สั่น ไม่สะเทือนเหมือนหลังอื่น”


ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่สร้างพร้อมตัวเรือนทั้งลอยตัวและติดตายมีรูปแบบสัดส่วนสวยงามฝีมือประณีต มีโต๊ะทำงานที่มีฝาเปิด – ปิดได้พร้อมระบบล็อก ซึ่งหากนำมาขายในห้างสรรพสินค้า คงต้องอยู่ในหมวดงานเฟอร์นิเจอร์ชั้นพรีเมียมอย่างแน่นอน เพราะฟังก์ชันการใช้งานนั้นตอบโจทย์ผู้ใช้ในทุกอิริยาบถ นอกจากนี้ยังมีการเตรียมการป้องกันอัคคีภัยโดยการต่อท่อเหล็กจากถังเก็บน้ำบนหลังคาและการขุดสระน้ำไว้ข้างบ้าน เพื่อจะได้นำเฟอร์นิเจอร์ทิ้งลงสระเมื่อเกิดอัคคีภัย

เมื่อสิ้นหลวงศรีนครานุกูลในปี พ.ศ. 2506 บ้านและที่ดินได้ตกทอดสู่บุตรสาว (คุณสุธีร  สุทธภักติ) ท่านได้บำรุงรักษาบ้านเสมอมา มีการซ่อมแซมทาสีใหม่ 2 ครั้ง เปลี่ยนแป้นเกล็ดมุงหลังคาตัวเรือนใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2526 โดยใช้แป้นเกล็ดไม้สักตามแบบเดิม สิ้นค่าใช้จ่ายกว่าหกแสนบาท ถึงปี พ.ศ. 2534 บ้านตกทอดสู่คุณพงศ์ธร ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ท่านก็ดูแลรักษาและพยายามคงสภาพเดิมไว้ ไม่เปลี่ยนแปลงให้ผิดรูปทรงมากนัก ทั้งตัวอาคาร เครื่องเรือน และของประดับตกแต่งอาคาร ในปี พ.ศ. 2555 ซุ้มประตูใหญ่ทางเข้าสู่บริเวณบ้านซึ่งสร้างพร้อมกับบ้านด้วยรูปแบบเดียวกันได้ถูกรถยนต์ชนเสียหายมาก คุณพงศ์ธรได้จ้างช่างมาสร้างซุ้มประตูใหม่โดยใช้รูปแบบเดิม บางจุดของตัวบ้านที่ถูกดัดแปลงไปก่อนยุคของท่าน ก็มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงให้เป็นรูปแบบเดิมให้มากที่สุดตามความทรงจำก่อนที่จะตกทอดสู่คนรุ่นต่อไปที่ไม่เคยเห็นสภาพดั้งเดิมของเรือน เพื่อเป็นการสืบทอดผลงานและประกาศเกียรติภูมิของหลวงศรีนครานุกูล ผู้เป็นที่เคารพรักของลูกหลานและบริวาร และเพื่อให้บ้านหลังนี้คงอยู่คู่เมืองแพร่สืบไปตราบนานเท่านาน


บ้านสังคหะวังตาล

ที่อยู่ : พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชุมชนหลวงสิทธิ์ 215/3  ตำบลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
สถาปนิก : ชาวอิตาลี ไม่ปรากฏนามผู้ออกแบบ
ผู้ครอบครอง : คุณสมบัติ-คุณนภา พิษณุไวศยวาท
ปีที่สร้าง : พ.ศ.2470

บ้านเก่าทรงคุณค่า

บ้านหลังนี้เดิมเป็นของเสวกโท หลวงสิทธิเทพการ หรือนายกิมเลี้ยง วังตาล พ่อค้าและคหบดีชาวจีนซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทอย่างมากในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี และจังหวัดใกล้เคียงในยุคสมัยนั้น คุณหลวงเป็นเจ้าของกิจการมากมาย เช่น ตลาดบ้านโป่ง โรงน้ำแข็ง โรงเลื่อย โรงสี ไปจนถึงเป็นเจ้าของที่ดินเกือบทั้งบ้านโป่ง ในช่วงปี พ.ศ. 2470 ท่านตัดสินใจย้ายบ้านจากแถวบางตาลมาอยู่ที่บ้านโป่งเป็นการถาวร และในเวลาต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยความดีความชอบในการรับอาสาจัดค่ายซ้อมรบของกิจการเสือป่าที่บ้านโป่งได้สำเร็จในระยะเวลาอันสั้น

ท่านเสวกโท หลวงสิทธิเทพการยังเป็นคาทอลิกที่เคร่งครัดและมีส่วนร่วมในการช่วยเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในจังหวัดราชบุรี มิชชันนารีชาวอิตาลีจึงได้ให้เกียรติมาเป็นผู้ออกแบบบ้านหลังนี้ ตัวอาคารมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบอิตาเลียนวิลล่า ทำจากปูนผสมกับไม้คล้ายวังเทวะเวสม์ ผสมผสานหลายสไตล์ ทั้งนีโอคลาสสิก อาร์ตนูโว และโคโลเนียล ถือได้ว่าเป็นอาคารที่สวยงามและทันสมัยมากในยุคนั้น นอกจากนี้ยังได้นำศิลปะและแนวคิดแบบจีนมาใช้ในการออกแบบด้วย เช่น รูปปั้นไก่ที่ประดับตามส่วนต่างๆ ของบ้านซึ่งมาจากนักษัตรปีเกิดของคุณหลวงและภรรยา หรือเหล็กดัดลายใยแมงมุมตามความเชื่อด้านฮวงจุ้ย จึงทำให้บ้านนี้มีความพิเศษแตกต่างจากบ้านหลังอื่นๆ

เมื่อเข้ามาภายในจะพบโถงบันไดไม้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของบ้าน ด้านข้างเป็นห้องรับประทานอาหารที่ใช้รับรองแขกสำคัญได้จำนวนหลายคน
บันไดมีลวดลายแบบอาร์ตเดโค ซึ่งเป็นศิลปะที่ทันสมัยมากในยุคนั้น สะท้อนรสนิยมในการออกแบบที่เลือกสรรมาเป็นอย่างดีของเจ้าของบ้านและสถาปนิก
ประตูตรงชานพักเปิดออกไปสู่ระเบียงชั้นสอง มีช่องกระจกติดตั้งเหล็กดัดที่ดูคล้ายใยแมงมุมตามความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย  ทั้งยังชมความงดงามของสวนด้านหน้าได้จากส่วนนี้

บ้านสังคหะวังตาลมีความสูง 4 ชั้น มีห้องใต้ดินสำหรับเก็บของ ดาดฟ้าและระเบียงรอบบ้านสำหรับพักผ่อนและชมทิวทัศน์รอบๆ มีสะพานทางเดิน 2 จุด ใช้เชื่อมระหว่างชั้นสองของบ้านไปยังอาคารสำนักงานของคุณหลวงและโรงครัวด้านหลัง รอบๆ บ้านในสมัยนั้นยังจัดสวนอย่างสวยงาม มีทั้งแปลงดอกกุหลาบและสนามเลี้ยงกวางตามธรรมชาติ ก่อนเปลี่ยนเป็นสนามหญ้าโล่งในปัจจุบัน บริเวณหลังบ้านยังมีโบสถ์หลังน้อยสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเล็กๆ ในครอบครัว และเรือนไทยอันเป็นที่อยู่ของมารดาคุณหลวงอีกด้วย

นอกจากความสวยงามด้านสถาปัตยกรรมแล้ว รายละเอียดการออกแบบก่อสร้างยังซ่อนความน่าสนใจไว้อีกมากมาย อาทิ การซ่อนบ่อเก็บน้ำไว้ใต้พื้นบ้าน เพื่อให้ภายในบ้านมีอุณหภูมิเย็นอยู่เสมอ การกักเก็บน้ำฝนไว้ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้า เพื่อปล่อยน้ำไว้ใช้อาบน้ำฝักบัว ประตูสำหรับปิดบันไดในยามค่ำคืนเพื่อไม่ให้คนขึ้นมายังชั้นสองได้ ที่สำคัญแม้ผ่านเวลามานานกว่า 80 ปีแล้ว แต่ตัวบ้านยังคงแข็งแรง ไม่มีปัญหาเรื่องการแตกร้าวหรือโครงสร้างทรุดแต่อย่างใด

ประตูสำหรับปิดบันไดซึ่งเชื่อมอยู่กับระเบียงหลังบ้านชั้นสองในยามที่เจ้าของบ้านต้องการความเป็นส่วนตัว นับเป็นภูมิปัญญางานช่างที่ไม่ค่อยได้พบเห็นในบ้านปัจจุบัน

 

สะพานทางเดินเชื่อมระหว่างระเบียงชั้นสองสู่โรงครัวด้านหลัง เป็นเส้นทางสัญจรของแม่บ้านและคนรับใช้สำหรับขึ้นมารับใช้บนเรือนใหญ่
แท็งก์น้ำปูนบนดาดฟ้าสำหรับกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้อุปโภคในบ้าน
ดาดฟ้าด้านบนประดับตุ๊กตาไก่  เดิมเป็นสวนและซุ้มไม้เลื้อยที่ท่านเสวกโท  หลวงสิทธิเทพการ มักใช้เวลาช่วงกลางวันขึ้นมาพักผ่อนและชมทิวทัศน์ ซึ่งในสมัยนั้นจากความสูงของบ้านทำให้สามารถมองออกไปได้ไกลจนเห็นพระปฐมเจดีย์  จังหวัดนครปฐม

ภายหลังที่ท่านเสวกโท หลวงสิทธิเทพการถึงแก่อนิจกรรม บ้านและกิจการต่างๆ ก็ตกเป็นของลูกหลานในตระกูลวังตาล ปัจจุบันอาคารหลังนี้และสนามด้านหน้าอยู่ในความครอบครองของคุณสมบัติ – คุณนภา  พิษณุไวศยวาท อดีตนายกเทศมนตรีบ้านโป่ง เจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โรงงานยางมะตอย และโรงงานกระสอบในบ้านโป่ง


พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชุมชนหลวงสิทธิ์

ที่ตั้ง : พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชุมชนหลวงสิทธิ์ 215/3 ตำบลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
บูรณะโดย : คุณชัชชัย ชะอ้อนชม
ผู้ครอบครอง : คุณวรวิทย์ วังตาล
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา
8.30 น. – 16.30 น.
โทรศัพท์
0-3221-1018

บ้านเก่าทรงคุณค่า

เรือนไม้สักทรงมนิลาหลังเล็กในรูปแบบสถาปัตยกรรมช่วงปลายรัชกาลที่ 5 ถึงต้นรัชกาลที่ 6 ซึ่งมีความสวยงามและทรงคุณค่าไม่น้อยไปกว่าบ้านสังคหะวังตาล ซึ่งอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกีน ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชุมชนหลวงสิทธิ์สำหรับให้ความรู้และบอกเล่าเรื่องราวของท่านเสวกโท  หลวงสิทธิ์เทพการแก่ผู้สนใจ

บันไดไม้ตรงส่วนปีกขวาหันออกจากตัวบ้าน เพื่อให้พนักงานขึ้นไปยังห้องพักบนชั้นสองได้โดยตรง

ตัวเรือนเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ชั้นแรกสูงเสมอพื้นดิน ปูพื้นกระเบื้องลายโบราณตามสมัยนิยมภายในเป็นห้องโถงทำงานขนาดใหญ่ ฝาห้องเป็นไม้สักทำสำเร็จติดตั้งเป็นแผง หน้าต่างเป็นบานลูกฟักเข้าลิ้น ส่วนประตูเป็นบานเกล็ดทึบ มีช่องลมฉลุลวดลายประณีต ในอดีตเคยใช้เป็นสำนักงานสังคหะวังตาล อันเป็นสำนักงานใหญ่สำหรับติดต่องานและรวบรวมข้อมูลกิจการต่างๆ ของคุณหลวงทั้งโรงงานน้ำแข็ง โรงงานแปรรูปไม้ สำนักงาน
จัดหางานและเช่าที่ดินทำกิน แม้บางกิจการจะปิดตัวลงหรือแยกย้ายไปเปิดยังสถานที่อื่นแล้ว แต่สำนักงานแห่งนี้ยังคงเก็บรักษาข้าวของเครื่องใช้และบรรยากาศเดิมเอาไว้อย่างครบถ้วนชั้นบนของเรือนหลังนี้เคยใช้เป็นห้องพักของพนักงานชายซึ่งทำงานในสำนักงาน พื้นปูไม้กระดานแบบเข้าลิ้นทั้งชั้น มีบันไดขึ้นลง
2 ปีกปีก
ฝั่งซ้ายมีสะพานเชื่อมไปยังห้องทำงานของคุณหลวงบนตึกใหญ่ ห้องพักภายในมีทั้งหมด
4 ห้องที่เชื่อมถึงกันได้ หน้าต่างเป็นบานเกล็ดแบบเปิดกระทุ้งด้านบนประดับด้วยช่องแสงติดกระจกลายดอกพิกุล ส่วนหลังคาเดิมเคยเป็นกระเบื้องว่าว ภายหลังเปลี่ยนเป็นกระเบื้องลอนใหญ่ เพื่อการดูแลซ่อมแซมได้ง่าย ทั้งยังช่วยลดน้ำหนักที่กดทับโครงสร้างอาคารด้วย

บรรยากาศภายในสำนักงานที่ยังคงเก็บรักษาไว้ตามเดิมทั้งการจัดวางและข้าวของเครื่องใช้ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชุมชนหลวงสิทธิ์เปิดให้ผู้สนใจเข้ามาศึกษาและสัมผัสเรื่องราวเกี่ยวกับท่านเสวกโท หลวงสิทธิ์เทพการ
ภาพถ่ายของคุณหลวงและคนในครอบครัว เพื่อให้ผู้ชมได้ทราบถึงความเป็นมาของบ้าน

ส่วนประวัติความเป็นมาของอาคารหลังนี้ คุณวรวิทย์ วังตาล ทายาทรุ่นที่ 3 ของท่านเสวกโทหลวงสิทธิ์เทพการ เล่าว่าเมื่อสืบค้นข้อมูลจากพนักงานรุ่นเก่าที่เคยทำงานที่นี่ได้ความว่า เดิมอาคารหลังนี้ตั้งอยู่บริเวณบ้านคลองญี่ปุ่น อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เป็นของนายบุก ผู้ใหญ่บ้าน ต่อมาได้ยกให้คุณหลวง ซึ่งท่านได้ถอดแยกชิ้นส่วนเรือนไม้สักหลังนี้และขนย้ายมาทางคลองก่อนนำมาประกอบใหม่ในสภาพเดิม โดยสันนิษฐาน
ว่าเป็นอาคารหลังแรกในที่ดินของคุณหลวงที่อำเภอบ้านโป่งอีกด้วย

เมื่อขึ้นมาบนเรือนชั้นสองจะพบห้องนั่งเล่นบนส่วนหน้ามุขของบ้าน ล้อมรอบด้วยหน้าต่างบานเกล็ดแบบกระทุ้งเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี
ระเบียงรอบบ้านใช้ประโยชน์เป็นพื้นที่ตากผ้าและนั่งพักผ่อน ถือเป็นลักษณะเด่นของบ้านในช่วงปลายรัชกาลที่ 5 ถึงต้นรัชกาลที่ 6 ซึ่งได้รับอิทธิพลจากบ้านในยุควิกตอเรีย
เสาทุกต้นในบ้านมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมที่ลบมุมเสาออกเพื่อความปลอดภัยและความสวยงามบางเสามีการต่อไม้โดยการบากไม้สองชิ้นและเข้าลิ่มเพื่อความแข็งแรง

นอกจากอาคารหลังนี้แล้ว รอบบ้านยังมีส่วนต่างๆ ซึ่งแยกออกจากบ้านสังคหะวังตาล ทั้งเรือนไทยซึ่งเดิมเป็นบ้านมารดาคุณหลวง โบสถ์หลังเล็กสำหรับประกอบพิธีทางศาสนาของครอบครัว สวนหลังบ้าน และโรงครัว มากกว่าความสวยงามและอลังการแห่งงานสถาปัตยกรรมแล้ว ที่นี่ยังแสดงถึงลักษณะของสังคมไทยในอดีตได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ชีวิตของเจ้านายไปจนถึงบริวาร หลายชีวิตพึ่งพากันอย่างเหนียวแน่น แม้ปัจจุบันอาณาจักรแห่งนี้จะไม่คึกคักเช่นในอดีต แต่ร่องรอยความสัมพันธ์ของบ้านและชีวิตผู้คนยังคงซ้อนทับและแทรกซึมอยู่ไม่เสื่อมคลาย    บ้านเก่าทรงคุณค่า


เรื่อง : ปาริฉัตร สกุลเจริญพรชัย, ปัญชัช ชั่งจันทร์

ภาพ : วีระพงษ์ สิงห์น้อย, ศุภกร ศรีสกุล

เอกสารอ้างอิง : หนังสือ 183 มรดกสถาปัตยกรรมในประเทศไทย  เล่ม

เปิดประตู อาคาร อีสต์ เอเชียติก สถาปัตยกรรมทรงคุณค่า ที่น้อยคนจะรู้ว่าภายในมีอะไร

วิลล่า มูเซ่ : ย้อนเวลาไปกับบ้านไทยยุคโคโลเนียลที่บูรณะเป็นแหล่งเรียนรู้

เรือนไม้โบราณ หลังนี้หัวใจไม่เคยลืม

The post ชม 5 บ้านเก่าทรงคุณค่า ที่เปรียบเสมือนมรดกของสถาปัตยกรรมไทย appeared first on บ้านและสวน.

รวมวัสดุหลังคาโปร่งแสงยอดนิยม

$
0
0

หลังคาโปร่งแสง เป็นได้ทั้งส่วนหนึ่งของหลังคาในงานออกแบบบ้านหรืออาคาร อีกทั้งยังสามารถใช้ทำกันสาด หรือส่วนต่อเติมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหลังคาห้องครัว โรงจอดรถ หรือกันสาดหน้าบ้าน ด้วยคุณสมบัติเด่นที่ยอมให้แสงส่องผ่านได้ จึงทำให้เกิดรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างออกไป วันนี้จึงได้รวบรวมวัสดุ หลังคาโปร่งแสง ยอดนิยมในบ้านเรา มาแนะนำให้รู้จักกัน เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ช่วยให้เจ้าของบ้านตัดสินใจเลือกมาใช้งานได้ง่ายขึ้น

หลังคาโปร่งแสง

แผ่นหลังคาอะคริลิกโปร่งแสง PLEXIGLAS

หลังคาโปร่งแสง

ผลิตด้วยเทคโนโลยีนาโน “Naturally UV Stable” ทนทานต่อรังสียูวี รับประกัน 30 ปี ไม่เหลือง และคงความใสสำหรับแผ่นใส และ 10 ปี สำหรับแผ่นสี แสงสามารถผ่านได้ 92 เปอร์เซ็นต์ ป้องกันรังสียูวีได้เทียบเท่า UPF 50+ ป้องกันความร้อนได้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ในรุ่น “Heatstop”  น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ทนต่อแรงกระแทกได้ดี แม้มีลูกเห็บตก ฝนตกเสียงไม่ดัง น้ำไม่เกาะ และไม่เกิดตะไคร่น้ำ และสามารถนำไปรีไซเคิลได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เหมาะสำหรับทำหลังคาที่จอดรถ กันสาด เรือนเพาะชำ หรือประยุกต์เป็นผนังกันห้องได้

สำหรับแผ่นอะคริลิก รุ่น “Corrugated”  เป็นรูปลอน ความหนา 3 มิลลิเมตร ขนาดหน้ากว้าง 1.045  เมตร ความยาว 4 และ 6 เมตร โดยมี 3 พื้นผิว ได้แก่ ผิวเรียบ ผิวตัวซี และผิวรังผึ้ง มี 5 เฉดสีให้เลือกคือ ใส น้ำตาล เทา Opal และ Cool Blue

แผ่นอะคริลิกรุ่นธรรมดา ราคาเฉพาะวัสดุไม่รวมค่าติดตั้งเริ่มต้นที่ 980 บาทต่อตารางเมตร และ 1,324 บาทต่อตารางเมตร สำหรับรุ่นกันร้อน

www.signdesign.co.th

 

แผ่นอะคริลิกโปร่งแสง SHINKOLITE

หลังคาโปร่งแสง

เป็นวัสดุที่มีผิวเรียบ มันวาว ดูทันสมัย ไม่กรอบแตกหรือซีดจางนานกว่า 10 ปี มีความใสเทียบเท่ากระจก แต่น้ำหนักเบากว่ามาก มีลักษณะเป็นแผ่นตัน จึงหมดปัญหาเรื่องเชื้อรา ตะไคร่น้ำ น้ำเข้าแผ่น หรือเสียงดังเวลาฝนตก เนื้อเหนียว และดัดโค้งได้ มีให้เลือกทั้งรุ่นธรรมดา และรุ่นที่กรองแสงและป้องกันความร้อนได้มากขึ้น สำหรับงานหลังคาหรือกันสาดส่วนใหญ่จะใช้ขนาดความหนา 6 มิลลิเมตร สามารถรับน้ำหนักได้สูงสุดราว 90 กิโลกรัมต่อตารางเมตร

แผ่นอะคริลิกโปร่งแสง SHINKOLITE รุ่น “กันความร้อน” สามารถลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้ประมาณ 5 องศาเซลเซียส ป้องกันความร้อนจากรังสีอินฟาเรด 48-59 เปอร์เซ็นต์ มี 4 เฉดสี คือ สีเทา สีน้ำตาล สีน้ำเงิน และสีเขียว ขนาดมาตรฐานกว้าง 1.38 เมตร ยาว 3, 4, 5 และ 6 เมตร โดยขนาดความหนาที่นิยมใช้งานกันคือ 6 มิลลิเมตร

 

ส่วนรุ่น “ไพรม์” (Prime) มีความหนา 10 มิลลิเมตร จึงลดการใช้โครงสร้างลง สามารถลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้ 5-6 องศาเซลเซียส ป้องกันความร้อนจากรังสีอินฟาเรด 69-75 เปอร์เซ็นต์ มี 2 สี ได้แก่ สีน้ำตาลเขียว และสีเทา ขนาดกว้าง 1.38 เมตร ยาว 3 เมตร และ 6 เมตร

สำหรับราคาวัสดุพร้อมโครงสร้างรวมค่าแรงในการติดตั้งแล้ว เฉลี่ยตารางเมตรละ 5,000 – 7,000 บาท

www.shinkolite.co.th

 

แผ่นหลังคาโปร่งแสงไฟเบอร์กลาส เอสซีจี

หลังคาโปร่งแสง

มีให้เลือกใช้ทั้งแบบเรียบและแบบลอนลูกฟูก ทั้งชนิดใส ขุ่น และชนิดสีสันหลากหลาย โดยปริมาณของแสงที่ส่องผ่านก็จะต่างกัน ผิวด้านบนของแผ่นเคลือบสารป้องกันรังสียูวี UV ตัวแผ่นมีน้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่น สามารถดัดโค้งได้ มีความยาวหลายขนาดให้เลือกใช้งาน อย่างไรก็ดี อาจมีเสียงดังขณะฝนตกบ้าง และสีซีดจางได้ตามกาลเวลา

ราคาเฉพาะแผ่นวัสดุโปร่งแสงไฟเบอร์กลาส ไม่รวมค่าติดตั้งเริ่มต้นที่ 600-750 บาทต่อตารางเมตร แต่ถ้ารวมโครงสร้างและค่าแรงในการติดตั้งแล้ว เฉลี่ยตารางเมตรละ 3,000-3,500 บาท

www.scgbuildingmaterias.com

 

แผ่นโปร่งแสงพอลิคาร์บอเนตแบบลูกฟูก D STRONG

            แผ่นโปร่งแสงพอลิคาร์บอเนตมี 3 รูปแบบให้เลือกใช้คือ แบบลูกฟูก (แผ่นเรียบมีช่องว่าง) แบบตัน และแบบลอนหลังคา และมีหลากหลายสีสัน สำหรับแผ่นโปร่งแสงพอลิคาร์บอเนต D STRONG นั้น มีผสมของ ABS และ BPA จึงเป็นพลาสติกที่มีความโปร่งใส น้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแรงสูง สามารถทนรอยขีดข่วนได้ดี จึงเหมาะที่จะนำมาใช้แทนกระจกที่มีน้ำหนักมาก มีความยืดหยุ่น ดัดโค้งได้โดยไม่ต้องใช้ความร้อน สามารถทนต่ออุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20 องศา ถึง 120 องศา มี 2 ขนาดให้เลือกใช้งานคือ 1.22X2.44 เมตร ความหนา 6 มิลลิเมตร และ 2.10X6.00 เมตร ความหนา 6,8 และ 10 มิลลิเมตร

สำหรับราคาวัสดุพร้อมโครงสร้างรวมค่าแรงในการติดตั้งแล้ว ประมาณตารางเมตรละ 2,000 – 4,000 บาท

www.dobesttrading.com

 

ระบบกันสาดโปร่งแสง รุ่น “Pro-Flex” by ALNEX

ติดตั้งด้วยระบบ Multi-Joint สามารถยื่นได้สูงสุด 3 เมตร โดยไม่ต้องมีเสา โครงสร้างทำจากอะลูมิเนียมเกรดพิเศษ 6063T6 (แข็งแรงกว่าอะลูมิเนียมทั่วไป 50 %)  และใช้เทคโนโลยีการพ่นสีสำหรับงานภายนอก จึงทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ดี มีน้ำหนักเบา และปลอดสนิมตลอดอายุการใช้งาน

สำหรับวัสดุมุงหลังคาเลือกใช้แผ่นพอลิคาร์บอเนตแบบตัน หนา 3 มิลลิเมตร ที่เหนียวกว่ากระจก 250 เท่า มีคุณสมบัติช่วยกรองแสงแดด ป้องกันรังสี UV และเสียงไม่ดังขณะฝนตก

หมายเหตุ : ราคาสินค้าจำหน่ายเป็นชุด พร้อมบริการติดตั้ง สามารถสอบถามราคาได้กับผู้ผลิตโดยตรง

www.alnexthailand.com

 

แผ่นหลังคาโปร่งแสง UPVC by KTNROOF

แผ่นหลังคาโปร่งแสง UPVC (Unplasticized Polyvinyl Chloride) เป็นวัสดุหลังคาที่มีลักษณะเป็นแผ่นลอน หรือมีรูปลอนใกล้เคียงกับเมทัลชีทที่คุ้นเคยกันดี สำหรับแผ่นโปร่งแสงจะมีสีขาวขุ่น แสงส่องผ่านได้ น้ำหนักเบา เมื่อฝนตกเสียงไม่ดังรบกวนมากนัก เนื้อวัสดุแข็งแรง เหนียว ดัดโค้งได้ แต่เมื่อใช้ไปนานๆ สีของวัสดุอาจเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ

ราคาเฉพาะแผ่นวัสดุโปร่งแสง UPVC ไม่รวมค่าติดตั้ง เริ่มต้นที่ 400-500 บาทต่อตารางเมตร แต่ถ้ารวมโครงสร้างและค่าแรงในการติดตั้งแล้ว เฉลี่ยตารางเมตรละ 2,500-3,000 บาท

www.ktnroof.com

 

กระจกลามิเนตใส & สีโปร่งแสง

การทำหลังคาหรือกันสาดด้วยแผ่นกระจก ควรเลือกใช้กระจกลามิเนต ซึ่งประกอบด้วยกระจก 2 แผ่นประกบเข้าด้วยกัน โดยมีฟิล์มป้องกัน UV คั่นอยู่ตรงกลาง หากเกิดการกระแทกจนกระจกแตก กระจกจะเกาะกับชั้นฟิล์ม ไม่ร่วงหล่นลงมาเป็นอันตราย ทั้งนี้กระจกที่นำมาประกบกัน ส่วนใหญ่เลือกใช้กระจกเทมเปอร์ ซึ่งเมื่อแตกจะมีลักษณะเหมือนเมล็ดข้าวโพดไม่แหลมคม และความหนาของกระจกแต่ละชั้นมักจะใช้ที่ความหนา 4 – 5 มิลลิเมตร

ข้อดีของการใช้กระจกทำเป็นหลังคาหรือกันสาดคือ เวลาฝนตกจะไม่ค่อยมีเสียงรบกวนมากนัก มีหลายเฉดสีให้เลือก และควรหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำ เพราะจะสกปรกได้ง่าย สิ่งที่สำคัญคือต้องติดตั้งให้ถูกวิธีโดยช่างผู้ชำนาญโดยเฉพาะ

ราคาค่ากระจกลามิเนตรวมค่าติดตั้งแล้ว (แต่ไม่รวมโครงสร้าง) เฉลี่ยอยู่ที่ 4,500 บาทต่อตารางเมตร ราคาอาจสูงหรือต่ำกว่านี้ขึ้นอยู่กับประเภทกระจกที่เลือกใช้

www.ddsv-concept.com

 

กันสาดพับเก็บได้อัตโนมัติ รุ่น “RV Awning” by SANGTHONG

โครงสร้างกันสาดทำจากอะลูมิเนียมเคลือบสี Powder Coating สีดำ ตัวกันสาดออกแบบให้สามารถพับเก็บเข้าไปในกล่องได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ตัวกล่องมีขนาดกระทัดรัดเพียง 13 x 19 เซนติเมตร จึงเข้ากับตัวอาคารได้อย่างกลมกลืน การทำงานควบคุมด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าและรีโมทคอนโทล พร้อมซ่อนไฟแอลอีดีบริเวณท่อปลายกันสาด และเลือกใช้ผ้าใบอะคริลิกนำเข้าจากยุโรป เพื่อความคงทนและสวยงาม มีขนาดกว้าง 3.50, 4, 4.5, 5, 5.5 เมตร ระยะแขนยื่น 2.40 และ 3 เมตร

หมายเหตุ : สอบถามราคาได้กับผู้แทนจำหน่าย

www.sang-thong.com

 

กันสาดดีไลท์ ลอนเรียบ D-Lite Ridge

หลังคาโปร่งแสง

กันสาดสไตล์โมเดิร์นที่ผลิตจาก GRP (Glass Reinforced Polyester) หรือไฟเบอร์กลาสคุณภาพสูง มีให้เลือกใช้ทั้งแบบทึบแสงและแบบโปร่งแสงที่ให้แสงธรรมชาติ ส่องผ่านเข้าสู่ภายในบ้านหรืออาคาร สามารถป้องกันความร้อนจากภายนอกและสะท้อนรังสียูวีได้ถึง 99 เปอร์เซนต์ และมาพร้อมกับเทคโนโลยี 2 Coats System โดยเคลือบผิวทั้งด้านบนและด้านล่างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบสกปรก นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี Distribution Disc มาช่วยในการกระจายใยแก้วให้สม่ำเสมอ สามารถกระจายแสงได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

กันสาดดีไลท์ ลอนเรียบ มีขนาดกว้าง 1.03 เมตร ยาว 6 เมตร ความหนา 1.5 มิลลิเมตร สำหรับราคาวัสดุพร้อมโครงสร้างรวมค่าแรงในการติดตั้งแล้ว เริ่มต้นที่ 3,000 บาทต่อตารางเมตร

www.d-lite.co.th


เรื่อง : พจน์ ผลิตภัณฑ์

ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม และเอกสารประชาสัมพันธ์

 

มุงหลังคาด้วยแผ่นโพลีคาร์บอเนตโปร่งแสง ดีไหม?

ข้อดีข้อด้อยของ หลังคาไวนิล

ต่อเติมหลังคาโรงจอดรถ เพื่อเพิ่มที่จอดรถต้องทำอย่างไร

 

The post รวมวัสดุหลังคาโปร่งแสงยอดนิยม appeared first on บ้านและสวน.

Viewing all 9841 articles
Browse latest View live