Quantcast
Channel: บ้านและสวน
Viewing all 9832 articles
Browse latest View live

ไม่ใช่จัดวางองค์ประกอบต่างๆ แต่เป็น “บ้าน” ที่ออกแบบมาอย่างตั้งใจในทุกรายละเอียด

$
0
0

ในช่วงอากาศเย็นสบายของบ่ายวันหนึ่ง ทีมบ้านและสวนได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมบ้านตัวอย่างของ บุราสิริ พัฒนาการ โครงการบ้านเดี่ยวของแสนสิริ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์บ้านบรรยากาศรีสอร์ทหนึ่งในเทรนด์บ้านใกล้ชิดธรรมชาติที่กำลังมาแรงในยุคนี้ พร้อมยังได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณเอิร์ธ ศาศวัต คูสุวรรณ อินทีเรีย ดีไซเนอร์จากแสนสิริ ถึงเรื่องราวการค้นหาคอนเซ็ปต์และการออกแบบตกแต่งบ้านแต่ละหลังอย่างตั้งใจทุกรายละเอียดและทุกขั้นตอน

เรื่องราวการออกแบบที่ใส่ใจผู้อยู่อาศัย

ที่อดทึ่งไม่ได้ก็คือบ้านตัวอย่างแต่ละหลังที่นี่หรือแม้แต่ทุกๆ โครงการที่เคยเห็นผ่านตามาของแสนสิริต้องเรียกว่ามีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป เพราะแท้จริงแล้วการตกแต่งบ้านตัวอย่างของแสนสิรินั้นไม่ได้เริ่มมาจากคอนเซ็ปต์ของการออกแบบภายใน แต่เป็นการตั้งใจมองตั้งแต่แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์โครงการนั้นๆ รวมทั้งยังนึกไปถึงกิจกรรม การใช้ชีวิต และไลฟ์สไตล์ ของผู้อยู่อาศัยในบ้านแต่ละหลัง หรือแม้แต่บรรยากาศที่แสนสิริอยากจะมอบให้กับพวกเขาเหล่านั้น ก่อนจะเกิดการคิดค้นคอนเซ็ปต์ที่เชื่อมโยงกับแรงบันดาลใจของโครงการ พร้อมกับรังสรรค์การตกแต่งภายในของบ้านตัวอย่างให้มีความลงตัวกับโครงการ แต่ละแห่งอย่างกลมกล่อมและเข้ากันในทุกๆ ส่วน

นอกจากนี้ยังมีการผสานเทรนด์เข้ากับงานออกแบบในแต่ละสไตล์อย่างลงตัวที่สุด โดยหนึ่งในเทรนด์ที่มองเห็นได้จากภาพรวมซึ่งคุณเอิร์ธได้กล่าวไว้นั่นก็คือคำว่า “Balance of Life” ที่เป็นการดึงเอาธรรมชาติกลับมาเคียงข้างผู้คนให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการนำต้นไม้เข้ามาเป็นองค์ประกอบในพื้นที่บ้าน การมีสวนที่เชื่อมต่อกับตัวบ้าน การดึงแสงธรรมชาติเข้ามายังตัวบ้าน รวมถึงการใช้ลมเย็นสบายของธรรมชาติ แทนการเปิดแอร์ และนั่นคืออีกส่วนสำคัญของเรื่องราวการออกแบบบ้านที่ใส่ใจผู้คนที่จะเข้ามาอยู่ในบ้านแต่ละหลังในแต่ละโครงการของแสนสิริ

คนในยุคปัจจุบันโหยหาสิ่งนี้ อยากใกล้ชิดธรรมชาติ เพราะที่ผ่านมาเหมือนเราหลุดจากธรรมชาติเกินไป เราจึงอยากดึงสิ่งเหล่านี้กลับมา

– ศาศวัต คูสุวรรณ (เอิร์ธ) –

การเลือกแต่ละองค์ประกอบ เพื่อมอบบรรยากาศที่ใช่

แม้แต่การเลือกเฟอร์นิเจอร์และองค์ประกอบต่างๆ เพื่อมาตกแต่งแต่ละส่วนภายในบ้านตัวอย่างนั้น ก็ผ่านการออกแบบโดยนึกถึงแรงบันดาลใจ คอนเซ็ปต์ และความรู้สึกที่อยากมอบให้กับผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก อย่างที่โครงการ บุราสิริ พัฒนาการ ที่มีแนวคิดของโครงการคือการผสมผสานทุกความงดงามกับการพักผ่อน ท่ามกลางบรรยากาศรีสอร์ท ทำให้คุณเอิร์ธได้ไอเดียในการตกแต่งบ้านตัวอย่างที่ให้ความรู้สึกในแบบ Tropical

การเลือกใช้วัสดุและโทนสีต่างๆ จึงมาในธีมที่พาเราไปสัมผัสบรรยากาศราวกับการได้พักผ่อนในรีสอร์ทสักแห่ง โดยเฉพาะการเลือกโทนสีให้มีสีสัน ทำให้บ้านดูสดใส การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีการคัดสรรวัสดุธรรมชาติอย่างเช่นไม้มาใช้รวมไปถึงการเลือกวอลเปเปอร์ให้มีลวดลายที่เข้ากันกับบรรยากาศของบ้านและโครงการ

ยิ่งหากดูจากบ้านตัวอย่างที่นี่แล้วก็จะได้เจอกับวอลเปเปอร์ลวดลายกราฟิกใบไม้และต้นไม้ หากแต่ว่าในแต่ละห้องก็จะมีลวดลายที่แตกต่างกันออกไป เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของแต่ละส่วนและแต่ละพื้นที่ที่สร้างความตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี

แนวคิดการตอบโจทย์ชีวิตที่สะท้อนสู่บ้านแต่ละหลัง

ที่นี่เอง เรายังได้เห็นว่ากระบวนการออกแบบตกแต่งของทีมออกแบบที่แสนสิรินั้น แท้จริงแล้วยังสะท้อนถึงแนวคิดสำคัญที่แสนสิริมุ่งมั่นมาโดยตลอด นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “Made for Life” หรือการสร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกบ้าน ซึ่งแนวคิดนี้เป็นเสมือนร่มคันใหญ่ที่ทุกๆ คน ทุกภาคส่วน ต้องยึดถือเป็นหลักในการรังสรรค์บ้านทุกๆ หลังที่แสนสิริ

เราต้องสร้างเรื่องราวของผู้อยู่อาศัยในแต่ละสเปซจากภาพที่เราคิดทั้งหมดนี้ออกมาให้ได้ก่อน เช่น จากห้องนั่งเล่นไปห้องนอนแล้วไปยังห้องอเนกประสงค์ เรื่องราวตรงนี้จะไหลต่อกันได้อย่างไร เราจะเล่าเรื่องราวได้อย่างไรแล้วในบ้านนั้นเอง ก็คือสตอรีที่ผมเห็นภาพ เช่น ครอบครัวหนึ่งเข้ามาอยู่ตรงนี้ เราอยากให้คนในบ้านได้มาใช้ชีวิตด้วยกันในสเปซตรงนี้ หัวเราะด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน เป็นสเปซที่ให้ความรักความอบอุ่นของคนในครอบครัว

– ศาศวัต คูสุวรรณ (เอิร์ธ) –

แต่ในขณะเดียวกันแม้ว่าทุกๆ โครงการจะมุ่งหน้าสู่ความเป็น “Made for Life” แต่ในทุกโครงการก็จะมีคอนเซ็ปต์ในการสร้างสรรค์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการเดินทางมาสัมผัสความรู้สึกและบรรยากาศในโครงการแต่ละแห่งด้วยตัวเองจึงเป็นอะไรที่พลาดไม่ได้เลยทีเดียว

ทุกความใส่ใจหลอมรวมมาใน บุราสิริ พัฒนาการ และทุกโครงการของแสนสิริ

แล้ว บุราสิริ พัฒนาการ โครงการที่เรามาเยือนในครั้งนี้ มีความพิเศษอะไรซ่อนอยู่อีก? ด้วยคอนเซ็ปต์ของการเป็นบ้านบรรยากาศรีสอร์ท บรรยากาศภายในโครงการตั้งแต่ทางเข้าจึงทำให้รู้สึกถึงการได้กลับพักผ่อนแสนสบาย ราวกับอยู่ที่รีสอร์ทอย่างไรอย่างนั้น และเมื่อทุกดีไซน์ถูกผสานเข้ากับองค์ประกอบต่างๆ ไปในทิศทางเดียวกันนี้ จึงเป็นอะไรที่ยิ่งลงตัว

ในส่วนของพื้นที่ภายในตัวบ้านนั้น จุดเด่นอยู่ที่ Living Area และ DiningArea ที่มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ มีช่องแสงที่เชื่อมตรงไปสวนด้านในดังนั้นสมาชิกในครอบครัวก็จะเสมือนได้นั่งชมวิวสวนร่มรื่นจากในบ้านได้ตลอดเวลา และยังรายล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวทั้งหน้าบ้านและด้านข้างของตัวบ้านในส่วนชั้นบนก็ยังมีระเบียงที่เรียกว่า “Sanctuary Space” ซึ่งปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย เช่นอาจทำเป็น Semi-outdoor ในช่วงเวลาที่อยากรับลม แต่ถ้าอยากให้ห้องนอนใหญ่ขึ้น ก็สามารถปิดกระจกตรงระเบียงได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องให้กว้างขวางกว่าเดิม

โดยการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ โทนสี และองค์ประกอบต่างๆ ก็เลือกมาให้แมทช์กับความรู้สึกแบบTropical ของโครงการอย่างที่ได้บอกเล่าไปก่อนหน้านี้ แต่อีกสิ่งที่น่าสนใจก็คือวัสดุของเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งในส่วนต่างๆ ที่ไม่ได้มีเพียงไม้ แต่ยังมีทั้ง Soft Material อย่างเช่นผ้า หวาย หรือวอลเปเปอร์ และ Hard Material อย่างลามิเนต หรือเมทัลอีกทั้งเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นก็มีลักษณะ Built-inนอกจากนี้แม้แต่ผ้าม่านผ้าปูเตียง และหมอนอิงบนโซฟา ก็ผ่านการคัดสรรมาให้เข้ากันและตรงตามคอนเซ็ปต์ของที่นี่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อเดินมาถึงคลับเฮาส์ ก็ยังได้พบกับสถาปัตยกรรมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการ Glamping (Glamorous Camping) ที่ส่งผ่านบรรยากาศเสมือนลูกบ้านได้ตั้งแคมป์อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ โดยจัดเตรียมพื้นที่ Outdoor ไว้มากมายเพื่อให้ลูกบ้านสามารถรับลมธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับเพลิดเพลินไปกับสระว่ายน้ำในบริเวณนี้ไปพร้อมๆ กัน

แบบฉบับของบ้านใหม่ในฝันที่ตกแต่งให้สมบูรณ์พร้อมและงดงามทุกรายละเอียด

ทุกส่วนทั้งหมดเหล่านั้นเองก็นำมาสู่สิ่งที่ บุราสิริ พัฒนาการ และทุกๆ โครงการของแสนสิริอยากให้ทุกคนที่มาเยือนได้รู้สึก นั่นคือความประทับใจแรกของทุกคนที่ได้เข้ามาสัมผัสบ้านตัวอย่างที่ตกแต่งไว้สมบูรณ์แบบ พร้อมเข้าอยู่ อีกทั้งยังสะท้อนความละเมียดละไมในการเลือกใช้วัสดุ ข้าวของเครื่องใช้ และฟังก์ชันมากมาย ให้ทุกคนได้มีประสบการณ์การอยู่อาศัยใหม่ๆ ในการชมบ้านตัวอย่างที่ไม่เหมือนที่ไหนๆพร้อมยังรู้ได้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่ตามหาและอยากครอบครอง ที่สำคัญยังได้เห็นการตกแต่งในแบบ Limited Editionที่ลูกบ้านหลายคนต่างแวะเวียนกันพานักออกแบบภายในมาดูเป็นต้นฉบับเพื่อนำไปตกแต่งบ้านของตัวเอง

บ้านตัวอย่างคือการทำให้จินตนาการของเขาออกมาเป็นรูปเป็นร่าง จับต้องได้จริง ถ้าคุณมองหาสไตล์แบบนี้ อันนี้คือตอบโจทย์ใช่เลย…นอกจากนี้ ในมุมของผมที่เป็นคนตกแต่ง น่าจะเป็นเรื่องของความภาคภูมิใจด้วย คล้ายกับว่าในการทำบ้านตัวอย่างในแต่ละครั้ง มันกลายเป็นต้นแบบ เป็น Inspiration ให้กับลูกค้าท่านอื่นๆ ทุกโครงการเราจึงมักจะมีลูกค้าที่พาInterior Designer ของเค้ามาดูบ้านตัวอย่างตลอด แล้วบอกว่าอยากได้สเปซแบบนี้นะ อยากได้การตกแต่งแบบนี้

– ศาศวัต คูสุวรรณ (เอิร์ธ) –

การที่เราจะมีบ้านหลังใหม่ที่ตกแต่งให้ครบอย่างงดงามพร้อมเข้าอยู่เรียกได้ว่าช่วยในเรื่องของความคุ้มค่าทั้งในแง่ของการประหยัดเงินและเวลาไปพร้อมๆ กัน ที่สำคัญยังเติมเต็มความชอบในใจของผู้อยู่อาศัยให้ออกมาเป็นบ้านที่ลงตัวและสมบูรณ์แบบที่จะคอยสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบ ไปจนตลอดการใช้ชีวิตอยู่อย่างไม่รู้ลืม เพราะมั่นใจได้เลยว่าทุกจุดที่โครงการของแสนสิริได้ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์อย่างใส่ใจทุกรายละเอียด ในแบบที่สะท้อนเอกลักษณ์ของโครงการนั้นๆ มาแล้วเป็นอย่างดีผ่านทั้งการเลือกเฟอร์นิเจอร์ โทนสี วัสดุ และทุกองค์ประกอบในการตกแต่งบ้าน พร้อมยังมีการตรวจเช็คและดูแลทุกส่วนให้ในทุกขั้นตอน จนกลายเป็นบ้านแบบฉบับที่ใครๆ ก็ต่างอยากครอบครองบ้าง

หากใครกำลังมองหาบ้านใหม่ที่ตกแต่งได้อย่างลงตัว ไม่ต้องเพิ่มหรือเติมแต่งอะไรให้วุ่นวาย การเลือกที่จะครอบครองบ้านตัวอย่างที่ออกแบบอย่างสวยงามจากแสนสิริ ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด ด้วยความตั้งใจและการใส่ใจตลอดกระบวนการการสร้างสรรค์ ทำให้บ้านในฝันของคุณกลายมาเป็นบ้านแห่งความจริง ที่ตอบโจทย์คุณได้อย่างตรงใจและในแบบที่ตาเห็น

โดยมีให้เลือกตั้งแต่บ้านตัวอย่างที่ตกแต่งอย่างงดงามที่โครงการ บุราสิริ พัฒนาการ, คณาสิริ ชัยพฤกษ์ – วงแหวน, สิริเพลส ราชพฤกษ์ – 346, บุราสิริ วัชรพล และ คณาสิริ ชัยพฤกษ์ – วงแหวน แต่อาจต้องรีบหน่อย เพราะบ้านเหล่านี้เป็นเหมือนกับผลงานในแบบ Limited Edition รวมทั้งช่วงนี้แต่ละโครงการยังมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ดังนั้นใครอยากซื้อบ้าน ก็เรียกได้ว่า #เวลานี้ดีที่สุด

วันนี้ – 30 ธันวาคม 2563 เท่านั้น

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก http://siri.ly/wBrAE3B

 

 

The post ไม่ใช่จัดวางองค์ประกอบต่างๆ แต่เป็น “บ้าน” ที่ออกแบบมาอย่างตั้งใจในทุกรายละเอียด appeared first on บ้านและสวน.


บ้านชั้นเดียวล้อมสวน พร้อมมองเห็นวิวนาข้าว

$
0
0

บ้านชั้นเดียวที่ผสมผสานการตกแต่งในสไตล์ล้านนา จีน และโคโลเนียล โอบล้อมด้วยไผ่ที่ปลูกเป็นแนวรั้วหนาทึบ ปิดล้อมตัวบ้านเอาไว้ ส่วนตัวบ้านสร้างแยกเป็น 3 เรือน วางผังเป็นรูปตัวยู (U) มีคอร์ตตรงกลางซึ่งทำหน้าที่เป็นสวนและสนามหญ้า สร้างบรรยากาศร่มรื่นและสดชื่นให้แก่ภายในบ้าน

แบบบ้านชั้นเดียวมีระเบียง

สถาปนิก : คุณวรวิทย์ ภู่ประเสริฐ

บ้านในจังหวัดเชียงใหม่หลังนี้มีชื่อว่า “วิลล่าโบตั๋น” รอบที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าในแนวลึกโอบล้อมด้วยไผ่ที่ปลูกเป็นแนวรั้วหนาทึบ ปิดล้อมตัวบ้านเอาไว้ จนมองจากด้านนอกแทบไม่เห็นตัวบ้านเลย ให้อารมณ์เหมือนบ้านตามชนบทไทยในอดีตที่พบเห็นได้ตามท้องไร่ปลายนา      แบบบ้านชั้นเดียวมีระเบียง

แบบบ้านชั้นเดียวมีระเบียง
ภาพที่ปรากฏเมื่อก้าวผ่านซุ้มประตูก็คือสนามหญ้ากว้าง มีทางเดินปูอิฐพุ่งตรงไปยังเรือนส่วนกลางและมีทางแยกซ้าย-ขวาเพื่อเข้าสู่เรือนนอนด้านละ 2 ห้อง ด้านหลังของห้องนอนเกือบชนกับรั้วและแนวต้นไผ่ เป็นการวางผังบ้านแบบสมมาตร
แบบบ้านชั้นเดียวมีระเบียง
รูปแนวยาวของเรือนห้องนอนมีลักษณะผสมผสานกันของสไตล์ล้านนา จีน และโคโลเนียล มองจากภายนอกดูค่อนข้างเตี้ยและทึบ แต่ภายในกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
แบบบ้านชั้นเดียวมีระเบียง
ทางเดิน ผนังด้านซ้ายเป็นเสมือนรั้วที่เห็นได้จากด้านนอก ใช้เป็นส่วนรองรับหลังคา แต่ก็ไม่ได้ทำผนังทึบทั้งหมด เว้นช่องลูกกรงไม้เป็นช่วงๆ ขณะที่ด้านในเป็นเสาไม้กลึงกลม

บริเวณด้านหน้าตัวบ้านจากประตูรั้วเว้นระยะห่างทำเป็นพื้นที่โล่งๆ พื้นโรยหินก่อสร้างเป็นลานซึ่งกว้างขวางมากพอจะจอดรถได้หลายคัน ถัดเข้าไปคือประตูทางเข้าซึ่งออกแบบเป็นซุ้มบ้านแบบโบราณ ปลูกเฮลิโคเนียล้อกันไปตลอดทั้งสองด้านของซุ้มสลับกับต้นหมากที่สูงชะลูดขึ้นไป

ตัวบ้านสร้างแยกเป็น 3 เรือน วางผังเป็นรูปตัวยู (U) มีคอร์ตตรงกลางซึ่งทำหน้าที่เป็นสนามหญ้ามีทางเดินหลักให้เดินตรงยาวเข้าไป และแยกทางเดินรองเข้าไปสู่ตัวบ้าน เรือนแต่ละหลังมีกลิ่นอายโคโลเนียลที่ได้รับอิทธิพลจากสไตล์ไทยและจีนอย่างเห็นได้ชัด คุณวรวิทย์ ภู่ประเสริฐ สถาปนิกของบ้านหลังนี้บอกว่า สไตล์โคโลเนียลของเชียงใหม่นั้นมีการผสมผสานหลากหลายวัฒนธรรม สไตล์จีนเองก็มีความสัมพันธ์แนบแน่นไม่ด้อยไปกว่าสไตล์พม่าซึ่งเรามักเห็นในงานสถาปัตยกรรมล้านนา สำหรับบ้านนี้การวางแปลนบ้านแบบสมมาตรก็ได้ไอเดียจากสไตล์จีน แต่ปิดล้อมให้เกิดพื้นที่ว่างตรงกลางเสมือนลานบ้านไทย รวมถึงรูปทรงอาคารก็มีลักษณะคล้ายเรือนไทย เพียงแต่ไม่มีใต้ถุน นอกจากนี้หลังคายังเป็นทรงจั่วมุงกระเบื้องดินเผา ส่วนตามซุ้มประตูก็ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นของจีน ด้านซ้ายและขวาของซุ้มประตูเป็นเรือนนอนด้านละ 2 ห้อง บริเวณหน้าห้องมีระเบียงทางเดินซึ่งมีหลังคาคลุมต่ำลงมา ใช้เป็นส่วนนั่งเล่นได้ด้วย ทุกห้องนอนมีขนาดเท่ากัน รวมถึงวางแปลนและตกแต่งเหมือนกันทั้งหมด

เรือนหลังสุดท้ายตั้งขนานกับแนวซุ้มทางเข้า เป็นจุดปะทะสายตาแรกเมื่อเดินผ่านซุ้ม ลักษณะของตัวเรือนก็คล้ายกับเรือนนอน เพียงแต่หลังนี้ยกพื้นสูงกว่า มีระเบียงทางเดินทั้งด้านหน้าและด้านหลังห้อง ส่วนที่แตกต่างอย่างชัดเจนก็คือ เลือกติดประตูบานเปิดแบบบ้านจีนโบราณเรียงเป็นแถวยาวทั้งด้านหน้าและด้านหลังตัวเรือนเช่นกัน เรือนนี้จัดเป็นพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางอย่างส่วนนั่งเล่น-รับแขก ห้องน้ำ ส่วนรับประทานอาหาร และครัว โดยแยกเป็นสองฝั่ง      แบบบ้านชั้นเดียวมีระเบียง

แบบบ้านชั้นเดียวมีระเบียง
เรือนนอนทั้งสองด้านเว้นพื้นที่ว่างหน้าห้องทำเป็นระเบียงยาวกว้างพอประมาณ นอกจากใช้เป็นทางเชื่อมต่อกันแล้ว ยังจัดเป็นส่วนนั่งเล่นหน้าห้องได้ด้วย ด้านหนึ่งจะสัมผัสแสงแดดในช่วงเช้าและอีกด้านเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ
ประตูไม้
ประตูทุกห้องเป็นบานเปิดคู่ตามแบบบ้านรุ่นเก่า เหนือกรอบประตูห้องตกแต่งลวดลายปูนปั้นรูปสัตว์มงคลซึ่งตกแต่งเหนือกรอบประตูห้อง ตามคติความเชื่อแบบจีน
ห้องนอนสไตล์โคโลเนียล  เตียงสี่เสา
พื้นที่ภายในห้องนอนทุกห้องเหมือนกันและมีขนาดเท่ากัน เลือกใช้โทนสีเหมือนกัน แนวเพดานที่ล้อตามโครงหลังคารูปจั่วแหลมสูงขึ้นไปทำให้ภายในห้องดูโปร่ง แม้เพดานจะกรุไม้สีเข้มก็ตาม พื้นห้องปูกระเบื้องดินเผา
แบบบ้านชั้นเดียวมีระเบียง
เรือนส่วนกลางยกระดับพื้นสูงกว่าเรือนนอน เพื่อสร้างความแตกต่าง ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเรือนมีระเบียงและผนังซึ่งติดประตูบานเปิดเรียงยาวแบบบ้านจีน
ห้องนั่งเล่น
ส่วนนั่งเล่นภายในเรือนส่วนกลาง จัดวางเฟอร์นิเจอร์หวายแบบโบราณ ให้บรรยากาศที่ดูไม่เป็นทางการจนเกินไป เหมาะสำหรับบ้านพักผ่อนหลังนี้
ห้องรับประทานอาหาร
ชุดรับประทานอาหารตั้งอยู่อีกด้านของเรือนส่วนกลาง วางโต๊ะไม้สักตัวยาวเลียนแบบโต๊ะรุ่นเก่า ซึ่งเข้ากันดีกับเก้าอี้หวายที่ให้ความรู้สึกนั่งสบาย
แบบบ้านชั้นเดียวมีระเบียง
ด้านหลังเรือนส่วนกลางเป็นระเบียงโล่งกว้างใช้งานเป็นลานอเนกประสงค์ซึ่งล้อมรอบด้วยวิวสวยๆจากนาข้าว
ทุ่งนา
แนวไผ่หนาทึบเป็นรั้วธรรมชาติอย่างดีที่คอยบดบังตัวบ้านเอาไว้ สร้างบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว

ทั้งบ้านมีอากาศหมุนเวียนตลอด ในช่วงที่ต้องเผชิญพายุลมหลวงซึ่งพัดกระหน่ำในช่วงปลายฤดูหนาวต่อกับฤดูร้อน แนวต้นไผ่ที่ล้อมอยู่ก็ช่วยลดทอนความรุนแรงลงได้ แถมยังช่วยกรองเสียงและฝุ่นละอองอีกด้วย จึงเป็นบ้านพักผ่อนที่อยู่อาศัยได้อย่างสุขสบาย


เรื่อง : atta otto

ภาพ : สังวาล พระเทพ, สิทธิศักดิ์ น้ำคำ

นิตยสารบ้านและสวนฉบับกันยายน 2557

5 บ้านกลางทุ่ง อยู่สบายทั้งกายและใจ

บ้านชั้นครึ่งกลางทุ่งโล่ง สวยงามราวสวรรค์บนดิน

บ้านไม้แบบไทยๆ กลิ่นอายโมเดิร์นของป๊อด – ธนชัย อุชชิน

The post บ้านชั้นเดียวล้อมสวน พร้อมมองเห็นวิวนาข้าว appeared first on บ้านและสวน.

NANA Coffee Roaster Ari ดื่มด่ำกาแฟ อาบอุ่นด้วยแสง และธรรมชาติกลางใจเมือง

$
0
0

เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว กับคาเฟ่สาขาใหม่ล่าสุด NANA Coffee Roaster Ari ภายใต้แบรนด์กาแฟคุณภาพ อย่าง NANA Coffee Roaster โดยครั้งนี้ขอมาบุกดินแดนแห่งคาเฟ่อย่างย่านอารีย์ ด้วยคอนเซ็ปต์ที่อยากให้คุณแวะมานั่งชิล ๆ ดื่มด่ำกับกาแฟ ชมสวนสวย ๆ แบบไม่ต้องเร่งรีบ พร้อมมุมถ่ายรูปเพียบ บอกเลยมาครั้งเดียวไม่พอ!

สิ่งที่อบอุ่นไม่แพ้แก้วกาแฟในมือ เห็นจะเป็นบรรยากาศสไตล์โฮมมี่ของที่นี่นี่แหละ ซึ่งเกิดขึ้นจากการรีโนเวตบ้านเก่ายุค Mid-Century อายุกว่า 50 ปี ภายในซอยอารีย์ ให้ยังคงโครงสร้างและดีเทลของงานออกแบบยุคเก่าเอาไว้ เพื่อทำหน้าแบบเหนือกาลเวลา ผสานไปกับงานดีไซน์ยุคใหม่ กลายเป็นส่วนผสมของงานการออกแบบที่กลมกล่อม ออกแบบโดยคุณโต – ศุภรัตน์ ชินะถาวร จาก party/space/design

จากความต้องการของคุณฝ้าย – นันท์นภัส มัลลิกะมาลย์ ผู้หลงใหลการดื่มกาแฟ และเป็นแฟนตัวจริงของ NANA Coffee Roaster เมื่อตัดสินใจจะทำคาเฟ่กับครอบครัว เธอจึงเลือกแบรนด์ NANA แล้วเปิดสาขาใหม่นี้ที่อารีย์ ซอย 4  ซึ่งเป็นสาขาต่อเนื่องมาจาก NANA Hunter Coffee Roasters  กับการตกแต่งที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยการรีโนเวตบ้านเก่าสไตล์ Mid-Century อายุกว่า 50 ปี ให้กลายเป็นอาคารสไตล์โมเดิร์น ที่แอบซ่อนรายละเอียดงานออกแบบไว้มากมาย พร้อมการตกแต่งให้มีสวนสีเขียวที่ดูเย็นสบายร่มรื่น ให้ลูกค้าที่มาเยือนที่นี่รู้สึกผ่อนคลาย ทิ้งความเร่งรีบของชีวิตเมืองหลวงไว้เบื้องหลัง

ในด้านงานออกแบบ หลังจากตัดสินใจเช่าพื้นที่บ้านเก่าในซอยอารีย์เพื่อเปิดคาเฟ่ จากนั้นคุณฝ้ายได้ยกหน้าที่การสร้างสรรค์พื้นที่ให้กับคุณโตเป็นผู้ดูแล โดยทุกขั้นตอนคุณฝ้ายและสถาปนิกได้ช่วยกันออกความคิดเห็น จนได้พื้นที่ใช้งานเหมาะกับเปิดเป็นคาเฟ่ ที่ยังคงไว้ด้วยกลิ่นอายของความเป็นบ้าน พร้อมรายละเอียดงานออกแบบช่วยสร้างประสบการณ์ที่ต่างไปจากคาเฟ่ที่อื่น ๆ

“อารีย์เป็นแดนปราบเซียน ดินแดนแห่งค่าเฟ่ จะทำอย่างไรให้อยู่ได้นาน ก็เลยเป็นโจทย์ที่ต้องหาข้อดีของบ้านเก่าอายุ 50 ปี ทรง Mid-Century ให้ได้ว่าจะดีไซน์อะไรเข้าไป วิธีเดียวที่จะเก็บบ้านทรง Mid-Century ได้ ก็คือทำให้มันเหมือนเดิมในแง่โครงสร้าง แต่ต้องทำให้ดูตื่นเต้นเหมือนคนที่เพิ่งมาจาก NANA Hunter ถ้ามาอารีย์ ต้องรู้สึกว้าวได้อยู่ ไม่ใช่ว่าอ้าว ! ที่นี่เป็นบ้านเฉย ๆ อันนี้เป็นโจทย์ที่ยากที่สุดตอนคุยกับเจ้าของร้าน” คุณโตเล่า

“ช่วงเริ่มต้นลงมือรีโนเวตบ้านเก่าให้เป็นคาเฟ่สาขาใหม่  พอไปดูบ้านผมก็มีไอเดียเลยว่า อยากให้มันเป็นบ้านที่เก็บธรรมชาติเอาไว้เยอะที่สุด เราไม่ตัดต้นไม้เลย ปลูกต้นไม้เพิ่มอย่างเดียว อยากให้มีความเป็นธรรมชาติมาก ๆ แต่สิ่งที่ผมจะนำไปแทรกคือ ผมอยากให้อยู่ใต้คำว่า Super Nature ครับ Super คืออะไรทุกอย่างที่คนชอบความเป็นแบรนด์ของ NANA  เช่น กาแฟดี ความดีงามของบาริสต้า การลงทุนของอุปกรณ์ การลงทุนกับเมล็ดกาแฟ  การไป NANA Hunter เหมือนลูกค้าทุกคนโดนกระตุ้นว่าแบบ โห! สิ่งนั้นก็สวย สิ่งนี้ก็สวย ส่วนสาขานี้ผมจะนำความเป็น Super Nature มาใช้ เลยกลายเป็นที่มาของชั้นล่าง เราเก็บของเดิมไว้หมดทั้งเลย แล้วทุบผนังออกทั้งหมด ทำทุกอย่างให้เป็นหน้าต่างขนาดใหญ่ เพื่อที่จะมองออกไปเห็นสวนสวย ๆ ข้างนอกได้เยอะที่สุดเท่าที่จะเยอะได้ ส่วนชั้นสองเราตั้งใจว่าจะไม่ใช้ม่าน สิ่งที่ซ่อนอยู่ในการทำแบรนด์ NANA คือผมอยากทำให้ทุกคนดื่มด่ำกับแสง”

เนื่องจากโครงสร้างของบ้านค่อนข้างมีความสมบูรณ์ ประกอบกับแนวคิดที่ต้องการเปิดพื้นที่ให้แสงสามารถเข้ามาช่วยเติมเต็มการพักผ่อน คุณโตจึงได้เก็บโครงสร้างเสา คาน บันได และผนังหินไว้ ให้เป็นส่วนหนึ่งของงานออกแบบ ขณะเดียวกันก็เลือกทุบผนังรอบ ๆ ออกจนเกือบหมด โดยเฉพาะชั้น 2

“เพราะแสงคือกระบวนการหนึ่งของกาแฟ ตั้งแต่การนำเมล็ดกาแฟมาตาก อย่างเช่น ถ้าเราได้เมล็ดมาเราตากเลย มันคือ Dry-process หรือ Natural-process แสงบนดอยมีผลต่อกาแฟสุด ๆ เพราะฉะนั้นแสงจึงมีอิทธิพลต่อกาแฟทุก ๆ แก้ว ผมเลยตั้งใจให้ชั้นสองของทีนี่ไม่มีม่านเลย ทุกคนที่ขึ้นไปด้านบนจะโดนหลอกล่อด้วยฟาซาดที่ห่อหุ้มอาคารไว้ ทุกคนจะรู้สึกว่าแสงที่ส่องเข้ามาเวลาลอดผ่านฟาซาดมันสวย แสงมีความนัว ๆ นี่ โดยที่สามารถนั่งริมหน้าต่างได้โดยไม่ต้องกลัวแสง

“พื้นที่ชั้น 2  เราทำฟินเกาะกับตัวบ้าน ก้อนอิฐกระจายตัวแบบเรนดอมไปรอบ ๆ  แล้วเหลือไว้แค่โลโก้คำว่า NANA ลอยอยู่โดยไม่มีเสา ทุกอย่างยึดติดกับตัวบ้าน 50 ปี หลังนี้ และบังหลังคาทั้งหมดเพราะว่าหลังคาเราไม่ได้เปลี่ยนเลย ใช้ของเดิมทั้งหมด เสร็จแล้วสทำระบบระบายน้ำใหม่ ฟาซาดที่ครอบบ้านไว้นี้จึงดูเหมือนเป็นกล่องไม้ครอบทรงบ้านเอาไว้  จึงดูเหมือนบ้านที่เหมือนโดนบังหลังคา เกิดเป็นบ้านทรงโมเดิร์นขึ้นมาแทน”

สิ่งที่พบเห็นนั่นก็คือการเลือกใช้อิฐเข้ามาช่วยสร้างมู้ทแอนด์โทนให้กับงานออกแบบ คุณโตจึงเล่าให้ฟังวา่  “เราใช้อิฐทั้งหมด 5 แบบ จริง ๆ อิฐก้อนแรกที่จะวางเป็นอิฐที่ได้มาจากตัวบ้าน คือผนังชั้นสอง พอกะเทาะปูนสีออก (เพราะมันต้องรีโนเวทผนังอยู่แล้ว ผนังมันค่อนข้างเก่า) พอเรารื้อชั้น 2 เราเห็นก้อนอิฐที่เรียงไว้ก็ชอบ เลยจะเก็บไว้โดยไม่ทาสีกลบ เพราะฉะนั้นถ้าใครที่มาอยู่ชั้น 1 แล้วมองขึ้นไปชั้น 2 จะเห็นผนังเรียงอิฐแล้วเหมือนตั้งใจทำให้มันกลับ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ สิ่งนี้คือโครงสร้างเดิมเมื่อ 50 ปี ก็เลยเปลือยเลย แล้วนำก้อนอิฐหนึ่งอันนั้นมาเป็นโปรโตไทป์ในการสร้างอิฐขึ้นมาใหม่ทั้งหลัง อิฐที่เห็นทั้งหมดคือปั้นขึ้นมาใหม่ โดย respect ความเป็นก้อนอิฐเก่าเมื่อ 50 ปี ที่แล้ว มีทั้งอิฐธรรมดา อิฐคริสตัล ที่สั่งทำมาจากจีนเป็นก้อนใส ๆ”

นอกจากไอเดียการใช้อิฐแล้ว สิ่งที่เซอร์ไพร้ส์ทีมออกแบบอย่างมากก็คือโครงฝ้าที่ยังคงสภาพแข็งแรง ซึ่งมันได้กลายเป็นรายละเอียดของการออกแบบคาเฟ่

“โครงสร้างของบ้านหลังนี้มีความแข็งแรงมาก สิ่งหนึ่งที่เซอร์ไพร้ส์เราคือ ตอนที่เราเปิดฝ้า ทุกคนเห็นว่าโครงฝ้าไม้ยังคงความแข็งแรง เขาวางเป็นกริดไว้สวยมาก ๆ โครงไม้มีอายุ 50 ปี เป็นของเดิมที่เราไม่ได้ยุ่งอะไรของเขาเลย เหมือนเรารู้สึกเหมือนได้พรจากฟ้าที่อยู่ดี ๆ เปิดฝ้ามาแล้วแบบตะลึง ผมรีบหยุดงานผู้รับเหมาแล้วเรียกเจ้าของมาดู นี่แหละสิ่งดี ๆ ของบ้าน Mid-Century การทำบ้านสมัยก่อนเขาตั้งใจทำมาก แล้วพอเราเจอสิ่งเหล่านี้ คือผมไม่กลัวอะไรอีกเลยกับบ้านหลังนี้ ผมบอกว่า ผมจะดรอปเก้าอี้ให้เตี้ยที่สุดเพื่อให้ทุกคนนั่งมองฝ้า”

ถ้าถ่ายรูปออกมา หรือกล้องมุมตั้งจะติดฝ้า 40 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งทุกอย่างมันจะวิ่งเข้ากริดสุด ๆ เป็นที่มาของไฟด้านบนว่าทำไมมันต้องเป็นเส้นสเปกตรัมอย่างนั้น ผมต้องการให้ชั้นล่างมองเห็นฝ้าชั้น 2 ได้ ตามเส้นไฟ LED ที่เหมือนเป็นเส้นนำสายตาขึ้นไปสู่ด้านบน  นี่คือทริคที่เราซ่อนอยู่ แต่ค่อนข้างละเมียดนิดหนึ่ง คือไม่อยากตะโกนอะไรอีกแล้ว อยากให้คนมาแล้วเห็นสิ่งนั้นด้วยตัวเอง”

“การออกแบบที่นี่เป็นเหมือนการเก็บกลิ่นอายเมื่อ 50 ปีก่อน ให้ก้าวมาสู่ไป 2020 มีความน่าสนใจตรงที่งานดีไซน์ยุคเก่ากับใหม่อยู่ด้วยกันได้ นอกจากนั้นยังมีไอเดียย่อย ๆ เช่น ผมต้องการนำพื้นภายในด้านล่างให้กลายเป็นพื้นเอ๊าต์ดอร์  แล้วนำทรายล้างมาใช้ทำพื้น ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากสวนเซน  เหมือนไกด์ไลน์ว่าเดินเข้ามาก็จะเจอสวนเซนวิ่งนำสายตาไปที่สวน พอทุกคนเห็นสวนจะไม่ดูพื้นอีกต่อไป  ส่วนตรงพื้นที่เคาน์เตอร์บาร์ป้ายบอกเมนู ได้นำไอเดียมาจากบานเกล็ดบ้านสมัยก่อน เหมือนรื้อโครงสร้างบ้าน แล้วนำมาประกอบใหม่ ดูแล้วมีความน่าสนใจได้

“ผมอยากให้คนมาซ้ำจริง ๆ เพราะผมว่ามันหมดยุคคาเฟ่ถ่ายวันเดียวครบแล้วไม่มาแล้ว มันเป็นอย่างนี้บ่อยมากเลย แล้วมันเป็นบ้านไม่กี่หลังในอารีย์ที่มีสเปซ เราเลยรู้สึกว่าเราชิพโฟกัสดีกว่า เราไม่เอาสเปซที่เป็นแบบโฟโต้เจนนิคขนาดนั้นดีกว่า เราแอบซ่อนดีเทล แล้วเราไม่บอกใครไหม เอาแบบนี้แหละ ซ่อน ๆ ไป ให้เขาค้นหาเอง”

เรียกว่าใครที่เป็นคอกาแฟ หรือไม่ใช่คอกาแฟสายเข้มข้นขนาดนั้น แค่ได้ลองแวะเวียนมาพักผ่อน รับประทานอาหารเช้า หรือเค้กอร่อย ๆ ในบรรยากาศดี ๆ ที่แสนร่มรื่น ภายในคาเฟ่ที่อบอุ่นไม่ต่างจากบ้านแห่งนี้ ก็น่าจะช่วยให้วันนั้นเป็นวันดี ๆ ได้ ว่าไหม

ที่ตั้ง

24/2 ซอย อารีย์ 4 แขวง สามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ
เวลาทำการ วันจันทร์ – ศุกร์ 7.00 น. – 18.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ 8.00 น. -18.00 น.
โทร. 08-3908-2222
www.facebook.com/nanacoffeeroastersari


เรื่อง : Phattaraphon

ภาพ : นันทิยา

ผู้ช่วยช่างภาพ : ภรภัทร เสนาขันธ์

The post NANA Coffee Roaster Ari ดื่มด่ำกาแฟ อาบอุ่นด้วยแสง และธรรมชาติกลางใจเมือง appeared first on บ้านและสวน.

พกเงินล้านไปช้อปต้นไม้แพง ต้นไม้หายาก ตามแบบคนมีสไตล์

$
0
0

วันนี้บ้านและสวนมีโอกาสมาเที่ยวชมงาน  “พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9” ประจำปี 2563 ซึ่งในครั้งนี้ ที่นี่ก็ยังคงมีการจัดแสดงดอกไม้นานาชนิด และมุมสวนโชว์เช่นเคย

ต้นไม้หายาก

นอกจากนี้ภายในงานยังมีบูธขายอาหารและข้าวของสินค้าต่างๆ มากมาย แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ “ตลาดต้นไม้” ที่มาตั้งอยู่ใจกลางสวนหลวง ร.9 แห่งนี้ และจุดมุ่งหมายของเราในวันนี้ก็คือการสำรวจ ต้นไม้หายาก และต้นไม้ราคาแพงชนิดที่ใครเห็นจะต้องกรี๊ดกันเลยทีเดียว

ต้นไม้หายาก

ต้นไม้หายาก

Monstera Borsigiana Albo

หรือชื่อที่เรียกกันทั่วไปแบบง่ายๆ คือ อัลโบ เป็นมอนสเตอร่าที่ใบมีด่างขาว เลี้ยงค่อนข้างยากต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ลายด่างของใบค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งเป็นลายมาร์เบิ้ลและแบบฮาร์พมูน หรือด่างขาวเต็มใบ

50,000 บาท

ต้นไม้หายาก

Philodendron white wizard marble

ฟิโลไวท์ วิซซาร์ดมาร์เบิ้ลต้นนี้ เป็นอีกต้นที่หาค่อนข้างยาก แต่เป็นฟิโลที่เลี้ยงง่าย ค่อยๆโต ใบมีลายด่างแบบมาร์เบิ้ล ชอบความชื้นแต่ไม่แฉะ และต้องไม่โดนแสงโดยตรง

55,000 บาท

Epipremnum ‘Marble Queen’

พลูราชินีหินอ่อน เป็นไม้เลื้อย มีใบรูปหัวใจ บนใบมีลายด่าง สามารถอยู่ในร่มเงา และความชื้นได้ดี นิยมปลูกในบ้าน เพราะช่วยฟอกอากาศได้

60,000 บาท

Cardboard palm

หรือ ปรงเม็กซิกันด่าง เป็นปรงที่มีใบหนาแข็ง ชอบแสงแดดจัด นิยมปลูกประดับสวน

80,000 บาท

เสน่ห์จันทร์ดำด่าง

ไม้ล้มลุกมีใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปหัวใจ ก้านใบสีม่วงแดง เมื่อต้นโตเต็มที่ แผ่นใบจะแผ่กว้างขึ้น ใบมีลายด่างสีขาว ปนชมพู ชอบน้ำปานกลาง แสงแดดรำไร มีความเชื่อว่าเป็นไม้มงคลช่วยเสริมเสน่ห์ เมตตามหานิยม

125,000 บาท

Philodendron Congo Yellow Variegated

เยลโลคองโก เป็นหนึ่งในฟิโลที่มีใบที่ค่อนข้างใหญ่ ใบยาวราว 20 ซ.ม. มีลายด่างสีเหลือง ค่อนข้างหายาก ชอบน้ำปานกลาง แสงแดดรำไร

140,000 บาท

พลูฉลุด่าง

พลูฉลุด่าง

ไม้เลื้อยเนื้ออ่อน ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบมันวาว ปกติจะโตเร็วเลี้ยงง่าย แต่ถ้าเป็นใบด่างจะเลี้ยงยาก เพราะอ่อนแอมาก เป็นไม้ที่ชอบความชื้น แสงแดดรำไร  พลูฉลุทั่วไปราคายังคงถูกอยู่แต่สำหรับต้นที่ด่างนั้นบางร้านจะนับใบขาย ซึ่งราคาสูงถึงใบละเป็นหมื่นถึงหลักแสนบาทเลยทีเดียว

300,000 บาท

พลูฉลุด่าง
พลูฉลุด่าง

พลูฉลุด่าง

ราคาขึ้นอยู่กับลวดลาย ความสวยงามของใบ

550,000 บาท

กะพ้อก้านส้ม

กะพ้อเป็นปาล์มลำต้นเตี้ย ใบซ้อนกันเป็นแผง เรียงเวียนสลับ รูปกลม ก้านใบรูปสามเหลี่ยม มีสีเหลืองส้ม

550,000 บาท

Monstera mint

Monstera mint

เป็นมอนสเตอร่าแบบที่ไม่เลื้อยเหมือนพวกอัลโบ มีลายด่างกระจายไม่เหมือนมอนสเตอร่าอื่นๆ หายากและมีราคาสูงกว่าอัลโบและไทยคอน

ใบละ 120,000 x 5 ใบ = 600,000 บาท

Monstera obliqua

พลูฉลุตัวนี้เป็นอีกตัวที่หายากมาก เจริญเติบโตได้ค่อนข้างช้า จึงไม่ค่อยพบเห็นทั่วไปนัก ใบมีลายฉลุกว้างกว่าพลูฉลุตัวธรรมดา จนเหมือนว่าใบจะขาดจากกัน ว่ากันว่ายิ่งรูฉลุกว้างเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้พลูฉลุนี้แพงขึ้นไปอีก

ใบละ 80,000 x 8 ใบ = 640,000 บาท

พลูฉลุด่าง
พลูฉลุด่าง

พลูฉลุด่าง

ปิดท้ายกันที่พลูฉลุด่างอีกต้นที่เรียกว่าน่าจะเป็นต้นที่ราคาสูงที่สุดในงานนี้เลยก็ว่าได้ ที่ราคาสูงเพราะนับจากจำนวนใบที่มี แต่ละใบมีลายด่างที่สวยงาม สมบูรณ์แบบมากๆ

ใบละ 100,000 x 10 ใบ = 1,000,000 บาท 

และนี่ก็เป็นเพียงต้นไม้หายาก ส่วนหนึ่งในงาน “พรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9” ประจำปี 2563 สำหรับนักสะสมต้นไม้แพง ต้นไม้หายาก ไม่ควรพลาด เพราะเขาขนต้นไม้สวยๆกันมาเยอะมากจริงๆ ใครที่อยากจะมาเดินเล่นซื้อต้นไม้ สามารถไปได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 10 ธันวาคมนี้ ที่สวนหลวง ร.9

สถานที่: สวนหลวง ร.9
แผนที่: https://goo.gl/maps/1bqKNGETnSTD9QEz9
ค่าเข้า: คนละ 10 บาท (มีที่จอดรถ)


เรื่อง: Tatsareeya S.
ภาพ: Tatsareeya S., พิชญา ประทุมทอง

สวยและถูกมาก รวม 9 ต้นไม้ที่มีใบลายด่าง และไม้ใบด่างราคาถูก

ตลาดต้นไม้ ซอยวัดพระเงิน ตลาดต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในย่านบางใหญ่

ฟิโลยอดฮิต มีไว้ไม่ตกเทรนด์

l l l l l l l l ll l l l l l l l ll l l l l l l l ll l l l l l l l ll l l l l l l l ll l l l l l l l ll l l l l l l l l

The post พกเงินล้านไปช้อปต้นไม้แพง ต้นไม้หายาก ตามแบบคนมีสไตล์ appeared first on บ้านและสวน.

โคมไฟ โซล่า โคมไฟโซลาร์เซลล์ ติดตั้งเองได้ ไม่ง้อช่าง

$
0
0

โคมไฟ โซล่า โคมไฟโซลาร์เซลล์ หรือสปอร์ตไลท์โซลาร์ แล้วแต่จะเรียกขานกันนั้นคือ อุปกรณ์ที่ให้แสงสว่างได้เหมือนกับหลอดไฟทั่วไป โดยใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์แทนการใช้ไฟบ้าน จึงช่วยประหยัดค่าไฟได้ดี ทั้งนี้ โคมไฟ โซล่า มีส่วนประกอบหลักๆที่สำคัญอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน คือ โคมไฟ แบตเตอร์รี่ และแผงโซลาร์เซลล์

ติดตั้งง่าย คุณพ่อบ้านหรือคุณแม่บ้านที่มีความรู้พื้นฐานทางด้านไฟฟ้าอยู่บ้างก็สามารถทำได้ วันนี้ช่างประจำบ้านจึงอยากแนะนำ วิธีติดตั้งโคมไฟโซลาร์เซลล์ บนหลังคาโรงรถด้วยตัวเอง ไม่ต้องเรียกช่างให้ยุ่งยาก เครื่องมือพร้อม อุปกรณ์พร้อม ไปลุยกันได้เลย โคมไฟ โซล่า

เครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็น

1.ชุดโคมไฟหรือสปอร์ตไลท์ โซลาร์เซลล์ (ความสว่างมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 10-300 วัตต์)

2.สว่านไฟฟ้าหรือสว่านไร้สาย

3.ค้อน

4.ไขควง

5.ประแจเลื่อน

6.บันได

7.คัตเตอร์

8.เทปพันสายไฟ

โคมไฟ โซล่า

ขั้นตอนการทำงาน

1.นำชุดโคมไฟโซลาร์เซลล์ที่บรรจุภายในกล่องออกมา ซึ่งประกอบไปด้วย แผงโซลาร์เซลล์ โคมไฟ รีโมทคอนโทรล และอุปกรณ์เสริมต่างๆที่ใช้ในการติดตั้ง จากนั้นประกอบขาตั้งเข้ากับแผงโซลาร์เซลล์ให้แน่น

 

2.นำแผงโซลาร์เซลล์ที่ประกอบเสร็จแล้ว ไปติดตั้งบนหลังคาโรงจอดรถ โดยกำหนดตำแหน่งแผงโซลาร์เซลล์ ให้สามารถรับพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ควรทำมุมประมาณ 45 องศากับพื้นดิน ซึ่งเป็นมุมที่รับแสงจากดวงอาทิตย์ได้ดี

โคมไฟ โซล่า

 

3.ใช้ประแจคลายหัวสกรูยึดแผ่นหลังคาออกมา จากนั้นวางขาตั้งแผงและยึดแผงโซลาร์เซลล์เข้ากับแผ่นกระเบื้องหลังคาให้แน่นดังเดิม แล้วใช้ไขควงขันสกรูตามจุดต่างๆให้แน่นอีกครั้ง

 

4.ปรับทิศทางของแผงโซลาร์เซลล์ให้เหมาะสม โดยหันไปทางทิศใต้ (ถ้าทำได้) ซึ่งเป็นตำแหน่งในการรับแสงแดดได้ยาวนานมากกว่า และสามารถชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้อย่างเต็มที่ ส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลาในการชาร์จไฟประมาณ 6-8 ชั่วโมง (โดยขึ้นอยู่กับปริมาณแสงแดดและความจุของแบตเตอร์รี่) เพื่อให้โคมไฟโซลาร์เซลล์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตลอดทั้งคืน

 

5.ใช้สว่านไฟฟ้าเจาะโครงเหล็กหรือวัสดุอื่นๆที่ต้องการติดตั้งโคมไฟโซลาร์เซลล์

 

6.ใช้ไขควงขันสกรูเพื่อยึดโคมไฟโซลาร์เซลล์กับโครงเหล็กให้แน่น

 

7.นำสายไฟที่ให้มาพร้อมกับชุดติดตั้ง (ยาวประมาณ 3 เมตร) แล้วต่อหัวแจ็ค DC (ขั้วกลมๆ) ของโคมไฟและแผงโซลาร์เซลล์เข้าด้วยกันให้แน่น

 

8.ใช้เทปพันสายไฟเก็บงานต่างๆให้เรียบร้อย เช่น พันบริเวณขั้วต่อสาย หรือพันสายไฟที่ยาวเกินความจำเป็น

 

9.เมื่อติดตั้งโคมไฟและแผงโซลาร์เซลล์เสร็จแล้ว ให้ใช้รีโมทคอนโทรล เปิด-ปิด โคมไฟโซลาร์เซลล์ สั่งเพิ่ม-ลด แสงสว่าง และสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิด อัตโนมัติ โดยมีเซ็นเซอร์บอกสถานะการทำงานอีกด้วย

โคมไฟ โซล่า

 

TIP :

-โคมไฟโซลาร์เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถให้แสงสว่างได้นานถึง 8-12 ชั่วโมง และถ้าอยากให้สว่างทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้าใควรเลือกใช้รุ่นที่มีความจุของแบตเตอร์รี่ไม่น้อยกว่า 12,000 mAh และควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก. เพื่อความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย

-นอกจากนี้หมั่นทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์อยู่เป็นประจำ (อย่างน้อยเดือนละครั้ง) ด้วยการใช้ผ้าสะอาดและน้ำเปล่า เช็ดฝุ่นที่เกาะอยู่บนแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อช่วยให้แผงโซลาร์เซลล์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอ


เรื่อง : พจน์ ผลิตภัณฑ์

ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม

 

แผงโซลาร์เซลล์ มีกี่แบบ ควรเลือกอย่างไร?

วิธีติดตั้ง เครื่องสูบน้ำโซลาร์เซลล์ สำหรับพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง

ติดตั้งโซลาร์เซลล์อย่างไรให้คุ้มทุน

 

The post โคมไฟ โซล่า โคมไฟโซลาร์เซลล์ ติดตั้งเองได้ ไม่ง้อช่าง appeared first on บ้านและสวน.

ไอเดียออกแบบ “ศาลพระภูมิ”และ “ตี่จู่เอี้ย”ให้เข้ากับดีไซน์ของบ้าน

$
0
0

คนไทยเราให้ความนับถือ ศาลพระภูมิ และ ตี่จู่เอี้ย กันมานาน เพราะเชื่อว่าจะช่วยคุ้มครองสมาชิกในบ้านให้พ้นภัย และยังช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้รับแต่ความสุขความเจริญ ทุกวันนี้เราเห็นศาลพระภูมิและตี่จู่เอี้ยได้ตามอาคารบ้านเรือนต่างๆ เพียงแต่รูปแบบอาจเปลี่ยนไปบ้าง โดยนำรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่มาผสมผสานกับศิลปะตะวันออกหรือตะวันตก จนได้ศาลที่มีรูปลักษณ์แปลกตา และดูมีดีไซน์ที่เข้ากับบ้านกันมากขึ้น ครั้งนี้เรามีตัวอย่างศาลพระภูมิและตี่จู่เอี้ยที่มีการออกแบบได้สวยงาม เข้ากับรูปลักษณ์ของบ้านมาให้ชมกันเป็นไอเดีย

ศาลพระภูมิ

ศาลพระภูมิ

แม้ว่าการนับถือศาลพระภูมิจะเป็นความเชื่อที่สืบต่อกันมาของศาสนาพราหมณ์ แต่พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ก็ให้ความเคารพศรัทธา เพราะเชื่อว่าเป็นที่อยู่ของเทพารักษ์ที่ช่วยปกปักรักษาบ้านและคนในบ้านนั่นเอง

รูปแบบของศาลพระภูมิ

ศาลพระภูมินั้นไม่มีข้อกำหนดว่าต้องเป็นสีใด (แต่บางคนชอบให้เป็นสีวันเกิดเจ้าของบ้าน) และไม่มีขนาดที่เป็นมาตรฐาน เราสามารถสั่งทำตามขนาดและสีที่ต้องการได้ เพื่อให้เข้ากับตัวบ้านหรือความเชื่อส่วนตัว โดยรูปแบบของตัวศาลสามารถสะท้อนให้เห็นวิวัฒนาการของบ้านและอาคารสถานที่ต่างๆ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เช่น สมัยก่อนจะนิยมสร้างบ้านเป็นเรือนไม้ทรงไทย ตัวศาลก็จะมีรูปแบบเป็นทรงไทยหลังเล็กๆ ในยุคต่อมาเรามักคุ้นเคยรูปแบบศาลที่มากด้วยสีสันหรือประดับกระจกระยิบระยับ ซึ่งบางครั้งอาจดูไม่เข้ากับบ้านหรือสวนที่ออกแบบอย่างเรียบง่าย ปัจจุบันเราจะเห็นรูปแบบของศาลพระภูมิที่ดูแปลกตามากขึ้น ซึ่งบางแห่งสร้างจากการย่อส่วนของสถานที่จริง เพื่อให้เข้ากับอาคารที่มีอยู่

ตำแหน่งในการจัดตั้งศาลพระภูมิ

ตามปกติการตั้งศาลพระภูมิที่ถูกต้องควรตั้งอยู่ทางด้านฝั่งขวามือของพื้นที่หน้าบ้านและไม่ควรอยู่ชิดกับรั้วมากเกินไป  อาจรวมเข้าไปเป็นพื้นที่ของสวนหน้าบ้านก็ได้  ทั้งนี้การที่ศาลพระภูมิอยู่ทางมุมด้านขวาของตัวบ้าน  เพราะทางด้านซ้ายมือมักเป็นพื้นที่ซึ่งมีการใช้งานและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาตามความเชื่อดั้งเดิม แต่สุดท้ายแล้วจะตั้งไว้ตรงไหนก็ได้ที่สงบและไม่วุ่นวาย  เพื่อไม่ให้ขวางทางสัญจรของกิจกรรมในบ้าน 

ศาลพระภูมิ
ศาลพระภูมิไม้เก่าแบบไทยล้านนา ซึ่งเลือกให้เหมาะกับบ้านที่มีลักษณะเป็นรือนไทยภาคเหนือ เมื่อวางบนโต๊ะเตี้ยคู่กับกระถางบัว ยิ่งได้อารมณ์แบบไทยๆ
ศาลพระภูมิ
ศาลพระภูมิที่เจ้าของบ้านออกแบบเอง โดยลดทอนรูปทรงมาจากตัวบ้านที่มีลักษณะเป็นบ้านไทยใต้ถุนสูงที่ปรับให้ดูทันสมัยขึ้น เพื่อให้มีความสวยงามกลมกลืนกัน
ศาลพระภูมิ
ศาลพระภูมิซึ่งมีดีไซน์ล้อรับกับตัวบ้าน ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความเชื่อกับงานออกแบบได้เป็นอย่างดี
ศาลพระภูมิ
ศาลพระภูมิรูปทรงโมเดิร์นแปลกตาภายใต้ความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ เป็นเหมือนจุดกึ่งกลางระหว่างความเชื่อแบบไทย
ที่ฝังรากลึกและวิถีชีวิตสมัยใหม่
ศาลพระภูมิ
ศาลพระภูมิหน้าบ้านที่ออกแบบทำจากกล่องไม้ พร้อมจัดสวนบริเวณรอบ ๆ เพื่อให้ดูกลมกลืน

ศาลพระภูมิ
ศาลพระภูมิดีไซน์โมเดิร์น
ศาลพระภูมิ
ศาลพระภูมิของบ้านนี้เป็นงานศิลปะที่เป็นงานออกแบบของคุณสุริยะ อัมพันศิริรัตน์ นักออกแบบชื่อดัง ซึ่งร่วมแสดงในนิทรรศการ “Resort สถานพักตากอากาศ” ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ในชื่อผลงาน “Spirit House ที่พักของวิญญาณ” เมื่อเดือนตุลาคม 2556
ศาลพระภูมิที่ดูทันสมัยซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับบ้าน แต่ก็ไม่ลืมออกแบบให้สอดคล้องกับความเชื่อเดิมที่ว่า ศาลพระภูมิต้องไม่มีช่องเปิดด้านหลัง และต้องมีช่องเปิดด้านข้าง และช่องเปิดนั้นต้องเลียนแบบจากช่องเปิดของบ้าน
ศาลพระภูมิ
ศาลพระภูมิรูปแบบทันสมัยที่ออกแบบให้รับกับตัวบ้าน มีการปลูกสับปะรดสีขนาบสองด้านของบันได สร้างสีสันให้มุมนี้ดูสดใสขึ้น
ศาลพระภูมิ
บริเวณศาลพระภูมิออกแบบให้กลมกลืนสอดคล้องกันตัวบ้านที่อิงสไตล์ยุโรป โดยทำเป็นบ่อปลาที่อิงแนวคิดฮวงจุ้ย  คือให้มีน้ำตกและลำธารอยู่ด้วยกัน พร้อมปรับมุมนี้ให้มีลูกเล่นโดยกรุผนังน้ำตกหินและติดหน้ากากสิงห์พ่นน้ำ เพิ่มกลิ่นอายของสวนแบบยุโรปด้วย

ตี่จู่เอี้ย

ใครเป็นลูกหลานชาวจีนคงจะคุ้นชินกับ “ตี่จู่เอี้ย” หรือศาลเจ้าที่ในบ้านเป็นอย่างดี เพราะถือเป็นของสำคัญที่จำเป็นต้องมีไว้คู่บ้านของครอบครัวชาวจีนเสมอ

รูปแบบของตี่จู่เอี้ย

ตี่จู่เอี้ยแบบดั้งเดิมจะมีลักษณะเหมือนศาลเจ้าขนาดจำลองและทาสีแดง ซึ่งคงจะดูเข้ากันดีกับบ้านของชาวจีนในสมัยก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นมาถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งบ้านที่อยู่อาศัยของเราได้รับอิทธิพลจากประเทศตะวันตก ตี่จู่เอี้ยแบบเดิมจึงดูค่อนข้างแปลกแยก

จริงๆแล้วตี่จู่เอี้ยไม่จำเป็นต้องทาสีแดง แต่จะเป็นสีอะไรก็ได้ที่เข้ากับบ้าน หรืออาจเลือกสีที่ถูกโฉลกกับเจ้าของบ้านก็ได้ อีกทั้งยังเลือกใช้วัสดุได้ตามต้องการ โดยอาจทำด้วยไม้ย้อมสีน้ำตาลเข้มหรือหินต่างๆ และสามารถเปลี่ยนรูปแบบให้รับกับสไตล์การตกแต่งบ้านได้

ส่วนองค์ประกอบภายในตี่จู่เอี้ยมักมีรูปปั้นองค์ตี่จู้ (มือถือไม้เท้าและก้อนทอง มีหนวดสีขาว) โคมไฟ แจกันดอกไม้หรือพวงมาลัย เทียนแดงขาไม้ และกระถางธูป ซึ่งองค์ประกอบที่กล่าวมาอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ยกเว้นเพียงกระถางธูปที่ขาดไม่ได้เท่านั้น

ตำแหน่งในการจัดตั้งตี่จู่เอี้ย

สำหรับตำแหน่งในการจัดตั้งศาลนั้นมักจะใช้หลักฮวงจุ้ย โดยเชื่อว่าตำแหน่งของศาลเจ้าที่ดีจะช่วยให้สมาชิกในบ้านอยู่กันอย่างสงบสุข สามารถพิจารณาตำแหน่งที่ตั้งศาลได้จากหลักดังต่อไปนี้

  • ต้องไม่เป็นมุมอับ ด้านหน้าของศาลจะต้องเปิดโล่ง ไม่มีสิ่งกีดขวาง
  • ต้องมีแสงสว่างพอสมควร ไม่มืดทึบ
  • ด้านหลังของศาลเจ้าที่ต้องอิงพนักพิงที่แข็งแรง เช่น ผนังบ้าน
  • ไม่ควรตั้งศาลเจ้าที่ให้ด้านหลังพิงผนังห้องน้ำหรือวางไว้หน้าประตูห้องน้ำ เพราะตามหลักฮวงจุ้ยถือว่าศาลเจ้าที่เป็นธาตุไฟ ส่วนห้องน้ำเป็นธาตุน้ำ ไม่ควรวางไว้ใกล้กัน
  • ไม่ควรตั้งตู้ปลาหรืออ่างน้ำอยู่ใกล้หรืออยู่เหนือศาลเจ้าที่
  • ไม่ควรตั้งศาลเจ้าที่ในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น ตั้งพิงผนังบันได  ศาลเจ้าที่ไม่จำเป็นต้องหันหน้าออกสู่หน้าบ้านเสมอ แต่ควรจะตั้งในทิศที่ส่งเสริมดวงชะตาของเจ้าของบ้าน
  •  ฐานที่ตั้งของศาลเจ้าที่ควรอยู่สูงกว่าพื้นถนน
ตี่จู่เอี้ย
สุดทางเดินเป็นตี่จู่เอี้ยที่ยังใช้ของดั้งเดิม แต่ทำแท่นวางใหม่ให้ดูสวยงาม และทาสีผนังใหม่ให้เข้ากันด้วย
ตี่จู่เอี้ย
ตี่จู่เอี้ยที่มีการลดทอนรายละเอียดให้ดูเรียบขึ้น แต่ยังไม่ทิ้งลักษณะเดิมไปเสียทีเดียว
ตี่จู่เอี้ย
ตี่จู่เอี้ยที่ออกแบบให้มีความทันสมัยโดยใช้กระจกฝ้าเป็นพื้นหลัง แต่ควรใช้กระจกที่มีความหนาเป็นพิเศษ และควรเป็นกระจกนิรภัยที่ไม่เป็นอันตรายเวลาแตก
ตี่จู่เอี้ย
ตี่จู่เอี้ยเป็นศาลประจำบ้านสำหรับเคารพบูชาของคนไทยเชื้อสายจีนที่มักจะหาที่ตั้งได้ไม่ลงตัวหรือขัดกับสไตล์การตกแต่งบ้านยุคใหม่เสมอ แต่ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการทำช่องไว้ใต้เคาน์เตอร์ที่ทั้งสีและดีไซน์กลมกลืนไปกับส่วนบิลท์อินของบ้านให้ดูเรียบร้อย
ตี่จู่เอี้ย
ช่องระหว่างชั้นวางของตรงนี้อยู่ตรงกับประตูทางเข้าห้อง จึงใช้เป็นที่วางตี่จู่เอี้ยได้อย่างพอเหมาะ

แก้ปัญหาเสามุมบ้านด้วยการปิดเสาและหุ้มผนัง โดยใช้ด้านหน้าเป็นที่วางตี่จู่เอี้ยดีไซน์โมเดิร์น ส่วนด้านหลังทำเป็นที่จัดเก็บอุปกรณ์เครื่องไหว้ สร้างความเป็นระเบียบในการจัดเก็บ

เรื่อง: สุพจน์, ภัทรสิริ อภิชิต

ภาพ : คลังภาพบ้านและสวน นิตยสาร room และ my home

ข้อควรรู้ก่อนตั้งศาลพระภูมิ

ข้อควรรู้การทำบุญบ้านใหม่แบบละเอียด!

7 ไอเดียทำหิ้งพระติดผนัง กราบไหว้ได้แม้ไร้ห้องพระ

The post ไอเดียออกแบบ “ศาลพระภูมิ” และ “ตี่จู่เอี้ย” ให้เข้ากับดีไซน์ของบ้าน appeared first on บ้านและสวน.

Prague Design Week 2020 นวัตกรรมความคิดที่ผลักดันแนวทางการออกแบบอย่างยั่งยืน

$
0
0

Prague Design week 2020 คืองานแสดงงานออกแบบซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปราก เมืองหลวงที่สุดแสนโรมแมนติกใจกลางยุโรป เป็นเวลา 7 วันเต็มๆ โดยคอนเซ็ปของการจัดงานและการคัดเลือกนักออกแบบในปีนี้ นอกจากจะเน้นการออกแบบที่ร่วมสมัยและสามารถใช้งานได้จริงแล้ว ยังเน้นการนำเสนอทักษะด้านงานฝีมือ และไอเดียนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดจากการพัฒนาของเทคโนโลยี พร้อมเรื่องราวแนวคิดของแบรนด์ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปลายทางของผลิตภัณฑ์เลยทีเดียว ในวันนี้เราได้คัดสรรค์งานออกแบบสไตล์รักษ์โลก ที่มีความโดดเด่นทางนวัตกรรมด้านความคิดมาฝากกันถึง 4 งานด้วยกัน

https://youtu.be/7G5taGkSAp0


“ เมื่อฝูงผึ้ง..กลายเป็นนักออกแบบจำเป็นของแบรนด์ Beehive ”

Seibert Eduard นักออกแบบผู้มีวิถีชีวิตอยู่กับธรรมชาติและป่าเขาลำเนาไพร เกิดไอเดียเด็ดในการทำงานกับ “ผึ้ง” ใช่ค่ะ..เรากำลังพูดถึงผึ้ง! แมลงสีเหลือง-ดำปีกใสสุดน่ารัก ที่เป็นฮีโร่ในการออกแบบและสร้างสรรค์ colloection โคมไฟและเทียนไข รูปแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟในครั้งนี้ โดยขั้นตอนการสร้างสรรค์งานศิลปะจากผึ้งชิ้นนี้ Seibert Eduard เล่าว่า เขาเป็นผู้ริเริ่มทำโมลด์นวัตกรรม ที่มีส่วนผสมพิเศษ สามารถส่งกลิ่นหอม เย้ายวนให้ฝูงผึ้งเริ่มบินมาทำรัง และด้วยความสามัคคีของเหล่าผึ้งนี้เอง ทำให้รังเริ่มใหญ่ขึ้นและมีรูปร่างที่สวยงามแตกต่างกันไปจนเกิดเป็นผลงานชิ้นเอกในคอลเล็คชันนี้ขึ้น นอกจากนี้รายได้บางส่วนที่เกิดจากการจำหน่ายผลงานคอลเล็คชันนี้ ยังถูกส่งกลับไปสนับสนุนกลุ่มคนเลี้ยงผึ้งในชุมชนเพื่อพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนของพื้นที่อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงระบบนิเวศอย่างครบวงจรอย่างแท้จริง

“ Tomas Holub เครื่องประดับมินิมอลจากขยะอลูมิเนียม ”

คอลเล็คชันเครื่องประดับสไตล์มินิมอลเหล่านี้ หากเราไม่พูดคุยกับนักออกแบบ หรืออ่านเรื่องราวของแบรนด์ คงไม่มีใครดูออกเลยว่า ความเรียบหรูดูดีเหล่านี้ ล้วนทำมาจาก “ขยะอลูมิเนียม” ทั้งสิ้น Tomas Holub นักออกแบบชาวเช็ก ได้หยิบเอาขยะอลูมิเนียมตามโรงงานต่างๆ มาดัดแปลง ตัดต่อ ทำสีใหม่จนเกิดเป็นเครื่องประดับสุดเก๋ ไม่เหมือนใคร และที่สำคัญคือเขาได้ลบภาพของขยะที่ไร้ค่าออกไปได้อย่างราบคาบ ด้วยความสามารถทางการออกแบบและฝีมือการผลิตที่สุดแสนจะเนี๊ยบพร้อมให้เราได้เลือกใช้มิกซ์แอนด์แมชกันอย่างสนุกสนาน

“ เมื่อที่บ้านทำธุรกิจ แต่เราอยากเป็นดีไซน์เนอร์ แบรนด์ Vinna เครื่องประดับจากต้นองุ่นจึงเกิดขึ้น ”

Silvie Hruskova นักออกแบบสาว เกิดและเติบโตในครอบครัวที่ทำธุรกิจไร่องุ่นและผลิตไวน์ เกิดไอเดียหยิบต้นองุ่นที่หมดอายุ และไม่สามารถผลิตองุ่นเพื่อใช้ทำไวน์ได้แล้ว มาเพิ่มมูลค่าด้วยการออกแบบและความชำนาญด้านงานฝีมือจนกลายเป็นแบรนด์ Vinna เครื่องประดับไม้สุดยูนีคที่สามารถส่งต่อเสน่ของไม้องุ่น และความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้แก่ผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งตัวอย่างของนักออกแบบ ที่มองเห็นโอกาสจากสิ่งใกล้ตัวและนำมาต่อยอดด้วยไอเดียสร้างสรรค์ได้อย่างน่าชื่นชม

“ โอกาสของนักออกแบบ ที่อาจหาได้ในห้องทดลอง ”

ใครบอกว่าด็อกเตอร์ ทำงานออกแบบไม่ได้ ต้องขอเถียงสุดเสียงเลยค่ะ เพราะ Jaroslava Frajova นักเรียนปริญญาเอกผู้นี้ ได้ทำการคิดค้นเส้นใยกันน้ำแบบพิเศษ วัสดุใหม่แห่งวงการ textile ที่ทำจากขยะขวดพลาสติก ประกอบกับการทดลองกับวัสดุเหลือใช้อื่นๆ ทำให้เกิดเส้นใยนวัตกรรมคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสชั้นดีสำหรับนักออกแบบ ในการต่อยอดให้เกิดเป็นสินค้านวัตกรรมใหม่ขึ้นได้

จะเห็นได้ว่าใน Prague Design Week 2020 ในครั้งนี้ได้มีการนำเสนอไอเดียเรื่องรางของสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมด้านความคิดที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนำขยะมาเพิ่มมูลค่า การทำงานร่วมกับแมลงเพื่อพัฒนาระบบนิเวศอย่างยั่งยืน หรือแม้กระทั่งการออกแบบที่เกิดจากขยะของธุรกิจครอบครัว ซึ่งทำให้สะท้อนแนวโน้มด้านการออกบบและการเลือกใช้สินค้าในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนเริ่มหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อนำไปสู่แนวทางการใช้ชีวิต และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

เรื่องและภาพ โดย อรกานต์ สายะตานันท์ ( กานต์ ) Prasobkarn.design@gmail.com

The post Prague Design Week 2020 นวัตกรรมความคิดที่ผลักดันแนวทางการออกแบบอย่างยั่งยืน appeared first on บ้านและสวน.

รวมเทมเพลตปฏิทิน 2021/2564 หลากสไตล์ พร้อมโหลดใช้งาน !

$
0
0

เมื่อปีใหม่ใกล้เข้ามาก็ได้เวลาเตรียมตัวหาปฏิทินเล่มใหม่ไว้ใช้ในปี 2021 (2564)  กันแล้วค่ะ และถ้าหากอยากบอกลาปฏิทินเชย ๆ แบบเก่า ก็ลองหันมาใช้ปฏิทินที่ตรงสไตล์มากขึ้นจากเทมเพลตหลากดีไซน์ พร้อมให้เลือกและโหลดไปพริ้นท์พร้อมใช้ได้เองอย่างง่าย ๆ กันค่ะ ปฏิทิน2021

ปีนี้ my home คัดเอาเทมเพลตของ ปฏิทิน2021 พร้อมลิงก์สำหรับดาวน์โหลดมาฝากกันแบบไม่อั้น หลากหลายสไตล์ ตอบโจทย์ทุกความชอบ รับรองว่าถูกอกถูกใจอย่างแน่นอนค่ะ

 

1 . ปฏิทินเหล่าพรรณไม้ในโทนสดใส

ต้อนรับปีใหม่ที่วนมาอีกครั้งด้วยการเพิ่มความมีชีวิตชีวา ให้มุมห้อง และโต๊ะทำงานด้วยภาพวาดสีน้ำของเหล่าดอกไม้ และพืชพรรณต่าง ๆ ที่ชวนให้มองทุกครั้ง ปฏิทินสไตล์นี้ต้องโดนใจสาว ๆ หลายคนแน่นอน ไม่ว่าจะชอบความสดใสของดอกไม้ หรือ อยากได้สีเขียวสบายตาให้เข้ากับมุมไม้ประดับในบ้าน ก็มีให้เลือกทั้ง 2 แบบเลยค่ะ ลองเลือกลายที่ถูกใจและคลิกเข้าไปดาวน์โหลดได้เลยนะคะ

ดาวน์โหลดแบบที่ 1 Click

ดาวน์โหลดปฏิทิน ปฏิทิน2021 ปฏิทินฟรี ปฏิทินน่ารัก แบบปฏิทิน

ดาวน์โหลดแบบที่ 2 Click

ดาวน์โหลดปฏิทิน ปฏิทิน2021 ปฏิทินฟรี ปฏิทินน่ารัก แบบปฏิทิน

ดาวน์โหลดแบบที่ 3 Click

ดาวน์โหลดปฏิทิน ปฏิทิน2021 ปฏิทินฟรี ปฏิทินน่ารัก แบบปฏิทิน

ดาวน์โหลดแบบที่ 4 Click

ดาวน์โหลดปฏิทิน ปฏิทิน2021 ปฏิทินฟรี ปฏิทินน่ารัก แบบปฏิทิน

ดาวน์โหลดแบบที่ 5 Click

 

2.ปฏิทินลายดอกไม้ในสไตล์หวาน ๆ

เปลี่ยนโทนมาเอาใจคนรักลายเส้นและความอ่อนโยนของดอกไม้ในสไตล์หวาน ๆ ด้วยเทมเพลตปฏิทินในโทนสีละมุนที่ช่วยให้รู้สึงสงบและสบายตา ที่สำคัญยังลงตัวกับทุกสไตล์การแต่งห้องของสาว ๆ ยิ่งถ้านำไปใส่กรอบและวางไว้คู่แจกันดอกไม้ในห้องก็ยิ่งเข้ากันสุด ๆ ค่ะ

ดาวน์โหลดแบบที่ 1 Click

ดาวน์โหลดแบบที่ 2 Click

ดาวน์โหลดปฏิทิน ปฏิทิน2021 ปฏิทินฟรี ปฏิทินน่ารัก แบบปฏิทิน

ดาวน์โหลดแบบที่ 3 Click

ดาวน์โหลดปฏิทิน ปฏิทิน2021 ปฏิทินฟรี ปฏิทินน่ารัก แบบปฏิทิน

ดาวน์โหลดแบบที่ 4 Click

ดาวน์โหลดปฏิทิน ปฏิทิน2021 ปฏิทินฟรี ปฏิทินน่ารัก แบบปฏิทิน

ดาวน์โหลดแบบที่ 5 Click

 

3 . ปฏิทินสุดเรียบง่ายสไตล์มินิมอล

สำหรับสายลุยงานที่ต้องการฟังก์ชันเน้น ๆ ขอแบบชัด ๆ พร้อมพื้นที่ในการลงตารางนัดหมายและโน้ตต่าง ๆ นั้น ก็ขอแนะนำเป็นปฏิทินในสไตล์มินิมอลเลยค่ะ รับรองว่าไม่มีสีสันหรือลวดลายมากวนใจและมีที่วางพร้อมให้จดสารพัดอย่างลงไปได้เต็มที่แน่นอน ครั้งนี้นำมาฝากกันทั้งแบบมีพื้นที่จดโน้ตและแบบตารางให้ใช้งานง่ายด้วย

ดาวน์โหลดแบบที่ 1 Click

ดาวน์โหลดแบบที่ 2 Click

ดาวน์โหลดปฏิทิน ปฏิทิน2021 ปฏิทินฟรี ปฏิทินน่ารัก แบบปฏิทิน

ดาวน์โหลดแบบที่ 3 Click

ดาวน์โหลดปฏิทิน ปฏิทิน2021 ปฏิทินฟรี ปฏิทินน่ารัก แบบปฏิทิน

ดาวน์โหลดแบบที่ 4 Click

ดาวน์โหลดปฏิทิน ปฏิทิน2021 ปฏิทินฟรี ปฏิทินน่ารัก แบบปฏิทิน

ดาวน์โหลดแบบที่ 5 Click 

 

4 . ปฏิทินลายเส้นสุดอาร์ตในโทนขาวดำ

ใครที่ชอบความเรียบหรูดูมีสไตล์ การเลือกใช้ปฏิทินที่มีลวดลายขาวดำก็เป็นอีกตัวเลือกที่เข้าท่าเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นห้องสไตล์โมเดิร์นในโนสีไหนก็นำไปตั้งให้ลงตัวได้ไม่ยาก ด้วยโทนสีที่เรียบง่ายและมีการแทรกรายละเอียดน่ารัก ๆ เอาไว้ ทำจะนำไปใช้บนโต๊ะทำงานหรือไว้ในบ้านก็ได้เลยค่ะ

ดาวน์โหลดแบบที่ 1 Click

ดาวน์โหลดแบบที่ 2 Click

ดาวน์โหลดปฏิทิน ปฏิทิน2021 ปฏิทินฟรี ปฏิทินน่ารัก แบบปฏิทิน

ดาวน์โหลดแบบที่ 3 Click

ดาวน์โหลดปฏิทิน ปฏิทิน2021 ปฏิทินฟรี ปฏิทินน่ารัก แบบปฏิทิน

ดาวน์โหลดแบบที่ 4 Click

ดาวน์โหลดปฏิทิน ปฏิทิน2021 ปฏิทินฟรี ปฏิทินน่ารัก แบบปฏิทิน

ดาวน์โหลดแบบที่ 5 Click

The post รวมเทมเพลตปฏิทิน 2021/2564 หลากสไตล์ พร้อมโหลดใช้งาน ! appeared first on บ้านและสวน.


หลังคารั่ว หรือไม่ รู้ได้ก่อที่น่าจะเกิดปัญหาแน่ บ้านสร้างใหม่ บ้านมือสอง ส่องหลังคาก่อนซื้อ แก้ก่อนบรรลัยปัญหารั่วซ้ำซาก นจากการสังเกตอาการ

$
0
0

หลังคารั่ว เป็นปัญหา่ที่ส่งผลไปยังส่วนอื่นๆเป็นอย่างมาก ซึ่งบ่อยครั้งปัญหาเหล่านี้มักจะส่งอาการหรือมีท่าทีที่จะเกิดปัญหามาแล้วตั้งแต่แรก ไม่ว่าบ้านสร้างใหม่ บ้านมือสอง มาดูวิธีส่องหลังคาก่อนซื้อกันดีกว่า เพื่อป้องกันปัญหารั่วซ้ำซากที่อาจเกิดขึ้น

อ่าการที่ 1 รอยต่อสันหลังคาดูไม่เรียบร้อย ไม่แนบสนิท เกิดจากการติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างกระเบื้องหลังคาในบริเวณครอบแนวสันและตะเข้สันทำให้น้ำสามารถย้อนกลับเข้าไปใต้หลังคาได้ ซึ่งถ้าหากว่าในจุดนี้ดูไม่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าวันแรกๆจะไม่มีปัญหา แต่อายุการใช้งานก็จะไม่ยาวอย่างแน่นอน

อาการที่ 2 หลังคาแอ่นเพราะโครงสร้างไม่ได้มาตรฐาน สังเกตได้จากลักษณะโค้งแอ่นท้องช้างของผืนหลังคา เป็นเพราะการติดตั้งโครงหลังคาไม่ได้ระดับ หรือโครงสร้างรับน้ำหนักแผ่นกระเบื้องไม่ได้ เป็นผลให้ผืนหลังคาไม่เป็นระนาบเดียวกัน อันจะนำมาซึ่งปัญหาการรั่วซึมได้ในที่สุด

อาการที่ 3 กระเบื้องหลังคาไม่ต่อเนื่องเป็นแนวเดียวกัน กระเบื้องหลังคาโย้ไปโย้มาไม่เป็นแนวเดียวกัน เกิดจากการติดตั้งหลังคาที่ไม่ได้มาตรฐาน และการติดตั้งแปหลังคาที่ไม่เท่ากัน เมื่อมุงกระเบื้องลงไปจึงทำให้กระเบื้องหลังคาไม่ต่อเนื่องเป็นแนวเดียวกัน อาการนี้ก็จะนำมาซึ่งปัญหาการรั่วซึมได้เช่นกัน

อาการที่ 4 รอยสกรูดูไม่เรียบร้อย บ้างก็สึกกร่อน บ้างก็ขึ้นสนิม หรือมีรอยแตกร้าวที่กระเบื้องหลังคา อาการเหล่านี้นานวันไปจะกลายเป็นจุดให้เกิดการรั่วซึมได้ จากจุดเล็กๆก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในที่สุด

อาการที่ 5 รอยต่อหลังคากับผนังดูไม่เรียบร้อย ทั้งรอยต่อกระเบื้องชนผนังแบบมีทับหลังและไม่มีหรือแบบเป็นปีกคสล. ถ้ามีรอยร้าวหรือช่องว่างก็จะทำให้น้ำรั่วเข้าไปในผนังหรือใต้ผืนหลังคาได้ ซึ่งจะลุกลามต่อได้ในที่สุด

มองให้ครบ จบไม่เกิดปัญหา และนี่ก็คือ 5 จุดที่ควรมองหาถ้าไม่อยากเกิดปัญหาซ้ำซ้อนกับเรื่องรั่วซึมของผืนหลังคา


เรื่อง และ ภาพ วุฒิกร สุทธิอาภา

The post หลังคารั่ว หรือไม่ รู้ได้ก่อที่น่าจะเกิดปัญหาแน่ บ้านสร้างใหม่ บ้านมือสอง ส่องหลังคาก่อนซื้อ แก้ก่อนบรรลัยปัญหารั่วซ้ำซาก นจากการสังเกตอาการ appeared first on บ้านและสวน.

รู้จักการปลูกบอนสี ต้นไม้ที่กำลังมาแรงและสามารถปลูกในบ้านได้

$
0
0

การปลูกไม้ใบในบ้านรวมถึงปลูกในกระถางประดับตามมุมต่างๆของสวนกลายเป็นเรื่องฮิตจนหลายคนหันมาปลูกเลี้ยงไม้ประดับกันมากขึ้น มีการตามหาไม้ใบสวยหลากหลายรูปแบบเพื่อให้ได้มาครอบครอง หนึ่งในนั้นคือ“บอนสี” ซึ่งคนไทยรู้จักและปลูกเลี้ยงกันมานาน มีการพัฒนาสายพันธุ์จนเกิดลูกผสมใหม่ๆ และได้รับยกย่องว่าเป็น“ราชินีแห่งไม้ใบ”

พิ้งคิ์บิวตี้ Caladium ‘PinkBeauty

บอนสีที่นิยมปลูกกันทั่วไปอยู่ในสกุลคาลาเดียม(Caladium) วงศ์Araceae เป็นพืชที่มีหัวสะสมอาหารใต้ดินคล้ายหัวมันฝรั่งทุกส่วนอวบน้ํา ใบมีหลายขนาดและหลายรูปทรง ทั้งรูปหัวใจ รูปหอก รูปกลมหรือรีและรูปแถบ มีสีสันลวดลายสวยงามแตกต่างกันทั้งสีแดง ชมพู เหลือง เขียว ขาว ก้านใบกลมมีทั้งสั้นและยาว ช่อดอกเป็นช่อเชิงลดมีกาบ ปลีดอกมีดอกเพศผู้และดอกเพศเมียที่สมบูรณ์ บานช่วงเย็นและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ

อิเหนา หรือ Angel Wing Caladium ‘Candidum’

 

โดยธรรมชาติแล้วบอนสีเป็นไม้ใบที่ต้องการความชื้นสูง มีแสงแดดรําไร ไม่ร้อนจัด และมักพักตัวในช่วงฤดูหนาวโดยทิ้งใบเหลือแต่หัวอยู่ใต้ดิน จนเข้าสู่ฤดูฝนจึงผลิใบใหม่เติบโตอีกครั้ง จึงมีการพัฒนาการปลูกเลี้ยงในตู้หรือกระโจมเพื่อรักษาความชื้นและอุณหภูมิให้คงที่ป้องกันลมโกรก ทําให้ชะลอการพักตัวได้ ต้นก็จะสวยตลอดปี ซึ่งปัจจุบันมีหลายชนิดและพันธุ์ที่นิยมปลูกเลี้ยงกัน

ฮกหลง หรือ อาจารย์ฮกหลง Caladium ‘ThaiBeauty’

 

สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกเลี้ยงบอนสีในบ้าน ควรเลือกสายพันธุ์ที่ทนทาน วางกระถางไว้ในตําแหน่งที่มีแสงค่อนข้างมาก ไม่ควรอยู่ในห้องปรับอากาศที่เย็นเกินไป เพราะต้นจะพักตัวทิ้งใบหมด หมั่นหมุนกระถางอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ต้นเอนหาแสง และนําออกไปรับแสงและอากาศนอกบ้านทุกสัปดาห์ต้นก็จะเติบโตได้ปกติ หากบอนสีพักตัวทิ้งใบควรงดให้น้ํา นํากระถางไปวางนอกบ้านที่มีอุณหภูมิสูงกว่าในบ้านและมีแสงส่องมากขึ้น รอจนผลิใบใหม่และแข็งแรงจึงนําไปประดับมุมบ้านอีกครั้ง

โพสต์แมนจอยเนอร์  Caladium ‘PostmanJoyner’


เรื่อง: อังกาบดอย

ภาพ: อภิรักษ์ สุขสัย

 

รวม 9 ต้นไม้ที่มีใบลายด่าง และไม้ใบด่างราคาถูก

จัดอันดับ “ต้นไม้ในบ้านปลูกยาก ปลูกง่าย”

ต้นไม้สายฮิป ถ่ายยังไงก็ดูฮิปสเตอร์

 

The post รู้จักการปลูกบอนสี ต้นไม้ที่กำลังมาแรงและสามารถปลูกในบ้านได้ appeared first on บ้านและสวน.

รีโนเวทบ้านชั้นเดียว ให้สวยเหมือนใหม่ ในสไตล์วิลล่า

$
0
0

บ้านชั้นเดียวอายุราว 35 ปี ถูกพบโดยบังเอิญ ตอนที่ขับรถผ่าน เมื่อบ้านประกาศขาย จึงตกลงปลงใจซื้อ โดยตั้งใจว่า จะนำมารีโนเวทเอง ใช้เวลาถึง 1 ปีก่อนจะออกมาเป็นบ้านหลังนี้ ที่ปรับเปลี่ยน layout ใหม่ทั้งหมด มาดูกันว่าการ รีโนเวท บ้านชั้นเดียว ให้ตรงใจ เรียบหรูอยู่สบาย จะน่าสนใจขนาดไหน

รีโนเวท บ้านชั้นเดียว บ้านสีขาว บ้านมือสอง

 

รีโนเวท บ้านชั้นเดียว บ้านสีขาว บ้านมือสอง

เมื่อต้องมองหาบ้านเพื่ออยู่อาศัย ไม่ใช่เพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่ยาวนานหลายสิบปี คอนโดดูจะเล็กเกินไป สำหรับครอบครัวที่มีเจ้าตัวน้อยในวัยกำลังซน บ้านในกรุงเทพก็ดูจะไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆที่มีในใจ การวางแผนให้รอบด้าน ครอบคลุมและตอบโจทย์ในทุกด้านของชีวิต ทำให้เจ้าของบ้านในวันนี้ หันกลับมามองบ้านเกิด พัทยานาเกลือ ก็ดูเหมือนว่า ทุกอย่างจะเป็นใจให้ลงหลักปักฐานที่บ้านหลังนี้ บ้านชั้นเดียวบนพื้นที่ 114 ตารางวา อายุบ้านราว 35 ปี ตัวบ้านขนาด 150 ตารางเมตร ทำให้เหลือพื้นที่รอบบ้าน พอที่จะมีสวนขนาดเล็กและที่จอดรถ 2 คัน ได้สบายๆ เจ้าของบ้านในวันนี้ คุณวิรุฬห์ กุลตัณฑ์ ช่างภาพอิสระ wirunkultan คุณหนึ่ง-วรางคณา ยอดบุญมา ทั้งคู่จบด้านสถาปัตภายใน จึงได้โอกาสปัดฝุ่นลงมือ รีโนเวท บ้านชั้นเดียว ของตัวเองอีกครั้ง และ น้องมาร์เต็ม -เวลา กุลตัณฑ์ เจ้าของบ้านตัวจริง มาช่วยกันบอกเล่า ที่มาที่ไปของบ้านหลังนี้ “มาเจอบ้านหลังนี้แบบไม่ได้ตั้งใจ เราขับรถผ่านแถวนี้เป็นประจำ เพราะมีบ้านเพื่อนสนิทอยู่ในซอยนี้ พอวันที่ตัดสินใจว่าจะซื้อบ้านที่พัทยา ก็มาเจอบ้านหลังนี้ประกาศขายอยู่ คิดว่าบ้านนี้แหละ ราคานี้เราซื้อไหว เดี๋ยวเรารีโนเวทต่อเองได้”

บ้านหลังนี้ใช้เวลารีโนเวท 1 ปี แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยคุณหนึ่ง เป็นคนออกแบบเองทั้งหมด เรียกว่าได้เอาวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมา ทางด้านอินทีเรีย กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง  “เริ่มด้วยการ แบ่งโซนการใช้งาน วาง layout ใหม่ทั้งหมด ซึ่งบ้านนี้จะมีเพื่อนแวะเวียนมาเกือบทุกวัน จึงแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วน public กับ private เวลาที่เพื่อนมา เค้าก็สามารถใช้ส่วน ห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว และ ห้องน้ำ ได้สะดวก โดยเราก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวในโซนของเรา” เป็นการวางแผนตามการใช้งาน ตั้งแต่เริ่มต้นได้อย่างชัดเจน

รีโนเวท บ้านชั้นเดียว บ้านสีขาว บ้านมือสอง

 

คอร์ทกลางบ้าน เปิดช่องว่างบนหลังคา เพื่อให้แสงแดดส่องลงมา ถือว่าเป็นไฮไลท์ของบ้านหลังนี้ “เราเข้ามาดูบ้าน วันที่ช่างรื้อหลังคาตรงนี้ออก แล้วเกิดเป็นช่องแสงลงมาพอดี รู้สึกว่ามันทำให้บ้านโปร่ง เลยยอมเสียพื้นที่ตรงนี้เพื่อทำเป็นคอร์ทกลางบ้าน ส่วนหลังคา เปลี่ยนโครงสร้างใหม่ เพื่อความแข็งแรง และ ใช้ไม้โครงหลังคามาทำพื้นคอร์ทกลางบ้าน เมื่อรื้อผนังเดิมภายในบ้านออกหมด เหลือแต่โครงผนังด้านนอก ทำให้เราเห็นตำแหน่งเสาได้ชัดเจน จึงแบ่งพื้นที่ใหม่ ตามระยะเสาเดิม ช่วงที่ทำไม่ค่อยได้เข้ามาดู เพราะติดงานอยู่ที่กรุงเทพ ก็ได้เพื่อนสนิท “ทีมเชษฐ์” ที่เป็นผู้รับเหมา และ ODD AND SONS ที่ดูแลงานเฟอร์นิเจอร์ และ งานไม้ เข้ามาช่วยดูแล คอยถ่ายรูปอัพเดทส่งให้ตลอด ด้วยความที่เราก็ไม่ได้เร่งอะไรเค้า ช่างก็ค่อยๆทำไป ใช้เวลาหนึ่งปี พอบ้านเสร็จ บิลท์อินเสร็จเรียบร้อย มาเจอกับช่วงโควิด-19 พอดี ก็เลยได้ฤกษ์ย้ายเข้ามาอยู่บ้านนี้ยาวๆเลย”

รีโนเวท บ้านชั้นเดียว บ้านสีขาว บ้านมือสอง

 

รีโนเวท บ้านชั้นเดียว บ้านสีขาว บ้านมือสอง

รีโนเวท บ้านชั้นเดียว บ้านสีขาว บ้านมือสอง

บ้านหลังนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ในบางครั้ง ถ้ามีฝนตกหนักๆ ยังมีความเป็นไปได้ที่อาจะเกิดน้ำท่วมขังสูงระดับเข่าได้ ทำให้เจ้าของบ้าน วางแผนป้องกันความเสียหายเอาไว้ล่วงหน้าอีกด้วย “เฟอร์นิเจอร์บิลท์อินทุกชิ้นในบ้าน ออกแบบให้อยู่สูงเหนือพื้นขึ้นไป 40 ซม ปลั๊กอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นไปเช่นกัน ที่เหลือใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวทั้งหมด พื้นเลาะกระเบื้องเดิมออก เห็นเป็นรอยปูนของลายของกระเบื้องเก่า ที่ดูน่าสนใจ จึงเก็บรอยกระเบื้องเอาไว้ และ ทาสีอีพ็อกซี่ เคลือบเพื่อความสวยงาม อย่างที่เห็นว่า ในบ้านนี้แทบจะไม่มีส่วนที่ใช้วัสดุปิดผิวเลย เพื่อลดปัญหาถ้าเกิดน้ำท่วมในอนาคต”

รีโนเวท บ้านชั้นเดียว บ้านสีขาว บ้านมือสอง

รีโนเวท บ้านชั้นเดียว บ้านสีขาว บ้านมือสอง

รีโนเวท บ้านชั้นเดียว บ้านสีขาว บ้านมือสอง

บ้านใช้โทนสีขาว และ ไม้เป็นหลักดูเรียบโล่งสะอาดตา ของตกแต่งมีให้เห็นในปริมาณที่พอเหมาะ และ เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวหลายๆชิ้น ต่างเป็นของที่มีอยู่แล้วนำมาจากบ้านหลังเก่า และ คอนโด “ บ้านหลังนี้เป็นหลังที่สองในชีวิต ระยะเวลาห่างกัน 7 ปี สไตล์เราก็เปลี่ยนไป จากแต่ก่อนถ้าอยากได้อะไร ก็จะต้องทำให้ได้ ไปสั่งช่างให้ทำให้ได้ พอมาบ้านหลังนี้ ตอนออกแบบก็คุยกันว่า อยากได้บ้านแบบชิล ๆ สบาย ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเวลาไปเที่ยว เราชอบอยู่พูลวิลล่า มีห้องนอน ห้องนั่งเล่น สระน้ำ เรียบ ๆ โล่ง ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องมีพื้นที่อะไรมากมาย เลยใช้แนวคิดแบบวิลล่ามาใส่ไว้ที่บ้าน มีห้องนอน ห้องกินข้าว มีพื้นที่ให้มาร์เต็มวิ่งเล่น พอโตขึ้น เรื่องความสบายเริ่มสำคัญมากกว่าความเท่ พอมาอยู่ตรงนี้ทุกคนมีพื้นที่ของตัวเอง มาร์เต็มมีพื้นที่วิ่งเล่น หนึ่งอยู่ในห้องครัวทำขนม เราอยู่ห้องนั่งเล่น ต่อเลโก้กับลูก ทนาย(น้องหมา)ก็ไม่ต้องถูกล่ามอีกต่อไป ไม่ว่าใครอยู่มุมไหนของบ้านก็มองเห็นกันได้ แค่นี้ก็พอแล้ว ”

 

เจ้าของบ้าน :  คุณวิรุฬห์ กุลตัณฑ์, คุณวรางคณา ยอดบุญมา (หนึ่ง) และ น้องเวลา กุลตัณฑ์ (มาร์เต็ม)

ออกแบบ : คุณวรางคณา ยอดบุญมา และ คุณวิรุฬห์ กุลตัณฑ์

เรื่อง : jOhe

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข, วิรุฬห์ กุลตัณฑ์

สไตล์ :  วรวัฒน์ ตุลยทิพย์


แปลงโฉมบ้านเก่าล้าสมัย ให้กลายเป็นบ้านสีขาวแสนน่าอยู่

บ้านและสวนฉบับพิเศษ Heaven on Earth รวมไอเดียบ้านชั้นเดียว

บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัลพร้อมคอร์ตโปร่งกลางบ้าน

The post รีโนเวทบ้านชั้นเดียว ให้สวยเหมือนใหม่ ในสไตล์วิลล่า appeared first on บ้านและสวน.

รวม วัสดุหลังคา น่าใช้พร้อมราคา

$
0
0

ปัจจุบัน วัสดุหลังคา มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ โดยเเต่ละประเภทก็มีความสัมพันธ์ต่อรูปทรง น้ำหนัก และองศาความลาดเอียงของหลังคาบ้าน ทั้งนี้การตัดสินใจจะเลือกวัสดุมุงหลังคาชนิดใดมาใช้ ให้ดูเรื่องความสามารถในการป้องกันตัวบ้านจากแสงแดด ลมฝน รวมถึงอายุการใช้งาน วันนี้เรามี วัสดุหลังคา ที่น่าสนใจหลายชนิดมาแนะนำกัน แต่ละแบบมีข้อดี ข้อด้อย แตกต่างกันไป เราไปทำความรู้จักพร้อมๆกันดีกว่า

 

1.กระเบื้องหลังคาคอนกรีต พรีเมี่ยมคัลเลอร์ทรู by Legend Lifetile

มีจุดเด่นคือ สามารถผลิตสีตามสั่งหรือตามจินตนาการได้เอง โดยมีรูปแบบหลังคาให้เลือกถึง 6 รูปแบบ อีกทั้งยังเลือกเทคนิคการเพิ่มลวดลายบนผิวหน้าของกระเบื้องได้ อาทิ Antiques , Flashing และ Blending เป็นต้น เพื่อเพิ่มเอกลักษณ์ความโดดเด่นเป็นธรรมชาติให้กับงานสถาปัตยกรรม นอกจากนี้ยังเลือกใช้สารเคลือบผิวอะคริลิกสูตรน้ำ (Water-based Acrylic Sealer) เพื่อลดการก่อมลภาวะที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด

ราคา : เริ่มต้นที่ 500-800 บาทต่อตารางเมตร

www.legendlifetile.com

มิชชั่น เอส (Mission ‘S’) รูปแบบหลังคากลิ่นอายสถาปัตยกรรมตะวันตกในแบบของ Old Rustic world มีจุดเด่นอยู่ที่ความสูงของลอน ออกแบบมาให้สอดรับกับการทำงานของระบบ “หลังคาเย็น” โดยความสูงของลอนที่มากกว่าปกตินี้ จะทำให้มีพื้นที่ว่างใต้แผ่นกระเบื้องหลังคา ทำให้การระบายอากาศดียิ่งขึ้น

 

2.กระเบื้องหลังคาคอนกรีต เอสซีจี รุ่น นิวสไตล์ โมเดิร์น เอ็กซ์ชิลด์ ฮีทบล็อค

Neustile กระเบื้องคอนกรีตมุงหลังคาแบบเรียบ ขนาด 40 × 40 เซนติเมตร นอกจากจะช่วยให้ผืนหลังคาดูบางเฉียบและดูสวยอย่างมีดีไซน์ เหมาะกับบ้านพักอาศัยที่มีรูปลักษณ์ทันสมัยแล้ว ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี X-Shield Heatblock ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสะท้อนรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้ดีกว่าสูตรเดิม 3.5 เท่า ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน จึงทำให้ประหยัดค่าไฟจากเครื่องปรับอากาศสูงสุด 15 เปอร์เซ็นต์ และสีสวยทนนานกว่าเดิม 3 เท่า

ราคา : เริ่มต้นที่ 700 – 1,200 บาทต่อตารางเมตร

www.scgbuildingmaterials.com

 

วัสดุหลังคา

 

3.กระเบื้องหลังคาเพชรคู่และมนคู่ CECRETE

กระเบื้องคอนกรีตที่นำอัตลักษณ์ดั้งเดิมของกระเบื้องหางเหยี่ยวและเกล็ดปลามาบูรณาการใหม่ โดยนำแผ่นกระเบื้องมาเชื่อมต่อกัน (2 in 1) ทำให้มีความกว้างเป็น 30 เซนติเมตร ส่วนความยาวก็เพิ่มขึ้นเป็น 38 เซนติเมตร ทำให้ระยะทับซ้อนของกระเบื้องสั้นลง และจำนวนกระเบื้องที่ใช้ต่อตารางเมตรก็ลดลงด้วย สามารถนำมามุงคละกันได้ รูปแบบหรือลวดลายของกระเบื้องจะเปลี่ยนตามระยะแปที่เปลี่ยนไป สอบถามราคาได้ที่ บริษัท สินพงศธร จำกัด

www.cecrete.co.th

วัสดุหลังคา

 

4.กระเบื้องหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์ “เฌอร่า ซีดาร์ เชค” (SHERA Zedar Shake)

ออกแบบสีสันและผิวหน้าให้เสมือนไม้สนซีดาร์ธรรมชาติ ให้ผิวสัมผัสและความรู้สึกเสมือนหลังคาไม้จริง ด้วยเทคโนโลยีผสมสีในเนื้อกระเบื้องเป็นโทนสีเปลือกไม้ จึงมีอายุการใช้งานยาวนานและดูแลรักษาง่ายกว่า มี 4 เฉดสี ให้เลือกใช้งาน ได้แก่ สีเหลือง แซนแต้ สีบราวน์ เชสนัท สีแบล็ค เวงเก้ และสีเมโทร เกรย์ สำหรับแผ่นกระเบื้องมีหน้ากว้าง 3 ขนาด เพื่อการจัดวางเป็นจังหวะธรรมชาติ การติดตั้งไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นรองใต้หลังคา (Sub-Roof Material) เพราะมีระบบ Inter-Lock ที่ช่วยป้องกันการรั่วซึม จึงไม่มีปัญหาเรื่องปลวกหรือแมลงกินไม้ มีความทนทาน ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา

ราคา : 1,200 บาทต่อตารางเมตร

www.shera.com

 

5.กระเบื้องหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์แผ่นเรียบ “เฌอร่า ยู สเลท” (SHERA U Slate)

ผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ ปราศจากใยหิน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดีไซน์รูปทรงเรียบง่ายทันสมัย ประกอบด้วย 4 สี คือ บริซซี่ ไอวอรี่, คาเนเลียน บราวน์, บรอนซ์ บราวน์ และไมก้า เกรย์

ราคา : 500 บาทต่อตารางเมตร

www.shera.com

 

6.แผ่นหลังคาไม้ซีดาร์

ไม้ซีดาร์เป็นไม้ธรรมชาตินำเข้าจากต่างประเทศ มีกลิ่นหอมอ่อนๆและมีน้ำหนักเบากว่าไม้สัก เพราะโครงสร้างของเนื้อไม้เป็นเซลลูโลส มีให้เลือกใช้งาน 2 รูปแบบคือ รุ่นผิวเรียบ และรุ่นผิวขรุขระดูเป็นธรรมชาติ การติดตั้งให้รองด้วยแผ่นไม้อัดทนความชื้นหรือแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ และปูแผ่นยางกันน้ำทับอีกชั้น ก่อนติดตั้งแผ่นไม้ควรทาน้ำยาป้องกันแมลงเคลือบอีกครั้ง เพื่อให้เนื้อไม้มีความทนทานขึ้น มีหลายเกรดและขนาด สอบถามราคาได้ที่ บริษัท คนสร้างบ้านโปรดักชั่น จำกัด

www.homebuilders.co.th

 

7.แผ่นหลังคาไฮบริด (Hybrid Roof)

ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาและข้อจำกัดของวัสดุมุงหลังคาประเภทอื่นๆ เช่น ปัญหาเรื่องความร้อน เสียงดัง การเป็นสนิมของหลังคาเมทัลชีท (Metal Sheet)  ข้อจำกัดในการติดตั้งที่ยุ่งยาก หรือมีน้ำหนักมากของหลังคากระเบื้อง ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบพิเศษ โดยการผสานคุณสมบัติเด่นของวัสดุหลายชนิดเข้าด้วยกัน

ผิวชั้นบนเป็นอะลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา สะท้อนความร้อนได้ดี ชั้นกลางเป็นพอลิเมอร์ที่มีฟองอากาศขนาดเล็กทำหน้าที่เป็นฉนวนกันเสียงและความร้อน ชั้นล่างเป็นพอลิเมอร์ที่มีความแข็งแรงและเป็นฉนวนเพิ่มอีกหนึ่งชั้น ทำให้ได้วัสดุมุงหลังคาที่มีน้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ป้องกันความร้อนจากแสงแดด ลดเสียงดังเมื่อเกิดฝนตก ที่สำคัญมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

หลังคาไฮบริดมีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ ลอน “มินิเวฟ”( Mini wave) ความหนา 1 มิลลิเมตร และ ลอน TD760 ความหนา 1.5 มิลลิเมตร โดยทั้งสองลอนมีความกว้างใกล้เคียงกันคือ 80 เซนติเมตร  และ 82 เซนติเมตร ส่วนความยาวมาตรฐาน 3.20 เมตร มีให้เลือก 5 เฉดสี ได้แก่ Silver, White, Dark Grey, Hybrid Gold และ Blue Silver

ราคา : 445 บาทต่อตารางเมตร สำหรับลอน “มินิเวฟ” และ 522 บาทต่อตารางเมตร สำหรับลอน TD760

www.hybrid-roof.com

วัสดุหลังคา

 

8.แผ่นหลังคาเหล็กพร้อมฉนวนกันร้อน EPS

คือแผ่นโลหะเคลือบสีนำมาประกบกันทั้งสองด้าน โดยมีฉนวนกันความร้อน EPS Foam ไม่ลามไฟ อยู่ตรงกลางหนา ประมาณ 2 นิ้ว ทำให้ภายใต้หลังคาจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าเมทัลชีททั่วไป และยังช่วยกันเสียงได้อีกด้วย มีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ขนาดความกว้างแผ่น 1.05 เมตร ยาวสูงสุด 12 เมตร ความหนาฉนวนมีให้เลือกตั้งแต่ 5-15  เซนติเมตร เหมาะสำหรับทำหลังคาหรือผนังกันความร้อนของที่พักอาศัยและอาคารทั่วไป

ราคา : 500 – 1,000 บาทต่อตารางเมตร

www.gdmetalsheet.yellowpages.co.th

 

9.แผ่นหลังคาเหล็กเคลือบหินภูเขาไฟ Decra by Diamond

ผลิตจากแผ่นเหล็กอะลูซิงค์ เคลือบด้วยเม็ดหินภูเขาไฟ เทคโนโลยีจากประเทศนิวซีแลนด์ จึงทนทานทุกสภาพอากาศ น้ำหนักเบาเพียง 6.6 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ป้องกันเสียงได้ดีกว่าหลังคาเหล็กทั่วไป  ทนความร้อน ไม่บิดงอ ไม่แตกหักหลุดล่อน รับประกันความแข็งแรง 50 ปี และรับประกันคุณภาพสี 20 ปี มีให้เลือกทั้งแบบเรียบเหมือนชิงเกิลลายไม้และลอนโค้ง ขนาดแผ่นมาตรฐานกว้าง 41-43 เซนติเมตร ยาว 132-133.5 เซนติเมตร (ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่น) การติดตั้งให้หลังคาลาดเอียงอย่างน้อย 15 องศา

ราคา : 900 บาทต่อตารางเมตร

www.dbp.co.th

วัสดุหลังคา

 

10.แผ่นหลังคาไวนิลตราภูเขา PLASTROOF by Thaiplastwood

หนึ่งในวัสดุทนแทนไม้ เพราะผลิตจาก UPVC  มีความทนทานสูง ทนต่อแรงกระแทก และสภาวะอากาศ ไม่ผุ ไม่บวม ปลอดภัยจากปลวกและแมลงต่างๆ มีอายุการใช้ยาวนานกว่า 10 ปี ติดตั้งง่ายด้วยระบบเข้าลิ้น (Interlocking System) มีน้ำหนักเบา ทำให้ประหยัดโครงสร้าง และทำความสะอาดง่าย อีกทั้งเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียงในตัว ดูสวยงามสไตล์โมเดิร์น บางรุ่นออกแบบให้ด้านล่างเป็นท้องเรียบ จึงใช้เป็นทั้งหลังคาและฝ้าเพดานได้ด้วย ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการติดตั้งลงได้อีกทางหนึ่ง สามารถนำไปติดตั้งได้หลายฟังก์ชันทั้งหลังคา กันสาด ผนังภายนอกและภายใน ฝ้าเพดาน

แผ่นหลังคาไวนิลมีให้เลือกหลายขนาด สำหรับความยาวมาตรฐานตั้งแต่ 3-6 เมตร และสามารถสั่งขนาดที่ต้องการได้ มีทั้งรุ่นท้องเรียบและท้องลอน

www.thaiplastwood.com และ www.facebook.com/thaiplastwood

วัสดุหลังคา

แผ่นหลังคาไวนิล รุ่น “PR-1” สีขาว หน้ากว้าง 12.5 เซนติเมตร ราคา 800 บาทต่อตารางเมตร

 

แผ่นหลังคาไวนิล รุ่น “PR-4” สีขาว หน้ากว้าง 25 เซนติเมตร ราคา 720 บาทต่อตารางเมตร

 

แผ่นหลังคาไวนิลท้องเรียบลอนเหลี่ยมและลอนกลม สีขาว หน้ากว้าง 25 เซนติเมตร ราคา 720 บาทต่อตารางเมตร


เรื่อง : พจน์ ผลิตภัณฑ์

ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม และเอกสารประชาสัมพันธ์

แบบหลังคา เลือกแบบไหนให้บ้านสวยและเหมาะสม

แก้ปัญหาฉนวน PE หลุดล่อน

คำนวณจำนวนกระเบื้อง ด้วยการคำนวณพื้นที่หลังคาอย่างง่าย

 

The post รวม วัสดุหลังคา น่าใช้พร้อมราคา appeared first on บ้านและสวน.

เสื้อ “คนเลี้ยงช้าง”ที่บอกเล่าประเด็นสิ่งแวดล้อมโดย RENIM PROJECT

$
0
0

แบรนด์แฟชั่นที่ยั่งยืนอย่าง RENIM PROJECT บอกเล่าประเด็นสิ่งแวดล้อมและสังคมไทยผ่านเสื้อผ้ามาทุกคอลเลคชั่น ตั้งแต่ สายไฟในกรุงเทพฯ SS19 คนเก็บขยะรีไซเคิล FW 19 จนถึงคนงานก่อสร้าง SS20

และ คอลเลคชั่น Fall/Winter2020 หรือในชื่อว่า “Dark Forest” ที่ได้ร่วมเดินแฟชั่นโชว์ที่เวียนนาแฟชั่นวีค ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา มีแรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง “คนเลี้ยงช้าง” โดยม.ล.ชาตรีเฉลิม ยุคล ปี 2533 นำแสดงโดย สรพงษ์ ชาตรี เป็นคนเลี้ยงช้างชื่อนายบุญส่ง และขี่ช้างป่าชื่อ แตงอ่อน ที่คอยลากไม้จากคนลักลอบตัดไม้ เรื่องราวในหนังเป็นการต่อสู้ของเจ้าหน้าที่ป่าไม้กับคนที่ลักลอบตัดไม้ป่า โดยมีนายทุนเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ท้ายที่สุดแล้ว แตงอ่อนคอยขับไล่พวกลักลอบตัดไม้ เพื่อปกป้องผืนป่าไว้ สุดท้ายแล้วธรรมชาติที่ถูกทำลายจนเสียสมดุล ก็จะปรับสภาพให้ตัวเอง เรื่องราวในหนังได้อุทิศให้แก่ สืบ นาคะเสถียร นักอนุรักษ์และนักวิชาการด้านทรัพยากรธรรมชาติไทย
ด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับช้าง และป่าไม้ จึงเป็นที่มาของชื่อคอลเลคชั่นว่า “Dark Forest” เพื่อให้คนได้ตระหนักถึงช้างป่าไทย ที่ลดลงเป็นจำนวนมาก ดังที่เห็นในข่าวว่า ช้างถูกรถชน ถูกล่างา และตายบ่อยๆ จากการย้ายแหล่งหาอาหาร เพราะป่าไม้ถูกทำลาย แหล่งอาหารธรรมชาติน้อยลง และยังมีเรื่องของการทารุณสัตว์จากควาญช้างและจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอีกด้วย ดังนั้น สิ่งแวดล้อมไทยจะดีขึ้นได้อย่างไร ถ้าหากยังมีอำนาจมืดของป่ายังคงอยู่
ไม่ใช่แค่คอนเซปต์ แต่รักษ์โลกแบบสัมผัสได้จริง เพราะ กว่า 80% ของวัสดุที่ใช้ในงานคอลเลคชั่น มักเน้นการ Upcycle จากเสื้อผ้ามือสอง เช่น เสื้อยีนส์ และกางเกงยีนส์มือสอง รวมถึงการทดลองใช้ Waste จากวัสดุอื่นๆ ที่สามารถมาแปลงเป็นสินค้าแฟชั่นได้ เช่น ถุงปูน ผ้าคลุมบลูชีทที่ใช้ในงานก่อสร้าง ส่วนอีก 20% จะใช้เศษผ้าที่เหลือจากการผลิต หรือเศษผ้าที่เหลือใช้ต่างๆจากโรงงานทั้งในและต่างประเทศ เช่น เสื้อเชิ้ตยีนส์มือสองจากอังกฤษ กางเกงยีนส์มือสองจากฝั่งอเมริกา แคนาดา เสื้อยืดจากฝั่งอเมริกา ส่วนกระเป๋าหนังจากญี่ปุ่นและเกาหลี ส่วนผ้าสต๊อกจากโรงงานในญี่ปุ่นและไทย
คอลเลคชั่น FW20 นี้ รีนิมโปรเจคได้ทดลองวัสดุใหม่ เพื่อพัฒนาสินค้า โดยการนำกระเป๋าหนังแท้มือสองมาทำ เพื่อต้องการให้คนลดการฆ่าสัตว์ และลดการทำลายป่า เพื่อให้มีพื้นที่เลี้ยงสัตว์เพิ่ม โดยการลดการเลี้ยงสัตว์ก็เป็นการลดคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ด้วยเช่นกัน
ถ้าใครสนใจสนใจสามารถเข้าไปจับจองกันได้ทาง RENIMPROJECT.COM
 
#DARKFOREST
#RENIMPROJECT
#RENIMPROJECTFW2020

ภาพ RENIMPROJECT
เรียบเรียง WUTHIKORN SUT

The post เสื้อ “คนเลี้ยงช้าง” ที่บอกเล่าประเด็นสิ่งแวดล้อมโดย RENIM PROJECT appeared first on บ้านและสวน.

พี่หมูกับแม่ตะลุยสวนน้ำ Doquabistro & Workshop by Kong

$
0
0

สำหรับคนเลี้ยงสุนัข อะไรที่ทำแล้วสุนัขมีความสุข เจ้าของอย่างเราก็พร้อมจะทำให้ได้เสมอ ยิ่งเป็นกิจกรรมที่ทำให้ทั้งเราและน้องได้ทำร่วมกันแล้วล่ะก็รับรองไม่พลาดแน่ ๆ อย่างวันหยุดวันนี้ พี่ฮอลล์กับพี่หมูได้รับเชิญให้ไปเวิร์คชอป Rush to eat by Kong ที่ Doquabistro สวนน้ำน้องหมาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังเป็นแห่งแรกในเอเชียด้วย

Doquabistro ไม่ได้มีเพียงแค่สวนน้ำเท่านั้นนะ ยังมีสนามหญ้าเทียม ขนาด 200 ตารางเมตร มีเครื่องเล่น 7 ชิ้น ที่ให้คุณได้วิ่งเล่นกับน้องหมาหลากหลายสายพันธุ์ของที่นี่ มีทั้งพันธุ์เล็กและพันธุ์ใหญ่ นี่แค่คิดก็สนุกแล้วววว

 

Dog Water Park สวนน้ำ

Doquabistro

Doquabistro

Doquabistro

แบ่งเป็น 2 โซน ความลึกตรงกลาง 30 cm และ 60 cm สร้างขึ้นมาคล้ายแอ่งกระทะ มีน้ำพุตรงกลาง และล้อมรอบด้วยพื้นหินทรายกันลื่น ซึ่งสำหรับน้องหมาที่ขี้กลัวหรือไม่เคยลงน้ำ เจ้าของอย่าฝืนพาน้องลงน้ำทันทีนะคะ ค่อย ๆ พาน้องไปสัมผัสน้ำที่ริมสระบริเวณตื้น ๆ ก่อน เมื่อน้องหมาลงน้ำเท้ายังสามารถสัมผัสพื้นได้อยู่ ทำให้ไม่เกิดความกลัวและตื่นตระหนกจนเกินไป เมื่อคุ้นชินน้องหมาก็สามารถวิ่งเล่นได้อย่างสบายใจไม่ต้องกลัวจม ส่วนน้องหมาที่ว่ายน้ำเก่งแล้ว ก็สามารถว่ายเล่นได้ตรงโซนน้ำลึกได้เลย และที่เจ๋งที่สุดคือ หากเจ้าของต้องการที่จะลงเล่นน้ำกับลูก ๆ ของตัวเองก็สามารถทำได้ไม่คิดราคาเพิ่ม  อ้อ! ในส่วนของค่าลงสระจะคิดราคาตามน้ำหนักน้องหมา ซึ่งราคานี้รวมอาบน้ำและเป่าขนแล้วด้วย

การว่ายน้ำสำหรับสุนัข เพื่อช่วยฟื้นฟูและเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย

 

Dog Agility Park

สนามหญ้าเทียมที่มีเครื่องเล่น ฝึกทักษะให้น้อง ๆ ของเราได้ยึดเส้นยึดสาย ออกกำลังกายและฝึกไหวพริบกัน โดยมีครูฝึกประจำของที่นี่คอยดูแลความปลอดภัยของน้อง ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งการออกกำลังกายจะช่วยให้น้อง ๆ ได้ปลดปล่อยพลัง คลายความเครียด และสร้างความสุขให้น้อง ๆ ได้อย่างมาก

เมื่อเล่นจนเหนื่อแล้ว ก็มานั่งพักทานอาหารและเครื่องดื่มอร่อย ๆ บริเวณร้านอาหาร Dog Café ซึ่งแบ่งเป็นโซนที่น้องหมาเข้าได้และเข้าไม่ได้ ที่นี่มีเมนูอิ่มอร่อยให้เลือกมากมาย ก็แหมเล่นจนเหนื่อยขนาดนี้ก็ต้องเติมพลังให้อิ่มท้องซะหน่อย ทั้งเจ้าของและน้องหมาเลยล่ะ

 

เวิร์คชอป Rush to eat by Kong

เมื่อถึงช่วงบ่ายก็ได้เวลาเวิร์คชอป Rush to eat by Kong ซึ่งเป็นเมนูอร่อย ๆ มีประโยชน์สำหรับน้องหมา ทำได้ง่ายและรวดเร็ว อุปกรณ์และส่วนผสมก็มี ชามและช้อน โยเกิร์ตรสธรรมชาติ พีนัตบัตเตอร์ กล้วย อกไก่ฉีก และขนมกลิ่นผลไม้ Prama และที่สำคัญขาดไม่ได้ถือเป็นพระเอกของงานก็คือ Kong Classic ของเล่นสุนัขช่วยในการฝึกทักษะและสมาธิ ซึ่งจะนำมาใช้ใส่อาหารที่เราทำแทนจานชามในวันนี้นั่นเองค่ะ

วิธีทำ : ตักโยเกิร์ตใช้ชาม จากนั้นเจ้าของเลือกส่วนผสมที่น้องหมาตัวเองชอบ ไม่ว่าจะเป็นพีนัตบัตเตอร์ กล้วย หรืออื่น ๆ ผสมคลุกเคล้าลงในชามโยเกิร์ตให้เข้ากัน เมื่อเรียบร้อยแล้วตักใส่ในช่องหรือรูของ Kong Classic ได้เลยค่ะ คราวนี้ก็ถึงเวลานำไปให้น้องหมาของเราฝึกทักษะ ทำอย่างไรถึงจะนำอาหารออกมากินได้กันแล้ว ลุยค่ะ!

KONG ของเล่นสุนัข ทำจากวัสดุ Food Grade ผลิตจากยางธรรมชาติ มีความแข็งแรง ทนทาน และปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง นอกจากเป็นของเล่นแก้เหงาแล้ว ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ใช้ในการฝึกทักษะ และแก้ปัญหาอาการน้องหมาที่ชอบกัดแทะสิ่งของภายในบ้านอีกด้วย

การเลือกของเล่นน้องหมา อย่างถูกต้องและปลอดภัย

ซึ่งเราสามารถนำของเล่น Kong มาใช้งานได้อีกหลายวิธี เช่น

  • สามารถใช้แทนจานชามสัตว์เลี้ยง ควรให้เวลาเดิมเป็นประจำ เพื่อฝึกระเบียบวินัย สร้างความผูกพันธุ์ระหว่างเจ้าของและสัตว์เลี้ยง
  • ช่วยลดพฤติกรรมการกินอาหารเร็วโดยไม่เคี้ยว ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้สุนัขอาเจียนและทำให้อ้วนได้
  • สามารถเพิ่มลูกเล่นเพื่อความท้าทายมากยิ่งขึ้น โดยการนำอาหารหรือขนมใส่ลงและนำไปแช่เย็น หลังจากแข็งแล้ว นำมาให้สุนัขได้กัดแทะและกินไปพร้อมกัน ในระหว่างนั้นสุนัขจะหลั่งสารเอนโดรฟินออกมา ซึ่งทำให้สุนัขมีความสุขนั่นเอง

เรียกได้ว่ากิจกรรมของพี่หมูกับแม่ในวันนี้ครบรส สนุกสนานมากจริง ๆ อย่างที่บอกไว้แต่ต้นนั่นแหละค่ะ เมื่อน้องหมาของเรามีความสุข เราก็มีความสุขยิ่งกว่า ก็เค้าคือ “เพื่อนสี่ขาที่ดีที่สุด” ของเรานี่คะ

 

ขอบคุณ :

  • Shawpet และ KONG สอบถามรายละเอียดได้ที่shawpetshop.com และ fb: shawpet
  • Doquabistro สอบถามรายละเอียดได้ที่ fb: Doquabistro

เรื่อง : ลีฬภัทร กสานติกุล
นายแบบ : พี่หมู มินิเอเจอร์บูลเทอเรียร์ วัย 2 ขวบ
ภาพ : ศุภวิชญ์ เอี่ยมกอง

The post พี่หมูกับแม่ตะลุยสวนน้ำ Doquabistro & Workshop by Kong appeared first on บ้านและสวน.

ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “เยอรมันเชพเพิร์ด (German Shepherd)”

$
0
0

ประวัติสายพันธุ์

เยอรมันเชพเพิร์ด (German Shepherd) หรือที่รู้จักกันในชื่ออัลเซเชี่ยน (เยอรมัน : Deutscher Schäferhund) เป็นสุนัขสายพันธุ์ขนาดใหญ่ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมนี เยอรมันเชพเพิร์ดเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่ค่อนข้างใหม่ มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1899 โดยจัดอยู่ในกลุ่มของสุนัขต้อนสัตว์และถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อต้อนแกะ เนื่องจากมีความแข็งแรง, ฉลาดและถูกฝึกให้เชื่อฟังตามคำสั่ง จึงมักจะถูกฝึกให้ช่วยงานตำรวจและทหารทั่วโลก เนื่องจากความจงรักภักดีและมีสัญชาตญาณในการปกป้อง จึงทำให้ เยอรมันเชพพิร์ด เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับการจดทะเบียนมากที่สุด

เยอรมันเชพเพิร์ด

ลักษณะทางกายภาพ

เยอรมันเชพเพิร์ด เป็นสุนัขขนาดใหญ่ ซึ่งขนาดโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 55 – 65 เซนติเมตร (22 – 26 นิ้ว) วัดจากส่วนที่สูงที่สุดของหลัง และมีน้ำหนักระหว่าง 22 – 40 กิโลกรัม (49 – 88 ปอนด์) ความสูงในอุดมคติคือ 63 เซนติเมตร (25 นิ้ว) ตามมาตรฐานของ Kennel Club เยอรมันเชพเพิร์ดจะมีหน้าผากที่เป็นรูปโดม, จมูกและปากส่วนบนเป็นทรงสี่เหลี่ยมยาวและมีจมูกสีดำ ขากรรไกรมีความแข็งแรงร่วมกับฟันที่คมเหมือนกรรไกร มีดวงตาสีน้ำตาลขนาดปานกลางที่ดูกระตือรือร้น, ฉลาดและมั่นใจในตนเอง มีหูขนาดใหญ่และตั้งขึ้นแบบเปิดมาด้านหน้าขนานกัน แต่หูทั้งสองข้างมักจะลู่ไปด้านหลังเมื่อมีการเคลื่อนไหว เยอรมันเชพเพิร์ดมีคอที่ยาว ซึ่งจะยืดขึ้นเมื่อมีอาการตื่นเต้นและจะหดลงเมื่อเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง หางมีลักษณะเป็นพุ่มและยาวไปจนถึงข้อเท้า

สีขนของเยอรมันเชพเพิร์ดมีหลายแบบ โดยสีที่มักพบเห็นได้บ่อยคือสีแทนดำ และสีแดงดำ โดยสีที่แตกต่างกันทั้งสองแบบนั้นจะมีสีดำปกคลุมอยู่บนใบหน้าและลำตัว ส่วนสีขนที่หายากประกอบไปด้วย สีน้ำตาลเข้ม, สีดำล้วน, สีขาวล้วน, สีเงินและสีน้ำเงิน สายพันธุ์ที่มีสีดำล้วนและสีน้ำตาลเข้มเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามสีน้ำเงินและสีเงินถือว่าเป็นข้อบกพร่องและสีขาวล้วนถือว่าไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในบางมาตรฐาน เนื่องจากขนสีขาวทำให้ถูกมองเห็นได้ง่าย ทำให้ไม่เหมาะที่จะนำมาเป็นสุนัขเฝ้ายามและเป็นการยากที่จะถูกมองเห็นในบางสถานการณ์ อย่างเช่นในกรณีที่มีหิมะหรือเมื่อทำการต้อนแกะ

เยอรมันเชพเพิร์ดมีขนสองชั้น ขนชั้นนอกซึ่งร่วงตลอดทั้งปีและมีขนชั้นในที่แน่นหนา โดยลักษณะขนที่เป็นที่ยอมรับมีสองแบบคือ : ขนยาวปานกลางและขนยาว โดยขนยาวเป็นยีนด้อยทำให้ขนยาวเป็นลักษณะที่พบได้น้อย การปฏิบัติกับสุนัขขนยาวมีความแตกต่างกันในแต่ละมาตรฐานซึ่งได้รับการยอมรับภายใต้ Germanel UK Kennel Clubs แต่ถือเป็นข้อบกพร่องใน American Kennel Club

อายุขัย

โดยทั่วไปอายุขัยของเยอรมันเชพเพิร์ดอยู่ในช่วงระหว่าง 9-13 ปี

 

ลักษณะนิสัย

เยอรมันเชพเพิร์ดเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงในด้านของความฉลาดเป็นพิเศษ โดยได้รับการยกย่องว่าเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่ฉลาดที่สุดเป็นอันดับสามรองจากคอลลี่ (Collies) และพุดเดิ้ล (Poodles) ในหนังสือของ The Intelligence of Dogs ผู้เขียน Stanley Coren ได้จัดอันดับความฉลาดของสายพันธุ์นี้ไว้เป็นอันดับที่ 3 ทำให้พบว่าเยอรมันเชพเพิร์ดมีความสามารถในการปฏิบัติภารกิจง่ายๆ หลังจากที่ได้ทำซ้ำเพียงห้าครั้งและ 95% จะทำตามคำสั่งแรกที่ได้รับ ยิ่งถ้ารวมกับความแข็งแรงแล้วทำให้สุนัขสายพันธุ์นี้เป็นที่ต้องการเพื่อนำมาเป็นสุนัขตำรวจ, สุนัขเฝ้ายาม และสุนัขค้นหาและช่วยเหลือ เยอรมันเชพเพิร์ดสามารถเรียนรู้งานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจคำสั่งได้ดีกว่าสุนัขสายพันธุ์ใหญ่อื่น ๆ

เยอรมันเชพเพิร์ดเป็นสุนัขที่มีความกระตือรือร้นสูงและมีอธิบายไว้ในมาตรฐานสายพันธุ์ว่าเป็นสุนัขที่มีความมั่นใจในตนเอง โดยสุนัขสายพันธุ์นี้ชอบที่จะเรียนรู้และมีความกระตือรือร้น เยอรมันเชพเพิร์ดมีความซื่อสัตย์และผูกพันกับเจ้าของเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามมันอาจจะพยายามที่จะปกป้องครอบครัวและอาณาเขตของตนมากจนเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากไม่ได้รับการเข้าสังคมอย่างถูกต้อง ด้วยบุคลิกที่สันโดษทำให้สุนัขวางตัวแบบรักษาระยะห่างจากคนแปลกหน้า เยอรมันเชพเพิร์ดมีความฉลาดสูงและมีความเชื่อฟัง และบางคนคิดว่าสุนัข “จำเป็นต้องได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด” แต่งานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับวิธีการฝึกอบรมได้แสดงให้เห็นว่าสุนัขตอบสนองต่อการฝึกได้ดี และจะดีไปกว่านั้นถ้าทำการฝึกโดยการให้ของรางวัล

เยอรมันเชพเพิร์ด

การเข้ากับเด็ก

หากเลี้ยงเยอรมันเชพเพิร์ดอย่างเหมาะสมสุนัขมักจะแสดงความเป็นเจ้าของเด็ก ๆ แสดงความรักและปกป้องเด็ก ๆ อย่างเต็มความสามารถ เมื่อสุนัขโตเต็มวัยมันจะมีความขี้เล่นแต่มีสัญชาตญาณมากพอที่จะรู้กำลังของตัวเองเมื่ออยู่กับเด็กและฉลาดพอที่จะรู้ว่าอะไรเหมาะสมหรือไม่

อารมณ์ของเยอรมันเชพเพิร์ดเมื่ออยู่ร่วมกับเด็ก ๆ จะขึ้นอยู่กับการเข้าสังคม, การได้รับการฝึกฝน และการถูกแนะนำให้รู้จักกับเด็ก ๆ เนื่องจากเยอรมันเชพเพิร์ดเป็นสุนัขเฝ้าบ้านและมีสัญชาตญาณในการปกป้อง แต่เพียงเพราะว่ามันเข้ากับเด็กที่คุ้นเคยได้ดีไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะรักเพื่อนของเด็กหรือเด็กคนอื่น ๆ ด้วย แต่บทสรุปคือเยอรมันเชพเพิร์ดมักจะปรับตัวได้ดีกับเด็ก ๆ และมักจะทำตัวอ่อนโยนกับพวกเขา

 

การดูแล

การออกกำลังกาย

ด้วยเรื่องของการออกกำลังกายของเยอรมันเชพเพิร์ดที่มีพลังเยอะ เหตุผลอย่างหนึ่งคือพวกมันต้องการการกระตุ้นทางร่างกายเป็นอย่างมาก (ซึ่งมักจะได้จากการฝึกฝนของพวกมัน) แต่ในทางกลับกันเยอรมันเชพเพิร์ดไม่ควรออกกำลังกายที่รุนแรงจนเกินไปในวัยที่ยังไม่โตเต็มที่เพื่อลดความเสี่ยงที่จะนำไปสู่ปัญหาข้อต่อได้
จากที่กล่าวมาข้างต้นลูกสุนัขเยอรมันเชพเพิร์ดเป็นสุนัขที่มีพลังเยอะ โดยพวกมันชอบวิ่งไปรอบ ๆ และไล่ต้อนสัตว์ หากพวกมันยังไม่หมดแรงในวันนั้นมันมักจะทำให้คุณตื่นต้องในกลางดึกหรือบางครั้งก็พบว่ามันชอบทำลายเฟอร์นิเจอร์จึงจะสามารถทำให้ความกระตือรือร้นของมันลดลงได้ แต่การออกกำลังกายประมาณ 30-45 นาทีต่อวันตลอดชีวิตยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกมัน
เยอรมันเชพเพิร์ดเป็นสุนัขขนาดใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากการที่มีสนามหญ้าสำหรับวิ่งเล่น และคุณยังสามารถเพิ่มความหลากหลายให้กับวิธีการออกกำลังกายของสุนัขได้ พวกมันรักการว่ายน้ำ, เล่นจานร่อน, คาบของกลับมาให้, การปีนเขา (หรือทำอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ) และวิ่งรอบ ๆ ตัวคุณ ต้องแน่ใจว่าได้รวมการออกกำลังกายที่เป็นกิจวัตรประจำวันไว้ในการฝึกอบรมด้วย เนื่องจากการกระตุ้นทางกายภาพและทางจิตใจเป็นกุญแจสำคัญในการเลี้ยงเยอรมันเชพเพิร์ดให้มีพฤติกรรมและอารมณ์ที่ดี

อาหาร

เยอรมันเชพเพิร์ดควรได้รับอาหารแห้งที่มีคุณภาพสูง 3-4 ถ้วยต่อวัน โดยแบ่งออกเป็นสองมื้อ ซึ่งอาหารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีที่สุดให้กับสุนัข วิธีการกินของลูกสุนัขสามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของข้อต่อเมื่อโตเต็มวัยได้

ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อต้องดูแลอาหารเพื่อให้สมดุลสำหรับสุนัข คือ อายุ, การเผาผลาญ, น้ำหนักและการทำกิจกรรมในแต่ละวัน เป็นที่รู้กันดีว่าสุนัขเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อต่อและขาเมื่อมีอายุมากขึ้น และต้องแน่ใจว่ามีการจัดหาอาหารที่ดีต่อสุขภาพให้พวกเขาได้เติบโตอย่างเหมาะสม

 

โรคประจำพันธุ์

โรคประจำพันธุ์ที่พบในเยอรมันเชพเพิร์ด ได้แก่

  • โรคผิวหนัง
    • การติดเชื้อที่หู (ear infection)
    • โรคภูมิแพ้ (Allergies)
  • โรคระบบประสาท
    • โรคไขสันหลังเสื่อม (Degenerative myelopathy)
    • ภาวะกระดูกสันหลังส่วนคอทับไขสันหลัง (Caudal cervical spondylomyelopathy)
    • โรคหมอนรองกระดูกทับไขสันหลัง (Intervertebral Disc Disease : IVDD)
    • โรคการอักเสบของหมอนรองกระดูก (Diskospodylitis)
    • ภาวะการเสื่อมและตีบแคบของโพรงกระดูกสันหลังส่วนปล้องเอว (Lumobsacral stenosis)
    • ภาวะวิตกกังวลต่อการแยกจาก (Separation Anxiety)
    • โรควิตกกังวล (Anxiety)
  • โรคระบบทางเดินอาหาร
    • โรคกระเพาะบิด (Gastric dilatation-volvulus)
    • ภาวะหลอดอาหารขยายใหญ่ (Megaesophagus)
    • โรคเส้นเลือดรัดหลอดอาหาร (Vascular ring anomaly)
  • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
    • กลุ่มอาการคุชชิ่ง (Cushing’s Disease)
    • โรคตับอ่อนทำงานบกพร่อง (Exocrine Pancreatic Insufficiency)
  • โรคระบบโครงกระดูก ข้อต่อ และโครงสร้าง
    • โรคกระดูกอักเสบ (Panosteitis)
    • โรคข้อศอกเจริญผิดปกติ (Elbow dysplasia)
    • โรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติ (Hip dysplasia)
    • โรคข้ออักเสบ (arthritis) ซึ่งต่อเนื่องมาจากโรคข้อสะโพกและข้อศอกเจริญผิดปกติ
  • โรคระบบเลือดและภูมิคุ้มกัน
    • โรควอนวิลลิแบรนด์ (Von Willebrand Disease) เป็นโรคเลือดออกง่ายทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่มีโอกาสเกิดในเยอรมันเชพเพิร์ดได้มากกว่าปกติ
  • มะเร็ง
    • Hemangiosarcoma หรือมะเร็งของหลอดเลือดชนิดฮีแมงจิโอซาร์โคมามักจะพบบ่อยที่ม้าม

 

เรื่อง ธันยพร แท่นนอก

The post ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “เยอรมันเชพเพิร์ด (German Shepherd)” appeared first on บ้านและสวน.


ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ (Miniature Schnauzer)”

$
0
0

ประวัติสายพันธุ์

สุนัขพันธุ์ มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก พบครั้งแรกในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 19 ที่ประเทศเยอรมนี (Germany) เป็นสุนัขที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างสุนัขพันธุ์สแตนดาร์ดชเนาเซอร์ (Standard Schnauzer) กับสุนัขพันธุ์แอฟเฟนพินเชอร์ (Affenpinscher) ถูกนำมาใช้เป็นสุนัขล่าหนู (Rat hunter) ในฟาร์มเยอรมัน รวมถึงนำมาใช้คุมฝูงสัตว์ในฟาร์ม มักใช้งานคู่กับสุนัขพันธุ์ใหญ่ เช่น สุนัขพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด (German shepherd) และสุนัขพันธุ์นี้มีความสามารถในการได้ยินเสียงในระยะไกล สามารถระบุตำแหน่งของเสียงที่ได้ยินได้

ในปี ค.ศ. 1899 สุนัขพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ได้ถูกแยกออกจากกลุ่มสุนัขพันธุ์สแตนดาร์ดชเนาเซอร์ เนื่องจากสุนัขพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ มีหน้าตาที่เคร่งขรึม ดูไม่เป็นมิตรแตกต่างจากสายพันธุ์อื่นอย่างชัดเจน

ในปี ค.ศ. 1933 สมาคม The American Kennel Club (AKC) ได้ขึ้นทะเบียนทั้ง 2 สายพันธุ์ คือพันธุ์สุนัขมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเทอร์เรีย (Terrier group) และสุนัขพันธุ์พันธุ์สแตนดาร์ดชเนาเซอร์ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสุนัขทำงาน (Working dog)

การตั้งชื่อสายพันธุ์สุนัขว่า ชเนาเซอร์ ในภาษาเยอรมัน มีความหมายว่า ปาก เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้มีลักษณะเด่น คือบริเวณปากจะมีหนวด หรือเครา

 

ลักษณะทางกายภาพ

สุนัขพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ จะมีลักษณะเด่นที่พบได้ คือ จมูกยาว เป็นรูปทรงสีเหลี่ยม (Rectangular snout) และขนบริเวณหน้ายาวเป็นหนวด หรือเครา ขนปกคลุม 2 ชั้น ชั้นนอกจะหยาบ แข็งและหยิก ชั้นในขนจะอ่อน และขนมีสีเทา (Grey) หรืออาจพบสีดำ (Black) และดำเงิน (Black with blue) ได้

บริเวณหัวมีลักษณะเหมือนสี่เหลี่ยม มีคิ้ว หูจะพับตกมาข้างหน้าโดยธรรมชาติ แต่หากได้รับการดัดจะตั้งตรงได้

สุนัขเพศผู้มีความสูงมาตรฐานอยู่ที่ 12-14 นิ้ว หรือ 30.5-35.6 เซนติเมตรขณะยืน และมีน้ำหนักมาตรฐานอยู่ที่ 11-20 ปอนด์ หรือ 5-9 กิโลกรัม และสุนัขเพศเมียมีความสูงมาตรฐานอยู่ที่ 11-13 นิ้ว หรือ 28-33 เซนติเมตรขณะยืน และมีน้ำหนักมาตรฐานอยู่ที่ 10-15 ปอนด์ หรือ 5-7 กิโลกรัม

อายุขัย

สุนัขพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ โดยทั่วไปมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 12-14 ปี หากสุนัขมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เกิดโรคจากพันธุกรรม หรือโรคทั่วไป จะทำให้สุนัขมีอายุยืนยาวมากกว่าช่วงอายุเฉลี่ยได้

มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์

ลักษณะนิสัย

สุนัขพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ เป็นสุนัขที่ฉลาด กระฉับกระเฉง ว่องไว ขี้เล่น มีความอยากรู้อยากเห็น ชอบเห่า รักเจ้าของ และเป็นมิตรมากกว่าสุนัขพันธุ์ไจแอนท์ ชเนาเซอร์ (Giant Schnauzer) และสุนัขพันธุ์สแตนดาร์ดชเนาเซอร์

เป็นสุนัขที่มีความตื่นตัวไวมาก เมื่อได้ยินเสียงจากระยะไกลๆ เป็นความสามารถพิเศษที่สุนัขสายพันธุ์อื่นไม่มี ทำให้สามารถเตือนเจ้าของถึงภัยอันตรายได้

การเข้ากับเด็ก

สุนัขพันธุ์มินิเอเจอร์  ชเนาเซอร์ สามารถเข้ากับเด็กได้ดี ถึงแม้ในอดีตจะถูกใช้งานอย่างหนักทำให้ดูมีนิสัยดุร้าย แต่ในปัจจุบันสุนัขมีความขี้เล่น รักใคร่เด็กและถึงครอบครัว หากในเด็กเล็กมากๆ ควรคอยสังเกตเด็กขณะเล่นกับสุนัข เนื่องจากเด็กอาจได้บาดเจ็บจากสุนัขได้

 

การดูแล

 การออกกำลังกาย

สุนัขพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่มีพลังงานปานกลาง จำเป็นต้องออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ประมาณ 20-40 นาทีต่อวัน เช่น การให้สุนัขเดินเร็ว หรือพาสุนัขเล่นกิจกรรม จะทำให้สุนัขมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น และสุขภาพแข็งแรง

อาหาร

สุนัขพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ไม่จำเป็นต้องกินอาหารเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งเหมือนสายพันธุ์อื่น เพียงให้อาหารที่มีคุณภาพ ซึ่งประกอบด้วย โปรตีน (Protein), ผัก (Vegetables), และไขมัน (Fats) ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีเมล็ดธัญพืช (Grain filters) เป็นองค์ประกอบ เช่น ถั่วเหลือง (Soy), ข้าวโพด (Corn), และข้าวสาลี (Wheat) เพราะจะทำให้ย่อยยาก และเกิดการแพ้อาหารได้

ปริมาณอาหารที่แนะนำสำหรับสุนัขพันธุ์ มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ประมาณ 3/4 – 1 ถ้วยต่อวัน แบ่งเป็น 2 มื้อเท่ากัน

 

โรคประจำพันธุ์

  • โรคผิวหนัง
    • ต่อมไขมันและรูขุมขนอุดตัน ที่บริเวณหลังและคอ (Schnauzer comedo syndrome)
  • โรคระบบประสาท
    • โรควิตกกังวล (Anxiety)
    • โรคกล้ามเนื้อเป็นอัมพาตตั้งแต่กำเนิด (Myotonia Congenita)
  • โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
    • ภาวะหลอดอาหารขยายใหญ่ตั้งแต่กำเนิด (Congenital Megaesophagus)
    • โรคตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)
  • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
    • ภาวะนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Urolithiasis หรือ Urinary Stones)
  • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
  • โรคระบบเลือดและภูมิคุ้มกัน
    • โรควอนวิลลิแบรนด์ (von Willebrand’s disease : vWD)
  • โรคตา
    • โรคต้อกระจก (Cataracts)
    • โรคจอประสาทตาเสื่อม (Progressive retinal atrophy)
    • โรคเปลือกตาม้วนเข้าข้างใน (Entropion eyelids)
  • โรคมะเร็ง
    • เนื้องอกมาสต์เซลล์ (Mast cell tumors)

 

เรื่อง ทรงภูมิ อานันทคุณ

The post ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ (Miniature Schnauzer)” appeared first on บ้านและสวน.

สวนจากจินตนาการในนิทาน ของ นิทานคาเฟ่ จังหวัดปทุมธานี

$
0
0

คุณแอนและคุณโบว์

นอกจากสวนสวยๆที่เราเห็นตามบ้านแล้ว อีกสถานที่ที่มีมุมสวนบรรยากาศดีๆคือบรรดาร้านกาแฟหรือคาเฟ่ที่มีกระจายอยู่ทั่วทุกมุมเมือง แต่ละแห่งก็สร้างจุดขายที่ต่างกันไปเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการ ที่นิทานคาเฟ่ออกแบบสวนสวยๆน่ารื่นรมย์ชมต้นไม้ดอกไม้พร้อมจิบกาแฟหอมๆท่ามกลางน้ําตก ลําธาร ศาลาริมน้ํา และมีมุมนั่งเล่นบรรยากาศดีๆกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ และอีกมากมายหลากหลายไอเดียตามแต่เจ้าของและผู้ออกแบบสวนจะรังสรรค์ไว้ให้เป็นมุมถ่ายรูปสวยๆ สําหรับลูกค้า

อาคารคาเฟ่ที่ออกแบบไว้ก่อนหน้า แต่สร้างมาพร้อมกับสวน โดยนําสีของตัวอาคาร มาใช้ในการออกแบบ เน้นพรรณไม้สีเขียว เป็นหลัก แล้วปูอิฐแดงเป็นทางเดินในสวน เพื่อให้อาคารและสวนดูต่อเนื่อง เป็นเรื่องราวเดียวกัน
“นิทานคาเฟ่” คาเฟ่ที่ได้ชื่อมาจากลูกสาว “น้องนิทาน” เป็นสวนอังกฤษลูกผสมที่รวมทุกอย่างที่เจ้าของชื่นชอบอย่างธารน้ําตกสไตล์สวนป่าเมืองร้อน โดยเลือกใช้ พรรณไม้เมืองร้อนซึ่งเติบโตได้ดีในบ้านเรา

ทีมงานบ้านและสวนมีนัดที่นิทานคาเฟ่คาเฟ่ในจังหวัดปทุมธานีที่กําลังได้รับความนิยมและเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล เหล่าบล็อกเกอร์และเพจท่องเที่ยวต่างรีวิวว่าเป็นคาเฟ่บรรยากาศดีที่ทุกคนต้องแวะมาสักครั้ง

“จุดเริ่มต้นที่คิดทําคาเฟ่คืออยากมีสตูดิโอเอ๊าต์ดอร์ไว้ถ่ายภาพเสื้อผ้าที่ทําขายครับ โบว์(คุณศิวาพร สิงห์โต)ทําธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้าสําเร็จรูปมาหลายปี เราต้องหาสถานที่สวยๆ เพื่อถ่ายภาพสินค้าลงโฆษณาขาย หลายครั้งต้องไปเสียเงินเช่าสถานที่ของคนอื่น โบว์เองสนใจทําธุรกิจร้านกาแฟอยู่ด้วย เลยตัดสินใจทําคาเฟ่กันครับ”คุณแอน-ปรัชญา สิงห์โตเล่าที่มาของนิทานคาเฟ่ให้เราฟัง

น้ําตกบริเวณทางเข้าซึ่งอยู่ติดกับระเบียงไม้นอกอาคารคาเฟ่ ออกแบบให้เป็นแค่ น้ําตกเล็กๆสร้างเสียงน้ํา ความเคลื่อนไหว และเพิ่มความชุ่มชื้น ทั้งยังเปรียบ เป็นต้นน้ําของลําธารที่ไหลอยู่เบื้องล่าง
ทางเดินจากสวนไปลานจอดรถด้านหลังคาเฟ่ ผู้ออกแบบยังคงใส่ใจในรายละเอียด โดยวางไม้หมอนรถไฟเป็นสะพานข้ามลําธาร เลือกปลูกไม้พุ่มเตี้ยและไม้ตัดแต่งเพื่อให้ เป็นจุดสังเกต รวมถึงง่ายต่อการสัญจร

“เราซื้อที่ดินตรงนี้เพิ่มค่ะ ครึ่งหนึ่งเป็นโรงงานเย็บเสื้อผ้าสําเร็จรูป อีกครึ่งเปิดเป็นคาเฟ่ ตั้งใจอยากให้เป็นคาเฟ่ในสวน มีมุมถ่ายรูปหลายๆมุมไว้ใช้ถ่ายเสื้อผ้าสําเร็จรูปที่ทําขายด้วยโดยส่วนตัวโบว์กับแอนชอบสวนอังกฤษค่ะ แต่ไม่ชอบสวนที่ดูประดิษฐ์หรือดูเนี้ยบมากจนเกินไป เราอยากให้เป็นป่าๆดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด”

“เราไปดูสวนหลายๆที่ ดูผลงานของนักจัดสวนหลายท่าน มีที่พักแห่งหนึ่งที่เราไปบ่อยและชอบมากคือCasaPapayaBoutiqueResortที่ชะอํา ชอบสวนของที่นี่มากค่ะ ตามสืบจนรู้ว่าเป็นฝีมือของคุณโต้ง-ศุภกิจ มีลาภ ตามไปดูผลงานในอินเทอร์เน็ต มีวันหนึ่งโชคดีที่คุณโต้งเข้ามาเซตงานที่คาซ่าปาปาย่า เลยมีโอกาสได้คุยกัน พอคุยแล้วรู้สึกคลิก เลยขอให้มาช่วยออกแบบสวนที่คาเฟ่ให้ค่ะ”

บ้านต้นไม้ สร้างขึ้นตามความตั้งใจแต่แรกของ คุณแอนและคุณโบว์ โดยไปเลือกซื้อจามจุรี ที่อยากได้ไว้ตั้งแต่เริ่มทําคาเฟ่ พร้อมบ่อทราย ลึก20เซนติเมตร ใช้ทรายทะเลที่ขนมาจาก ชะอํา เพื่อให้เด็กๆได้เล่นขุดทราย ก่อปราสาทกันเหมือนอยู่ชายหาด
ลําธารที่ทําเลียนแบบให้ดูเป็นธรรมชาติ ตั้งใจให้มีความลึกเพียงแค่30เซนติเมตร เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายกับเด็กๆ เพิ่มความแข็งแรงด้วยการลงเสาเข็มหกเหลี่ยม ความยาว1เมตร ทุก50เซนติเมตร
คุณโต้ง ผู้ออกแบบสวนแห่งนี้

คุณโต้ง เจ้าของSukyenGarden เล่าถึงขั้นตอนการออกแบบสวนนี้ให้ฟังว่า“เนื้อที่สวนประมาณ800ตารางเมตร พื้นที่เดิมเป็นป่ารกๆหน่อย ดินเดิมเป็นดินเหนียว ต้องลงดินเพื่อปลูกต้นไม้ใหม่หมด แต่ด้วยความที่เป็นพื้นดินเหนียวมันแน่น จึงไม่มีปัญหาเรื่องดินทรุด พอได้คุยกันก่อนเริ่มออกแบบ คุณแอนและคุณโบว์มีแบบตัวอย่างมาให้ดูเยอะมาก รวบยอดความคิดมาให้แล้วว่าต้องการอะไร อยากได้อะไร มีกิจกรรมอะไรบ้างที่ต้องการให้มีในบริเวณร้าน การทํางานออกแบบเลยไม่ยากครับ”

“หลังจากเห็นภาพของอาคารคาเฟ่ที่ออกแบบไว้ รวมทั้งที่ได้พูดคุยกัน ก็สรุปได้ว่าภาพรวมของสวนคือมีกลิ่นอายของสวนอังกฤษ แต่ก็มีการผสมผสานสวนสไตล์ทรอปิคัลลงไปด้วย มีลําธาร น้ําตก เพื่อช่วยลดความร้อนในตอนกลางวันตามคําขอของคุณโบว์ แต่เป็นลําธารตื้นๆ ลึกแค่30เซนติเมตร ให้เด็กๆเล่นสนุกและสามารถนั่งเล่นเอาขาจุ่มน้ําได้ ผมตั้งใจจัดให้มีมุมถ่ายรูปกระจายไปทั่วสวน กรณีถ้ามีคนมาใช้บริการเยอะจะได้ไม่ต้องมายืนรอถ่ายรูปนานๆ”

แว่นแก้วริมลําธาร เดิมคือติดมากับต้นกนกนารี เมื่อปล่อยให้เติบโต เจ้าของเห็นว่าสวยดี จึงปล่อย ให้เติบโตไปตามธรรมชาติ มีตัดแต่งออกบ้าง เพราะเป็นต้นไม้โตเร็ว
กล่องควบคุมระบบไฟ ใช้แผ่นไม้เก่ามาตีเป็นบ้านนก ด้านหน้าทําเป็นม้านั่งยาว จัดเป็นมุมนั่งเล่นในสวน พื้นโรยหินเกล็ด เนื่องจากราคาถูกและเดินง่ายกว่า พื้นกรวดแม่น้ํา ก่อนลงหินเกล็ดให้รองพื้นด้วยหินคลุกทําถนนหนา12เซนติเมตร อัดให้แน่น ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและอายุการใช้งาน

“โจทย์เรื่องต้นไม้ที่ให้มาค่อนข้างกว้างหน่อยครับ ขอเป็นต้นไม้ที่ดูแลง่าย ไม่ชอบเนี้ยบ ไม่ชอบอะไรที่เป็นเส้นๆรูปทรงเรขาคณิต ปล่อยให้รกก็ยังสวยโดยไม่ต้องตัดแต่ง ก็เลยเลือกต้นไม้ทั่วไปที่มีในบ้านเรามาใช้ เน้นพวกไม้เมืองร้อนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตอบโจทย์ตรงที่ดูแลง่าย มีการนําไม้ไทยดอกหอมมาใช้ เช่น จําปา แก้วเจ้าจอม และเลือกต้นที่ทางคาเฟ่ต้องใช้ เช่น อัญชัน โรสแมรี่ หรือพวกดอกไม้ใบไม้ที่นํามาใช้แต่งจานอาหารและเครื่องดื่มได้ และมีการคุมโทนสีด้วยครับ ออกแนวหวานๆฟุ้งๆหน่อย คุมให้อยู่ในโทนสีขาว ชมพู ฟ้า และม่วงเป็นหลัก แต่ก็มีสีอื่นๆมาแซมบ้างเพื่อเพิ่มความสดใส แต่ต้องทนและดูแลง่าย”

ผมเดินชมสวนรอบๆคาเฟ่ไปพร้อมๆกับคุณแอน คุณโบว์ และคุณโต้ง ทั้งสามท่านพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เล่าถึงต้นไม้ต้นนั้นต้นนี้อย่างมีความสุข “นิทานคาเฟ่”เป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนที่น่าสนใจ กาแฟหอมๆ อาหารอร่อย ในบรรยากาศสวนสวยๆ มีลําธารใสๆให้นั่งจุ่มขาดูปลาหางนกยูงฝูงใหญ่ มีมุมนั่งเล่นและถ่ายรูปมากมาย มีบ้านต้นไม้ บ่อทราย สนามเด็กเล่น และสนามหญ้ากว้างให้เด็กๆได้เล่นสนุก หากมีโอกาสลองแวะมาเที่ยวเล่นกันได้ ที่นี่หยุดทุกวันอังคารนะครับ

มุมถ่ายรูปยอดนิยมอีกมุมหนึ่งซึ่งเกิดจากความไม่ตั้งใจ คุณแอนเล่าว่า นําเก้าอี้ไม้ ตัวนี้ไปตั้งไว้บนเนินริมคูสาธารณะ เพื่อนอนอ่านการ์ตูนในช่วงที่ทําร้าน หลังจากนั้นก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายเก้าอี้ตัวนี้ ไปไหนอีกเลย
ห้องเก็บอุปกรณ์สวนและกล่องควบคุมงานระบบต่างๆออกแบบให้เป็นสไตล์ฝรั่ง ผนังเป็นไม้สนแดง หลังคาเป็นไม้เก่า ด้านหน้ามีแปลงผักสวนครัวเล็กๆ นับเป็นอีกมุมหนึ่งที่คนนิยมมาถ่ายรูป
อ่างล้างมือที่ส่วนฐานก่อด้วยอิฐแดง เพื่อให้ดูเป็นสไตล์ชนบท ด้านข้าง เป็นแปลงปลูกผักสวนครัว เช่น โรสแมรี่ ผักเป็ด สะระแหน่ ซึ่งใช้ เป็นวัตถุดิบทําอาหารและเครื่องดื่ม ในคาเฟ่

สวนที่ดูน่าค้นหา ตั้งใจออกแบบให้ทางเดินในสวนมีซุ้มเป็นระยะ เพื่อให้สวนดูน่าค้นหา ทําให้รู้สึกอยากเดินเข้าไป อยากรู้ว่ามีอะไรซ่อนไว้อีกหรือไม่ซึ่งมีข้อดีคือทําให้มีมุมถ่ายรูปหลากหลาย ไม่ใช่กระจุกรอถ่ายรูปกันอยู่ที่จุดเดีย
เสาอิฐของซุ้มประตู ทําขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยเลือกใช้อิฐแดงอยุธยา ซึ่งมีขนาดก้อนที่ใหญ่กว่าอิฐมอญทั่วไป เผาด้วยความร้อนสูงกว่า เพื่อโชว์เท็กซ์เจอร์หยาบๆที่ช่วยเพิ่มมิติแต่ทําให้ดูเก่าด้วยการยาแนวและฉาบด้วยปูนขาว แล้วสกัดออกด้วยมือตามแต่อารมณ์
ลําธารในสวน ออกแบบให้เป็นเพียงแค่ลําธารตื้นๆเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กๆ โดยปลูกต้นไม้บล็อกไว้ไม่ให้เดินเข้าไปในลําธารได้ทั้งหมด เว้นเปิดบางช่วงสําหรับให้นั่งเล่นเอาขาจุ่มน้ําได้
บ่อทราย ในบริเวณบ้านต้นไม้มีความลึกประมาณ20เซนติเมตร เลือกใช้ทรายทะเล เพราะมีขนาดเม็ดทรายที่ละเอียดกว่าทรายก่อสร้าง รอบบ่อทําเป็นม้านั่งที่ก่อจากอิฐแดงและฉาบปูนทับให้เรียบ ด้านบนผูกเหล็กเพิ่มความแข็งแรง ซ่อนระบบไฟไว้ด้านใน และเปิดช่องว่างไว้เพื่อง่ายต่อการซ่อมบํารุง

เรื่อง : วชิรพงศ์ หวลบุตตา

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

เจ้าของ : คุณปรัชญา-คุณศิวาพร สิงห์โต

ออกแบบ : SukyenGarden โดยคุณศุภกิจ มีลาภ โทรศัพท์09-3325-5149

ที่ตั้ง : นิทานคาเฟ่ 23/9 ซอยกฤษณา ตําบลบางปรอก อําเภอเมืองฯ จังหวัดปทุมธานี โทรศัพท์09-5935-1139

 

สวนสไตล์ยุโรป : สวนรัก นักสะสมของเก่า

มาปลูก 5 สมุนไพรฝรั่งไว้กินเองที่สวนหลังบ้านกัน

พักผ่อนคลายร้อนในสวนริมทะเล

The post สวนจากจินตนาการในนิทาน ของ นิทานคาเฟ่ จังหวัดปทุมธานี appeared first on บ้านและสวน.

ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldog)”

$
0
0

ประวัติสายพันธุ์

บูลล์ด็อก (English Bulldog) เป็นชื่อสามัญของสุนัขสายพันธุ์ที่เรียกว่า อิงลิช บูลล์ด็อก หรือ บริติช บูลล์ด็อก โดยบูลล์ด็อกสายพันธุ์อื่น ๆ ได้แก่ อเมริกัน บูลล์ด็อก และเฟรนช์ บูลล์ด็อก โดยต้นกำเนิดของสายพันธุ์บูลล์ด็อกนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่หลายคนเชื่อว่า บูลล์ด็อกมาจากเกาะอังกฤษ โดยคำว่า “บูล (bull)” ในชื่อนั้นมาจากการที่พวกมันตกเป็นเหยื่อของกีฬาที่โหดร้ายอย่างกีฬาการต่อสู้กับวัว

ตั้งแต่กีฬาถูกห้ามในปี 1835 บูลล์ด็อกได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านที่เป็นที่ชื่นชอบ เนื่องจากมีความซื่อสัตย์และมีอารมณ์สงบนิ่ง ภายในช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมาสายพันธุ์บูลล์ด็อกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากบูลล์ด็อกมีลักษณะเฉพาะตัวโดยเป็นสุนัขที่รูปร่างตันขาสั้นมีกล้ามเนื้อแข็งแรง มีใบหน้าเหี่ยวย่นและมีลักษณะเด่นของจมูกที่หุบเข้าไปในใบหน้า โดยมี The American Kennel Club (AKC), The Kennel Club (UK) และ United Kennel Club (UKC) คอยทำหน้าที่ในการดูแลมาตรฐานการปรับปรุงพันธุ์

 

ลักษณะทางกายภาพ

บูลล์ด็อก (English Bulldog) เป็นสุนัขสายพันธุ์ที่มีลักษณะไหล่หนาและหัวที่เข้าคู่กัน โดยทั่วไปจะมีผิวหนังที่หนาบริเวณคิ้ว ตามด้วยตาที่กลมโตสีดำ ปากสั้นและจมูกมีลักษณะคล้ายเชือกพับซ้อนกันเป็นชั้นอยู่เหนือจมูก ผิวหนังใต้คอและริมฝีปากมีลักษณะห้อยและมีฟันที่แหลม ขนสั้นเรียบและเงา โดยมีสีแดง, สีน้ำตาลแกมเหลือง, สีขาว, สีเป็นลาย (มีสีผสม บ่อยครั้งพบเป็นคลื่นไม่เป็นระเบียบ) และเป็นลายแบบสลับสีจากที่กล่าวมา

ในสหรัฐอเมริกาขนาดของเพศผู้ที่โตเต็มที่ทั่วไปคือประมาณ 45 ปอนด์ และสำหรับเพศเมียที่โตเต็มที่นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 45 ปอนด์ตามมาตรฐานของอิงลิช บูลล์ด็อก ในสหราชอาณาจักรมาตรฐานสายพันธุ์คือ 55 ปอนด์สำหรับเพศผู้และ 50 ปอนด์สำหรับเพศเมีย

ในขณะที่สุนัขบางสายพันธุ์ต้องทำการตัดหางทันทีหลังจากคลอด แต่บูลล์ด็อกเป็นหนึ่งในไม่กี่สายพันธุ์ที่มีหางสั้นและเป็นเกลียวตามธรรมชาติ โดยหางที่ยกสูงขึ้นไปจากโคนหางถือเป็นข้อด้อยที่เห็นได้ชัดของบูลล์ด็อก

อายุขัย

บูลล์ด็อกมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 8-12 ปี แต่เนื่องจากปัญหาสุขภาพจำนวนมากทำให้บูลล์ด็อกมีอายุขัยสั้นเมื่อเทียบกับสุนัขสายพันธุ์อื่นที่มีขนาดใกล้เคียงกัน

 

ลักษณะนิสัย

โดยทั่วไปแล้วบูลล์ด็อกมักจะเชื่อง แต่มันก็มีความสามารถในการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วในระยะสั้น บูลล์ด็อกมีความเป็นมิตรและชอบเข้าสังคมแต่บางครั้งก็มีความดื้อรั้น โดยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 77 จาก 79 อันดับในหนังสือ The Intelligence of Dogs ของ Stanley Coren’s ว่าเป็นสุนัขที่มีความฉลาดในการปฏิบัติตามคำสั่งที่ต่ำที่สุด

ผู้ที่ทำการผสมพันธุ์ได้ทำการกำจัดความดุร้ายที่มีในสายพันธุ์ออกไป ดังนั้นบูลล์ด็อกจึงเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นสุนัขที่อารมณ์ดี บูลล์ด็อกมีความติดบ้านและครอบครัวโดยทีจะไม่กล้าออกไปนอกบ้านถ้าหากไม่มีคนพาไป เนื่องจากตามธรรมชาติแล้วบูลล์ด็อกมีความเป็นมิตรซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าสามารถเข้ากันกับเด็ก, สุนัขและสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี

การเข้ากับเด็ก

หนึ่งในลักษณะที่ดีที่สุดของบูลล์ด็อกคือสามารถเข้ากับกับเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี บูลล์ด็อกมีความอดทนและมีความสงบ, ชอบที่จะได้รับความสนใจจากทุกคน ถึงแม้ว่าสายพันธุ์นี้จะเข้าได้ดีกับผู้คนแต่การเข้าสังคมก็ยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญและควรที่จะเข้าสังคมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

English Bulldog

การดูแล

การออกกำลังกาย

บูลล์ด็อกต้องการการออกกำลังกายในระดับปานกลางทุกวัน เพื่อช่วยป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ บุคลิกของบูลล์ด็อกมีความสงบนิ่งกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ส่วนใหญ่ ถึงแม้ว่าจะมีบุคลิกที่ร่าเริงมากกว่าแต่การออกกำลังกายทุกวันก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ บูลล์ด็อกสามารถเป็นโรคอ้วนได้ง่าย ดังนั้นการดูแลเรื่องการกินอาหารและการออกกำลังกายจึงเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก

บูลล์ด็อกมีความไวต่อความร้อนมาก จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในสภาพอากาศที่อบอุ่นและในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากจมูกที่สั้นทำให้หายใจลำบากในสภาพอากาศร้อนหรือมีความชื้นดังนั้นจึงควรพยายามหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในช่วงเวลาเหล่านี้

อาหาร

การให้อาหารเป็นปัจจัยที่สำคัญมากต่อสุขภาพโดยรวมของบูลล์ด็อก เนื่องจากสายพันธุ์นี้มีการทำกิจกรรมในแต่ละวันน้อยกว่าสายพันธุ์ส่วนใหญ่ซึ่งทำให้มีแนวโน้มในการมีปัญหาเรื่องน้ำหนักได้

บูลล์ด็อกควรได้รับอาหารวันละสองครั้งและจำนวนที่ให้ขึ้นอยู่กับอายุและการทำกิจกรรมในแต่ละวัน และควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีน้ำสะอาดให้อย่างสม่ำเสมอ

 

โรคประจำพันธุ์

  • โรคผิวหนัง
    • โรคภูมิแพ้ (allergies)
    • โรคผิวหนังอักเสบจากหางเกลียว (corkscrew tail)
  • โรคระบบประสาท
    • ความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง (Spina bifida)
    • โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Intervertebral Disc Disease : IVDD)
    • ภาวะวิตกกังวลต่อการแยกจาก (Separation Anxiety)
  • โรคระบบหมุนเวียนโลหิตและหัวใจ
    • โรคหัวใจตั้งแต่กำเนิดชนิดลิ้นหัวใจพัลโมนารีตีบแคบ (pulmonic stenosis)
  • โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
    • โรคเพดานโหว่ (Cleft palate)
    • โรคกระเพาะบิด (Gastric dilatation-volvulous)
  • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
    • ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน (Hypothyroidism)
  • โรคระบบทางเดินหายใจ
    • กลุ่มอาการทางเดินหายใจของสุนัขหน้าสั้น (Brachycephalic syndrome)
    • ไส้เลื่อนกระบังลม (Hiatal hernia)
    • โรคหัวใจ (Heart Disease)
  • โรคระบบกระดูก เอ็น และข้อต่อ
    • โรคกระดูกสะบ้าเคลื่อน (Patellar luxation)
    • โรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติ (Hip dysplasia)
    • โรคข้อศอกเจริญผิดปกติ (Elbow dysplasia)
    • ภาวะผิวกระดูกอ่อนตายและแตกออก จากการขาดเลือดในชั้นใต้กระดูกอ่อนของข้อเข่า (Osteochondritis dissecans of the stifle joint)
    • โรคข้ออักเสบ (Arthritis)
  • โรคระบบเลือดและภูมิคุ้มกัน
    • มะเร็งชนิด mass cell (Mast Cell Tumors)
  • โรคตา
    • โรคหนังตาที่สามยื่นออกมาผิดปกติ (Cherry eye)
    • โรคเปลือกตาม้วนเข้าข้างใน (Entropion)
    • โรคตาแห้ง (Dry Eye : Keratoconjunctivitis Sicca)

 

เรื่อง : ธันยพร แท่นนอก

The post ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldog)” appeared first on บ้านและสวน.

ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “เชาเชา (Chow Chow)”

$
0
0

ประวัติสายพันธุ์

สุนัขพันธุ์ เชาเชา หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเชา ถือเป็นสุนัขอีกหนึ่งพันธุ์ที่มีเชื้อสายยาวนาน เชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศมองโกเลีย และถือเป็นสุนัขประจำเผ่าสำหรับใช้งานการล่าสัตว์ โดยสุนัขพันธุ์เชาเชาถูกพูดถึงตั้งแต่ในช่วง 206 ปีก่อนคริสตศักราช ในช่วงราชวงศ์ฮั่น สายพันธุ์นี้ยังถือเป็นตำนานของประเทศจีน คือ ลิ้นของเชาเชาจะมีสีเทาดำ เชื่อว่าเกิดจากการเลียชิ้นส่วนของท้องฟ้าเมื่อโลกถูกสร้างขึ้นครั้งแรก

อย่างไรก็ตามสุนัขพันธุ์เชาเชายังไม่ได้ถูกตั้งชื่อนี้ จนกระทั่งมีพ่อค้าชาวอังกฤษนำสุนัขรูปร่างหมีบางตัวเข้าไปในตู้สินค้าในช่วงศตวรรษที่ 18 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำสุนัขออกนอกประเทศ ทำให้ชื่อเชาเชา (Chow chow) ที่เป็นคำแสลงของการขนส่งสินค้าแบบสุ่ม และจากการที่สุนัขเป็นสินค้าเบ็ดเตล็ดเชาเชา จึงถูกเรียกด้วยชื่อนี้เรื่อยมา

ในช่วงปลายศตรรษที่ 19 ได้มีการก่อตั้งสมาคมสุนัขพันธุ์เชาเชาขึ้นในประเทศอังกฤษ ซึ่งสายพันธุ์นี้ได้ถูกกล่าวขานว่ามีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยจากบรรพบุรุษ และในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการนำเข้าสุนัขพันธุ์เชาเชาเข้ามาในประเทศ และได้รับการจดทะเบียนจากสาคม AKC ในปี 1903 เนื่องจากความมีเสน่ห์ และลักษณะที่น่าจดจำ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับความนิยมในกลุ่มคนทั่วไปและกลุ่มคนดัง และยังคงได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

 

ลักษณะทางกายภาพ

สุนัขพันธุ์เชาเชามีลำตัวเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีกระโหลกขนาดเล็ก มีหูขนาดเล็กรูปสามเหลี่ยมที่ส่วนปลายโค้งมน และสายพันธุ์นี้มีขน 2 ชั้นซึ่งประกอบด้วยทั้งขนเรียบและขนหยาบ โดยขนจะหนาเป็นพิเศษบริเวณคอ ทำให้มีลักษณะที่โดดเด่นคล้ายกับแผงคอ ซึ่งสีของขนมีทั้งหมด 5 สี ไม่ว่าจะเป็น สีแดงน้ำตาล สีดำ สีเทา สีเหลืองทอง และสีครีม

ตาของสุนัขควรจะตั้งลึกและรูปร่างคล้ายเมล็ดแอลม่อน และเชาเชามีลิ้นที่สีพิเศษ คือ มีสีเทาน้ำเงินหรือสีม่วง ซึ่งพบได้เฉพาะในสุนัขเชาเชา โดยยีนของสีของลิ้นเป็นยินส์เด่น ทำให้สุนัขที่ผสมกับสุนัขเชาเชามักมีจุดหรือปื้นสีม่วงที่ลิ้นเช่นกัน และเชาเชามีหางที่ม้วนงอและนอกจากนี้ยังมีขนที่หนาและมีขนหนาเป็นแถบอยู่บริเวณกลางหลังและมีจมูกสีดำซึ่งถูกจดทะเบียนในสมาคม AKC และในสมาคม FCI ยอมรับจมูกสีครีมด้วยเช่นกัน

อายุขัย

เชาเชา มีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 9-15 ปี

 

ลักษณะนิสัย

นิสัยของสุนัขเชาเชามักถูกเปรียบเทียบกับแมว โดยเชาเชามักชอบอยู่ธรรมชาติ ชอบความอิสระ รักตัวเองและขี้ขลาด และเป็นที่รักของเจ้าของ นอกจากนี้เชาเชายังเป็นสุนัขที่ฉลาดและมีความมั่นใจในตัวเอง เชาเชาเป็นสุนัขที่ไม่ต้องการความรักมากเพื่อพัฒนาศักยภาพตัวเอง

เชาเชาเป็นสุนัขที่ค่อนข้างเงียบ ต้องการกิจกรรมน้อย ทำให้สามารถเลี้ยงในห้องพักได้ต้องการเพียงพื้นที่ทำกิจกรรมเล็กน้อยให้เพียงพอต่อความต้องการต่อวัน

ถึงแม้ว่าสุนัขเชาเชาไม่มีนิสัยก้าวร้าว แต่บางทีเชาเชามีโลกของตัวเองไม่ค่อยเชื่อใจคนนอก ซึ่งสามารถลดปัญหาได้ด้วยการพาสุนัขเจอกับสุนัขตัวอื่นหรือคนแปลกหน้าตั้งแต่ยังเด็ก และจะช่วยให้เชาเชาอารมณ์ดีและเข้ากับคนอื่นๆได้ง่าย

การเข้ากับเด็ก

สุนัขพันธุ์เชาเชาสามารถเข้ากับเด็กได้ดี แต่เชาเชาไม่ชอบการเล่นแรง พวกมันจะเห่าและไม่ชอบเด็กกอดหรือเล่นแรง ซึ่งอาจทำให้เชาเชาหงุดหงิดและเริ่มก้าวร้าว จึงทำให้เชาเชาชอบที่จะเล่นกับเด็กโตมากกว่าเด็กน้อย นอกจากเชาเชาจะโตมากับเด็กน้อย

 

การดูแล

การออกกำลังกาย

สุนัขต้องการการออกกำลังประมาณ 15-30 นาทีต่อวัน เชาเชามีบรรพบุรุษเป็นสุนัขล่าสัตว์ แต่ในปัจจุบันที่ถูกพัฒนามาเป็นสัตว์เลี้ยง ทำให้เชาเชาต้องการการออกกำลังกายเพียงเล็กน้อย คือ เดินเล่นเพียงเล็กน้อยก็เพียงพออาจไม่ต้องพาไปวิ่งเล่นในสวนถึงชั่วโมง เนื่องจากสุนัขมีขนที่หนาจึงควรระวังเรื่องอากาศร้อน หากด้านนอกอากาศร้อนไม่ควรพาสุนัขเชาเชาออกไปเดินเล่นและควรให้สุนัขอยู่ในห้องที่มีอากาศเย็น

อาหาร

สุนัขเชาเชาควรได้รับอาหารเม็ดคุณภาพ 2-3 ถ้วยต่อวัน ซึ่งควรแบ่งให้เป็น 2 มื้อต่อวัน และควรมีน้ำผสมในอาหารด้วย เนื่องจากเชาเชาเป็นสุนัขที่มีช่องอกลึกเวลากลืนอาหารอาจกลืนอากาศเข้าไปด้วย การผสมน้ำเข้าไปจะช่วยลดการเกิดท้องอืดได้ และอาจเพิ่มข้าวหรือผักเข้าไปด้วย เพื่อสมดุลอาหาร ปริมาณอาหารที่ให้แตกต่างกันตามช่วงอายุ อัตราการเผาผลาญ กิจกรรมที่ทำ และน้ำหนักของสุนัข หากพบว่าเชาเชาเริ่มน้ำหนักขึ้น ควรลดปริมาณอาหารและเพิ่มกิจกรรมให้มากขึ้น

 

โรคประจำพันธุ์

  • โรคระบบประสาท
    • ภาวะวิตกกังวล (Anxiety)
    • ความวิตกกังวลต่อการแยกจาก (Separation Anxiety)
    • ความไวต่อการใช้ยาระงับความรู้สึก (Anesthesia Sensitivity)
  • โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
  • โรคระบบกระดูกเอ็นและข้อต่อ
    • โรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติ(Hip dysplasia)
    • โรคข้อศอกเจริญผิดปกติ (Elbow dysplasia)
    • การเคลื่อนหลุดของกระดูกสะบ้า (Patellar Luxation)
  • โรคระบบเลือดและภูมิคุ้มกัน
    • โรคตุ่มน้ำพอง (Pemphigus foliaceous)
  • โรคตา
    • โรคต้อหิน (Glaucoma)
    • โรคเปลือกตาม้วนเข้าข้างใน(Entropion Eyelids)
    • โรคต้อกระจก (Cataract)
    • ภาวะตาแห้ง (keratoconjunctivitis sicca)

 

เรื่อง : สุรภา ประติภาปกรณ์

The post ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “เชาเชา (Chow Chow)” appeared first on บ้านและสวน.

ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “บาเซนจิ (Basenji)”

$
0
0

ประวัติสายพันธุ์

สุนัขพันธุ์ บาเซนจิ (Basenji) ได้รับชื่อเล่นว่า สุนัขที่ไม่ค่อยเห่า (the barkless dog) เนื่องจากโดยธรรมชาติของ บาเซนจิ เป็นสุนัขที่ค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยส่งเสียง และถือเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดจนถึงปัจจุบัน โดยมีความเกี่ยวข้องทั้งในประเทศแอฟริกาและอียิปต์ ซึ่งสุนัขพันธุ์บาเซนจิตัวแรกที่ถูกนำไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งแรก ในฐานะของขวัญจากสมเด็จฟาร์โรแห่งแม่น้ำไนล์ ในปี 1940

บาเซนจิ นิยมใช้ในการฝึกทักษะในการล่า สุนัขสามารถใช้ทักษะสัญชาตญาณในการตามล่าหาชนเผ่าและพลเมืองยุคแรก ๆ เนื่องจากความถนัดในด้านการล่าทำให้สุนัขพันธุ์นี้ จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขล่าเนื้อ และในปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้เป็นที่จดจำ เนื่องจากมีลักษณะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากพันธุ์อื่น คือ หน้าผากเหี่ยวย่น, หางม้วนงอ, และมีดวงตาคล้ายกับเมล็ดแอลม่อน นอกจากนี้สุนัขบาเซนจิยังเป็นสุนัขที่มีความเป็นมิตรและฉลาดอีกด้วย

 

ลักษณะทางกายภาพ

สุนัข บาเซนจิ จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขขนาดเล็ก แต่มีความสง่างาม มีขนสั้น, หูตั้ง, หางม้วนงอขนาดเล็ก และมีคอที่สวยงาม บางคนมองว่าลักษณะของสุนัขบาเซนจิคล้ายกับกวางขนาดเล็ก นอกจากนี้ สุนัขพันธุ์นี้ยังมีบริเวณหน้าผากที่เหี่ยวย่นโดยเฉพาะในตอนเด็กและ ตอนที่แก่มาก ๆ และมีรูปทรงตาคล้ายกับเมล็ดแอลม่อน ทำให้สุนัขมีลักษณะดูเคร่งครึม

น้ำหนักเฉลี่ยของสุนัขบาเซนจิ ประมาณ 11 กิโลกรัม และสูงประมาณ 40.6 เซนติเมตร โดยปกติลำตัวจะมีรูปทรงเป็นเหลี่ยม ทำให้ความยามของลำตัวสัมพันธ์กับความสูง สุนัขบาเซนจิเป็นสุนัขที่เก่าแก่และมีความสามารถที่แตกต่างกับขนาดตัว พวกมันมีความสง่างาม มีท่าทางการเดินและวิ่งคล้ายกับม้าที่กำลังวิ่งเรียบ โดยมีหางที่ม้วนงอคอยเหยียดตึง เพื่อสร้างความสมดุลเวลาวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่

สีของสุนัขบาเซนจิมีทั้งหมด 4 แบบ คือ สีแดง, สีดำ, สามสี (สีดำร่วมกับสีแทน) และสี brindle (มีปื้นสีดำกระจายทั่วพื้นสีแดง) และทุกสีล้วนมีสีขาวร่วมด้วย จากการระบุในสมาคม  FCI, KC, AKC, และ UKC ทำให้มีความหลากหลายของสีมากขึ้น เช่น สี trindle คือ สีสามสีร่วมกับปื้นสีดำทั่วตัว เป็นต้น และมีอีกหลายสีที่พบในประเทศคองโก้ เช่น สี liver,  สีแดงเงา และ capped tricolors (creeping tan)

อายุขัย

อายุขัยเฉลี่ยของบาเซนจิอยู่ในช่วง 10-20 ปี ซึ่งจัดเป็นอายุขัยเฉลี่ยส่วนใหญ่ของสุนัขขนาดกลาง

 

ลักษณะนิสัย

สุนัขพันธุ์บาเซนจิเป็นสุนัขที่มีความรักและซื่อสัตย์กับเจ้าของ และต้องการความสนใจและเห็นอกเห็นใจจากเจ้าของ นอกจากนี้สุนัขบาเซนจิยังมีพฤติกรรมที่เฉพาะเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งทำให้บางครั้งขาดการเชื่อฟังจากเจ้าของ และยังมีพฤติกรรมนักล่าหลงเหลืออยู่ พวกมันมีแนวโน้มจะไล่ล่ากระรอกหรือกระต่ายได้ในทุกครั้งที่พาออกไปเดินเล่น ทำให้บาเซนจิมีลักษณะและพฤติกรรมที่คล้ายกับสุนัขล่าเนื้อ

เมื่อสุนัขบาเซนจิอยู่กับแมว พวกมันสามารถปรับตัวให้อยู่กับแมวได้ หากได้รับการฝึกให้อยู่ด้วยกันตังแต่อายุยังน้อย ระวังว่าสุนัขบาเซนจิอาจไม่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้าและไม่ควรเข้าใกล้สุนัขทางด้านหลังอย่างกระทันหัน

การเข้ากับเด็ก

สุนัขพันธุ์บาเซนจิมีความขี้เล่นในตัวอยู่แล้ว ทำให้สามารถเข้ากับเด็กได้ดี และเพื่อเพิ่มความมั่นใจควรเลี้ยงสุนัขให้โตมาพร้อม ๆ กับเด็ก เพื่อเพิ่มทักษะการเข้าสังคมและสามารถเข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่ายขึ้น เพื่อให้สุนัขพัฒนาพฟติกรรมการเข้ากับคนได้ดียิ่งขึ้น

 

การดูแล

การออกกำลังกาย

สุนัขพันธุ์บาเซนจิเป็นสุนัขที่ต้องการกิจกรรมสูง และต้องการการออกกำลังกาย 1-2 ชั่วโมงต่อวัน และทุกครั้งที่พาออกไปเดินเล่นควรใส่สายจูงให้สุนัขตลอดเวลา และเนื่องจากพฤติกรรมนักล่าและไม่ฟังใคร ทำให้พวกมันวิ่งไปไกลและวิ่งไล่สัตว์ขนาดเล็กที่เห็นหากไม่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด

อาหาร

สุนัขบาเซนจิ ควรได้รับอาหารคุณภาพสูงเฉลี่ย 1 ถ้วยต่อวัน โดยแบ่งให้เป็น 2 มื้อต่อวัน ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของธัญพืช เช่น ถั่วเหลือง, ข้าวโพด, และเมล็ดธัญพืชอื่น ๆ เนื่องจากจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่ายและทำให้ย่อยได้ยากมากขึ้น ส่วนปริมาณอาหารที่ให้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามช่วงอายุ อัตราการเผาผลาญ ขนาดของสุนัข และกิจกรรมที่สุนัขทำ นอกจากนี้คุณภาพของอาหารก็เป็นส่วนที่สำคัญ ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ การเจริญเติบโต ความแข็งแรง และเพื่อให้สุนัขได้รับสารอาหารที่ดีที่สุด

 

โรคประจำพันธุ์

  • โรคระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจ
    • ภาวะโลหิตจางจากการแตกของเม็ดเลือด (Pyruvate Kinase Deficiency : Hemolytic Anemia)
  • โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
    • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด MALT (Immunoproliferative Systemic Intestinal Disease)
    • ไส้เลื่อนสะดือ (Umbilical hernia)
  • โรคไตและทางเดินปัสสาวะ
    • ความผิดปกติในหน้าที่ของท่อกรองส่วนต้นของไต (Fanconi Syndrome)
  • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
    • การสร้างไทรอยด์ ฮอร์โมนบกพร่อง (Hypothyroidism)
  • โรคระบบกระดูกเอ็นและข้อต่อ
    • ข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia)
  • โรคระบบเลือดและภูมิคุ้มกัน
    • ภาวะที่เกิดการทําลายเม็ดเลือดแดง (Hemolytic anemia)
  • โรคตา
    • การบกพร่องของรอยปิดม่านตา (Coloboma)
    • การคงเหลือของเนื้อเยื่อรูม่านตา (Persistent Pupillary Membrane)
    • จอตาเสื่อม (Progressive Retinal Atrophy)
  • โรคมะเร็ง
    • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองในลำไส้ (immunoproliferative systemic intestinal disease : IPSID)

 

เรื่อง : สุรภา ประติภาปกรณ์

The post ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย “บาเซนจิ (Basenji)” appeared first on บ้านและสวน.

Viewing all 9832 articles
Browse latest View live