Quantcast
Channel: บ้านและสวน
Viewing all 9932 articles
Browse latest View live

hotel sou โรงแรมญี่ปุ่นสไตล์ลอฟต์ เล่าความเท่ผ่านเปลือกอาคารที่(ดู)รกร้าง

$
0
0

รีโนเวตตึกแถวเก่า ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 บนเกาะฟุกุเอะทางตะวันตกของจังหวัดนะงะซะกิ ประเทศญี่ปุ่น ให้กลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง พร้อมรูปลักษณ์ที่ชวนฉงนว่าที่นี่คือตึกร้างที่เพิ่งโดนทุบ! หรือโรงแรมดีไซน์เท่กันแน่? hotel sou

จากบริบทของที่ตั้งของ hotel sou ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ มีความเจริญรุ่งเรืองจากการผสมผสานของวัฒนธรรมต่างชาติที่หลากหลายผ่านการค้าขายมาตั้งแต่สมัยโบราณ กระทั่งถึงปัจจุบันก็ยังรายล้อมไปด้วยร้านกาแฟ ร้านอาหาร ถนนสายช้อปปิ้ง และอยู่ใกล้กับท่าเรือ ศักยภาพดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการรีโนเวตโรงแรมขนาด 3 ชั้น เพื่อเปิดบริการใหม่ โดยยกให้เป็นหน้าที่ของทีมสถาปนิกจาก SUPPOSE DESIGN OFFICE กับแนวคิดที่ไม่ได้ต้องการสร้างสิ่งใหม่ แต่ต้องการให้อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนกับสิ่งที่มีอยู่

ตัวอาคารด้านนอกของ ทุกคนจะได้สะดุดตากับภาพตึกสีเทาที่ถูกทุบผนังด้านหน้าออกจนเกือบหมด เหลือเพียงขอบผนังปูนที่เป็นซุ้มโค้งเผยให้เห็นเลเยอร์แบบดิบ ๆ ก่อนจะใส่บานหน้าต่างกระจกใสขนาดใหญ่ซ้อนทับอีกชั้น ลดความดิบกระด้างของโครงสร้างคอนกรีต ด้วยสวนริมระเบียงที่บริเวณห้องพักชั้น 2 – 3 ที่เน้นปลูกพรรณไม้นานาชนิดแบบเหมือนไม่ตั้งใจ ดูผสมผสานกันราวกับขึ้นเองตามธรรมชาติ

เมื่อเข้ามาด้านใน แต่ละห้องพักของที่นี่ซึ่งมีทั้งหมด 3 ประเภท คือ ห้องพักแบบสวีท ห้องพักแบบเตียงเดี่ยว และห้องพักแบบแฟมิลี่รูม โดยแขกจะสัมผัสได้กับบรรยากาศเรียบนิ่งจากคอนกรีตเปลือยไร้การปรุงแต่ง แต่อบอุ่นเป็นกันเองจากเหล่าเฟอร์นิเจอร์ไม้โทนสีอ่อนจับคู่กับงานจักสานวัสดุธรรมชาติที่ดูสว่างละมุนตา

ลดความอับทึบของอาคารลักษณะตึกแถว ด้วยการออกแบบภายในให้โปร่งโล่งจากการทุบผนังออกทั้งด้านหน้าและหลัง อันเป็นการเบลอขอบเขตระหว่างภายในกับภายนอก ที่ยอมแสงและอากาศให้หมุนเวียนถ่ายเทได้สะดวก 

อีกทั้งในแต่ละห้องพักยังจัดให้มีมุมสวนริมระเบียง ซึ่งเป็นพรรณไม้ที่พบทั่วไปในพื้นที่ เพื่อเพิ่มมุมมองสีเขียวและบดบังสายตาจากคนภายนอก เวลาออกมานั่งเล่นตากอากาศ หรือนอนแช่อ่างอาบน้ำในห้องน้ำกึ่งเอ๊าต์ดอร์ แต่ถ้าหากต้องการสร้างความเป็นส่วนตัว ก็สามารถดึงประตูบานเลื่อนที่ซ้อนหน้าบานอยู่ตรงมุมห้องออกมาปิดได้

ทั้งหมดนี้คือแนวคิดของสถาปนิกที่ต้องการถ่ายทอดให้เห็นระหว่างความสวยงามกับความไม่สมบูรณ์แบบ ผ่านการรีโนเวตที่ตั้งใจทิ้งร่องรอยการทุบพื้นที่ว่าผู้พบเห็นและเข้าพักจะรู้สึกและให้ค่าต่อสิ่งที่มองเห็นนั้นอย่างไร

ออกแบบสถาปัตยกรรม : SUPPOSE DESIGN OFFICE https://suppose.jp/
ภาพ : Kenta Hasegawa


เรียบเรียง : Phattaraphon

The post hotel sou โรงแรมญี่ปุ่นสไตล์ลอฟต์ เล่าความเท่ผ่านเปลือกอาคารที่(ดู)รกร้าง appeared first on บ้านและสวน.


มะริด ไม้ป่าเศรษฐกิจราคาแพง ผลกินได้ ให้ร่มเงา

$
0
0

มะริด ขึ้นชื่อว่าเป็นไม้ป่าที่เกือบสูญพันธุ์ไปจากไทยแล้ว แต่ช่วงนี้กลับกลายเป็นไม้เศรษฐกิจมาแรงไม่แพ้ต้นพยุง โดยเกิดจากการขยายตัวจากการเล่นเฉพาะกลุ่มไปสู่ตลาดที่กว้างขึ้น ด้วยเนื้อไม้ที่มีลายสวย ผลรับประทานได้ เป็นไม้ไม่ผลัดใบที่ให้ร่มเงาดี และปลูกเป็นรั้วต้นไม้ได้ด้วย

 

ลักษณะทรงต้นและผลของ มะริด

ผลมะริดที่ติดลูกดกอยู่บนต้น

ตามหา มะริด      

มะริดเป็นไม้ในวงศ์มะพลับ ขึ้นอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย และพม่า ในไทยขึ้นชื่อเรื่องการนำมาทำเป็นเครื่องดนตรี อาทิ ระนาด ขลุ่ย เพราะเป็นไม้เนื้อแข็งให้เสียงที่ดี แต่ภายหลังในไทยหายากมากขึ้นจนแทบจะถูกลืมและสูญพันธุ์ไป กระทั่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้มีสวนที่เพาะพันธุ์มะริดขายอย่างจริงจัง คือ สวนอาดาว จังหวัดพิษณุโลก และสวนตั้งสิน จังหวัดนครปฐม

ต้นกล้ามะริดที่จำหน่าย

มะริดพันธุ์ไทย มีเมล็ด มีผล

แม้จะชื่อมะริดเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างในสายพันธุ์ โดยมะริดในฟิลิปปินส์และที่ต่างๆ เกสรจะแยกต้นเพศผู้เพศเมีย ทำให้บางต้นไม่ติดผล ขณะที่ในไทยก็มีทั้งสองแบบ คือ แบบต้นแยกเพศ และต้นที่มีดอกสมบูรณ์เพศ สามารถติดผลได้ในต้นเดียว ไม่ต้องลุ้นว่าต้นเราจะติดผลและมีเมล็ดมาเพาะต่อได้หรือไม่ เป็นอันว่าได้ทั้งเนื้อไม้ลายสีดำ ผลเอาไว้รับประทาน และเมล็ดสำหรับเพาะ

คุณบัญชา ตั้งสิน แห่งสวนตั้งสินที่นครปฐม

แปลงต้นกล้ามะริด ที่สวนตั้งสิน ปัจจุบันมีความต้องการเป็นอย่างมาก

คุยกับสวนตั้งสิน

คุณบัญชา ตั้งสิน เจ้าของสวนตั้งสินเล่าให้เราฟังว่า 7-8 ปีก่อน ตอนเริ่มสนใจปลูกไม้ป่า ก็ไปเดินตลาดต้นไม้จตุจักร แล้วไปเจอต้นมะริดเข้า ตอนนั้นแม่ค้าขายต้นละ 250 บาท บอกว่าเป็นไม้หายาก เป็นมะริดพันธุ์ไทย ไม่ค่อยมีคนปลูก โตช้า จึงลองซื้อมาปลูกดู เพราะอยากจะอนุรักษ์ไว้ด้วย โดยการปลูกแซมไม้สวนที่มีอยู่ แต่ปลูกไว้ใกล้บ้านหน่อย เพราะต้นมีราคาแพง ประกอบกับระบบรดน้ำในสวนผลไม้เดิมเป็นการใช้เรือรดพ่นน้ำจากท้องร่อง มะริดจึงได้น้ำเยอะและชุ่มชื้นเป็นพิเศษ กลายเป็นโตเร็วมาก ไม่เหมือนกับที่คนขายบอกไว้

ร่มใต้ต้นของ มะริด ที่ปลูกเป็นร่มเงาได้ดี

4 ปีถัดมามะริดบางส่วนก็เริ่มติดผล พอปีที่ 5 ผลเริ่มติดเยอะขึ้น และเป็นต้นที่ออกผลมีเมล็ดเองทั้งหมด เป็นพันธุ์ไทยที่แตกต่างจากฟิลิปปินส์ซึ่งแยกเพศผู้เพศเมีย คุณบัญชาจึงได้เพาะเมล็ดเป็นต้นกล้าเอาไว้ จนในที่สุดตอนนั้นก็มีต้นกล้ากว่า 13,000 ต้น และคิดว่าจะทำอย่างไรดี ระหว่างซื้อที่ดินเพิ่มหรือขายต้นกล้า จึงได้ติดต่อช่องโทรทัศน์ช่องหนึ่งปรากฎว่าเขาสนใจที่จะมาถ่ายทำเรื่องต้นมะริด ก็ได้รับผลตอบรับที่ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่นั้นมา

ผลมะริด ที่ร่วงจากต้นมะริดเตรียมเพาะพันธุ์

สร้างงาน สร้างเงินอย่างไม่คาดคิด

ต้นกล้ามะริดที่ขาย คุณบัญชาคิดว่าแต่ก่อนเราซื้อมา 250 บาท ก็ขายครึ่งหนึ่งของราคาเดิมแล้วกัน เป็นราคาต้นกล้าขนาดเล็กที่ 120 บาท นอกจากนี้ยังมีต้นที่เพาะไว้ตั้งแต่รุ่นแรกๆ ในราคา 1,000 บาท 2,500 บาท และ 3,500 บาท ตามขนาดความสูง โดยปลูกไว้ในถุงขนาดใหญ่มีรากแก้ว ซึ่งมะริดขนาดใหญ่กว่า 1,000 ต้นที่เพาะไว้ ปัจจุบันก็มีเหลือไม่มากแล้ว เนื่องจากมีคนมาเหมาซื้อไปเกือบหมด ส่วนถ้าแบ่งขายเป็นผลที่ยังไม่เพาะ จะขายผลละ 150 บาท ภายในมีเมล็ด 5 เมล็ด

เนื้อและเมล็ดของผลมะริดเมื่อผ่าออกมา รสชาติเนื้อคล้ายน้อยหน่าผสมกล้วย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว

วิธีการเพาะเมล็ดมะริด

สวนตั้งสินจะนำผลมะริดที่สุกจนร่วงจากต้นมาเพาะเท่านั้น และบีบดูว่าถ้านิ่มก็พร้อมที่จะเพาะได้ แต่ถ้ายังแข็งจะทิ้งไว้ 2-3 วัน โดยมีขั้นตอนการเพาะเมล็ดมะริด ดังนี้

  1. แกะเมล็ดออกจากผล ล้างน้ำให้สะอาด
  2. แช่น้ำอุณหภูมิปกติไว้ 1 คืน
  3. นำผ้าชุบน้ำหมาดๆ มารองไว้ในภาชนะ นำเมล็ดมาวาง นำผ้าชุบน้ำมาคลุมอีกชั้น
  4. ปิดฝาภาชนะให้สนิท ไม่ให้อากาศเข้า
  5. ทิ้งไว้ 1-2 สัปดาห์รากจะเริ่มงอก 2-3 วัน เปิดดูเป็นระยะ ระวังอย่าให้ผ้าแห้ง
  6. นำเมล็ดที่งอกมาปักลงดินประมาณเกินครึ่งเมล็ด แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
  7. ตั้งไว้ในที่รำไร รดน้ำวันละครั้ง สัก 2 สัปดาห์ต้นจะเริ่มแทงราก อีกเดือนเศษจะเริ่มมีใบเลี้ยงขึ้นมา

เมล็ดมะริด ที่เริ่มงอก พร้อมปักลงดิน

วิธีการปักลงดินที่เตรียมไว้ เน้นความชุ่มชื้นแต่น้ำไม่แช่ขัง

ลักษณะดอกของต้นมะริด

กิ่งมะริด จะแตกออกไปด้านข้างจากลำต้นตรงกลาง เป็นทรงค่อนข้างชัดเจน

นิสัยของต้นมะริด

ไม้มะริดเป็นต้นไม้ที่ชอบน้ำ ชอบความชุ่มชื้น มะริดที่สวนตั้งสินมีระบบรดน้ำที่ดีด้วยสปริงเกลอร์  ปัจจุบันสามารถโตได้ถึงปีละ 1 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางปีละ 1 นิ้ว และมีการบำรุงด้วยปุ๋ยมูลไก่ผสมใยมะพร้าว ปลูกระยะห่าง 3×3 เมตร ให้ความร่มรื่นจากใบที่ดกหนา ทรงพุ่มตรงขึ้นไป กิ่งแข็งและเหนียว สามารถปลูกเป็นไม้ล้อม หรือปลูกเป็นแนวรั้วขนาดใหญ่ได้ และเป็นพืชในวงศ์เดียวกับมะพลับ

ต้นมะริดขนาดใหญ่ในถุงเพาะ ราคา 2,500 และ 3,500 บาท ตามขนาดความสูง

ราคาในอนาคต

ปัจจุบันมะริดเป็นต้นไม้ซึ่งอยู่ในบัญชีหวงห้าม 158 ชนิด สามารถปลูกและตัดได้ในที่ของเราเอง แต่ไม่อยู่ในไม้ 58 ชนิดที่ไปค้ำประกันเงินกู้ได้ เนื้อไม้มีราคาแพง ขึ้นอยู่กับลายไม้ หากใช้ไม้พะยูงเป็นเกณฑ์ก็อาจมีทั้งใกล้เคียงและต่ำกว่าไม้พะยูง แต่ไม้มะริดไม่ได้ใช้งานอย่างกว้างขวางเหมือนพะยูง คนนิยมนำไปทำด้ามปืน เครื่องดนตรี และแกะสลักพระพุทธรูป แต่ก็เหมาะกับการทำเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งเช่นกัน

ส่วนเรื่องราคาต้นกล้ามะริด คุณบัญชาให้ความเห็นว่า ปัจจุบันแม้จะขายต้นกล้าไปหลายหมื่นต้นแล้ว แต่เชื่อว่าราคาในอนาคตก็จะยังดีอยู่ เพราะความต้องการในตลาดมีสูงจนเพาะต้นไม่ทัน และกว่าที่ผลผลิตรุ่นใหม่จะออกสู่ตลาดก็น่าจะอีกนาน เพราะมะริดมีข้อดีหลายอย่างและก็เพิ่งเริ่มเป็นที่นิยม จนตอนนี้มีการนำเมล็ดพันธุ์มะริดจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้น แต่ต่างตรงที่เป็นต้นแยกเพศดังรายละเอียดที่ให้ไว้ข้างต้น

ไม้มะริด มีลายสวยงามชัดเจน ตัวไม้มะริดนี้คุณบัญชาเล่าว่าเป็นท่อนไม้นี้เป็นท่อนไม้มาจากพม่า

กิ่งมะริด ในสวนตั้งสิน ที่ตัดและลองถากดูแก่น

ขอขอบคุณข้อมูล

สวนตั้งสิน อำเภอคลองจินดา จังหวัดนครปฐม โทรศัพท์  06-1494-2993

 


ไม้ค้ำประกันเงินกู้ 58 ชนิด มีอะไรบ้าง

มารู้จักดีไซเนอร์ ที่มาปลูกป่า และเพิ่มมูลค่าให้กับไม้

มะพลับ พืชในวงศ์เดียวกัน ญาติๆ กับมะริด

 

The post มะริด ไม้ป่าเศรษฐกิจราคาแพง ผลกินได้ ให้ร่มเงา appeared first on บ้านและสวน.

คุยกับ ตื่น ดีไซน์ สตูดิโอ ถึงการออกแบบที่เน้นเสริมคุณค่าด้วยการทำความเข้าใจใน “ความหมาย”

$
0
0

แน่นอนว่าบริบทนั้นจะส่งเสริมคุณค่าให้กับงานสถาปัตยกรรม แต่การจะได้มาซึ่งคุณค่านั้นอาจไม่ใช่การทำภายในระยะเวลาอันสั้นหรือการทำอย่างฉาบฉวย การออกแบบที่เน้นเสริมคุณค่าด้วยการลงลึกไปในความหมายด้วยการค่อยๆทำความเข้าใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ

     จากความโกลาหลในกรุงเทพมหานคร กลิ่นอายทะเลเริ่มแทนที่หมอก PM2.5 ในอากาศ ตามเส้นทางยาวไกลที่มุ่งหน้าสู่จังหวัดปลายสุดของภาคตะวันออกด้วยระยะทางที่ไกลกว่า 300 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ - จังหวัดตราด เมืองซึ่งยังไม่ถูกจัดว่าวุ่นวาย ทว่าเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานพอ ๆ กับเมืองหลวง ในปี พ.ศ. 2514 ตราดได้กำเนิดร้านบะหมี่เกี๊ยวร้านแรก และยังคงเปิดขายยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน

“เขาเป็นบะหมี่เจ้าแรกของตราดคุณพ่อเข้ามาค้าขายเมื่อ50ปีที่แล้วกระทั่งถึงรุ่นลูกเขาอยากจะปรับลุคร้านใหม่ให้ทันสมัยขึ้น”

คุณภัทราวุธ จันทรังษี เริ่มเล่าถึงที่มาที่ไปของงานออกแบบปรับปรุงร้านบะหมี่เก่าแก่ ในนาม บริษัท ตื่น ดีไซน์ สตูดิโอ ให้เราฟัง

     “แทนที่เราจะเปลี่ยนลุคใหม่ให้ดูใหม่ไปเลยเราคุยกับเจ้าของว่าน่าจะลองใช้ของเดิมนี่แหละมาปรับให้ดูน่าสนใจขึ้นเราพูดกันว่าเราน่าจะ‘ปลุกตำนาน’ร้านเกี๊ยวหนองบัวกลับมาโดยมีโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้สามารถดึงคนอายุ50ปีขึ้นไปที่เป็นลูกค้าเก่าแก่กลับมาอุดหนุนพร้อมกับคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายมากเพราะกลายเป็นเหมือนเราทำสัญญาใจกันว่าเราจะไม่ได้ออกแบบแค่ตึกสวยแต่เราจะต้องทำให้เขาขายดีขึ้นต่อไปด้วย

     “ทำอย่างไรให้ร้านอยู่ได้อีก50ปีมันคงไม่ใช่ดีไซน์ที่หวือหวาหรือแฟชั่นจี๊ดจ๊าดแต่ต้องดูถ่อมตัวมากพอแต่อะไรล่ะคือตรงกลาง”

     โดยพื้นฐานทั่วไป งานออกแบบที่ดีนั้นอาจถูกวัดได้จากความสำเร็จไม่กี่ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านภาพลักษณ์หรือฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบสนองความต้องการ อย่างไรก็ตาม การทำงานของตื่น ดีไซน์ สตูดิโอนั้น พวกเขากล่าวว่า ในทุก ๆ งานพยายามมุ่งความสนใจไปสู่ประเด็นที่ลึกซึ้งกว่านั้น ด้วยความเชื่อร่วมกันว่า งานออกแบบควรเป็นสิ่งที่มากกว่าแค่ฟังก์ชันหรือสินค้า แต่เป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงจิตใจผู้คน มีความหมาย และมีคุณค่าอันนำมาซึ่งความสุขต่อผู้ใช้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ

     ร้านเกี๊ยวหนองบัว งานออกแบบปรับปรุงร้านบะหมี่เกี๊ยวและของฝากในตึกแถว 3 คูหาใกล้กับตลาดโต้รุ่งไร่รั้งในตัวเมืองตราดก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกเขาได้พยายามสร้างคุณค่าที่ดีที่สุดให้กับงาน เพื่อความสมบูรณ์ของการใช้งานในระยะยาว หากจะทำเช่นนั้นได้ พวกเขาจำเป็นจะต้องเข้าใจสิ่งที่ทำ เข้าใจบริบทแวดล้อม และเข้าใจผู้ใช้งานให้มากที่สุดก่อนเท่าที่จะเป็นไปได้

     ถ้าเปรียบเทียบกับขั้นตอนการออกแบบปกติเมื่อได้โจทย์จากลูกค้ามาดีไซเนอร์ก็จะลงไปดีไซน์แล้วใช้วิธี‘TryandError’คือดีไซน์ไปให้ลูกค้าดูว่าถูกใจหรือไม่ชอบไม่ชอบอะไรทำอย่างนี้กลับไปกลับมาจนกว่าจะพอใจร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วจึงค่อยเขียนแบบก่อสร้างคุณภคชาติ เตชะอำนวย-วิทย์ อีกหนึ่งสถาปนิกใน
ทีมกล่าว

     “แต่การทำงานของเราจะมีการรีเสิร์ชก่อนที่เราจะเริ่มดีไซน์จริงอาจจะใช้เวลามากน้อยต่างกันไปแล้วแต่โปรเจ็กต์อาจเดือนหนึ่งหรือสองเดือนเพื่อทำความเข้าใจโจทย์ร่วมกันระหว่างเรากับเจ้าของเช่นเราได้รับความต้องการมาเราต้องไปดูที่ตั้งโครงการศึกษาเกี่ยวกับเมืองศึกษาเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมเก่าที่เกี่ยวข้องกับงานแล้วต้องพยายามคุยกับเจ้าของเยอะหรือตั้งคำถามในเชิงวิเคราะห์หน่อย

     เช่นคำถามง่ายว่าชีวิตประจำวันในหนึ่งวันเขาทำอะไรบ้างห้องแบบไหนที่เขาชอบหรือถ้าได้ไปอยู่ในบ้านหลังใหม่จะเกิดอะไรขึ้นไปจนถึงคำถามอย่างถ้าคุณมีเวลาเหลืออีก6เดือนในชีวิตคุณจะทำอะไร

     ในการค้นคว้าสถาปนิกตื่นจะพยายาม
ศึกษางานออกแบบและผู้ใช้งานมากไปกว่าเรื่อง
ดินฟ้าอากาศ ทิวทัศน์รอบด้าน หรือความ
ต้องการพื้นฐาน แต่พวกเขาจะให้การทำงาน
พาเข้าไปในโลกของเจ้าของงานให้มากที่สุด และ
ทำความเข้าใจบริบทในทุกมิติเท่าที่จะเป็นไปได้ 
รวมถึงกำหนดเป้าหมายของงาน โดยไม่ใช่
เฉพาะแค่ด้านภาพลักษณ์ แต่เป็นเป้าหมาย
และคุณค่าที่เจ้าของงานและนักออกแบบ
จะเห็นร่วมกันตั้งแต่ต้น เช่น เป้าหมาย
ว่างานออกแบบนั้นจะส่งผลดีกับเมืองนั้น ๆ 
อย่างไร หรือเป็นเป้าหมายที่มีคุณค่าทางใจ
สำหรับเจ้าของโดยเฉพาะ

     ผมมองว่าจริงขั้นตอนของการออกแบบมันเป็นแค่ช่วงสั้นแต่ช่วงแรกก่อนการเกิดขึ้นของบางสิ่งที่มันจะอยู่ไปอีกนานนี้สำคัญมากจะเห็นว่าทุกโปรเจ็กต์เราจะเน้นให้เจ้าของเข้ามามีส่วนร่วมเยอะเพราะตัวเขาเองเป็นคนใช้งานถ้าเขาเข้าใจที่มาที่ไปของสิ่งที่มันจะอยู่ไปอีกนานผมว่านั่นถือเป็นประโยชน์ในระยะยาว คุณ
ภคชาติกล่าว

     “การรีเสิร์ชหรือการทำอะไรเยอะๆไม่ใช่แค่เราจะได้เข้าใจเขาแต่ผมว่าเขาจะเข้าใจเรามากขึ้นด้วย”คุณภาสพงศ์ มณี-วัฒนา อีกหนึ่งสถาปนิกในกลุ่มกล่าวเสริม“เขาจะเข้าใจกระบวนการทำงานแล้วเขาจะรู้ว่าโอเคบางอย่างที่มันต้องเป็นอย่างนี้นั้นเป็นเพราะอะไรหรือทำไมมันถึงต้องใช้เวลา”

     จึงกล่าวได้ว่า นอกจากการให้ความสำคัญกับมิติรอบด้านของตัวงาน การให้เจ้าของงานได้มีบทบาทกับงานของตัวเองอย่างมาก ก็เป็นแนวทางการทำงานที่กลุ่มสถาปนิกตื่นเห็นตรงกันว่า จะทำให้ได้งานออกแบบที่มีคุณค่ามากที่สุด มากกว่าที่ “สถาปนิก” จะเป็นผู้กะเกณฑ์ฝ่ายเดียว

เรือนพินรัตน์ บ้านไม้สองชั้นของ
ครอบครัวรอดสุดในจังหวัดพัทลุง อีกหนึ่ง
ผลงานของสำนักงาน เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ดี
ของการให้เจ้าของบ้านได้เข้ามามีส่วนร่วม
กับงานออกแบบอย่างลึกซึ้ง

     “ตัวเจ้าของบ้านค่อนข้างชัดมากว่าต้องการอะไร” คุณภคชาติเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของบ้าน “เขาถึงขนาดสเก็ตช์รูปมาให้ว่าอยากให้บ้านออกมาเป็นอย่างไรซึ่งเราก็ยึดสเก็ตช์ตัวนี้แหละเป็นเครื่องมือเราไม่ได้อยากจะสร้างหรือเปลี่ยนภาพลักษณ์อะไรใหม่เราให้ความเคารพกับสิ่งที่ออกมาจากตัวเขาซึ่งสิ่งนั้นก็คือความทรงจำโดยที่เขาอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคือส่วนผสมระหว่างความทรงจำที่เขามีกับบ้านคุณตาคุณยายเขากับชีวิตสมัยใหม่ที่เขาอยากจะเป็นในบ้านหลังนี้”

     เรือนพินรัตน์เกิดจากความคิดของคุณวิวัฒน์รอดสุด เจ้าของบ้าน ที่ต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ให้เป็นสัญลักษณ์ของการระลึกถึงและแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยนอกจากการนำไม้เก่าจากบ้านคุณตาคุณยายมาใช้ การมีมุมติดรูปคุณตาคุณยายไว้ที่มุมหนึ่งของข้างฝา การใช้รูปลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่อ้างอิงกับเรือนพื้นถิ่นภาคใต้แบบที่คล้ายกับบ้านหลังเก่า ชื่อของบ้านยังได้มาจากชื่อของคุณยายพินและคุณตาวิรัตน์ ทั้งหมดรวมกันจึงเป็นบ้านที่ประกอบขึ้นมาจากองค์ประกอบทางความทรงจำ และความหมายที่มีคุณค่าต่อเจ้าของบ้านโดยเฉพาะอย่างลึกซึ้ง

     ท้ายที่สุดการให้ความสำคัญกับการเน้นความหมายที่อยู่ในแต่ละสถานที่มากกว่าการกำหนดออกมาจากตัวนักออกแบบเอง จึงเป็นสิ่งที่กลุ่มสถาปนิกตื่นมุ่งหวังมาโดยตลอด ดังที่คุณภคชาติกล่าวสรุปในตอนท้าย

     “เรื่องนี้มันสะท้อนในวิธีคิดของพวกเราเหมือนกันคือเรารู้สึกว่าบางทีสถาปนิกหรือดีไซเนอร์นั้นไม่ได้เป็นเจ้าของความสวยงามหรือว่าสิ่งที่ออกมาจากดีไซเนอร์เท่านั้นที่มันจะสวย

ภาพสเก็ตช์บ้านของคุณวิวัฒน์ ที่ใช้สื่อสารกับทีมสถาปนิกตื่น

     “งานพื้นถิ่นหรือถ้าเป็นในเมืองถือเป็นงานแนวสตรีทดีนี่เองซึ่งล้วนแต่มีความงามติดตัวมาอยู่แล้วเพียงแต่เราจะเห็นมันหรือเปล่าความธรรมดาและความเรียบง่ายมันมีอยู่ทุกที่ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นดีไซเนอร์เท่านั้นที่จะสร้างสรรค์ความงามออกมาได้”

เรื่อง : กรกฎา, โมโนโซดา
ภาพ : ตื่น ดีไซน์ สตูดิโอ

The post คุยกับ ตื่น ดีไซน์ สตูดิโอ ถึงการออกแบบที่เน้นเสริมคุณค่าด้วยการทำความเข้าใจใน “ความหมาย” appeared first on บ้านและสวน.

บ้านและสวน | EP.36

$
0
0

ช่วงบ้าน “สุข ยืน ยาว”
ออกแบบ คุณวาริส เย็นใจ บริษัท VYN Studio
ช่วงบ้าน “บ้านบุณยัษฐิติ”
เจ้าของ ครอบครัวบุณยัษฐิติ
บูรณะการก่อสร้าง บริษัท สถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาศรมศิลป์ จำกัด
ผู้รับเหมา คุณภูมิศักดิ์ ศิระวงศ์ประเสริฐ
วิศวกรที่ปรึกษาและควบคุมงาน อาจารย์ชาตรี งามเสงี่ยม
พิพิธภัณฑ์และจัดแสดง อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ
ช่วงสรรหา “ULTIMATE”
ติดตามรายการ “บ้านและสวน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 09.30 น. ทางอมรินทร์ ทีวี เอชดี ช่อง 34
ติดตามข่าวสารได้ที่ http://www.facebook.com/BaanLaeSuanTV

The post บ้านและสวน | EP.36 appeared first on บ้านและสวน.

สรุปสิ่งที่ควรรู้และขั้นตอนปลูกผักทานเองแบบพร้อมเอาไปใช้ได้จริง

$
0
0

สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีปลูกผักทานเองแบบเร่งด่วน เราสรุปวิธีการและเนื้อหาสำคัญมาให้ทุกท่านเริ่มต้นลงมือทำกันได้แล้ว เดี๋ยวนี้!!! ไปทำกันเลย !

สําหรับผู้ต้องการปลูกผักไม้เลื้อยอย่างบวบ มะระ แตงโม บวบ ถั่วพู ถั่วฝักยาว ควรทําพื้นที่แบบซุ้มไม้เลื้อยหรือค้างสําหรับให้เถาพืชได้ยึดเกาะได้ง่าย
คนเมืองที่มีพื้นที่น้อยอาจใช้พื้นบางส่วนของอาคารในการปลูกผัก เช่น ริมกําแพง ผนังบ้าน ดาดฟ้า หรือบนหลังคา

สํารวจพื้นที่

ไม่ว่าพื้นที่ปลูกผักของคุณจะเป็นระเบียงห้อง สวนหน้าบ้าน หรือดาดฟ้า ขนาดเล็กใหญ่แค่ไหน แต่ปัจจัยสําคัญคือเรื่องแสงแดดในบริเวณนั้นต้องได้รับอย่างน้อยครึ่งวัน หากได้รับแสงแดดน้อยกว่าครึ่งวัน ควรเลือกปลูกผักที่สามารถปรับตัวได้ในแสงรําไรเช่นเตยหอมสะระแหน่ชะพลูวอเตอร์-เครส ใบบัวบก จากนั้นจึงเริ่มออกแบบแปลงให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่และชนิดผักที่ปลูก เช่น ไม้เลื้อยควรทําแปลงเป็นซุ้มหรือค้างที่มีที่สําหรับให้เถาพืชได้ยึดเกาะพื้นที่1ตารางเมตรสามารถปลูกผักได้ 3 กิโลกรัม ในเวลา 45-60 วัน ซึ่งเราสามารถปลูกผักผสมกันได้ให้เกิดความหลากหลาย

ควรยกแปลงผักเป็นเนินดินสูงขึ้นมาหรือสร้างกระบะปลูก เพื่อง่ายต่อการดูแล พื้นที่ที่มีความลาดเอียงหรือเป็นพื้นคอนกรีตควรทํากระบะหรือมีขอบแปลงชัดเจน เพื่อป้องกันดินถูกชะล้างในช่วงฝนตกหรือจากการรดน้ําต้นไม้ อาจเริ่มต้นปลูกเพียงแปลงเล็กๆหรือใส่กระถางก่อนจะขยายเป็นแปลงใหญ่ต่อไป นอกจากนี้ควรมีก๊อกน้ําหรือโอ่งรองน้ําฝนอยู่ในบริเวณใกล้ๆสําหรับรดน้ําต้นไม้ หรือทําทางระบายน้ําอย่างเหมาะสม

เราสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์จากต้นไม้ในแปลงปลูกของเราได้ โดยเลือกต้นกล้าที่แข็งแรงที่สุด โดยไม่ใช้หรือเก็บผลผลิตผักต้นนั้น เพื่อปล่อยให้ต้นเจริญเติบโตจนออกเป็นฝัก จากนั้นจึงเก็บเมล็ด ซึ่งไม่ควรเก็บในช่วงฤดูฝน
หากเมล็ดถูกแสงแดด ความร้อน และความชื้น จะทําให้อัตราการงอกของเมล็ดลดลง สังเกตวันที่ผลิตและวันหมดอายุ หากเมล็ดยังใหม่อยู่อัตราการงอกก็จะสูง ดังนั้นไม่ว่าเมล็ดจะซื้อจากซองหรือเก็บไว้หลังจากตากแห้งควรเก็บให้มิดชิด

เลือกเมล็ดพันธุ์

แน่นอนว่าคุณควรเลือกพันธุ์ผักที่ชอบรับประทานและสามารถนํามาทําอาหารได้บ่อย หาซื้อพันธุ์ได้ง่าย มีลักษณะนิสัยเข้ากับสภาพอากาศและปริมาณแสงของพื้นที่ปลูก สําหรับผู้ไม่ค่อยมีเวลาดูแลควรปลูกผักพื้นบ้านที่ทนต่อโรค มีแมลงรบกวนน้อย และปลูกง่าย อย่างพริก โหระพา กะเพรา แมงลัก มะเขือเทศ มะกรูด แตงกวา อีกทั้งยังให้ผลผลิตเร็ว สามารถเก็บมาทําอาหารได้บ่อย

หลังเก็บเมล็ดผักจากต้นแล้วควรนําไปตากแดดเพื่อไล่ความชื้นให้หมด ป้องกันเชื้อราจากนั้นจึงแกะเมล็ดใส่ซองพลาสติกหรือขวดโหลปิดสนิทและเก็บไว้อย่างมิดชิด
สูตรการปรุงดินมีหลายรูปแบบหลายส่วนประกอบ โดยใช้ทั้งปุ๋ยคอก เศษใบไม้ เศษอาหาร หัวเชื้อจุลินทรีย์ แต่สิ่งสําคัญคือต้องทําให้ดินเกิดความโปร่งและได้รับแร่ธาตุที่เหมาะสมกับต้นไม้

ปรับปรุงดิน

นอกจากนี้ยังควรเลือกเมล็ดพันธุ์อินทรีย์ที่ไม่ได้ตัดแต่งพันธุกรรมจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น องค์กรกรีนเนท หรือมหาวิทยาลัยแม่โจ้หากจําเป็นต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ ข้างซองบรรจุต้องมีเขียนว่า OP เพียงอย่างเดียว เนื่องจากเป็นเมล็ดพันธุ์ที่สามารถเก็บพันธุ์และปลูกต่อได้ ผิวของเมล็ดไม่คลุกสารเคมีเคลือบป้องกันแมลง ซองใส่เมล็ดต้องไม่ถูกแสงแดดหรือถูกฝนสังเกตวันหมดอายุ หากเมล็ดใกล้หมดอายุอัตราการงอกก็จะลดลง โดยทั่วไปควรใช้เมล็ดในซองให้หมดในวันที่เพาะปลูก หากซองเมล็ดถูกฉีกออกแล้ว สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 4 เดือน

ไส้เดือนถือเป็นสัตว์ที่ช่วยชี้วัดและสร้างความอุดมสมบูรณ์ในดิน ดังนั้นในฟาร์มอินทรีย์ทั่วไปจึงนิยมเลี้ยงไส้เดือน โดยใช้การหมักปุ๋ยคอกสําหรับเป็นอาหารให้ไส้เดือน ซึ่งต้องหมักนาน7-10วันให้ความร้อนในการหมักหายไปเสียก่อน
Keyhole คือการทําแปลงเป็นวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ6ฟุต ทําช่องคล้ายท่อตรงกลางแปลง สําหรับใส่ปุ๋ย เศษอาหาร และเศษใบไม้ ให้มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ1ฟุต สูงประมาณ3-4ฟุต เมื่อรดน้ําลงในท่อตรงกลาง ปุ๋ยหมักจากท่อตรงกลางจะบํารุงให้พืชผักเจริญเติบโต

เพาะกล้า

ดินที่มีขายทั่วไปในท้องตลาดไม่ได้มีแร่ธาตุเพียงพอต่อการปลูกผักสําหรับเป็นอาหาร จึงต้องมีการปรับปรุงดิน โดยใช้วัสดุที่เหลือจากการทําการเกษตรเดิม ทั้งลํา แกลบ และเศษอาหารในครัวเรือนมาปรับปรุง หากพื้นที่ปลูกเป็นที่ดินซึ่งยังเป็นดินเดิมอยู่ แนะนําให้ใช้ดินเดิมผสมกับปุ๋ยคอกหนึ่งส่วน(ปุ๋ยคอกคือปุ๋ยที่ทําจากมูลวัวแห้ง) และเศษผัก ผลไม้ กิ่งไม้แห้ง คลุกเคล้าให้เข้ากันในอัตราส่วน1:1 รดน้ําให้ชุ่ม ให้ได้ความชื้นประมาณ60เปอร์เซ็นต์ ใช้วิธีวัดง่ายๆ โดยรดน้ําแล้วลองใช้มือกําดินที่ผสมแล้วดู ถ้าความชื้นได้ที่จะต้องไม่มีน้ําไหลออกตามง่ามมือ และเมื่อแบมือ ดินก็ยังคงจับกันเป็นก้อนอยู่ จากนั้นหาวัสดุคลุมดิน หากไม่มีที่ก็อาจใช้วิธีใส่กระสอบบ่มดินไว้ก็ได้ เมื่อถึงกําหนดแล้วจึงนําดินที่ปรุงแล้วมาปลูก หากปลูกในแปลงหลังหมักดินให้ทิ้งไว้ประมาณ1เดือนโดยไม่ต้องทําอะไร เพื่อให้จุลินทรีย์ได้ย่อยเศษอาหารต่างๆโดยสังเกตจากการจับความร้อนในดิน ถ้ายังเกิดกระบวนการหมัก ดินที่หมักไว้จะมีความร้อนถ้ากลายเป็นเนื้อดินและเย็นก็แสดงว่าใช้ได้ ซึ่งในการเตรียมดินรอบที่สองอาจใช้เวลาเตรียมน้อยลงแค่ครึ่งเดือน เพราะดินมีจุลินทรีย์ทํางานอยู่แล้ว

วัสดุที่เหมาะสมต่อการเพาะกล้าต้องสามารถรักษาความชื้นได้ดี มีความโปร่งและระบายอากาศได้ดี ซึ่งวัสดุที่เหมาะสม ได้แก่ ขุยมะพร้าว พีตมอสส์ และปุ๋ยหมัก หากใช้ปุ๋ยหมักเป็นวัสดุเพาะ ควรผ่านการร่อนให้เป็นผงเพื่อให้ได้เม็ดปุ๋ยที่มีขนาดเล็ก

การเพาะกล้าและย้ายกล้าควรทําระหว่างเตรียมดินเพื่อไม่ปล่อยให้เสียเวลา เพราะการเพาะกล้านั้นใช้เวลาอย่างน้อย2สัปดาห์ก่อนย้ายลงแปลง ซึ่งก็จะทันเวลากันพอดี หากเป็นพืชที่มีเมล็ดใหญ่อย่างฟักทองหรือถั่ว เราสามารถทําวิธีเดียวกับการเพาะถั่วงอกได้ โดยนําเมล็ดมาแช่น้ําก่อนหนึ่งคืน จากนั้นนําเมล็ดวางบนกระดาษทิชชูที่ผ่านการชุบน้ํา พร้อมปิดด้วยทิชชูที่เปียกน้ําอีกชั้นหนึ่ง หากเป็นเมล็ดขนาดเล็กให้ทําวัสดุเพาะต้นกล้า โดยนําดินและขุยมะพร้าวมาร่อนด้วยตะแกรงหรือตะกร้าก็ได้จากนั้นผสมดินและขุยมะพร้าวที่ผ่านการร่อนแล้วอย่างละ1ส่วนและคลุกเคล้าให้เข้ากัน จริงๆแล้วจะใช้ดินร่อนละเอียดอย่างเดียวก็ได้ แต่ที่ผสมขุยมะพร้าวลงไปก็เพื่อช่วยลดปริมาณการใช้ดิน มีโพรงช่วยอุ้มน้ําและรักษาความชื้นดีกว่าวัสดุเพาะที่เป็นดินอย่างเดียว ใช้ไม้ขีดเป็นร่องลึกประมาณ3เท่าของขนาดเมล็ด จากนั้นโรยเมล็ดพันธุ์ลงไปในร่อง ใช้ดินกลบทับบางๆ นําหนังสือพิมพ์มาปิดทับ พร้อมรดน้ําให้ชุ่ม เพื่อรักษาความชื้นและกระตุ้นการงอก จากนั้นเมื่อเมล็ดงอกจนเป็นต้นกล้าแล้วค่อยย้ายลงกระถางหรือแปลงปลูกเป็นลําดับถัดไป เลือกต้นกล้าที่แข็งแรง คือ ต้นตรง ไม่คดงอ มีรากอยู่เยอะ หลังจากย้ายกล้าลงแปลงจะใช้เวลา30-45วัน ถึงจะเก็บผลผลิตได้

ปลูกผักในไข่ เพียงเจาะรูด้านล่างเล็กน้อย ใส่ดินหรือวัสดุเพาะกล้าลงไป ก็กลายเป็นที่เพาะกล้าอย่างดี เวลาจะย้ายปลูกก็เพียงบีบเปลือกไข่ให้แตกเล็กน้อย แล้วก็ฝังลงไปในดินได้เลย เพราะเปลือกไข่จะค่อยๆย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยอีกทีหนึ่ง

ระหว่างการย้าย รากต้นกล้าต้องมีดินห่อหุ้มอยู่ตลอดเวลา เพราะรากมีความอ่อนไหวต่ออากาศมาก แม้ว่ารากจะถูกอากาศแค่2-3วินาที ก็มากเพียงพอที่อากาศจะเข้าไปทําลายขนรากหรือรากขนาดเล็กเป็นจํานวนมากได้ อีกทั้งต้นกล้าควรอยู่ใต้ร่มเงาตลอดเวลา เพราะชอบอากาศและดินที่ชื้นตามธรรมชาติการย้ายต้นกล้าควรทําในตอนเย็น เพื่อไม่ให้ต้นกล้าถูกแดดตอนกลางวันเผาและรับความชื้นจากน้ําค้างในตอนกลางคืน ยิ่งหากย้ายกล้าในวันที่เมฆปกคลุมหนาแน่นด้วยจะดีมาก หลังย้ายต้นกล้าลงแปลงปลูกหรือกระถางเสร็จต้องรดน้ําให้ชุ่มทันที

ต้นไม้มีหัวในดิน เช่น แครอต หัวหอม กระเทียม จะใช้แร่ธาตุเยอะ หากปลูกต้นไม้ชนิดหนึ่งในแปลงแล้ว ในรอบสองก็ควรจะปลูกต้นไม้คนละชนิดกัน หรือจะปลูกต้นไม้สองชนิดผสมกันก็ได้
นอกจากให้ความสวยงามแล้ว ไม้ดอกยังช่วยล่อแมลงที่กําจัดแมลงศัตรูพืชในธรรมชาติได้ด้วย จากการศึกษาพบว่าดอกไม้สีเหลืองจะดึงดูดแมลงได้ดีมากที่สุด

การดูแล

รดน้ํา1-2ครั้งต่อวันตามสภาพอากาศ สังเกตด้วยว่าต้นไม้มีอาการอย่างไร การรดน้ําอย่างสม่ําเสมอครั้งละ15-20นาที โดยเฉพาะเวลาเช้าเป็นช่วงเวลาที่สําคัญที่สุด ซึ่งเราสามารถฉีดยาไล่แมลงไว้ก่อนได้เลย สูตรที่แนะนําให้ทําเป็นสูตรที่ง่ายและได้ผลที่สุด คือ นําพริกแกงในครัวเรือนมาละลายน้ําและกรองเอาน้ําที่ได้มาผสมกับน้ําธรรมดาในอัตราส่วน1:20ฉีดตอนเย็นป้องกันไว้ ประมาณ1-2ครั้งต่อสัปดาห์ ถ้ามีการปรับปรุงดินดีตั้งแต่แรก เราแทบไม่ต้องเติมปุ๋ยหมักลงไปเลย หลังจากเก็บเกี่ยวก็ปล่อยให้แปลงปลูกว่างและตากแดดให้แห้งสัก1สัปดาห์ ก่อนลงมือเพาะปลูก เพื่อลดการสะสมของเชื้อราและเชื้อโรคต่างๆ

หากต้องการเพิ่มแร่ธาตุอาหารให้ผักด้วยปุ๋ยหมัก สามารถนําดินหรือวัสดุแห้งๆอย่างกากกาแฟ เศษใบไม้แห้ง ปุ๋ยคอกแห้ง มาผสมกับเศษอาหารในครัวเรือนในอัตราส่วนที่ดูไม่แฉะเกินไป ใส่ลงในภาชนะปิดอย่างกล่องพลาสติกไว้จนกว่าจะเต็ม เมื่อเต็มแล้วก็ปิดฝา ไม่เกินหนึ่งเดือนก็จะย่อยเป็นปุ๋ยหมัก ส่วนมากใช้เพียงรอบละครั้งตอนที่ย้ายต้นลงแปลง นอกจากนี้ยังสามารถบํารุงต้นไม้ด้วยจุลินทรีย์และฮอร์โมนสังเคราะห์แสงได้เช่นกัน

อาจนําสมุนไพรรสขม เช่น สะเดา ว่านน้ํา ตะไคร้หอม ผสมลงในดินก่อนปลูก หรือผสมน้ําทําน้ําหมักสําหรับฉีดพ่นกันแมลงก็ได้ นอกจากนี้การปลูกพืชหมุนเวียนยังช่วยตัดวงจรของแมลงได้ด้วย

เรื่อง : ปัญชัช

ภาพ : ภาพประชาสัมพันธ์,คลังภาพบ้านและสวน,ฤทธิรงค์ จันทองสุข

คุยกับ “โครงการสวนผักคนเมือง” ที่ปรึกษาให้เราเริ่มปลูกผักทานเองได้

ศูนย์การเรียนรู้ที่เปิดให้ลองมาเก็บผักและไข่ไก่ออร์แกนิกด้วยตนเองกับมือ

The post สรุปสิ่งที่ควรรู้และขั้นตอนปลูกผักทานเองแบบพร้อมเอาไปใช้ได้จริง appeared first on บ้านและสวน.

Classroom Gallery

สีเกรดธรรมดา VS สีเกรดอัลตร้าพรีเมียม แบบไหนคุ้มค่ามากกว่า

$
0
0

เคยไหม? ที่คิดจะเลือกซื้อสิ่งของอะไรสักอย่างในร้านค้า แต่เมื่อเห็นสินค้าราคาถูกกว่ากลับเลือกซื้อชิ้นนั้นแทน แต่เมื่อกลับมาเปรียบเทียบคุณภาพแล้วกลับพบว่าไม่ได้ตรงตามที่ต้องการนัก เหตุการณ์แบบนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ เพียงเพราะโปรโมชั่นเรื่องราคาก็สามารถจูงใจให้เราไขว้เขวได้ แต่อย่าให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับการเลือกสีทาบ้าน เพราะการเลือก “สีทาบ้านที่ดี” นั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่สำคัญมากกว่าเรื่องราคา นั่นคือคุณภาพและความคุ้มค่าในระยะยาว

สีทาภายนอกที่ทนทานต่อสภาวะอากาศรุนแรง กันแดดกันฝน ฟิล์มสีเนียนสวยทาง่าย อาจจะเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นในการเลือกซื้อสี ในขณะที่สีทาภายในที่ดีต่อสุขภาพ ปลอดสารพิษอันตราย ในเฉดสีที่สวยงาม ก็เป็นปัจจัยสำคัญในยุคนี้เช่นกัน เห็นทีว่าการซื้อสีทาบ้านทั้งภายในและภายนอกให้เกิด “ความคุ้มค่า” จะไม่ได้หมายถึงราคาที่ถูกกว่าเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาคุณภาพที่มีระยะเวลาเป็นหน่วยคัดกรองด้วย

สีแบบไหนที่คุ้มค่า ระหว่างเกรดธรรมดาในราคาย่อมเยากับ สีเกรดอัลตร้าพรีเมียม ที่อัดแน่นด้วยคุณสมบัติมากมายนั้น แบบไหนจำเป็นต่อผนังบ้าน หรือใช้แค่สีเกรดธรรมดาทาแล้วสวยก็เพียงพอ ลองไปหาคำตอบแบบชัดๆ กับข้อเปรียบเทียบคุณสมบัติของสีทั้ง 2 ระดับกัน
สีเกรดอัลตร้าพรีเมียม

ราคาและปริมาณสีต่อตารางเมตร

จ่ายน้อย = คุ้มค่า อาจจะไม่จริงเสียทีเดียวหากเป็นการทาสีบ้าน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการเลือกประหยัดงบด้วยการเลือกเลือกสีเกรดธรรมดาที่ราคาถูกกว่าสีเกรดพรีเมียม เมื่อเปรียบเทียบในระยะยาวแล้วกลับต้องจ่ายมากกว่าเพราะคุณภาพของสีทาบ้านมักสัมพันธ์กับราคาด้วย สีเกรดธรรมดาที่มีราคาย่อมเยา อายุการใช้งานก็สั้นไปด้วย เฉลี่ยอยู่ที่ 5 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นต้องทาสีใหม่อีกครั้งเพื่อให้บ้านสวยสดใส ต่างจากสีเกรดอัลตร้าพรีเมียม ที่อัดแน่นด้วยคุณสมบัติพิเศษซึ่งผ่านการคิดค้นเพื่อผนังบ้านที่สวยทนนาน มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 15 ปี ซึ่งยาวนานกว่าสีเกรดธรรมดา เมื่อเปรียบเทียบในระยะเวลาที่เท่ากันคือ 15 ปี จะต้องทาสีเกรดธรรมดาถึง 2-3 ครั้ง แต่ทาสีเกรดอัลตร้าพรีเมียมเพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น

ทั้งนี้เปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ คือ เมื่อคำนวณราคาสีทาบ้านสำหรับพื้นที่ 300 ตารางเมตร หากใช้สีเกรดกลางจะมีค่าใช้จ่ายรวมค่าแรงช่างอยู่ที่ 30,484 บาท เฉลี่ยอยู่ที่ตารางเมตรละ 35 บาท แต่เมื่อทาสีซ้ำหลังจากสีเสื่อมสภาพจะมีค่าใช้จ่ายอีก 37,967 บาท รวมทั้ง 2 รอบจะต้องจ่ายมากถึง 68,451 บาท แต่สีเกรดอัลตร้าพรีเมียมจะมีค่าใช้จ่ายครั้งแรกอยู่ที่ 36,986 บาท เฉลี่ยตารางเมตรละ 58 บาท แต่ผนังบ้านสวยทนนานถึง 15 ปี สรุปได้ว่าในระยะเวลา 15 ปีเท่ากันสีเกรดอัลตร้าพรีเมียมจะประหยัดกว่าสีเกรดสีเกรดธรรมดาถึง 46% เลยทีเดียว
สีนิปปอน

คุณสมบัติที่บอกถึงคุณภาพ

ความคุ้มค่าอีกอย่างหนึ่งของสีเกรดอัลตร้าพรีเมียม คือคุณสมบัติที่มีประโยชน์ในแง่ต่างๆ ทั้งความทนทานต่อสภาพอากาศอากาศรุนแรง ไม่ว่าจะเป็น แดด ลม พายุฝน พื้นที่ที่เต็มไปด้วยมลภาวะทางอากาศ หรือแม้แต่บริเวณที่มีการกัดกร่อนจากความเค็มของไอทะเล ที่อาจจะทำลายสีของผนังให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น สีช่วยสะท้อนความร้อน ทนต่อรังสี UV ทำความสะอาดง่าย สามารถปกปิดรอยแตกลายงา ปกป้องผนังจากความชื้น ป้องกันคราบตะไคร่ เชื้อรา ซึ่งคุณสมบัติที่เกิดจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆ เหล่านี้หาไม่ได้ในสีเกรดธรรมดา จึงทำให้คุณภาพด้อยกว่า หลุดล่อนเร็วกว่า ทำให้อายุการใช้งานที่สั้นกว่าด้วย

สีแต่ละเกรดอายุการใช้งานต่างกัน  

นอกจากคุณภาพของฟิล์มสีที่สามารถปกป้องบ้านได้มากกว่าแล้วนั้น อายุการใช้งานของสีแต่ละเกรดก็แตกต่างกันด้วยคือ สีเกรดธรรมดา ที่มีอายุใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5 ปี สีเกรดพรีเมียม จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5-7 ปี และสีเกรดอัลตร้าพรีเมียม มีอายุการใช้งานถึง 15 ปี ซึ่งมากกว่าสีเกรดธรรมดาถึง 3 เท่า เมื่อเปรียบเทียบระยะเวลา คุณภาพที่ได้ กับราคาที่จ่ายไปนั้น การเลือกใช้สีเกรดอัลตร้าพรีเมียมจึงคุ้มค่าในระยะยาวมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ค่าใช้จ่ายแฝง และลดค่าใช้จ่ายหลัก

นอกจากราคาค่าสีทาบ้านที่ต้องจ่ายในแต่ละครั้งแล้ว ค่าแรงช่างก็เป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่บวกมาพร้อมกันเสมอ ยิ่งหากต้องทาสีหลายครั้งนั้นคือใช้งบประมาณที่มากขึ้น ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายแฝงที่บางครั้งอาจจะลืมคิดคำนวณไป เช่น ค่าเดินทางในการออกไปเลือกซื้อสี ค่าอุปกรณ์ทาสีอื่นๆ ค่าซ่อมแซมผนังคอนกรีตที่เสื่อมสภาพ ค่าขนย้ายของ เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงค่าแรงช่างที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี การทาสีบ้านหนึ่งครั้งจึงควรมีอายุการใช้งานได้ดีในระยะยาว คุณสมบัติสีที่มีคุณภาพ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายแฝงเหล่านี้ได้เช่นกัน อย่างฟิล์มสีที่ความยืดหยุ่นช่วยแก้ปัญหารอยแตกลายงาให้ผนังคอนกรีต ลดการซ่อมแซมจุกจิกที่มีค่าใช้จ่ายอยู่ด้วย

ในขณะเดียวกัน คุณสมบัติของสีเกรดอัลตร้าพรีเมียม ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในบ้านได้มากกว่าที่คิด อย่างช่วยลดการใช้ไฟฟ้าในบ้านด้วยคุณสมบัติสะท้อนความร้อน ช่วยให้บ้านเย็นลง ลดการเปิดใช้เครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นผลดีในระยะยาวทั้งต่อตัวบ้านและโลกด้วย

มีอะไรอยู่ในสีเกรดอัลตร้าพรีเมียม

นิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ (Nippon Paint Weatherbond) สีทาภายนอก เกรดอัลตร้าพรีเมียม ที่มาพร้อมคุณสมบัติที่ทนต่อสภาพอากาศรุนแรง โดยเฉพาะอากาศในประเทศไทย ช่วยปกป้องบ้านยาวนานถึง 15 ปี ด้วยเทคโนโลยี Special Cross Link จากประเทศญี่ปุ่น เสริมสร้างความแข็งแกร่งของชั้นฟิล์มสี ตั้งแต่ผิวภายนอกจนถึงโครงสร้างภายใน ทนทานต่อการเกิดคราบด่างและคราบเกลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ* ป้องกันสีซีดจางจากความชื้นภายในผนังได้ดีเยี่ยม ทนต่อรังสี UV และ Infrared ด้วย Solareflect Technology ช่วยสะท้อนรังสีแสงอาทิตย์ ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน ทำให้บ้านเย็นลงช่วยประหยัดค่าไฟจากการใช้เครื่องปรับอากาศได้ด้วย  ทั้งช่วยป้องกันคราบสกปรกฝังแน่น ทนต่อมลภาวะทางอากาศ ฝุ่น หรือคราบเขม่าควันได้ดี และด้วยเทคโนโลยี Dry Lock Technology สามารถปกปิดรอยแตกลายงา ช่วยป้องกันความชื้นและน้ำฝนซึมผ่านเข้าสู่ผนังได้ ทั้งนี้สีทาภายนอก Nippon Paint Weatherbond ยังปราศจากสารตะกั่วและปรอท มีกลิ่นอ่อน (Low  VOCs) ปลอดภัยต่อครอบครัวและสิ่งแวดล้อมด้วย

จากข้อเปรียบเทียบทั้งหมดจะเห็นได้ชัดว่า สีเกรดอัลตร้าพรีเมียม แม้จะมีราคาจำหน่ายที่สูงกว่าสีเกรดธรรมดาในปริมาณสีเท่ากัน แต่เมื่อเทียบกับคุณสมบัติที่ได้ ความคงทน ประโยชน์ในด้านต่างๆ และเทียบค่าใช้จ่ายในระยะยาวแล้วถือว่าคุ้มค่ากว่าสีเกรดธรรมดามากอย่างเห็นได้ชัด

*เพื่อประสิทธิภาพที่ดีควรใช้คู่กับ สีรองพื้นสำหรับปูนใหม่ นิปปอนเพนต์ 5100 วอล ซีลเลอร์ (Nippon Paint 5100 Wall Sealer) หรือสีรองพื้น สำหรับปูนเก่า นิปปอนเพนต์ เฟล็กซี่ซีล (Nippon Paint Flexiseal)

ระบบสีทาภายนอก นิปปอนเพนต์


สีรองพื้น สำหรับปูนใหม่ นิปปอนเพนต์ 5100 วอล ซีลเลอร์ (Nippon Paint 5100 Wall Sealer)


สีรองพื้น สำหรับปูนเก่า นิปปอนเพนต์ เฟล็กซี่ซีล (Nippon Paint Flexiseal)


สีทับหน้า นิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ (Nippon Paint Weatherbond)
ขอบคุณข้อมูลจากสี NIPPON PAINT

 Nippon Paint Decorative

 @nipponpaint

 www.nipponpaintdecor.com

 Nippon Paint Decorative

  02 463 1899

The post สีเกรดธรรมดา VS สีเกรดอัลตร้าพรีเมียม แบบไหนคุ้มค่ามากกว่า appeared first on บ้านและสวน.

ความลึกของบ่อเลี้ยงปลามีผลกับปลาอย่างไร

$
0
0

บ่อเลี้ยงปลา

บ่อน้ำตกเป็นส่วนสุดท้ายที่น้ำไหลมารวมกัน จึงมีความลึกมากกว่าส่วนอื่นๆของน้ำตก ภายในบ่อนิยมเลี้ยงปลาและปลูกไม้น้ำโดยรอบเพื่อความงาม บ่อน้ำตกแต่ละแห่งอาจมีความตื้นลึกที่ต่างกันออกไป ขึ้นกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งย่อมส่งผลต่อคุณภาพของน้ำและปลาในบ่อ  ดังข้อมูลจากเล่ม การทำน้ำตกและลำธารในสวน

บ่อเลี้ยงปลา หลายคนอยากทำบ่อเลี้ยงปลาในบ้าน ก่อนทำควรกำหนดตำแหน่งของบ่อให้ควรอยู่บนที่ราบ บริเวณใกล้ส่วนพักผ่อน  เพื่อรับมุมมองจากบริเวณที่ใช้งานบ่อยๆ และควรเป็นบริเวณที่มีร่มเงาไม่รับแสงแดดจัดตลอดทั้งวัน

รูปแบบของบ่อ มักออกแบบให้กลมกลืนกับสวนโดยรอบซึ่งมีทั้งรูปแบบธรรมชาติ และสมัยใหม่บ่อน้ำตกธรรมชาติ  มักออกแบบให้มีรูปทรงอิสระขอบบ่อมีความโค้งเว้ามีความกว้างและยาวอยู่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน และมีพื้นที่รองรับน้ำที่กว้างมากพอกับสัดส่วนโครงสร้างน้ำตกทั้งหมด บางแห่งอาจติดตั้งหัวน้ำพุรูปแบบต่าง ๆประกอบเข้าไป  รวมถึงติดตั้งไฟส่องสว่างใต้น้ำ เพื่อเพิ่มความงามยามค่ำคืน และที่สำคัญคือในบ่อควรติดตั้งหัวพ่นอากาศ ท่อน้ำหมุนเวียนจากบ่อกรอง ท่อน้ำล้น และมีสะดือบ่อในบริเวณส่วนที่ลึกที่สุดของบ่อ  จากสะดือบ่อจะมีท่อต่อไปยังบ่อกรองหรือบ่อพักต่อไป

บ่อเลี้ยงปลา

ขอบบ่อควรออกแบบให้สูงกว่าระดับพื้นสวนอย่างน้อย 5 เซนติเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจากพื้นสวนไหลลงบ่อ หากวางหินบริเวณขอบควรให้ปริ่มน้ำเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ  โดยส่วนที่จะวางหินออกแบบให้มีบ่าหรือปีกรับหินกว้างเท่ากับหรือมากกว่าขนาดหินที่วางเสมอ โดยให้บ่านี้อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำในบ่อ 15-30 เซนติเมตร หรืออย่างน้อย 5-10 เซนติเมตรอีกทั้งบ่าที่วางหินแต่ละส่วนไม่จำเป็นต้องอยู่ในระดับเดียวกัน ให้อยู่ลึกบ้าง ตื้นบ้างตามความเหมาะสม แต่เมื่อวางหินลงบนบ่ารับนี้แล้ว ส่วนหนึ่งของก้อนหินจะจมปริ่มอยู่ในน้ำ และใช้ด้านหลังของก้อนหินเป็นแนวขอบบ่อ กั้นน้ำจากพื้นสวนไม่ให้ไหลลงบ่อ อีกทั้งรอบบ่อนิยมปลูกพรรณไม้ประกอบให้ดูเป็นธรรมชาติและช่วยลดความแข็งของหิน และขอบบ่อลงได้ส่วนหนึ่ง

บ่อเลี้ยงปลา

ส่วนบ่อน้ำตกสมัยใหม่  มักออกแบบเส้นสายของขอบบ่อให้ดูเรียบง่าย เป็นเหลี่ยม กลม หรือหากมีรูปทรงอิสระ ก็จะดูเด่นชัด  ปลูกไม้น้ำที่มีเส้นสายทางตั้งอย่างกกธูป คล้าน้ำ ว่านน้ำ หรือเส้นสายแนวนอน เช่น บัว อะเมซอน ประกอบพร้อมติดตั้งไฟใต้น้ำให้สวยงาม

บ่อเลี้ยงปลา

ลักษณะบ่อน้ำตกจะมีความตื้นลึกต่างกัน ขึ้นกับวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น

  1. บ่อที่มีความลึกของระดับน้ำน้อยกว่า 40 เซนติเมตร เป็นบ่อที่นิยมใช้กับสวนน้ำตกภายในอาคาร ที่ไม่ได้รับแสงโดยตรง แต่รับแสงโดยอ้อมหรือแสงเทียม (แสงสว่างจากหลอดไฟในอาคาร) บ่อลักษณะนี้จะรับน้ำหนักไม่มากนัก พื้นบ่อโรยด้วยกรวดและหินหลากหลายขนาด เพื่อความสวยงามและเป็นธรรมชาติ

    บ่อที่มีความลึกขนาดนี้ถ้าอยู่ในสวนภายนอกอาคารและได้รับแสงแดดจัด  อาจเกิดปัญหาเรื่อเงความร้อนของน้ำในบ่อเลี้ยงปลา เกิดความขุ่นทั้งจากตะกอนที่ลอยขึ้นผิวน้ำเมื่ออุณหภูมิน้ำสูงขึ้น และเกิดตะไคร่น้ำเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าพื้นที่นั้นได้รับแสงแดดน้อย คือ ได้รับแสงแดดโดยตรงประมาณวันละไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง ปัญหาเหล่านี้ก็จะลดน้อยลง แต่ทั้งนี้ควรเลือกพรรณไม้ประกอบที่ต้องการแสงน้อยเช่นเดียวกัน
  1. บ่อที่มีความลึกของระดับน้ำตั้งแต่ 40-60 เซนติเมตร เป็นบ่อที่นิยมสร้างประกอบน้ำตก หรือใช้สำหรับเลี้ยงปลาที่มีขนาดเล็ก ได้แก่ ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลาเงินปลาทอง ปลาไน และปลากระดี่ สามารถเลี้ยงปลาคาร์ฟได้แต่ปลาจะโตช้า และหากบ่ออยู่ในพื้นที่ซึ่งได้รับแสงแดดไม่เกินครึ่งวัน และมีระบบกรองที่ดี จะทำให้คุณภาพน้ำดีขึ้น สามารถเลือกใช้พรรณไม้ประกอบได้หลายชนิด ทั้ง ไม้ใบและไม้ดอก เฟิน หรือไม้คลุมดินที่ละเลื้อยบริเวณขอบบ่อ ให้กลมกลืนกับรูปแบบสวนที่กำหนด บ่อลักษณะนี้เป็นบ่อที่สร้างง่าย และประหยัดงบประมาณในการก่อสร้าง

    บ่อเลี้ยงปลา
  1. บ่อที่มีความลึกของระดับน้ำ 0.75–1.40 เมตรหรือลึกมากกว่านี้ เป็นบ่อประกอบน้ำตกที่ใช้สำหรับเลี้ยงปลาคาร์พ หรือปลาขนาดใหญ่อื่น ๆ (แบบเน้นการเติบโตที่ดีของปลาในบ่อ ) บ่อลักษณะนี้ต้องพิจารณาเรื่องการก่อสร้างเป็นพิเศษ ทั้งในเรื่องความแข็งแรง เนื่องจากรองรับน้ำในปริมาณมาก ควรออกแบบระบบไหลเวียนน้ำ ระบบกรอง การพ่นอากาศ และการปรับแต่งคุณภาพน้ำเพื่อคุณภาพที่ดีของปลาในบ่อ

แต่เนื่องจากบ่อลักษณะนี้มีความลึก  ดังนั้นก่อนออกแบบต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของสมาชิกในบ้านด้วยว่ามีเด็กหรือผู้สูงอายุหรือไม่ ซึ่งหากมีควรออกแบบเพื่อป้องกันการพลัดตกไว้ด้วย หรือเลือกให้อยู่ในบริเวณที่ทั้งสองกลุ่มเข้าไม่ถึง

ก่อนออกแบบบ่อเลี้ยงปลา จึงควรคำนึงถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งานทุกครั้ง เพื่อกำหนดความลึกของบ่ออย่างเหมาะสม ทั้งควรพิจารณาด้วยว่า จะทำบ่อเพื่อความงามของสวนโดยมีปลาเป็นส่วนประกอบ หรือทำบ่อเพื่อการเติบโตที่ดีของปลา

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องส่วนประกอบของบ่อและการวางระบบน้ำในบ่อได้จากหนังสือ “การทำน้ำตกและลำธารในสวน”

ข้อมูล : ขวัญชัย จิตสำรวย
เรียบเรียง : ทิพาพรรณ ศิริเวชฎารักษ์
ภาพ : อภิรักษ์ สุขสัย

l l l l l l l l l l l l l l ll l l l l l l l l l l l l l ll l l l l l l l l l l l l l ll l l l l l l l l l l l l l l

https://www.google.com/search?client=firefox-b-d&q=%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2

 

 

The post ความลึกของบ่อเลี้ยงปลามีผลกับปลาอย่างไร appeared first on บ้านและสวน.


บ้านโมเดิร์นสีขาว 2 ชั้น ที่สวยรื่นรมย์ ด้วยงานศิลปะ

$
0
0

ถ้าหากเปรียบบ้านเป็นเสมือนผืนผ้าใบสีขาวที่รอศิลปินมาจรดลายเส้นและแต่งเติมสีสัน บ้านหลังนี้ก็น่าจะเป็นผืนผ้าใบที่อุดมไปด้วยศาสตร์แห่งศิลปะหลากหลายแขนง สร้างสรรค์ขึ้นโดยฝีมือของ คุณอาร์ต-อยุทธ์ มหาโสม สถาปนิกแห่ง Ayutt and Associates Design ผู้มาช่วยทำให้การใช้ชีวิตภายในบ้านมีความรื่นรมย์ยิ่งขึ้นผ่านงานศิลปะที่รายล้อมอยู่รอบตัว

สถาปนิก : Ayutt and Associates Design โดยคุณอยุทธ์ มหาโสม  www.aad-design.com

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว ระแนงกันแดด ฟาซาด
ฟาซาดอะลูมิเนียมสีขาวด้านบน ซึ่งนอกจากมีฟังก์ชันในการช่วยกรองแดดกรองฝนไม่ให้เข้าถึงตัวบ้านโดยตรงแล้ว ตัวฟาซาดเองก็เป็นประติมากรรมของบ้านที่ทำให้เกิดแสงเงาตกกระทบได้อย่างสวยงาม

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว หน้าต่าง
ผนังส่วนนี้ของบ้านเป็นด้านที่เปิดโล่งได้มากที่สุดเพราะเป็นฝั่งที่ไม่ติดกับอาคารสูง จึงเปิดเป็นช่องหน้าต่างและยังช่วยสะท้อนมุมมองสีเขียวจากต้นไม้ได้ด้วย

เพราะเรื่องราวความพิเศษของบ้านหลังนี้เริ่มต้นจากการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าของบ้านในฐานะของผู้สะสมงานศิลปะเชิงวิจิตรศิลป์กับสถาปนิกผู้ไม่ใช่เพียงแค่สะสมงานศิลปะด้วย แต่ยังให้ความสำคัญต่อศิลปะของการอยู่อาศัยควบคู่ไปกับฟังก์ชันที่จำเป็น ทำให้ทุกลายเส้นและทุกรายละเอียดที่คุณอาร์ตออกแบบขึ้นมาเป็นทั้งงานศิลปะในตัวเองและผสมผสานเชื่อมต่อกันเป็นงานศิลปะในรูปแบบที่แตกต่างไป บ้านโมเดิร์นสีขาว2ชั้น

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว ที่จอดรถ
อาคารจอดรถรูปทรงกล่องสี่เหลี่ยมสีดำบริเวณหน้าบ้านเป็นส่วนหนึ่งของการพรางตัวบ้านสีขาวด้านในไว้ให้อยู่เหนือระยะสายตา เพื่อเก็บรักษาความเป็นส่วนตัวของบ้าน พร้อมกับใช้แนวต้นไม้ช่วยบังมุมมองจากอาคารสูงโดยรอบ

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว อาคารจอดรถ
ด้านในอาคารจอดรถเป็นสเปซที่ปล่อยโล่งเพราะตั้งใจให้เป็นเหมือนประติมากรรมเท่ๆ ในตัวเอง เวลาที่มีรถเข้ามาจอดก็ยังกลายเป็นแกลเลอรี่ที่ช่วยเน้นความงามของรถให้โดดเด่นขึ้นได้

บ้านที่กลายเป็นประติมากรรม

จากหน้าบ้านปะทะสายตาแรกด้วยอาคารจอดรถรูปทรงกล่องสี่เหลี่ยมสีดำราวประติมากรรมเท่ๆ ภายในปล่อยสเปซให้เรียบโล่งเหมือนแกลเลอรี่เพื่อให้รถที่จอดอยู่ได้โชว์เสน่ห์ความงามของตัวเอง และท่ามกลางพื้นผนังสีดำนี้ยิ่งขับเน้นให้ช่องหน้าต่างขนาดเล็กด้านหลังยิ่งโปร่งสว่างขึ้น กลายเป็นกรอบรูปที่นำสายตาไปสู่สวนสีเขียวที่ซ่อนตัวอยู่ภายใน คุณอาร์ตเล่าถึงแนวคิดแรกนี้ไว้ว่า

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว สระว่ายน้ำ คอร์ต ผนังหินอ่อน
ระหว่างทางเดินเลียบสระว่ายน้ำ ฝั่งซ้ายเป็นต้นไม้สูงซึ่งเป็นแลนด์สเคปหลักของบ้าน ขณะที่ฝั่งขวาเป็นผนังหินอ่อนที่โชว์ลวดลายธรรมชาติสวยๆ ขณะที่ฝ้าเพดานสีขาวด้านบนคือระเบียงของห้องนอนที่ยื่นออกมาช่วยกันฝนให้กับทางเดินชั้นล่าง และยังเป็นฉากรับแสงเงาสะท้อนจากความเคลื่อนไหวของสระว่ายน้ำ โดยแต่ละฤดูกาลแนวองศาของแสงก็จะแตกต่างกันไป

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว ฟาซาด สระว่ายน้ำ
นอกจากแสงแดดและเงาสะท้อนในช่วงเวลากลางวันจะสร้างความน่าสนใจที่ไม่หยุดนิ่งไปบนพื้นผนังอาคารแล้ว ยามค่ำคืนแสงไฟที่ออกแบบไว้ในส่วนของสระว่ายน้ำ ฝ้าเพดาน และฟาซาดเองก็ยังงดงามไปอีกแบบ

“ผมตั้งใจใช้แลนด์สเคปเป็นงานศิลปะของตัวอาคาร เพราะที่ตั้งของบ้านนี้อยู่กลางเมืองล้อมรอบด้วยคอนโดและอาคารสูง จะทำอย่างไรให้บ้านมีความเป็นส่วนตัว ในขณะที่ไลฟ์สไตล์เจ้าของบ้านชอบเปิดพื้นที่ในบ้านเพื่อสังสรรค์อยู่บ่อยๆ ดังนั้นแค่ส่วนตัวอย่างเดียวไม่ได้ ต้องไม่รบกวนเพื่อนบ้านด้วย ผมจึงเน้นการวางเลย์เอ๊าต์ให้มีพื้นที่สวนเยอะๆ เพราะเจ้าของก็ชอบธรรมชาติด้วย การบล็อกวิวภายนอกจึงสำคัญเพื่อให้รู้สึกว่าตัดขาดจากภายนอกและเข้ามาสู่อีกโลกภายในโดยเน้นมุมมองลงไปที่ตัวแลนด์สเคป พร้อมๆ ไปกับใช้ต้นไม้สูงช่วยบังสายตาจากภายนอกไว้”

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว สระว่ายน้ำ
ผนังที่กั้นส่วนระหว่างอาคารจอดรถกับพื้นที่ในบ้านเป็นแผ่นอะลูมิเนียมทำผิวสเตนเลสให้ดูเงาคล้ายกระจก และเมื่อพับให้เป็นรูปทรงสามเหลี่ยมในองศาที่แตกต่างกันจึงกลายเป็นเหมือนประติมากรรมเท่ๆ ที่ล้อรับกับแสงเงาตกกระทบและพรางสายตาไปได้ในตัว

ดังนั้นเมื่อพ้นจากผนังที่จอดรถไปจึงมีการระเบิดสเปซออกให้เป็นสวนและสระว่ายน้ำที่กว้าง พร้อมกับมองเห็นสถาปัตยกรรมของบ้านซึ่งอยู่ทางด้านขวาทอดตัวยาวขนานไปตลอดทางเดินเลียบสระว่ายน้ำ ด้วยความที่เป็นอาคารสีขาวจึงดูเหมือนกับลอยอยู่เหนือผนังหินสีดำอมน้ำตาลด้านล่างซึ่งดึงดูดสายตาไว้ด้วยลวดลายสวยๆ จากเส้นแร่ธรรมชาติ ถือเป็นอีกหนึ่งงานศิลปะที่คุณอาร์ตเลือกใช้แทนการประดับผนังด้วยภาพเขียนแบบทั่วไป

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว คอร์ต ต้นไม้ใหญ่ ผนังหินอ่อน
คอร์ตเล็กๆ ในบ้านเป็นเหมือน Pocket Garden ซึ่งมีการก่อผนังเพื่อกั้นสายตาจากอาคารสูงด้านหลังไว้และแขวนแผ่นอะลูมิเนีมเจาะรูเพื่อให้ลมผ่านได้

ส่วนที่ตัดกับผนังหินสีดำนี้คือฝ้าเพดานสีขาวที่เชื่อมต่อไปถึงฟาซาดอะลูมิเนียมสีขาวด้านบน ซึ่งนอกจากมีฟังก์ชันในการช่วยกรองแดดกรองฝนไม่ให้เข้าถึงตัวบ้านโดยตรงแล้ว ตัวฟาซาดเองก็เป็นประติมากรรมของบ้านที่ทำให้เกิดแสงเงาตกกระทบได้อย่างสวยงาม เช่นเดียวกับผนังที่กั้นแยกอาคารจอดรถสีดำไว้ ซึ่งทำขึ้นจากเส้นอะลูมิเนียมผิวเงาพับงอเป็นทรงสามเหลี่ยมในขนาดแตกต่างกัน ด้วยคุณสมบัติคล้ายกระจกจึงช่วยสะท้อนมุมมองของสระว่ายน้ำให้ยาวขึ้นแบบ Infinity ขณะเดียวกันยังสะท้อนแสงและเงาจากสระว่ายน้ำให้กลายเป็นภาพพลิ้วไหวพรางสายตาจากคนที่มองจากอาคารสูงโดยรอบได้เช่นกัน

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว โถงนั่งเล่น งานศิลปะ
สเปซที่สูงโปร่งแบบ Double Volume ภายในโถงนั่งเล่น โดดเด่นด้วยภาพเขียนขนาด 4×5 เมตรที่ออกแบบขึ้นมาเฉพาะเพื่อให้สีสันและลวดลายต่อเนื่องกลมกลืนเป็นเรื่องราวเดียวกันกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นต่างๆ โดยรอบ

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว โถงนั่งเล่น งานศิลปะ
แนวเส้นตรงของไฟบริเวณฝ้าเพดานเหมือนจุดนำสายตาจากโถงนั่งเล่นเข้าไปสู่ส่วนรับประทานอาหารและ แพนทรี่ซึ่งปรับเปลี่ยนมาใช้การกรุผิวไม้สักเพิ่มสัมผัสของธรรมชาติมากขึ้น

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว งานศิลปะ
ภาพเขียนภายในโถงนั่งเล่นที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อให้ล้อรับกับงานตกแต่งส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโทนสีที่เลือกใช้หรือรูปทรงที่ต่อเนื่องมาถึงโคมไฟ อาร์มแชร์ทรงกลม และโต๊ะกาแฟ

จิตรกรรม วัสดุตกแต่ง และแสงแดด

ขณะที่สถาปัตยกรรมภายนอกเป็นดั่งงานประติมากรรมของบ้าน เมื่อเข้ามาสู่พื้นที่ภายใน คุณอาร์ตได้ลดความสำคัญของตัวสถาปัตยกรรมให้เป็นรองลงมา และเน้นงานตกแต่งภายในให้โดดเด่นขึ้นผ่านการวางผังสเปซและวัสดุตกแต่งที่เลือกใช้อย่างบรรจง

“เวลามองจากทางเดินริมสระว่ายน้ำเข้ามาก็จะเริ่มเห็นช่องเปิดที่นำสายตาสู่ภายในบ้าน ซึ่งมีเฟอร์นิเจอร์และภาพเขียนขนาดใหญ่ภายในโถงนั่งเล่นเป็นจุดสำคัญ เพราะภาพนี้มีขนาด 4×5 เมตร ผมสั่งผลิตขึ้นมาเฉพาะจากแกลเลอรี่ เพื่อให้มีเรื่องราวและสีสันที่สอดคล้องไปกับชุดเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด รวมถึงของตกแต่งอย่างแชนเดอเลียร์ที่สั่งทำให้เป็นแท่งอะคลิลิกทรงกระบอกมีไฟหยดลงมาเหมือนเม็ดฝน แต่ในเวลากลางวันตัวแท่งจะไปทาบทับเป็นแนวเส้นของภาพเขียนพอดี โดยโซฟาสีเทาขนาดใหญ่ของห้องนี้จะกลายเป็นเหมือนฉากหลังให้ภาพเขียนขนาดใหญ่ไป”

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว ห้องอาหาร ห้องกินข้าว แพนทรี
ผนังส่วนของแพนทรี่มุมนี้ประดับภาพเขียนที่เจ้าของบ้านสะสมไว้ เป็นภาพที่ศิลปินวาดพอร์เทรตทับซ้อนไปบนภาพอีกที ขณะที่ส่วนเคาน์เตอร์และผนังของแพนทรี่เองก็โดดเด่นด้วยลวดลายจากเส้นแร่ธรรมชาติของหินอ่อนที่สถาปนิกตั้งใจเลือกให้มีความต่อเนื่องกันไป

ด้วยการวางผังพื้นที่ชั้นล่างแบบ Open Plan เพื่อรับกับไลฟ์สไตล์เจ้าของบ้านที่ชอบสังสรรค์ ทำให้เกิด สเปซเชื่อมต่อกันระหว่างโถงนั่งเล่น ส่วนรับประทานอาหาร ยาวไปจนถึงแพนทรี่ โดยโซนนี้มีความพิเศษอยู่ที่ผนังหินอ่อนของแพนทรี่ที่มีลวดลายสีขาวดำจากเส้นแร่ธรรมชาติเชื่อมต่อมาถึงเคาน์เตอร์ครัวและตัวไอส์แลนด์ มองเห็นได้จากระยะสายตาและจะยิ่งชัดขึ้นเมื่อเดินจากบันไดชั้นบนลงมา กลายเป็นงานศิลปะชิ้นสวยในมุม     แพนทรี่ นอกเหนือจากภาพเขียนประดับผนังซึ่งเจ้าของบ้านสะสมไว้เอง

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว ห้องรับประทานอาหาร ห้องกินขาว ผนังหินอ่อน
ความประณีตของงานออกแบบภายในเห็นได้จากแนวเส้นเนี้ยบๆ ของการต่อผนังกรุวีเนียร์ไม้สัก แนวการวางเฟอร์นิเจอร์ และแนวของขั้นบันได รวมถึงลวดลายของหินอ่อนที่ใช้ สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือแนวตกกระทบของแสงแดดจากช่องหน้าต่างชั้นบนที่พาดผ่านลงมาที่บันไดแล้วหักเหเหลือเป็นลำแสงเล็กๆ ใต้บันได กลายเป็นศิลปะสวยๆ ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว
สีสันและลวดลายจากหินอ่อนที่ผนังและเคาน์เตอร์ของแพนทรี่ส่งต่อไปถึงแนวทางการเลือกรูปทรงของสตูลทรงกลมที่มีพนักคล้ายกระบอกทรงคอดสีดำให้มีเรื่องราวเดียวกัน

“นอกจากหินอ่อนที่เลือกใช้ในมุมแพนทรี่แล้ว ตัวขั้นบันไดที่ต่อเนื่องจากมุมแพนทรี่เองก็เป็นหินอ่อนที่มีลายต่อกันอย่างกลมกลืน สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมตรงนี้คือแนวตกกระทบของแสงจากช่องหน้าต่างด้านบนลงมาที่บันไดแล้วถูกเบรกไว้ด้วยราวจับเล็กๆ สีดำติดผนังไม้ ก่อนจะลอดผ่านลงมาเป็นลำแสงเล็กๆ ใต้บันไดอีกที การหักเหของแสงเงาที่เกิดขึ้นนี้เหมือนเป็นงานศิลปะจากธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาในแต่ละวัน และยังกลายเป็นนาฬิกาแสงแดดให้เจ้าของบ้านนั่งชมได้อย่างสนุกทั้งวัน”

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว บันได
ราวกันตกที่เป็นกระจกวงรีนอกจากไม่บดบังความงามของขั้นบันไดหินอ่อนแล้ว ยังช่วยสะท้อนสีเขียวจากสวนเข้ามาสร้างความสดชื่นภายในบ้านด้วย

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว ห้องทำงาน
ห้องทำงานเน้นความเรียบและสงบนิ่งแบบญี่ปุ่นโดยตกแต่งพื้นด้วยเสื่อทาทามิและประตูบานเลื่อนกรอบไม้ มองออกไปเห็นคอร์ตต้นไม้เล็กๆ ที่มีผนังด้านหลังเป็นหินอ่อนลายสวย

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว ห้องน้ำ อ่างอาบน้ำ
พื้นและผนังภายในห้องน้ำกรุด้วยหินอ่อนสีเขียวจากอิตาลี เป็นงานท้าทายของสถาปนิกที่เปลี่ยนความคุ้นชินจากการใช้หินสีขาวดำแบบโมเดิร์นทำให้ดีไซน์มีความแตกต่างเฉพาะตัวมากขึ้น และยังตั้งใจวางตัวอ่างอาบน้ำรูปทรงรีไว้กลางห้องให้สวยเด่นเหมือนงานประติมากรรม โดยมีแสงเงาธรรมชาติมาเพิ่มมิติให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น

ศิลปะในการใช้ชีวิต

แนวคิดการใช้ลวดลายจากหินอ่อนมาช่วยสร้างเส้นสายงานศิลปะสวยๆ บนผนังยังคงมีให้เห็นชัดเจนที่ห้องน้ำใหญ่ภายในห้องนอน เพราะด้วยความชื้นของห้องทำให้ไม่สามารถประดับภาพเขียนใดๆ ได้ ขณะเดียวกันก็ยังใช้ตัวอ่างอาบน้ำรูปทรงวงรีเท่ๆ มาวางไว้กลางห้องให้ดูสวยเด่นเหมือนประติมากรรมชิ้นเอก ผสมผสานไปกับการประดับภาพเขียนแนวแอ็บสแตร็กท์ที่ผนังภายในห้องนอน แต่เหนืออื่นใดแล้ว ทั้งหมดนี้อาจกลายเป็นแค่แกลเลอรี่สวยๆ ที่ดูเงียบเหงาเกินไปก็ได้ หากไม่มีผู้อยู่อาศัยเข้ามาเติมเต็มให้ทุกๆ พื้นที่ที่ออกแบบไว้มีชีวิตชีวาขึ้นราวกับว่าเป็นงานศิลปะจัดวางที่ต้องอาศัยปฏิสัมพันธ์ต่อบริบทแวดล้อมเพื่อให้เป็นงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว ห้องแต่งตัว
มุมเปิดโล่งภายในห้องแต่งตัวที่มองออกไปเห็นห้องนอนด้านขวาและภาพเขียนในห้องทำงานด้านซ้ายได้ เพื่อคลายความอึดอัดจากผนังซึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าทั้งหมด โดยมีเคาน์เตอร์หินอ่อนสีขาวเป็นเหมือนประธานอยู่กลางห้อง

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว ห้องน้ำ อ่างอาบน้ำ
ผนังห้องน้ำฝั่งที่ติดอาคารสูงตกแต่งด้วยกลาสบล็อกทั้งหมดเพื่อกั้นมุมมองความเป็นส่วนตัวไว้ภายในแต่ยังคงได้แสงสว่างจากธรรมชาติได้ โดยใช้วิธีการเรียงบล็อกแก้วคละแบบเพื่อสร้างแพตเทิร์นให้ดูทันสมัยขึ้น

art modern house บ้านโมเดิร์นสีขาว
ผนังสูงที่ก่อขึ้นมาเพื่อกั้นสายตาจากอาคารภายนอกส่วนนี้แขวนด้วยแผ่นอะลูมิเนียมเจาะรูเพื่อให้ลมผ่านได้และยังช่วยดูดซับเสียงเพลงที่เจ้าของบ้านเปิดบริเวณสระว่ายน้ำ ขณะเดียวกันยังสะท้อนมุมมองความเขียวของต้นไม้ต้นเดียวนี้ให้ดูมากขึ้นด้วย

เรื่อง : ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์

ภาพ : เฉลิมวัฒน์ วงษ์ชมภู


บ้านโมเดิร์นทรงจั่ว

บ้านโมเดิร์นสีขาวที่ให้แสงธรรมชาติขับเคลื่อน

บ้านโมเดิร์นมินิมัลอยู่สบายเหมือนรีสอร์ท

 

 

The post บ้านโมเดิร์นสีขาว 2 ชั้น ที่สวยรื่นรมย์ ด้วยงานศิลปะ appeared first on บ้านและสวน.

Exotic Tropical Blossoms กลิ่นหอมที่คนรักบ้านและรักธรรมชาติต่างหลงใหล

$
0
0

คงยากจะปฏิเสธว่าแหล่งท่องเที่ยวในเขต Tropical หรือเขตร้อนชื้น นั้นชวนให้น่าหลงใหล ด้วยความชุ่มฉ่ำในบางช่วงฤดูที่มีฝนโปรยปราย แต่ในช่วงหนึ่งของวันก็อาจจะได้เห็นแสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าชวนฝัน แม้ในฤดูร้อนที่มีแสงแดดแผดเผาแต่ก็ยังได้สัมผัสกับสายลมเย็นริมทะเล ทั้งป่าเขา ทะเลใส ล้วนแต่เป็นเสน่ห์ที่น่าดึงดูให้ชวนเข้ามาสัมผัสทั้งสิ้น



ด้วยความหลากหลายของแมกไม้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและแปรผันตามสภาพภูมิอากาศ ได้สร้างสรรค์กลิ่นหอมรัญจวณใจในแบบเฉพาะ ทั้งจากดอกไม้ที่มอบความผ่อนคลาย หรือแม้แต่ผลไม้บางชนิดที่มอบความสดชื่น ตื่นตัว เมื่อยามได้ใกล้ชิด ซึ่งอัตลักษณ์ของกลิ่นหอมที่มีผลต่อความรู้สึกเหล่านี้ ถูกหลอมรวมไว้ใน Glade กลิ่น Exotic Tropical Blossoms น้ำหอมปรับอากาศที่จะพาไปสัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติแม้อยู่บ้านก็ตามที
Glade กลิ่น Exotic Tropical Blossoms ผสมกลิ่นหอมนุ่มนวลจากดอกไม้ในเขตร้อน ทั้งลีลาวดี ดอกมะลิ ดอกelderflower หลอมรวมกับกลิ่นของผลไม้ที่กระตุ้นความสดชื่นที่จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกรีเฟรซ ไม่ว่าจะเป็นส้มสีเลือด แตงโม กีวี มะม่วง พร้อมกันนี้ยังเติมความหวานนุ่มให้เกิดความอบอุ่นชวนฝันด้วยมะพร้าว วนิลา และอำพัน เกิดเป็นกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่จะพาให้ทุกคนเกิดความผ่อนคลาย สดชื่น เสมือนได้เดินทางออกไปเที่ยวในดินแดนที่ล้อมรอบด้วยป่าทรอปิคัลแต่มีกลิ่นหอมนุ่มของกลิ่น Exotic Tropical Blossoms เป็นโอเอซีสให้สัมผัสอย่างลุ่มหลง
แต่สำหรับคนรักบ้านที่สวรรค์ของการพักผ่อนคือได้ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สงบ ในพื้นที่ส่วนตัวที่มอบความปลอดภัย และผ่อนคลายให้ทุกครั้ง แต่ก็หลงรักกลิ่นหอมละมุนของแมกไม้ ดอกไม้ ที่ผลิบานท่ามกลางความชุ่มฉ่ำของป่าทรอปิคัล หลงใหลเสียงคลื่นริมหาดท่ามกลางแสงแดดอุ่นของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า และต้องการเก็บความรู้สึกในขณะนั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน เพื่อสร้างสัมผัสให้เป็นเสมือนสถานที่ท่องเที่ยวในเขต Tropical ได้ทุกวัน ก็สามารถเปลี่ยนบ้านให้มีบรรยากาศเช่นนนั้นได้ด้วย Glade กลิ่น Exotic Tropical Blossoms หลายรูปแบบทั้ง Glade Automatic Spray สเปรย์ปรับอากาศดีไซน์โมเดิร์นที่ออกแบบให้วางตกแต่งบ้านได้ ใช้งานง่ายเพียงสามารถตั้งเวลาฉีดพ่นแบบอัตโนมัติและถอดเปลี่ยนขวดสเปรย์ได้ Glade Spray สเปรย์ปรับอากาศแบบหัดฉีด สะดวกในการเคลื่อนย้าย กำจัดกลิ่นเฉพาะจุดได้สะดวกรวดเร็ว และ Glade Scented Gel น้ำหอมปรับอากาศในรูปแบบเจล เพื่อการใช้งานในพื้นที่แคบหรือที่อับชื้น ให้กลิ่นหอมยาวนานด้วยการปล่อยกลิ่นแบบช้าๆ ไม่เกิดกลิ่นฉุนรุนแรง กระจายความหอมได้ตามจุดต่างๆ ที่ต้องการ
ไม่ว่าไลฟ์สไตล์จะชอบท่องเที่ยวหรือหลงใหลการใช้ชีวิตในบ้าน ก็สามารถสะท้อนความชอบให้เป็นหนึ่งได้ด้วยกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์ และสื่อถึงความงามของธรรมชาติผ่านกลิ่นสัมผัสได้ในทุกวันด้วย Glade กลิ่น Exotic Tropical Blossoms จัดจำหน่ายที่ร้านค้าชั้นนำทั่วไป

The post Exotic Tropical Blossoms กลิ่นหอมที่คนรักบ้านและรักธรรมชาติต่างหลงใหล appeared first on บ้านและสวน.

5 วิธีฆ่าเชื้อไวรัสในบ้าน อย่างได้ผล

$
0
0

วิธีฆ่าเชื้อไวรัส ในบ้าน เป็นหนึ่งในคำถามที่ถูกถามเข้ามามากในช่วงนี้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 อีกครั้งหนึ่ง เพราะไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยเท่ากับบ้านแสนรักของเรา แต่คงจะดีถ้าได้มี วิธีฆ่าเชื้อไวรัส ที่สามารถมั่นใจได้ วันนี้บ้านและสวนจึงอยากนำเสนอ วิธีการฆ่าเชื้อไวรัสในบ้าน อย่างได้ผลให้กับคุณผู้อ่านไว้เป็นแนวทางต่อไป

อ่าน : โคมไฟ โซล่า โคมไฟโซลาร์เซลล์ ติดตั้งเองได้ ไม่ง้อช่าง

1.การฆ่าเชื้อไวรัสด้วย เคมี

หรือการพ่นฆ่าเชื้อ คือการฆ่าเชื้อโรคโดยการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคด้วยเครื่องพ่นละอองฝอย หรือเครื่องพ่นหมอก พ่นละอองฝอย (Misting Sanitize) มักใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูง (High-Level disinfectant) อย่าง กลูตารัลดิไฮด์(glutaraldehyde) และสารอื่น ๆ ตามสูตรของแต่ละบริษัท ที่เราสามารถตรวจสอบการอนุญาตผลิตภัณฑ์ประเภทวัตถุอันตรายเหล่านี้ได้ โดยดูจากฉลากบรรจุผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองคุณภาพจากอย. หรือเข้าไปสืบค้นที่เว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำยาฆ่าเชื้อเหล่านั้นเหมาะสมกับการนำมาใช้งานตามพื้นที่พักอาศัยได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

ขั้นตอน

เจ้าหน้าที่ประเมินหน้างานและจัดเตรียมพื้นที่ก่อนพ่นน้ำยา โดยต้องมีการคลุมอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับอาหารหรือเครื่องนุ่งห่ม เพราะน้ำยาฆ่าเชื้ออาจสร้างความระคายเคืองต่อผิวหนังได้ จากนั้นจึงทำการพ่นน้ำยา และปิดห้องทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในห้องค่อย ๆ ระเหย ก่อนเปิดระบายอากาศประมาณ 2 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยเพื่อความปลอดภัย

ค่าใช้จ่าย
ราคาเหมาเริ่มต้นที่ 2,000 บาท/สำหรับพื้นที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตร ขึ้นไป

ระยะเวลาปลอดเชื้อ

น้ำยาฆ่าเชื้อสามารถคงประสิทธิภาพอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน ด้วยการฉีดพ่นเป็นละออง พื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยละอองขอน้ำยาจึงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคต่อไปได้อีกระยะเวลาหนึ่งตามการใช้งาน

ข้อดี

  • ฆ่าเชื้อโรคได้ตรงจุด สามารถกำหนดคุณสมบัติเพื่อประสิทธิภาพที่ตรงตัวได้
  • ควบคุมพื้นที่และเข้าถึงพื้นที่ที่ต้องการได้ละเอียดกว่า
  • สามารถคงประสิทธิภาพได้ยาวนานกว่า

ข้อสังเกต

  • อาจมีสารตกค้างมากน้อยขึ้นอยู่กับสารที่ใช้ในการฆ่าเชื้อ
  • มีราคาเริ่มต้นที่สูงกว่าการอบโอโซน แต่สำหรับในพื้นที่ขนาดใหญ่ก็ถือว่าคุ้มค่าเเละเหมาะสมกว่า
  • ต้องสอบถามถึงน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ผู้ให้บริการเลือกใช้ว่ามีสารที่เป็นอันตรายหรือไม่

ผู้ให้บริการ

  1. บริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
  2. Sureclean : www.facebook.com/surecleanthailand
  3. Thaiskyclean : thaiskyclean.co.th
  4. Rentokil : rentokil.co.th/infection-control

คุณสมบัติในการขจัดเชื้อโรค

น้ำยาฆ่าเชื้อโรคจะมีกลไกการทำลายเชื้อไวรัส คือเมื่อน้ำยาสัมผัสกับเชื้อโรคจะเข้าไปละลายไขมันในผนังเซลล์ หรือทำให้โปรตีนและกรดนิวคลิอิกของไวรัสเสียสภาพไป

ถ้าหากว่าพื้นที่ของคุณนั้นเป็นพื้นที่กึ่งสาธารณะที่มีการใช้งานมาก หรืออาจจะต้องการการฆ่าเชื้อโรคที่ตรงจุดมั่นใจได้ การพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคก็จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ๆ เช่น โรงงาน  ห้างร้าน หรือบริษัทต่าง ๆ การอบโอโซนจะไม่สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ทั่วถึง ในขณะที่การพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในพื้นที่ขนาดใหญ่นั้นจะมีความคุ้มค่าเเละมีประสิทธิภาพการควบคุมเชื้อโรคได้ดีกว่า เเถมป้องกันในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะพิจารณาเลือกใช้วิธีการใดให้เหมาะสม เพื่อป้องกันสุขภาพจากเชื้อโรคร้ายที่นับวันจะทวีความรุนเเรงมากขึ้นทุกที

2.การฆ่าเชื้อไวรัสด้วย Ozone

โอโซน หรือ o3 ก๊าซโอโซน คือ ก๊าซออกซิเจนในสถานะพิเศษที่มีโครงสร้าง 3 อะตอม เกิดจากโมเลกุลออกซิเจนได้รับพลังงานจากแหล่งพลังงาน เช่น ฟ้าผ่า แสง UV โคโรน่าดิสชาร์จ จึงเกิดการแตกตัว และรวมเป็น  3  อะตอม ซึ่งจะคงสภาพอยู่ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง

ขั้นตอน

เจ้าหน้าที่ประเมินหน้างาน อาจทำความสะอาดเบื้องต้นก่อนหรือไม่ก็ได้ จากนั้นจะทำการปล่อยโอโซนอบไว้ในห้องเพื่อฆ่าเชื้อ โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง และปล่อยทิ้งไว้อีก 1 ชั่วโมงเพื่อรอให้โอโซนสลายตัว จึงสามารถใช้งานห้องนั้นต่อได้ทันที

ค่าใช้จ่าย

ตารางเมตรละ 20-50 บาท สามารถเริ่มต้นในพื้นที่เล็ก ๆ ได้

ระยะเวลาปลอดเชื้อ

เชื้อในห้องจะตายหมดหลังการอบ แต่เนื่องจากโอโซนจะสลายไปจนหมดภายในเวลา 0.5-1 ชั่วโมง ทำให้เชื้ออาจกลับเข้าสู่ภายในห้องได้ใหม่ การอบโอโซนจึงเหมาะกับพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่พลุกพล่าน เช่น ออฟฟิศขนาดเล็ก หรือบ้านเรือนที่พักอาศัยส่วนตัวมากกว่า เพราะสามารถควบคุมการใช้งานได้ดีกว่าพื้นที่ขนาดใหญ่หรือพื้นที่สาธารณะ

ข้อดี

  • ไม่มีสารตกค้าง จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาว
  • ไม่จำเป็นต้องเก็บห้องเพื่อเตรียมอบโอโซน
  • สามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ
  • ราคาย่อมเยา

ข้อสังเกต

  • โอโซนสลายไปอย่างรวดเร็วหลังเสร็จสิ้นขั้นตอน
  • ไม่เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่

ผู้ให้บริการ

  1. q-chang : q-chang.com
  2. Home Pro : homepro.co.th
  3. Inmindclean : inmindclean.com

หลักการในการขจัดเชื้อโรค เมื่อก๊าซโอโซนไปจับกับตัวเชื้อโรคจะเกิดการแตกตัวเป็น O + O2 และออกซิเจนอะตอมนี้เองที่จะเข้าไปทำลายผนังเซลล์ ทำให้เชื้อโรคทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียสลายไป ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทำการปล่อยโอโซนอบไว้ในห้อง 2-3 ชั่วโมง แม้ว่าโอโซนจะเป็นรูปแบบหนึ่งของออกซิเจน และมีสภาพเป็นพิษเมื่อมีความเข้มข้นมากกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลิตรในอากาศ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ปิดเครื่องผลิตโอโซนและปล่อยห้องทิ้งไว้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง โอโซนภายในห้องจะสลายจาก O3 เป็น O2 จึงรับรองว่าไม่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยเเน่นอน

สำหรับผู้ที่ต้องการฆ่าเชื้อในพื้นที่ที่ไม่ใหญ่โตมากนัก รวมทั้งไม่ต้องการที่จะต้องจัดเตรียมพื้นที่ “การอบโอโซน” อาจจะเป็นคำตอบที่ดี อีกทั้งราคาเริ่มต้นของบริการยังย่อมเยาว่าการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีสารตกค้างในพื้นที่อย่างแน่นอน

3.การป้องกันเชื้อไวรัสด้วย แผ่นกรองอากาศ HEPA H14

ช่วงปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะด้วย โควิด 19 หรือ PM 2.5 ต่างก็ผลักดันให้เครื่องกรองอากาศกลายเป็นหนึ่งในอุปกร์ประจำบ้านที่สำคัญ และเครื่องกรองอากาศที่ใช้ไส้กรองแบบ HEPA ก็เรียกได้ว่าเป็นพระเอกของเรื่องนี้เลยทีเดียว แต่ไม่ใช่ HEPA ทุกประเภทจะละเอียดพอที่จะป้องกันไวรัสได้ เราจึงอยากแนะนำให้รู้จัก HEPA H14 กัน

HEPA FILTER คืออะไร? HEPA หรือที่ย่อมาจากคำว่า “High Efficiency Particulate Air Filter” จัดเป็น แผ่นกรองอากาศคุณภาพสูง ทำมาจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) ถักทอจนมีขนาดที่เล็กมากๆ จนมันมีความสามารถ ในของการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กมากๆ (Small Particles) ได้เป็นอย่างดี

HEPA Filter ที่นิยมคือระดับ H13 นั้นสามารถดักจับฝุ่นที่มีอนุภาคเล็ก 0.3 ไมครอน แต่ไวรัสโดยทั่วไปมีขนาดประมาณ 0.125 ไมครอน  การเลือกใช้ HEPA Filter จึงควรเจาะจงที่ระดับ H14 จึงจะสามารถกรองได้ถึงระดับ 0.1 ไมครอน และป้องกันเชื้อไวรัสได้นั่นเอง

จุดเด่นของการเลือกใช้เครื่องกรองอากาศ คือ เป็นวิธีการจัดการกับไวรัสที่คุกคามต่อสิ่งมีชีวิตน้อยที่สุด เพราะเน้นการดักจับและกรองให้เหลือแต่อากาศบริสุทธิ์ออกมานั่นเอง ทั้งยังช่วยกรองฝุ่นและมลพิษให้กับห้องได้อีกด้วย เหมาะกับบ้านที่มีเด็กๆ อาจใช้ร่วมกับการฆ่าเชื้อโรคด้วยระบบแสง UV ประดิษฐ์ ในช่วงเวลาที่ไม่มีคนใช้ห้องก็จะได้ประสิทธิภาพดีขึ้น

4.การฆ่าเชื้อไวรัสด้วย แสง UV ประดิษฐ์

อีกหนึ่งวิธีดีๆที่เหมาะเพียงแค่เสียบปลั๊ก(หรือเปิดสวิช) ก็ทำการฆ่าเชื้อไวรัสได้แล้ว ด้วยการใช้แสง UV ซึ่งหลอด UV นั้นจะให้แสงในช่วง UV-C ที่เหมาะแก่การการฆ่าเชื้อนั่นเอง

UV-C นั้นมีความยาวคลื่น 253.7 nm สามารถฆ่าเชื้อในอากาศได้ ทำให้เมื่อเราเปิดหลอด UV-C ไว้ในห้อง ก็จะสามารถฆ่าเชื้อในห้องได้นั่นเอง ขึ้นอยู่กับระยะเวลา และการหมุนเวียนอากาศภายในห้อง

ขอบคุณภาพจากคุณ : เจ

และการฉายรังสี UV-C นั้น ยังสามารถใช้กับการฆ่าเชื้อในของเหลว และบนพื้นผิวได้อีกด้วย ดังจะเห็นว่ามีเครื่องฉาย UV-C แบบพกพาที่สามารถฉายรังสีลงบนสิ่งของใกล้ตัวเราอย่างมือถือหรือแว่นตาได้

หลักการทำงานของ UV-C ก็คือ เมื่อไวรัสได้รับแสง UV-C เข้าไป ฤทธิ์ของรังสี UV-C จะเข้าไปทำลาย DNA ของสิ่งมีชีวิตทำให้เชื้อโรคไม่สามารถขยายพันธ์ได้ และทั้งไวรัสและแบคทีเรียก็จะตายเพราะเหตุนี้นี่เอง รวมทั้งเราจึงควรระมัดระวังในการใช้หลอด UV-C เพราะแม้แต่มนุษย์และสัตว์เลี้ยงเองก็อาจได้รับผลกระทบเมื่อฉายแสงใส่โดยตรง

รังสี UV-C เข้าไปทำลาย DNA ของสิ่งมีชีวิตทำให้ไม่สามารถขยายพันธ์ต่อไปได้

จุดเด่น การใช้อุปกรณ์ฉายรังสี UV-C ทั้งแบบพกพาและแบบติดตั้งนั้นคือการที่มีความสะดวกในฆ่าเชื้อโรค ประยุกต์ได้หลากหลาย ทั้งเอาไว้ใช้ฆ่าเชื้อในระบบทางเดินอากาศของอาคาร หรือจะพกพาด้วยแบตเตอรี่ก็ได้ สามารถฆ่าเชื้อได้รวดเร็วโดยไม่ต้องสัมผัส(หรือฉีดพ่น)

5.การฆ่าเชื้อไวรัสด้วย แสง UV จากธรรมชาติ

และวิธีสุดท้ายที่เราอยากแนะนำก็คือการฆ่าเชื้อโรคให้กับบ้านในแบบดั้งเดิมที่ทำกันมาตั้งแต่โบราณ นั่นคือในวันอากาศดี เราอาจจะเปิดม่านรับแสงแดดให้เข้ามาในบ้านบ้างเป็นการระบายอากาศเก่าและให้แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรครวมทั้งกลิ่นอับให้ออกไปจากบ้าน อาจจะทำในวันหยุดบ้างก็เป็นอะไรที่สร้างความสดชื่นให้กับบ้านได้เป็นอย่างดีเช่นกัน

และนี่ก็คือ 5 วิธีจัดการเชื้อโรคที่บ้านและสวนนำมาฝากกันในช่วงเวลานี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ


เรื่อง Wuthikorn Sut

The post 5 วิธีฆ่าเชื้อไวรัสในบ้าน อย่างได้ผล appeared first on บ้านและสวน.

ถอดรหัสความลับของกลิ่นหอมแบบทรอปิคัลที่ใครๆก็หลงรัก

$
0
0

เมื่อพูดถึง “ ทรอปิคัล ” แต่ละคนก็มีภาพจำออกมาในทำนองและจังหวะที่คล้าย ๆ กัน นั้นก็คือ ภาพของการพักผ่อนท่ามกลางสีเขียวชอุ่ม ของหมู่มวลไม้ใบสีเขียวเข้ม แซมกับดอกไม้สีสด ที่เข้ามาหยอดความสดชื่นให้มากขึ้นเป็นทวีคูณ มีไอแดดพาดผ่านตัวล้อไปสายลมเย็น ๆ ที่พัดมาประทะร่างกายเป็นระยะ และทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็เป็นลักษณะของภูมิประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่นอันทรงเสน่ห์ ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาของการพักผ่อนที่แสนสบาย

นอกจากบรรยากาศและสไตล์การตกแต่งที่สื่อถึงความทรอปิคัลได้แล้ว “ กลิ่น ” ยังเป็นอีกหนึ่งประสาทสัมผัสที่สามารถเก็บเอาบรรยากาศและความรู้สึกนั้น กลับมาสร้างใหม่ในพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไปได้แบบซ้ำ ๆ เสมือนยกเอาเหตุการณ์ ณ.ขณะนั้น กลับมาฉายใหม่ได้อย่างไม่รู้จบ เสน่ห์ความหอมละไมในแบบทรอปิคัลที่ชวนหลงใหลนั้น เกิดขึ้นจากส่วนประกอบของพืชพรรณชนิดไหนกันบ้าง my home จะพาไปถอดรหัสลับกันค่ะ

  1. กลิ่นหอมหวานจากผลไม้เขตร้อน
    มวลรวมของกลิ่นหอมในแบบทรอปิคัล ถูกจัดอยู่ในประเภทกลิ่นที่สื่อไปถึงความอุ่นในแบบเอเชีย โดยจะสัมผัสได้จากกลิ่นหลักที่หอมนุ่มเป็นเอกลักษณ์ของภูมิประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดกลิ่น top note มาด้วยผลไม้เขตร้อน ตัวแทนของภูมิภาคอย่าง มะม่วงสุก ที่มีความหอมหวาน ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยความเปรี้ยวบาง ๆ ตัดเลี่ยนเพิ่มความเฟรชอีกหน่อยด้วยกลิ่นของแตงโม ที่มีความเข้มข้นรองลงมา เปิดให้ช่วงกลิ่นกว้างขึ้น ก่อนจะปิดท้ายด้วยกลิ่นอายความสดชื่นของซิตรัสจากส้ม ที่มีความสดชื่นเฉพาะตัว กลิ่นเหล่านี้จะค่อนข้างหอมแรง แต่จะจางหายไปในไม่กี่นาที เพื่อเปิดทางให้กับกลิ่นในลำดับถัดไปได้
  2. กลิ่นหอมสดชื่นจากดอกไม้
    ส่งไม้ต่อมาที่กลิ่นในโทนหอมสดชื่น อย่างกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกมะลิ และดอกลีลาวดี กับความหอมที่ไม่ได้เอะอะ เป็นกลิ่นที่ช่วยเรื่องความผ่อนคลาย กลิ่นหอมลอยมากับลมแบบบาง ๆ กลายเป็นจังหวะเว้นวรรค ที่สื่อถึงบรรยากาศที่เงียบสงบ มีความเข้มข้นของกลิ่นน้อยกว่ากลิ่นในกลุ่มอื่น ๆ จึงมักถูกใช้ให้เป็นกลิ่น middle note ที่แสดงออกถึงความเป็นเอเชียได้อย่างดี
  3. กลิ่นโทนหอมนุ่ม
    กลิ่นของมะพร้าวจะช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น นุ่มลึก มีความเข้มข้นของกลิ่นค่อนข้างมาก เทียบได้กับกลิ่นวนิลาแบบเข้มข้น ( vanilla extract ) ของฝั่งยุโรป มีกลิ่นแอมเบอร์ ( Amber – อำพัน ) จากยางไม้ที่ก็ยังคงหวานปนขมเล็ก ๆ แทรกอยู่ในช่วงปลาย ทำให้ความรู้สึกค่อยข้างครีมมี่ และด้วยกลิ่นอุ่นๆ ที่ถูกสร้างมาจากพืชตระกูลเครื่องเทศและสมุนไพรนี้ ทำให้กลิ่นที่ได้มีความติดทนนาน ไม่ระเหยไปกับอากาศได้ง่าย


จากกลุ่มของกลิ่นทั้ง 3 แบบข้างต้นที่เป็นเสมือนกุญแจดอกเล็ก ๆ ของการเดินทางเข้าใกล้กลิ่นหอมในแบบทรอปิคัลในอุดมคติ ทั้ง top note หวาน ๆ จากผลไม้สีเหลือง middle note สดชื่นบาง ๆ จากดอกมะลิ ก่อนจะปิดท้ายด้วยความนุ่มลึกของกลิ่นมะพร้าว แต่ใช่ว่าจะนำส่วนประกอบทั้งหมดไปวางตามมุมบ้านแล้วจะเกิดกลิ่นหอมแบบทรอปิคัลนะคะ การจะมีกลิ่นหอมสดชื่นที่ยาวนานนั้น ต้องเกิดการขั้นตอนการสกัดน้ำมันหอมระเหยและเบลนด์จนได้ออกมาเป็นกลิ่นหอมสไตล์ทรอปิคัล แบบที่มีในผลิตภัณฑ์น้ำหอมปรับอากาศ Glade กลิ่น Exotic Tropical Blossoms ที่รังสรรค์กลิ่นหอมพร้อมคุณสมบัติดักกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้าน เปลี่ยนกลิ่นเหม็นกวนใจ ด้วยพลังความหอมสดชื่น ผ่อนคลาย พร้อมพาคุณไปสัมผัสกับบรรยากาศของการพักผ่อนริมทะเล อบอวลไปด้วยความสดชื่นจากแมกไม้นานาพรรณ
ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ด่านหน้าของบ้านที่ต้องเผชิญกับกลิ่นจากกิจกรรมมากมายหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นจากตู้รองเท้า กลิ่นสัตว์เลี้ยง กลิ่นอับของเฟอร์นิเจอร์ และกลิ่นเหงื่อไคลที่แฝงตัวอยู่ตามผิวสัมผัสของเฟอร์นิเจอร์โดยที่คุณไม่รู้ตัว แก้ไขกลิ่นในพื้นที่เปิดโล่งในลักษณะนี้ ด้วยการวาง Glade Automatic Spray น้ำหอมปรับอากาศระบบอัตโนมัติ ตั้งเวลาการพ่นได้ตามต้องการ ไม่ต้องเสียบปลั๊กให้วุ่นวาย ละอองน้ำหอมละเอียด คงกลิ่นหอมยาวนานได้ถึง 60 วัน
ห้องครัวเองก็ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องกลิ่นเช่นกัน ในระหว่างที่เตรียมอาหาร การผัด ทอด รวมไปถึงอุ่นอาหาร ก็มักจะเกิดกลิ่นอาหารลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ไม่น่าจะเป็นเรื่องดีแน่ ๆ หากกลิ่นเหล่านั้น ลอยตัวอย่างอิสระไปทั่วทั้งบ้าน กระชับวงล้อมกลิ่นไม่พึงประสงค์เหล่านี้ได้ทันทีด้วย Glade Aerosol Spray เสปรย์ปรับอากาศที่กำจัดกลิ่นควัน และกลิ่นไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว หัวเสปรย์กระจายกลิ่นได้เป็นวงกว้าง พ่นได้ตรงจุด สามารถงานได้ดีกับพื้นที่ที่ต้องการความหอมแบบเร่งด่วนอย่างห้องนอนก็ได้ค่ะ เมื่อไม่มีกลิ่นอาหารมาคอยกวน บรรยากาศของบ้านก็น่าอยู่น่าพักผ่อนขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ
ในพื้นที่ที่อยู่ไกลตา ส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณที่ใช้งานแบบจริงจัง ไม่ค่อยได้ออกมารับแขกแบบห้องอื่น ๆ แต่กลับมีกลิ่นไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน อย่างห้องน้ำ หรือในพื้นที่ที่ค่อนข้างแคบอย่างตู้รองเท้า หรือทางเดิน ก็ไม่ควรเพิกเฉย วาง Glade Scented Gel เจลน้ำหอมปรับอากาศที่ปล่อยกลิ่นหอม ๆ ออกมากำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีพิเศษ ที่ให้กลิ่นหอมได้นานยาว กำจัดต้นตอของปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ ที่อาจกระทบไปสู่บรรยากาศโดยรอบของบ้านให้เสียไปได้
สัมผัสความทรอปิคอล จาก Glade ที่ ซุปเปอร์มาร์เกต ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าทั่วไป หรือคลิกลิ้งก์ซื้อออนไลน์ได้เลยที่ JD.com และ Shopee https://bit.ly/2PQUfFf

The post ถอดรหัสความลับของกลิ่นหอมแบบทรอปิคัลที่ใครๆก็หลงรัก appeared first on บ้านและสวน.

บ้านกล่องชั้นเดียวริมน้ำ ในบรรยากาศแสนผ่อนคลาย

$
0
0

บ้านตากอากาศหลังเล็กในจังหวัดเชียงรายที่ออกแบบเป็นกล่องสี่เหลี่ยมดีไซน์เรียบง่ายรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาว เปิดหน้าต่างให้โล่งกว้าง รับวิวธรรมชาติได้รอบทิศทาง มองเห็นธรรมชาติรอบๆ บ้านที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา และยกพื้นบ้านให้สูงจากพื้นดินเพื่อให้มองเห็นวิวรอบๆ ได้จากมุมสูง

 บ้านหลังเล็กชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

ตกแต่ง: บริษัทบิ๊กคลับ จำกัด  /  เจ้าของ : คุณพงษ์เทพ ตั้งสกุล

บ้านหลังเล็กชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น
ยามพลบค่ำบ้านหลังนี้จะสว่างไสวราวกับกล่องไฟขนาดใหญ่ โดดเด่นสะดุดตาอยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวริมบึงน้ำ ภาพสะท้อนสีสันของท้องฟ้ายามเย็นบนแผ่นน้ำยิ่งช่วยให้รู้สึกสงบชวนพักผ่อน

การมีบ้านตากอากาศสักหลังเป็นความฝันของใครหลายคน แต่จะมีสักกี่คยที่จะออกแบบบ้านได้ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้อย่างลงตัวที่สุด เราจะพาไปเปิดบ้านของ คุณเทพ – พงษ์เทพ ตั้งสกุล แม้บ้านกล่องไม้ขีดของเขาหลังนี้จะดูเรียบง่าย เล็กกะทัดรัด แต่เรากลับพบรายละเอียดการออกแบบที่น่าสนใจแทรกอยู่มากมาย เห็นทีบ้านหลังนี้จะไม่เล็กตามขนาดพื้นที่เสียแล้ว    บ้านหลังเล็กชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

ด้วยความที่เจ้าของบ้านเปิดบริษัทออกแบบตกแต่งภายในและชื่นชอบงานตกแต่งเป็นพิเศษ ทำให้บ้านของคุณเทพหลังนี้แตกต่างไม่เหมือนใคร แม้จะไม่ได้เรียนจบด้านการตกแต่งภายในมาโดยตรง แต่ด้วยใจรักทำให้คุณเทพผันตัวเองจากที่เคยทำงานเป็นสจ๊วร์ดให้การบินไทยมาเป็นนักออกแบบภายในชื่อดัง

ผมไม่ได้เรียนจบด้านมัณฑนากรมาโดยตรง แต่เคยเป็นสจ๊วร์ดการบินไทยมาก่อน การเดินทางทำให้ผมมีประสบการณ์ ได้พบเห็นดีไซน์และสไตล์การตกแต่งสถานที่ต่างๆ อย่างหลากหลาย จึงมีส่วนทำให้เกิดการซึมซับ แล้วนำมาปรับใช้กับบริษัทออกแบบภายในที่เปิดร่วมกับเพื่อนที่เป็นมัณฑนากรครับ

บ้านหลังเล็กชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น
เดิมทีพื้นที่ตรงนี้มีความลาดเอียง เจ้าของบ้านจึงแก้ปัญหาด้วยการปรับพื้นที่เล่นระดับให้คล้ายนาขั้นบันไดแล้วปูสนามหญ้า
ทำทางเดินปูนเข้าสู่ชานหน้าบ้าน
บ้านหลังเล็กชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น
ติดดบานกระจกใสยาวตลอดแนวผนัง เน้นความโปร่งโล่ง ตัวบ้านยกระดับพื้นให้สูง 1.50 เมตร มีชานบ้านโดยรอบ โดยเฉพาะส่วนหน้าบ้านที่เทพื้นปูนหล่อสำเร็จขัดมัน เพื่อใช้เป็นลานอเนกประสงค์ ทั้งยังมีโครงเหล็กติดตั้งกันสาดกันฝนด้วย

ส่วนบ้านตากอากาศที่เชียงรายหลังนี้ คุณเทพเล่าถึงความเป็นมาเป็นไปของการก่อสร้างให้ฟังว่า ผมไม่เคยคิดจะสร้างบ้านที่ต่างจังหวัดมาก่อน แต่เมื่อมาเยี่ยมบ้านของคุณติ๋วเจ้าของที่ดินผืนนี้ ทำให้ผมหลงรักเสน่ห์บรรยากาศของที่นี่มาก เมื่อตื่นเช้าออกมาจิบน้ำชาที่ริมน้ำแห่งนี้ เราจะสามารถมองเห็นภาพสายหมอกพาดผ่านที่ชายน้ำริมตลิ่งซึ่งสวยงามมาก ซึ่งนี่เองเป็นเหตุผลให้ผมอยากสร้างบ้านพักตากอากาศสักหลังบนที่ดินผืนนี้ หลังจากนั้นเราก็วางแผนออกแบบบ้านหลังนี้ด้วยกัน โดยผมเป็นคนกำหนดเรื่องมุมมองของบ้าน เพื่อตอบโจทย์เรื่องวิวทิวทัศน์ให้มากที่สุด      บ้านหลังเล็กชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น

บ้านหลังนี้มีโจทย์การออกแบบให้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่เนื่องจากผมยังติดนิสัยคนเมือง เคยชินกับพื้นที่ที่เล็กกะทัดรัดแต่ครบครันด้วยประโยชน์ใช้สอย เราจึงผสมผสานความต้องการทั้งสองด้านไว้ด้วยกัน โดยออกแบบก่อสร้างให้บ้านมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมดีไซน์เรียบง่ายรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาว เปิดหน้าต่างให้โล่งกว้าง รับวิวธรรมชาติได้รอบทิศทาง มองเห็นธรรมชาติรอบๆ บ้านที่เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา และยกพื้นบ้านให้สูงจากพื้นดินเพื่อให้มองเห็นวิวรอบๆ ได้จากมุมสูงทั้งยังช่วยป้องกันมดและแมลงด้วย

ห้องนั่งเล่นสีขาว
แบ่งสัดส่วนพื้นที่มุมพักผ่อนและห้องนอนด้วยผนังทึบ แต่ใช้ประตูบานเลื่อนที่เปิดได้จนสุด ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งและเชื่อมต่อกัน รวมถึงสามารถเปิด-ปิดแบ่งพื้นที่ระหว่างห้องได้ด้วย

บ้านสีขาว
ทำบานเปิดซ่อนในผนัง กรุหน้าบานด้วยไม้วีเนียร์สีธรรมชาติให้เข้ากับโทนสีของเฟอร์นิเจอร์ไม้ เสื่อ และงานตกแต่งอื่นๆ ภายในบ้าน
เก้าอี้สีขาว
แก้ไขปัญหาพื้นที่จำกัดด้วยการทำเฟอร์นิเจอร์สีขาวให้ดูกลมกลืนกับผนัง วิธีนี้ช่วยให้บ้านดูโปร่งโล่งมากขึ้น
มุมนั่งเล่น
บรรยากาศภายในบ้านเปิดพื้นที่โล่งเชื่อมต่อถึงกันหมด เน้นเฟอร์นิเจอร์โทนสีขาวตัดด้วยชุดที่นั่งและโซฟาหวายสีดำเข้ม
สลับกับงานไม้สีธรรมชาติของเคาน์เตอร์ครัวและโต๊ะรับประทานอาหาร
ครัวสไตล์โมเดิร์น
ทำเคาน์เตอร์ครัวแบบยาวเพื่อใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าที่สุด ด้านบนมีชั้นไม้วางเครื่องแก้วและของใช้ต่างๆ เน้นความเรียบง่ายและประโยชน์ใช้สอย ส่วนโต๊ะรับประทานอาหารทำจากไม้สักทาสีเดียวกันกับบานตู้เคาน์เตอร์ที่ทำจากไม้วีเนียร์ ออกแบบให้ยาวขนานไปกับเคาน์เตอร์
มุมนั่งเล่นสีขาว
มุมนั่งเล่นในห้องรับแขกถือเป็นมุมโปรดของคุณเทพ ด้วยเหตุผลที่ว่า “สามารถมองออกไปเห็นวิวริมน้ำได้ชัดเจน ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านยื่นออกไปกลางบึงน้ำจริงๆ ใช้เทคนิคยกพื้นบ้านให้สูงเพื่อหลอกสายตา จากมุมนั่งเล่นตรงนี้จึงสามารถมองเห็นผิวน้ำได้ในระดับสายตาพอดี”

คุณเทพต้องการให้บ้านหลังนี้ตั้งอยู่เหนือบึงน้ำ เพื่อให้องค์ประกอบของบ้านพักตากอากาศสมบูรณ์แบบและสวยงาม แต่ติดปัญหาเรื่องตลิ่งที่มีความลึกและลาดชันมากเกินไป ก่อนสร้างบ้านจึงแก้ปัญหาด้วยการยกระดับบ้านให้สูงขึ้นจากริมบึงเพื่อหลอกสายตาให้มองเห็นวิวท้องน้ำได้ชัดเจน

สำหรับการออกแบบคุณเทพได้กำหนดให้รูปทรงของบ้านเป็นกล่องไม้ขีดสีขาวโดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนส่วนที่หนึ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์และครัวเปิดโล่ง เพื่อให้มองเห็นวิวริมน้ำเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นท่าน้ำ มีความโดดเด่นตรงที่สามารถมองเห็นวิวดวงอาทิตย์ตกดินที่สวยงามและโรแมนติกได้อย่างชัดเจน

ถัดเข้ามาในส่วนที่สองใช้เป็นพื้นที่ส่วนตัว ประกอบด้วยห้องน้ำและห้องแต่งตัวสามารถเปิดมุมมองขณะอาบน้ำเพื่อชมวิวภายนอกได้ แต่ทั้งนี้ก็ยังคงความเป็นส่วนตัวไว้ด้วย และส่วนสุดท้ายด้านในสุดคือห้องนอน เจ้าของบ้านสามารถดื่มด่ำชมวิวธรรมชาติรับแสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าและมีแสงแดดส่องเข้ามาด้านใน ดูปลอดโปร่งได้ทั้งวันในแบบวิว 360 องศา อีกส่วนที่น่าสนใจคือ การจัดสวนสไตล์โมเดิร์นที่ดูเรียบง่ายสบายตา มีลูกเล่นที่ไม้พุ่มทรงสวยกับเนินหญ้าไล่ระดับไปจรดกับบึงน้ำด้านข้างตัวบ้าน

ผมต้องการให้พื้นที่สวนมีบรรยากาศแบบยุโรป แต่ภูมิอากาศของบ้านเราไม่เอื้ออำนวยในการปลูกต้นไม้เมืองหนาว ผมจึงเลือกปลูกไม้ท้องถิ่นแทน โดยเลือกไม้พุ่มทรงสวยๆ หรือไม้ดอกสวยๆ มาปลูกจัดวางตำแหน่งให้ได้องค์ประกอบทางศิลปะ ทั้งนี้ไม้พุ่มทรงสูงยังช่วยบังสายตาในมุมที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างห้องนอนได้ด้วย

ห้องนอนสีขาว
อีกมุมโปรดของเจ้าของบ้านคือบรรยากาศห้องนอนในยามอาทิตย์ลับขอบฟ้า ชื่นชมวิวดวงอาทิตย์ตกดินได้หลายมุมมองจากกระจกบานใหญ่ที่ติดอยู่รอบห้อง ติดกระจกเงาที่ผนังหัวเตียงแทนกรอบรูป เหมือนมีผนังเปิดโล่งทั้งสี่ด้านอบอุ่นด้วยแสงไฟโทนสีเหลืองแบบเดียวกับแสงเทียน
ห้องนอนสีขาว
ห้องนอนเปิดโล่งด้วยหน้าต่างสามด้าน เพิ่มกระจกเงาเพื่อสะท้อนภาพให้ดูเหมือนล้อมรอบด้วยภาพวิวทุกทิศทาง อีกทั้งยังให้ความรู้สึกเหมือนเรานอนอยู่นอกบ้านท่ามกลางวิวสวยๆด้วย
ห้องนอนสีขาว
ห้องนอนเปิดโล่งทั้งสามด้านช่วยให้ลมพัดผ่านเย็นสบาย ข้อดีของการวางผังห้องนอนให้อยู่ในแนวทิศตะวันออก - ตะวันตกนี้ คือ ช่วยให้ห้องนอนได้รับแสงสว่างตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องเปิดไฟ
ห้องน้ำสีขาว
ห้องน้ำดูโปร่งโล่งด้วยช่องแสงที่เจาะทะลุ เปิดมุมมองให้เห็นพื้นที่สีเขียวภายนอก ใช้ม่านมู่ลี่เพื่อความเป็นส่วนตัว มีกระจกเงาบานใหญ่ในกรอบหลุยส์สีทอง ช่วยเน้นให้เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าดูสะดุดตา
ทำท่าน้ำยื่นออกไปเพื่อเปิดรับบรรยากาศริมน้ำได้อย่างเต็มที่ ตกแต่งด้วยชุดเฟอร์นิเจอร์สนามหวายเทียมที่ทนแดดและฝน
ใช้เป็นมุมนั่งเล่นยามเย็นแสนสบาย

ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ เรามองเห็นภาพบ้านกล่องไม้ขีดไฟที่เปิดไฟสว่างไสวทอดเงาสะท้อนกับผิวน้ำยามพลบค่ำ เราได้พูดคุยกับเจ้าของบ้านต่ออีกนิดถึงนิยามความสุขของการพักผ่อนในบ้านพักตากอากาศหลังนี้

การจะสร้างบ้านพักตากอากาศไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่าจะต้องเป็นอย่างไรต้องออกแนวรีสอร์ตหรือสไตล์ไหน เพราะความสบายและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องดูตรงนิสัยการใช้งานจริงๆ ถ้าออกแบบก่อสร้างบ้านพักเสร็จแล้ว แต่กลับอยู่ไม่สบาย ก็คงไม่อาจเรียกว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านตากอากาศ

จากคำตอบที่ได้รับเราเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ แล้วคุณล่ะ เห็นด้วยเหมือนกันหรือไม่  แปลน

แปลน

01 ที่จอดรถ
02 ประตูทางเข้า
03 มุมพักผ่อน
04 มุมรับประทานอาหาร
05 ครัว
06 ศาลาท่าน้ำ
07 ชานบ้าน
08 ห้องน้ำ
09 ห้องนอน
10 บ่อน้ำ
11 สวนริมน้ำ


เรื่อง: HOOOOO…ROOM

ภาพ: จิระศักดิ์ ทองหยวก, ดำรง ลี้ไวโรจน์

สไตล์: ประไพวดี

ภาพประกอบ: คณาธิป จันทร์เอี่ยม

บ้านชั้นเดียวบนที่ดิน 100 ตารางวาที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว

บ้านชั้นเดียว เรียบง่ายที่สร้างสุขสงบกลางธรรมชาติ

อยู่ร่วมกับธรรมชาติใน บ้านชั้นเดียวขนาดเล็ก สไตล์โมเดิร์น


The post บ้านกล่องชั้นเดียวริมน้ำ ในบรรยากาศแสนผ่อนคลาย appeared first on บ้านและสวน.

Dujiangyan Zhongshuge ร้านหนังสือดีไซน์สุดพิศวง

$
0
0

ร้านหนังสือ Dujiangyan Zhongshuge ตั้งอยู่ในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ทางภาคตะวันตกของสาธารณรัฐประชาชนจีน ออกแบบโดยสตูดิโอออกแบบสถาปัตยกรรมจากเซี่ยงไฮ้ X+Living ได้แรงบันดาลใจจากภูมิทัศน์ และประวัติศาสตร์ของระบบชลประทานอายุกว่า 2,000 ปีในเมือง Dujiangyan

Dujiangyan Zhongshuge

เมื่อก้าวเข้าไปในร้าน Dujiangyan Zhongshuge ผนังชั้นวางโค้งรูปตัวซี (C) สีไม้วอทนัทสร้างสเปซให้มีชั้นเชิงน่าค้นหา ทั้งยังเป็นไฮไลต์สำคัญของร้าน การเดินทางใต้ชั้นหนังสือเหล่านี้ให้ความรู้สึกเหมือนเดินใต้ชายคาของซุ้มโค้งกลางสวน หรือท่ามกลางคลื่นทิวเขาตามธรรมชาติ สร้างประสบการณ์เลือกซื้อหนังสือที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ชั้นหนังสือเรียงรายเต็มบนซุ้มโค้ง และเสากลมสูงทะยานจรดเพดาน บรรจุหนังสือกว่า 80,000 เล่ม Dujiangyan Zhongshuge

ตู้หนังสือเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ และลักษณะภูมิประเทศของเมือง Dujiangyan ซึ่งมีประวัติการพัฒนาด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำมายาวนาน ดังนั้นในพื้นที่หลักจะมีชั้นหนังสือที่สะท้อนภาพของเขื่อนกั้นน้ำ Dujiangyan สิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวจีนสร้างตั้งแต่ 2,000 กว่าปีก่อน โดยนักออกแบบตั้งใจนำเสนอแรงบันดาลใจนี้ทั้งในเชิงนามธรรม และเชิงความงาม

Dujiangyan Zhongshuge Dujiangyan Zhongshuge

ในโซนหนังสือวรรณกรรมตรงกลาง กระจกบนเพดานชื่อทำให้สเปซดูสูงโปร่งไร้ที่สิ้นสุด พร้อมด้วยเงาสะท้อนของชั้นหนังสือที่ได้แรงบันดาลใจจากเขื่อนกั้นน้ำสุดยิ่งใหญ่ใน Dujiangyan ดูเหมือนเมืองย่อมๆ ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยวัฒนธรรมเชิงประวัติศาสตร์ โต๊ะจัดวางหนังสือดูไม่ต่างเรือที่ล่องอยู่บนสายน้ำ ซึ่งแทนด้วยกระเบื้องสีดำบนพื้น ระหว่างชั้นหนังสือทั้งหลาย และเมื่อเดินผ่านช่องวงกลมบนผนังชั้นวางหนังสือเข้าไปจะพบกับโซนคาเฟ่ ที่ให้ทุกคนนั่งจิบกาแฟพร้อมๆ กับซึมซับบรรยากาศ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ 

Dujiangyan Zhongshuge

ส่วนระเบียงของชั้นสองเต็มไปด้วยที่นั่ง ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกหนังสือมานั่งเปิดดูก่อนซื้อ หรือนั่งพูดคุยกันได้ โดยทั้งหมดออกแบบด้วยแนวคิดแบบองค์รวม ทุกองค์ประกอบจึงต่อเนื่องลื่นไหลภายใต้แนวคิดความงามเดียวกัน เมื่อเดินขึ้นบันได ชั้นหนังสือข้างๆ มีหนังสือหลากหลายประเภทในระยะที่เอื้อมหยิบได้ ส่วนชั้นหนังสือในระดับความสูงที่ยากจะเข้าถึงนั้น ตกแต่งด้วยภาพพิมพ์ลายหนังสือ เพื่อสร้างความรู้สึกอลังการให้กับพื้นที่ การสร้างภูมิทัศน์ใหม่โดยในองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม นักออกแบบได้นำพาจิตวิญญาณแห่งขุนเขา และสายน้ำเข้ามาพื้นที่ภายใน นำเสนอความยิ่งใหญ่ ทรงพลัง และน่าเกรงขามของธรรมชาติ
Dujiangyan Zhongshuge

อีกส่วนสำคัญคือการออกแบบแสงสว่าง แต่ละชั้นหนังสือจะมีการติดตั้งแสงไฟคาดยาวตลอดแนว เพื่อขับเน้นโครงสร้างของชั้นหนังสือ ให้มีมิติ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้อ่านค้นหาหนังสือที่ต้องการได้ง่ายขึ้น

Dujiangyan Zhongshuge

ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีกระเบื้องเพื่อแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของผู้คนที่บ้าคลั่งในพื้นที่อ่านหนังสือหรือแสดงความสุขที่ไร้เดียงสาของการเผชิญหน้ากับทะเลไผ่ในพื้นที่อ่านหนังสือของเด็ก ๆ หรือแสดงภาพทิวทัศน์ธรรมชาติในพื้นที่วรรณกรรม พวกเขาล้วนมุ่งนำเสนอจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับจิตวิญญาณด้วยการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของความน่าอยู่ในอุดมคติและระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ
Dujiangyan Zhongshuge

ออกแบบ: X+Living (www.xl-muse.com)

ภาพ: Feng Shao

เรียบเรียง: dsnm


CHICKENVILLE หมู่บ้านที่สร้างขึ้นมาเพื่อการศึกษาโดยมีประชากรทั้งหมดเป็นไก่

The post Dujiangyan Zhongshuge ร้านหนังสือดีไซน์สุดพิศวง appeared first on บ้านและสวน.

ต้นคริสต์มาสหลากสี และเทคนิควิธีขยายพันธุ์

$
0
0

ต้นคริสต์มาส เป็นพรรณไม้ที่นิยมใช้ประดับทั้งภายในและภายนอกอาคารอย่างกว้างขวาง เมื่อสีใบประดับ (bract) เริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดง ก็เป็นที่รู้กันว่าเทศกาลคริสต์มาสมาถึงแล้วและกำลังเข้าสู่ปีใหม่ กระทั่งไล่ยาวไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์

คริสต์มาส มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Euphorbia pulcherrima Willd. ex Klotzsch & hybrid ไม้อวบน้ำวงศ์ยูโฟเบีย (Euphorbiaceae) เช่นเดียวกับโป๊ยเซียนและโกสน ในบ้านเราบ้างเรียกกันว่าบานใบ โพผัน หรือสองระดู ส่วนชื่อสามัญนอกจากชื่อ Poinsettia แล้ว บ้างก็เรียก Christmas Star, Christmas Flower, Lobster Plant และ Mexican Flameleaf ลักษณะต้นเป็นไม้พุ่ม อายุหลายปี สูง 1-4 เมตร รูปทรงแผ่กว้าง ถ้าปลูกลงดินจะได้พุ่มใหญ่ ลำต้นอ่อนมีสีเขียวเมื่อแก่เป็นสีน้ำตาล ทุกส่วนของต้นมีน้ำยางสีขาวขุ่น ใบเดี่ยวรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก 2-3 หยัก แผ่นใบสีเขียวเข้ม ใบประดับรูปใบหอก มีหลายสี ได้แก่ สีขาว เหลือง แดง และชมพู ดอกสีเหลืองออกเป็นช่อที่บริเวณปลายยอดในช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ เมื่อมีดอก ใบประดับจะมีสีสันสวยงาม ส่วนช่วงเวลาอื่นใบจะมีสีเขียวตามปกติ

แม้ต้นที่มีใบประดับสีแดงจะยังคงได้รับความนิยมสูงสุดจากนักปลูกทั่วประเทศ แต่เกษตรกรหลายรายก็ไม่หยุดพัฒนาและคัดเลือกต้นที่มีสีใบประดับแปลกตา รวมถึงมีการนำเข้าต้นที่มีใบประดับสีสันหลากหลายจากต่างประเทศเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ซื้อด้วย

เทคนิคปักชำกิ่งคริสต์มาส

เกษตรกรในประเทศไทยนิยมขยายพันธุ์ต้นคริสต์มาสด้วยวิธีปักชำกิ่ง เช่นเดียวกับสวนลุงวุฒิ ผู้ผลิตและจำหน่ายไม้ประดับคุณภาพ และเกษตรกรในอำเภอภูเรือ จังหวัดเลย

คุณยุ่น – ธมนวรรณ เชยกลิ่นเทศ แห่งสวนลุงวุฒิ อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย

เทคนิคการปักชำกิ่งคริสต์มาสโดยสวนลุงวุฒิ มีขั้นตอนดังนี้

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปักชำกิ่งคริสต์มาส

Step 1 เตรียมวัสดุปักชำโดยผสมขุยมะพร้าวและพีตมอสส์ อย่างละ 1 ส่วน ใส่ลงในกระถางพลาสติกขนาด 3 นิ้ว รดน้ำให้ชุ่ม

Step 2 เลือกกิ่งจากต้นที่แข็งแรง สมบูรณ์ โดยตัดได้ทั้งส่วนยอดและลำต้น ไม่ควรเลือกกิ่งที่มีขนาดเล็กเกินไป หากเลือกใช้กิ่งกึ่งอ่อนกึ่งแก่ยิ่งออกรากได้ไว 

Step 3 ตัดกิ่งเป็นท่อนยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ลิดใบออก เหลือไว้แค่กิ่งละ 2 ใบ 

Step 4 ปักชำกิ่งลงในกระถางที่เตรียมไว้ ลึกประมาณ 1 นิ้ว

Step 5 นำกระถางไปวางไว้ในที่ที่มีแสงรำไรหรือภายใต้โรงเรือนพรางแสง ดูแลรดน้ำสม่ำเสมอ ใช้เวลาประมาณ 40-50 วันกิ่งชำจะเริ่มออกราก สามารถย้ายปลูกลงในกระถางขนาดใหญ่ขึ้นได้ต่อไป

เนื่องจากคริสต์มาสจะเปลี่ยนสีแค่ปีละครั้งในช่วงฤดูหนาว การผลิตต้นเพื่อให้เติบโตและใบประดับเปลี่ยนสีได้ทันเวลา แนะนำให้เริ่มทยอยปักชำกิ่งตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยใช้เทคนิคที่แนะนำข้างต้น หลังจากปักชำแล้วจึงทยอยเปลี่ยนกระถางเรื่อย ๆ บำรุงดูแลและตัดแต่งพุ่มต้น โดยตัดแต่งประมาณ 4 ครั้งจึงจะได้พุ่มสวย และนิยมตัดแต่งครั้งสุดท้ายในช่วงเดือนสิงหาคม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ปลูกว่าต้องการทรงพุ่มขนาดไหน 

คริสต์มาสเป็นไม้ประดับที่มีอัตราการเจริญเติบโตปานกลาง ต้องการแสงแดดเต็มวันถึงกึ่งร่ม ชอบอากาศเย็น ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี อาจใช้ดินร่วน 2 ส่วน ผสมกับเศษใบไม้ผุ และปุ๋ยคอกอย่างละ 1 ส่วนเป็นวัสดุปลูก รดน้ำแค่พอให้ดินชุ่มปานกลาง และให้ปุ๋ยตามสมควร 

เนื่องจากใบมีสีสวยทั้งยังทนทาน สามารถปลูกเลี้ยงในอาคารได้นาน 2-4 สัปดาห์ จึงนิยมปลูกเป็นไม้ประดับกระถางสำหรับตกแต่งช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ หากปลูกในกรุงเทพฯ จะดูแลค่อนข้างยากเพราะมีเพลี้ยแป้งรบกวนมากและอากาศร้อน จึงนิยมปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น

เกร็ดน่ารู้ : ผู้ปลูกควรระมัดระวังเพราะทุกส่วนของต้นคริสต์มาสมีน้ำยางซึ่งเป็นพิษ เมื่อสัมผัสทำให้เกิดผื่นคัน ผิวหนังบวมแดง หากโดนตาจะทำให้เยื่อบุตาอักเสบ หนังตาบวม อาจมีอาการตาบอดชั่วคราวได้ ในผู้ที่แพ้มากจะเกิดเป็นแผลไหม้ พุพอง อาจเกิดการติดเชื้อในภายหลัง ใบประดับมีชันและสารที่ให้สี ใบนำมาตำใช้เป็นยาพอกแก้โรคผิวหนังบางชนิด เช่น ไฟลามทุ่ง

ไวท์คริสต์มาส คริสต์มาสขาว หรือคริสต์มาสหนู

นอกจากนี้ ยังมีไวท์คริสต์มาส ชื่อสามัญเรียก Little Christmas Flower, Snow Bush และ White Christmas มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า E. leucocephala Lotsy เป็นไม้พุ่มอายุหลายปี ทุกส่วนของต้นมีน้ำยางที่ระคายเคืองผิว มีใบประดับสีขาว ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอดในช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ นิยมปลูกเป็นไม้กระถางประดับภายในและภายนอกอาคาร รวมถึงขยายพันธุ์ด้วยวิธีปักชำกิ่งเช่นเดียวกับคริสต์มาส 

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับไม้ดอกประดับยอดนิยมมากกว่า 300 ชนิดและพันธุ์ได้เพิ่มเติมในหนังสือ รวมพันธุ์ไม้ดอก Flowering Plants 

เรื่อง : วิรัชญา ภาพ : อภิรักษ์ สุขสัย และอนุพงษ์ ฉายสุขเกษม 

The post ต้นคริสต์มาสหลากสี และเทคนิควิธีขยายพันธุ์ appeared first on บ้านและสวน.


กฎหมายต่อเติม/รีโนเวทบ้าน ต่อเติมแค่ไหนไม่ต้องขออนุญาต

$
0
0

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการต่อเติมและเปลี่ยนแปลงพื้นที่ใช้สอยคือ กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2528) ว่าด้วยเรื่องการกระทำที่ไม่ถือว่าเป็นการดัดแปลงอาคาร ซึ่งใจความสำคัญคือ เพื่อป้องกันอันตรายจากการดัดแปลงหรือเพิ่มน้ำหนักให้โครงสร้างอาคาร และมีกฎหมายเพิ่มเติม คือ กฎกระทรวง ฉบับที่ 65 (พ.ศ. 2558) ซึ่งเกี่ยวกับการติดตั้งโซล่าเซลล์บนหลังคา ซึ่งสรุปเนื้อความให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้

กฎหมายต่อเติมบ้าน ระบุว่าการต่อเติม-รีโนเวทต่อไปนี้ ไม่ถือเป็นการดัดแปลงอาคาร จึงไม่ต้องขออนุญาต

1.การเปลี่ยนโครงสร้างโดยใช้วัสดุ ขนาด จำนวน และชนิดเดียวกับของเดิม ยกเว้นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก คอนกรีตอัดแรง และโครงสร้างเหล็ก 

-บ้านโครงสร้างไม้ เปลี่ยนโครงสร้างไม้ชิ้นใหม่ตามแบบเดิมได้โดยไม่ต้องขออนุญาต

-บ้านโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก (ค.ส.ล.) และโครงสร้างเหล็ก  แม้การเปลี่ยนโครงสร้างนั้นจะใช้วัสดุ ขนาด จำนวน และชนิดเดียวกับของเดิม ก็ต้องขออนุญาต

กฎหมายต่อเติมบ้าน

2.การเปลี่ยนแปลงส่วนต่างๆ ของอาคารที่ไม่เป็นโครงสร้าง ซึ่งเพิ่มน้ำหนักให้โครงสร้างไม่เกิน 10 %

ส่วนที่ไม่ถือเป็นโครงสร้าง เช่น ผนัง พื้น และส่วนตกแต่ง ซึ่งหากดัดแปลงโดยวัสดุเดิมและปริมาณใกล้เคียงเดิม มักจะไม่ได้เพิ่มน้ำหนักให้อาคาร  แต่ถ้ามีการเปลี่ยนวัสดุที่หนักขึ้น เช่น จากผนังโครงเบา (โครงคร่าวกรุวัสดุแผ่น) เป็นผนังก่ออิฐ, เปลี่ยนจากวัสดุปูพื้นไม้เป็นพื้นคอนกรีต หรือมีการเพิ่มระดับและความหนาพื้น เป็นต้น ถ้ามีการเพิ่มน้ำหนักเกิน 10 % ของน้ำหนักอาคาร ต้องยื่นขออนุญาต โดยให้วิศวกรคำนวณน้ำหนักใหม่ เพื่อป้องกันโครงสร้างเดิมรับน้ำหนักมากเกินไป กฎหมายต่อเติมบ้าน

กฎหมายต่อเติมบ้าน

3.การเปลี่ยนแปลงขนาด รูปทรง ส่วนประกอบอาคาร ซึ่งเพิ่มน้ำหนักไม่เกิน 10 %

ข้อนี้คล้ายข้อ 2 เป็นการเปลี่ยนแปลงส่วนย่อย เช่น การเพิ่มลดหรือเปลี่ยนรูปแบบประตู หน้าต่าง ฝ้าเพดาน ซึ่งไม่ได้เป็นโครงสร้างอาคาร ถ้ามีการเพิ่มน้ำหนักไม่เกิน 10 % ของน้ำหนักอาคาร ไม่ต้องขออนุญาต

กฎหมายต่อเติมบ้าน

4.การลดหรือขยายพื้นที่ชั้นหนึ่งชั้นใดรวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร โดยไม่ลด-เพิ่มเสาหรือคาน

เช่น การเจาะพื้นเดิมเป็นช่องโล่ง การเพิ่มพื้นเฉลียงชั้นล่าง ซึ่งไม่ได้ลด-เพิ่มเสาหรือคาน ก็ไม่ต้องขออนุญาต

5.การลดหรือขยายเนื้อที่หลังคา โดยมีเนื้อที่มากขึ้นรวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร โดยไม่ลด-เพิ่มจำนวนเสาหรือคาน 

เช่น การต่อเติมกันสาดที่มีเนื้อที่รวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และมีน้ำหนักรวมกันเพิ่มขึ้นไม่เกิน 10 % ก็ไม่ต้องขออนุญาต

6.การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคาบ้านที่มีขนาดพื้นที่ติดตั้งไม่เกิน 160 ตารางเมตร และมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ไม่ต้องขออนุญาต

แต่ต้องมีผลการตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างและการติดตั้งได้อย่างปลอดภัยโดยวิศวกร และแจ้งเจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบก่อนดำเนินการ

หมายเหตุ ทั้งนี้ต้องตรวจสอบว่า การต่อเติมและรีโนเวทนั้นไม่ขัดกับกฎหมายควบคุมอาคารและกฎหมายท้องถิ่นด้วย

___________________________________________________________________

เรื่อง ศรายุทธ ศรีทิพย์อาสน์

ภาพประกอบ pstaryu

อ่านเรื่องที่น่าสนใจ

กฎหมายอาคารออกใหม่ บล็อกแก้ว=ผนังทึบ / แนวอาคาร / การดัดแปลงตึกแถวเก่า

กฎหมาย รั้วที่ดิน รั้วบ้าน

จะรีโนเวททั้งที ต้องดัดแปลงให้ถูกกฎหมาย จะได้สบายกาย สบายใจ!

The post กฎหมายต่อเติม/รีโนเวทบ้าน ต่อเติมแค่ไหนไม่ต้องขออนุญาต appeared first on บ้านและสวน.

15 บ้านสวยสุดป๊อปจาก Instagram บ้านและสวน

$
0
0

สำหรับใครชอบดูรูป บ้านสวย หลากหลายสไตล์ ดีไซน์ที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นคันทรี โมเดิร์น ทรอปิคัล มินิมัล ลอฟต์ ที่ Instagram บ้านและสวน ได้รวบรวมงานดีไซน์เหล่านี้ไว้ในหนึ่งเดียวกัน เรียกได้ว่าถูกใจคนรักบ้านชอบแต่งบ้านอย่างแน่นอน

สำหรับปี 2020 ในหมวด บ้านสวย ที่หยิบเนื้อหาจากนิตยสารและเว็บไซต์บ้านและสวน ไปเผยแพร่ใน Instagram ซึ่งเป็นอีกช่องทางในโซเชียลมีเดียให้แฟนๆ ได้ชมแบบบ้านได้อย่างจุใจ ซึ่งตลอดทั้งปีที่ผ่านนี้ มีแบบบ้านที่ได้รับความนิยมจากแฟนๆ อยู่มากมาย แต่เรารวมรวบยอดมาให้ 15 หลังที่ผู้ชมร่วมกดไลก์ให้คะแนนความชอบ จะมีหลังไหนถูกใจกันบ้าง ไปชมพร้อมๆกันเลย

กดติดตาม IG บ้านและสวนได้ตรงนี้

คลังแบบบ้านที่เยอะที่สุดในเมืองไทย

บ้านสวย

ชมบ้านหลังนี้ 

1  | บ้านพักตากอากาศสไตล์ไทยโมเดิร์นของ ป๊อด โมเดิร์นด็อก ศิลปินคนดัง ที่ปลีกตัวมาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในช่วงวันธรรมดากับคุณแม่ พร้อมทำงานศิลปะท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีความเป็นธรรมชาติของเขาใหญ่ ภายในบ้านที่ออกแบบให้เปิดโล่ง สามารถรับลมได้ดี จึงอยู่อาศัยได้อย่างสบายกายและใจ

เจ้าของ: คุณธนชัย อุชชิน

สถาปนิก: Erix Design Concepts โดยคุณณัฐภาคย์ พัฒนาพรหมชัย

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

 

ชมบ้านหลังนี้

2 | บ้านไม้ใต้ถุนสูงที่ออกแบบสถาปัตยกรรมให้อยู่กับธรรมชาติอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน และนำประโยชน์จากธรรมชาติ มาเกื้อกูลต่อชีวิตที่อยู่อาศัยได้อย่างเห็นผล โดยได้แรงบันดาลใจจากบ้านทรงไทยมอญของชุมชนใกล้เคียงมาเป็นจุดเริ่มต้น เติมด้วยฟังก์ชันที่ตอบรับความต้องการของเจ้าของบ้าน และเรียกขานบ้านหลังนี้ว่า บ้านทำ-มะ-ดา

เจ้าของ : คุณสายันต์ ทิพย์แสง และคุณอารมณ์ วิรัชศิลป์

สถาปนิก : คุณประกิจ กัณหา แห่ง Studio Miti

ตกแต่งภายใน : บริษัท เอเดค อินทีเรียส์ จำกัด

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

ชมบ้านหลังนี้ 

3 | บ้านพื้นถิ่นอีสานร่วมสมัยที่เลือกใช้วัสดุที่หาได้ง่าย ผ่านงานดีไซน์ที่ตีความจาก “วิถีความเป็นอยู่” ของผู้คนในท้องถิ่นอีสานจากอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีจุดเด่นคือปรับการใช้งานพื้นที่แบบใต้ถุนให้เป็นพื้นที่ผังเปิดต่อเนื่องกันระหว่างบ้านกับสวน

เจ้าของ: คุณจัตวา ชุณหบุญญทิพย์ และคุณอนุสรา แท่นพิทักษ์

ออกแบบ: S Pace Studio

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

 

ชมบ้านหลังนี้

4 | บ้านหลังคาจั่วทรงแคบที่สร้างตามลักษณะที่ดิน สถาปนิกเลยเลือกวางตัวอาคารติดกับกำแพงในแนวขนานกับทิศตะวันออกและตะวันตก ซึ่งด้านที่ติดกับบ้านหลังเดิมนั้นกลับเป็นด้านทิศตะวันตก กลายเป็นความท้าทายที่ต้องจัดวางพื้นที่ใช้สอยหลักของบ้านให้มีปฏิสัมพันธ์กับบ้านเดิมไปพร้อม ๆ กับแก้ปัญหาเรื่องแสงแดดในช่วงบ่ายที่มักเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดในวัน

เจ้าของ : เปรมจิตร ซาเนียร์ ฟอร์เซลล่า

ออกแบบสถาปัตยกรรม : บริษัท ใจอาร์คิเทคแอนด์อินทีเรีย จำกัด

วิศวกรโครงสร้าง : นาถปรัชญ์ ปิ่นปราณี

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

 

ชมบ้านหลังนี้ 

5  | บ้านชั้นครึ่งยกพื้นสูง ตัวบ้านใช้วัสดุหลักอย่างปูนและไม้ โดยออกแบบให้มีบรรยากาศโปร่งโล่งที่สุด เพื่อให้มองออกไปเห็นทิวเขาและทุ่งนาขั้นบันได สอดรับการการออกแบบพื้นที่ภายในจากทางเข้าหลักที่ส่วนรับแขก พักผ่อน และส่วนรับประทานอาหารที่อยู่ชั้นล่าง ซึ่งเปิดมุมมองไปยังทิศตะวันตกเบื้องหน้าให้การใช้ชีวิตในบ้านได้สัมผัสกับวิวสวยๆ อย่างเต็มตา

เจ้าของ : คุณนิโคลัส-คุณเนตรภัทร เฮเกอร์

สถาปนิก : สำนักงานสถาปนิกนิวัตร ตันตยานุสรณ์ โดยคุณปวรรธน์ ตันตยานุสรณ์

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

 

ชมบ้านหลังนี้ 

6 | บ้านที่สะท้อนตัวตนของเจ้าของบ้าน ดิบเท่ชัดเจนจากของแต่งบ้าน ถ่ายทอดมาสู่รูปแบบของตัวบ้านที่ดูสอดคล้องกัน เป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ที่มีกลิ่นอายของงานสถาปัตยกรรมเมืองร้อน เช่นหลังคาทรงจั่วสูง ชายคาและกันสาดที่ยื่นยาวบังแดด ฝน และความโปร่งสบายแบบไทยๆ ทําให้บ้านหลังนี้ดูทันสมัยและผ่านกาลเวลาได้โดยไม่รู้สึกน่าเบื่อ

เจ้าของ: คุณสุรัฐชัย-คุณนุตร์ เชนยะวณิช

ออกแบบ: คุณนุตร์ เชนยะวณิช และคุณจิรายุทธ ชัยจํารูญผล

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

 

ชมบ้านหลังนี้ 

7  | บ้านในสวนมะพร้าวพื้นที่พักผ่อนที่หลานชายผู้เป็นสถาปนิกสร้างให้คุณตา โดยใช้พื้นที่ร่มรื่นขนาด 100 ตารางวา กลางสวนมะพร้าวติดริมคลองหนองสลิด เป็นบ้านปูนแบบชั้นเดียว พื้นที่ใช้สอย 75 ตารางเมตร ในรูปทรงเหมือนกล่องตัวยู (U) ต่อกันทั้งหมด 4 ก้อนเชื่อมต่อกัน เปิดวิวสู่คลองซึ่งต่อเนื่องกับทางเดินไม้ แยกฟังก์ชันของพื้นที่ในบ้านไว้ฝั่งขวา ส่วนชานโล่งกึ่งกลางแจ้งไว้สำหรับรับแขกอยู่ฝั่งซ้าย ทุกห้องในบ้านเน้นให้มีช่องเปิดที่หันเข้าหามุมที่ดีที่สุดก็คือฝั่งคลอง

เจ้าของ: คุณคำนึง ยินดีสุข
ออกแบบ: คุณภุชงค์ สถิรพิพัฒน์กุล OTATO Architect

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

 

ชมบ้านหลังนี้ 

8  | บ้านโมเดิร์นหลังนี้อยู่ในทำเลที่มองเห็นทิวเขาซึ่งล้อมรอบด้วยไร่ออร์แกนิก ตัวบ้านยกใต้ถุนสูง โครงสร้างชั้นล่างเป็นปูน ชั้นสองเป็นโครงสร้างเหล็กที่เรียบง่าย ถึงแม้ว่ารูปแบบอาคารจะดูทันสมัยแต่ก็ไม่ได้แปลกแยกไปจากบริบทรอบด้านที่เป็นไร่สวนท่ามกลางธรรมชาติเลยสักนิด

เจ้าของ: คุณอมรรัตน์ จันต๊ะ
สถาปนิก: Physicalist โดยคุณกาจวิศว์ ริเริ่มวนิชย์

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

 

ชมบ้านหลังนี้ 

9 | บ้านไม้ที่ผ่านการออกแบบให้เหมาะกับการอยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน ผสมสถาปัตยกรรมท้องถิ่นในรูปแบบเรือนปักษ์ใต้ร่วมสมัย ที่สื่อถึงความเป็นไทยและเชื่อมโยงคนสามรุ่นไว้ด้วยกัน

สถาปนิก : ตื่น ดีไซน์ สตูดิโอ และคุณอรวี เมธาวี
ก่อสร้าง : บุญฤทธิ์ สมุหเสนีโต
เจ้าของ : ครอบครัวรอดสุด

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

 

ชมบ้านหลังนี้ 

10 | บ้านไม้ริมคลองที่สร้างบนที่ดินย่านบางขุนเทียน ริมคลองบางมดที่ยังดำรงวิถีชีวิตริมน้ำ โดยออกแบบบ้านให้สอดคล้องกับภูมิอากาศและภูมิประเทศของประเทศไทย ด้วยหลักการของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นไทยภาคกลางซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ใช้กันมาหลายร้อยปี จึงเป็นสถาปัตยกรรมที่เข้าใจเรื่องแดด ลม ฝน และสร้างสมดุลในบ้านให้อยู่เย็นเป็นสุข นำมาต่อยอดให้เหมาะกับวัสดุสมัยใหม่ ทั้งการยกใต้ถุนสูงหนีน้ำท่วม หนีปลวก การทำหลังคาทรงสูงให้อากาศไหลเวียน ชายคายื่นยาว มีช่องหน้าต่างและช่องคอสองช่วยระบายความร้อน มีชานไว้ตากผ้า ตากปลา มีระเบียงซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งใต้ชายคาไว้นั่งเล่นรับลม และผ่อนความร้อนก่อนถึงตัวบ้าน มุงหลังคาด้วยไม้ซึ่งมีคุณสมบัติไม่อมความร้อน และมีสวนรอบบ้านช่วยสร้างร่มเงาและรักษาความชุ่มชื้นให้พื้นดินเย็นตลอดเวลา

เจ้าของ : คุณพงศกร ตุ้มปรึกษา

สถาปนิก : บริษัทสถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม อาศรมศิลป์ จำกัด

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

 

ชมบ้านหลังนี้ 

11 | บ้านโมเดิร์นที่มีต้นไม้ใหญ่เป็นใจกลาง คอร์ตกลางบ้านถูกจัดวางลงในผังของบ้านนี้เป็นสิ่งเเรก ด้วยต้องการบ้านที่เงียบสงบ สัมผัสได้ถึงธรรมชาติ มีเส้นสายที่แลดูวิจิตรแต่ถ่อมตน การลำดับพื้นที่แบบ Japanese Zen จึงถูกเลือกนำมาใช้ และต้นไม้ใหญ่สองต้นที่วางตัวเป็นประธานอยู่ในทั้งสองคอร์ตก็เรียกได้ว่าเป็นพระเอกของพื้นที่เลยทีเดียว

สถาปนิก : คุณปกรณ์ อยู่ดี โดย INLY STUDIO

อ่านเนื้อหาทั้งหมด

 

 

ชมบ้านหลังนี้ 

12 | บ้านสองชั้นที่ผสมผสานวัสดุธรรมดา ทั้งบล็อกช่องลม ไม้ ผนังปูนเปลือย หลังคากระเบื้องลอนที่เหมือนจะไม่โดดเด่นอะไร แต่เมื่อออกแบบให้อยู่ด้วยกันภายใต้สเปซที่จัดวางให้บ้านโปร่งโล่ง ระบายอากาศ ไม่ร้อน และเฟอร์นิเจอร์เก่า ทำให้โดยรวมของบ้านหลังนี้น่าอยู่น่าสัมผัสจริงๆ

เจ้าของ : คุณภาณุพงศ์–คุณบุษกร หริรักษ์

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

ชมบ้านหลังนี้ 

13 | จุดเด่นของบ้านนี้คือการใช้วัสดุที่มีกลิ่นอายแบบอินดัสเทรียล แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เพราะมีการใช้ไม้เป็นองค์ประกอบที่ชัดเจน รวมถึงการจับคู่สีของวัสดุที่ไม่ทำให้บ้านดูเวิ้งว้าง สไตล์ของบ้านหลังนี้จึงดูเรียบง่ายแต่มีลูกเล่น ของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน ซึ่งเจ้าของบ้านบอกว่าเป็นการท้าทายตัวเองที่จะนำมาใช้อย่างไรให้สวยและเข้ากัน เพราะของบางชิ้นได้จากเอ๊าต์เล็ตบ้าง บางชิ้นก็เหลือมาจากการทำงานให้ลูกค้าบ้าง ส่วนไม้พื้นที่เป็นไม้ปาร์เกต์และไม้ทำเฟอร์นิเจอร์ต่างๆส่วนใหญ่เป็นไม้เต็งเก่าอายุเกินสิบปี ซึ่งซื้อต่อมาจากพี่ที่เคารพกันในราคามิตรภาพ จึงอยากใช้ให้คุ้มค่า

เจ้าของ : คุณอรรณพ สมานญาติ และคุณวรานันท์ ช่วงฉ่ำ

ออกแบบ : คุณอรรณพ สมานญาติ

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

 

ชมบ้านหลังนี้ 

14 | บ้านของ คุณหนึ่ง-ณรงค์วิทย์ เตชะธนะวัฒน์ ที่ออกแบบบ้านให้เหมือนรีสอร์ต การใช้ชีวิตปกติในบ้านจึงกลายเป็นการออกไปเที่ยวดื่มด่ำบรรยากาศดวงอาทิตย์ตกทุกวัน เด่นด้วยมุมสวนขั้นบันไดในคอร์ตกลางบ้านที่สร้างสเปซแบบอัฒจันทร์ไม่ให้บังวิวกัน เป็นบ้านโอบล้อมด้วยธรรมชาติที่มีทั้งสวนและทะเลสาบอยู่รอบๆ

เจ้าของ: คุณณรงค์วิทย์ เตชะธนะวัฒน์
ออกแบบสถาปัตยกรรม/ตกแต่งภายใน/แสงแสว่าง: WARchitect โดยคุณธาวิน หาญบุญเศรษฐ และคุณพศวัต อปริมาณ
ออกแบบสวน: บริษัทกิ่ง ก้าน ใบ จำกัด โดยคุณธวัชชัย ศักดิกุล และคุณพลอยทับทิม สุขแสง

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

 

บ้านสวย

ชมบ้านหลังนี้ 

15 | บ้านเหล็กสีดำเท่ที่ยกเอาตู้ตอนเทนเนอร์มาใช้งานเป็นศาลา และดัดแปลงตู้คอนเทนเนอร์ใบอื่น ๆ ให้เป็นสตูดิโอทำงานและโครงชั้นบนของบ้าน ขณะที่ต้นไม้ดั้งเดิมในพื้นที่ยังคงได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี หลอมรวมทุกอย่างทั้งสวนป่า บ้านเหล็ก และสตูดิโอเข้ามาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

เจ้าของ: คุณอารักษ์-คุณสุรีย์พร-คุณน้องเล็ก พรประภา

ออกแบบและตกแต่งภายใน: Walllasia โดยคุณสุริยะ อัมพันศิริรัตน์

ออกแบบและจัดทำภูมิทัศน์: Walllasia โดยคุณสุริยะ อัมพันศิริรัตน์ และคุณประวิทย์ พูลกำลัง

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม

 

เรื่อง JOMM YB

ภาพ คลังภาพบ้านและสวน

 

The post 15 บ้านสวยสุดป๊อปจาก Instagram บ้านและสวน appeared first on บ้านและสวน.

6 วิธีเปลี่ยนห้องเล็ก เป็นมุมทำงานสุดเวิร์ค

$
0
0

ห้องใครเล็ก ห้องใครรก ก็สามารถจัดมุมทำงานและบริหารการใช้พื้นที่ให้กลายเป็นมุมทำงานสุดเวิร์ค รองรับการ Work from Home (WFH) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งเพื่อรับมือกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ และวิถี New normal ที่เปลี่ยนบ้านให้เป็นออฟฟิศ ลดการเดินทาง ลดค่าใช้จ่าย รวมถึงฟรีแลนด์ด้วย เมื่อจัดพื้นที่และตารางชีวิตให้ทำงานได้ดีแล้ว ก็สามารถทำงานได้คล่องไม่มีเบื่ออีกต่อไป

1.เริ่มต้นที่การบริหารพื้นที่ใช้งาน

หากบ้านมีพื้นที่เพียงพอก็สามารถจัดสรรมุมทำงานได้ไม่ยาก แต่สำหรับห้องขนาดเล็กอย่าพึ่งคิดว่าจะจัดมุมทำงานได้อย่างไรในเมื่อมีอยู่ห้องเดียว หันซ้ายก็เป็นเตียง หันขวาก็เป็นห้องน้ำ ถ้าเราคิดว่าโดยปกติทุกพื้นที่มีการใช้งานเป็นช่วงเวลา อย่างช่วงที่เราไม่ได้ใช้เตียง พื้นที่ตรงนั้นก็ถือเป็นที่ว่าง ซึ่งหากรู้จักจัดสรรและมีวินัยเพียงพอก็จะสามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ได้ดีขึ้น ตัวอย่างที่เห็นภาพชัดคือ ห้องของคนญี่ปุ่นที่มีขนาดเล็ก แต่ก็สร้างวัฒนธรรมการพับเก็บที่นอนทุกครั้งในตอนเช้า จึงเกิดพื้นที่ว่างใช้ทำกิจกรรมอื่นต่อได้ เป็นการบริหารพื้นที่ใช้งานแบบทับซ้อนให้เหมาะกับกิจกรรมและเวลา มาดูตัวอย่างการบริหารพื้นที่ใช้งานตามช่วงเวลาสำหรับการ Work from Home กัน

Work from Home

2.วางโต๊ะดี ทำงานคล่อง

แต่ละคนชอบมุมนั่งทำงานต่างกัน บางคนชอบหันหน้าเข้าผนัง บางคนชอบมองวิว มาดูการจัดวางโต๊ะทำงานแบบไหนดี แบบไหนไม่ดี แล้วเลือกจัดได้ตามชอบใจ หรือปรับให้มีมุมทำงานหลายมุมก็แก้เบื่อได้ดี

การวางโต๊ะทำงาน

-หันข้างให้หน้าต่าง ถือเป็นตำแหน่งที่ดี ได้รับทั้งแสงธรรมชาติและการพักสายตา แต่ก็หันกลับมามีสมาธิกับการทำงานได้

-หันหน้าเข้าผนัง สร้างสมาธิได้ดี มีพื้นที่ติดบอร์ดหรือชั้นวางของ เหมาะกับงานที่ต้องการการจดจ่อ

-หันหน้าเข้าหน้าต่าง ทำงานไปพักสายตาไปก็คลายเครียดได้ และแสงธรรมชาติช่วยให้สมองปลอดโปร่ง เป็นมุมที่เหมาะกับการคิดสร้างสรรค์หรือวางแผนงาน

-วางโต๊ะแบบลอยตัว เป็นการจัดโต๊ะที่ใช้พื้นที่มากกว่าโต๊ะวางชิดผนัง ให้ความรู้สึกไม่อึดอัด เหมาะกับการทำงานที่มีการพูดคุยงานกัน

-หันหน้า หันข้างให้ประตู เป็นตำแหน่งที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะทำให้ขาดสมาธิ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็กั้นด้วยฉาก ชั้นวางของ หรือกระถางต้นไม้ที่สูงระดับสายตาเวลานั่ง

 3.ท่านั่งที่ถูกต้อง

-ท่านั่งทำงานที่สบาย คือ เท้าจรดพื้น และเข่าตั้งฉากอยู่ในระดับเดียวกับสะโพก นั่งให้เต็มก้น หลังตรงแนบกับพนักพิง ไม่โน้มตัวเข้าหาหน้าจอ และไหล่อยู่ในท่าธรรมชาติ ไม่เกร็งหรือห่อไหล หากที่นั่งเก้าอี้ลึกเกินไป ควรใช้หมอนหนุนหลัง

-ปรับหน้าจอให้ตรงหน้าพอดี อยู่ในระดับสายตาหรือต่ำกว่าสายตาเล็กน้อย (20°) โดยที่ไม่ต้องก้มหรือแหงนคอมากเกินไป โดยมีระยะห่างจากหน้าจอประมาณหนึ่งช่วงแขน

-แป้นคีย์บอร์ดอยู่ในระดับเดียวกับข้อศอก และใช้เมาส์โดยพักข้อศอกบนที่รองแขน

4.ตั้งกฎการพัก

Work from Home อยู่บ้านคนเดียวก็จะเหงาๆ หน่อย จึงควรหาวิธีลดความเครียดจากการจดจ่อกับงาน อาจเป็นการบริหารระหว่างทำงาน หรือทำงานอดิเรกใหม่ๆ หลังช่วงเวลาทำงานแล้วถ่ายรูปอวดเพื่อนกัน  แต่ก็ต้องระวังใจไม่พักจนเพลิน จึงแนะนำให้ตั้งกฎการพักให้ตัวเอง เช่น

-พักสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทุก 20 นาที เปลี่ยนอิริยาบถทุก 30 นาที ลุกเดินทุก 1 ชั่วโมง

-มีชั่วโมงฟิตหุ่น ลดพุง ในเมื่อไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปกลับ ลองสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง โดยเปลี่ยนเวลาที่เคยเดินทางวันละ 1-2 ชั่วโมง ให้เป็นเวลาออกกำลังกาย ใครที่เคยบ่นว่าไม่มีเวลาก็จะไม่มีข้อแก้ตัวอีกต่อไป

-ช่วงเวลาพักให้เปลี่ยนที่นั่ง เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงหรือเบรกช่วงบ่าย แนะนำให้เปลี่ยนมุมนั่งและหยุดคิดเรื่องงาน ก็ช่วยลดความจำเจและล้าจากการทำงานได้

-ดูแลจิตใจ ใช้ช่วงเวลานี้ให้เป็นเวลาสำหรับการกลับมาดูแลจิตใจตัวเอง อย่างการทำงานอดิเรก เช่น ปลูกผักกินเอง ปลูกเห็ด เลี้ยงปลาตู้ จัดสวนกระถาง เพื่อเตรียมใจให้พร้อมรับมือกับงานที่จะกลับมาเยอะมากกว่าเดิมหลังผ่านสถานการณ์นี้ไป แถมอาจได้อาชีพเสริมเพิ่มรายได้จากงานอดิเรกอีกด้วย

Work from Home

5.มีตัวช่วยพร้อม

มีหลายตัวช่วยดีๆ ที่ช่วยให้ Work from Home ได้อย่างราบรื่น เช่น

-หูฟังพร้อมไมค์ ช่วยสร้างสมาธิตัดเสียงรบกวนรอบตัว และใช้ประชุมออนไลน์ได้สะดวก

-แอปพิเคชั่นประชุมออนไลน์ เช่น Zoom Skype Line เพื่อประชุมและสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน

-เซตสเตชันเนอรี่ หากเปลี่ยนมุมทำงานบ่อย เตรียมกล่องใส่เซตอุปกรณ์ทำงานไว้ข้างตัว ก็จะหาของง่ายไม่เสียเวลา

-Pocket  Wi-Fi ถ้าใครไม่มีอินเตอร์เน็ตบ้าน หรือจะแชร์อินเตอร์เน็ตจากมือถือก็ไม่สะดวก เพียงซื้อซิมมาใส่ก็ใช้ได้เลย แล้วยังพกพาไปได้ทุกที่

6.แม้จะอยู่บ้าน ก็ต้องกำหนดช่วงเวลาทำงาน

ควรตั้งเวลาการทำงานให้ใกล้เคียงกับที่เคยทำที่ออฟฟิศ มีเวลาเข้างาน พักเที่ยง เบรกช่วงบ่าย และเวลาเลิกงาน หรือตั้งเวลาทำงานให้ได้วันละ 8-9 ชั่วโมง แม้แต่ละวันอาจไม่ตรงเวลาที่ตั้งไว้ แต่ก็พยายามทำงานให้เสร็จในเวลา ก็จะเห็นว่าในแต่ละวันเราทำงานได้คืบหน้าแค่ไหน และเป็นช่วงเวลาในการติดต่อประสานงานกับผู้อื่นด้วย อีกทั้งเมื่อสลับกับการไปออฟฟิศ ก็จะไม่ต้องปรับตัวมากนัก เป็นการรักษาสมดุลในการทำงาน

____________________________________________________________________

เรื่อง : ศรายุทธ ศรีทิพย์อาสน์

ภาพ : Jomm

ภาพประกอบ cover : pstaryu

ภาพประกอบเรื่อง : เอกรินทร์ พันธุนิล

อ่านเรื่องที่น่าสนใจ

13 ไอเดียจัดระเบียบมุมทำงานที่คุณเองก็ทำได้ให้น่าใช้งานกว่าที่เคย

เคล็ดลับการจัดวางโต๊ะทำงาน วางแบบไหนให้เหมาะกับเรา

จัดระเบียบมุมทำงานขนาดเล็ก ให้มีพื้นที่เหลือเยอะด้วยเทปหนามเตย

ติดตามบ้านและสวนได้ที่ www.facebook.com/baanlaesuanmag

 

The post 6 วิธีเปลี่ยนห้องเล็ก เป็นมุมทำงานสุดเวิร์ค appeared first on บ้านและสวน.

21 วอลเปเปอร์ฟีลไลค์(มาย)โฮม ต้อนรับปี 2021

$
0
0

บ้านรก ห้องไม่พร้อม แต่ถ้าต้อง Zoom เพราะ work from home ก็ต้องดูดี my home จัดมุมบ้านสวยๆที่เราหลงรักมาให้แล้วจ้า มาทั้งแบบห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น สายวิทย์ สายศิลป์ สายเขียว ก็มีพร้อม เลือกโหลดใช้ได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะโปรแกรม Zoom หรือ จะเซทเป็น วอลเปเปอร์ หน้าจอคอมก็ยังไหว จะคุยงานจิงจัง หรือ เฮฮาปาร์ตี้ผ่านหน้าจอ ก็เลือกใช้ได้ตามถนัด แบคกราวด์สวยขนาดนี้อย่าลืมแชร์ต่อให้เพื่อนๆใช้กันด้วยนะคะ

 

 

จัดหนัก จัดเต็มไปกับ 21 วอลเปเปอร์ สวยๆ สไตล์ฟีลไลค์(มาย)โฮม ต้อนรับปี 2021 แบบสดได้ ได้อินสไปเรชั่นกันแน่นอน

วอลเปเปอร์

เอาใจสายต้นไม้ กันก่อน  กับ ไม้กระถาง ใบน้อย – ใหญ่ วางบนขาตั้งสวยๆ ผลงาน DIY ที่ลองทำเองได้ไม่ยาก

ตามไปดู วิธีทำขาตั้งกระถางต้นไม้ จากเศษไม้เหลือใช้ ที่จะทำให้บ้านของเรายิ่งน่ารัก หรือจะทำแจกใครเป็นของขวัญปีใหม่ก็ดูดี

วอลเปเปอร์

สายเท่ต้องชอบ กับวอลล์เปเปอร์ รูปมุมห้องนอนสวยๆ กับผนังหัวเตียงสีเทาเข้ม

เพิ่มความเท่ขึ้นไปอีกระดับ กับรูปมุมสูงของเมือง ในโทนสีขาว – ดำ ลองเซทเป็นแบคกราวด์ตอน zoom คุยงาน ก็ดูเท่ไม่เบานะคะ

มุมกินข้าวที่ดูเรียบง่ายสบายตา โทนสีเทาหม่นๆ แซมด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ เป็นภาพที่ชวนผ่อนคลาย หรือจะเก็บไว้เป็นไอเดีย ในการแต่งบ้านก็ไม่เลวนะคะ

วอลเปเปอร์

มุมห้องนั่งเล่นโทนสีขาว – ครีม กับเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้องดีไซน์สวย

ประตูเลือนกระจกบานใหญ่ เปิดรับแสงสว่างจากธรรมชาติเข้ามาในห้องได้อย่างเต็มที่

ทำให้ห้องนี้ดูสว่าง แต่อบอุ่น เหมาะแก่การพักผ่อน

วอลเปเปอร์

ต้นไม้ในขวดแก้ว วางบนชั้นรอวันรากเจริญเติบโต กลายเป็นของแต่งบ้านสวยๆ ที่เพิ่มสีเขียวจากธรรมชาติได้อย่างสวยงาม ไปดูวิธีทำกันเลย ต้นไม้ปักชำน้ำ

วอลเปเปอร์

บ้านเก่าที่ปรับปรุงใหม่ ยังได้กลิ่นอายของความเป็นบ้านในสมัยก่อน โต๊ะทำงานหน้าตาเชยๆ ดูเข้ากับบ้าน และ พื้นกระเบื้อง 6 เหลี่ยม ได้เป็นอย่างดี

ทางเดินในสวนสวย มีต้นไม้ขึ้นโชว์ความเขียวสดชื่น แค่ได้มองเห็นก็รู้สึกดีขึ้นทันตา ลองเซทเป็นวอลล์เปเปอร์หน้าจอคอม เห็นต้นไม้เขียวๆ ไว้พักสายตากันนะคะ

วอลเปเปอร์

มุมครัวสไตล์คลาสสิก กับตู้แขวนผนัง และเคาน์เตอร์ในโทนสีขาว – ครีม ทำเลียนแบบของเก่า กรุผนังด้วยกระเบื้อง white & blue

มุมพักผ่อนหลังบ้าน ต่อระเบียงออกมา วางเก้าอี้ และ คู่กับเบาะรองนั่ง สวนผนังแบบ DIY กลายเป็นมุมสุดน่ารักที่ดูเหมือนไม่ตั้งใจ แต่ได้ใจไปเต็มๆ

ของแต่งบ้านแบบทำเอง ด้วยวิธีการ ปักผ้าแบบสามมิติบนสะดึงไม้ เทคนิคไม่ยาก แต่ไม่ซ้ำใครแน่นอน

มุมนี้ลองเซทเป็นแบคกราว Zoom แล้ว เหมือนกับนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น แสงสวยไม่เหมือนใครเลย

วอลเปเปอร์

ผนังอาคารเก่าที่ยังมีร่องรอยของสีที่แตกต่างกัน ติดรูปภาพ งานกราฟฟิกหลากหลายขนาด จัดเรียงต่อกันได้อย่างสนุกสนาน

ลองใช้รูปนี้เป็นแบคกราวด์ Zoom ดูสนุกสนานเข้ากับเทศกาลมากๆเลย

วอลเปเปอร์

หยิบเอาธรรมชาติสวยๆ มาไว้ใกล้ๆตัว กับ กรอบรูปธรรมชาติ  ที่ทำเองได้ไม่อยาก จากการหยิบเอาใบไม้ ดอกไม้ที่อยู่รอบๆตัว มาจัดใส่กรอบกระจก

เติมความสดใสให้กับบ้าน และแน่นอน หน้าจอคอมเราก็สวยได้เช่นกัน

มุมทำงานสุดคูล ของบ้านสไตลิสต์ ที่ตกแต่งผนังด้วยการติดรูปภาพ ผลงานศิลปะ หรือของที่ระลึกต่างๆไว้บนผนัง

ตามไปดูความตื่นตาตื่นใจ ของบ้านสไตลิสได้ที่ บ้านที่เต็มไปด้วยสีสัน 

วอลเปเปอร์

เจ้านกฟลามิงโก้สีขาว มายืนโชว์ตัวเท่ๆ คู่กับต้นกระบองเพชร รูปนี้พอเซทเป็นวอลล์เปเปอร์ สวยสะดุดตาไม่แพ้รูปอื่นๆเลย

วอลเปเปอร์

ต้นไม้จะเยียวยาทุกสิ่ง รูปนี้ก็ช่วยได้ไม่แพ้กันค่ะ เฟิน ที่ห้อยลงมาเป็นสาย สวยสดชื่น ดีต่อใจ

หรือจะลองลงมือปลูกเองแบบจริงจัง ก็เป็นอีกกิจกรรมยามว่างที่น่าสนใจนะคะ

วอลเปเปอร์

ลองจินตนาการตัวเอง ได้นั่งจิบชาที่โซฟาตัวนี้ รับแสงแดดอ่อนๆที่ส่องเข้ามา ชมวิวสวนสวยๆนอกหน้าต่าง

เป็นอีกห้องนั่งเล่นที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ตามไปดูบ้านนี้กันเต็มๆได้ที่ บ้านสวยจัดเอง

วอลเปเปอร์

ของรัก ของสะสม กับเจ้าแมสคอตตัวใหญ่ มุมทำงานสุดเท่ที่สร้างแรงบันดาลใจ รวมกันเป็นห้องทำงานในสไตล์วินเทจ

วอลเปเปอร์

สายเขียวต้องชอบ กับวอลล์เปเปอร์มุมสวยสวย ที่มีทางเดินกลางน้ำดูชุ่มฉ่ำชื่นใจ เก็บไว้เป็นไอเดียแต่งสวย ก็น่าลองนะคะ

วอลเปเปอร์

ดูคงแก่เรียนกันสักนิด กับชั้นวางหนังสือเท่ๆ ที่ใช้ผนังก่ออิฐโชว์แนว ติดชั้นไม้ ตั้งโชว์หนังสือให้สวยน่าหยิบอ่าน แซมด้วยของแต่งสวนน่ารักๆ และ กระถางน้อย – ใหญ่

ห้องทำงานสุดเปรี้ยว ถึงจะมีของเยอะแยะมากมาย แต่แค่ได้เห็นการจัดเรียงไว้ได้อย่างเป็นระเบียบ ก็ดูน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว

แจกฟรี ปฏิทินปี2564 !!! ปฏิทินไม้ใบสวยๆ รีบมาโหลดไปใช้กัน

The post 21 วอลเปเปอร์ฟีลไลค์(มาย)โฮม ต้อนรับปี 2021 appeared first on บ้านและสวน.

โคมยูวีซี (UV-C) ยับยั้งเชื้อไวรัส COVID-19

$
0
0

โควิด-19 กลับมาอีกแล้ว ไม่ว่าจะอยู่นอกบ้านหรือในบ้านก็มีความเสี่ยง ทั้งจากการสัมผัส การไอหรือจาม และการแพร่กระจายของเชื้อทางอากาศ นอกจากการสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ แล้ว การฆ่าเชื้อบนของใช้ส่วนตัว ก็สามารถยับยั้งการแพร่กระจายเชื้อโรคได้

วิธีการกำจัดเชื้อโรคด้วย UV-C อย่างถูกวิธี

รังสี UV-C สามารถยับยั้งการแพร่กระจายเชื้อโรคได้ รวมถึงการกำจัดกลิ่นอับต่างๆที่เกิดจากการสะสมของแบคทีเรีย โคมยูวีซีแบบตั้งโต๊ะ (UV-C Disinfection Desk Lamp) จากฟิลิปส์ เป็นอีกนวัตกรรมที่ช่วยยับยั้งการแพร่กระจายเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตอบโจทย์ความต้องการรักษาความสะอาดของคนยุคปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี uvc

uvc

หลอดไฟ UV-C ยับยั้งเชื้อไวรัสได้อย่างไร

โคมยูวีซีชนิดนี้ เลือกใช้หลอดไฟ UV-C ที่มีคุณภาพสูง สามารถยับยั้งและกำจัดเชื้อโรคต่างๆ ด้วยความยาวของคลื่น 254 นาโนมิเตอร์ ซึ่งจะเข้าไปทำลาย DNA ของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่และหัด นอกจากนี้ผลจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการ National Emerging Infectious Diseases Laboratories (NEIDL) โดยมหาวิทยาลัยบอสตัน ยืนยันอย่างเป็นทางการว่า หลอดยูวีซีที่ใช้ในโคมชนิดนี้ มีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดโรค COVID-19 ได้ถึง 99 เปอร์เซนต์ ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที uvc

uvc

ระยะเวลาการฆ่าเชื้อและขนาดห้อง

โคมยูวีซีแบบตั้งโต๊ะใช้งานง่าย โดยจะมีเสียงแนะนำวิธีการใช้ตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นการทำงาน เพียงวางตัวโคมและเปิดเครื่องทิ้งไว้ภายในห้องที่ต้องการ แล้วเลือกเวลาการทำงานให้เหมาะสมกับพื้นที่ของห้อง โดยด้านบนตัวโคมไฟจะมีปุ่มตั้งเวลาการทำงาน 3  รูปแบบ เมื่อตั้งค่าเสร็จสิ้น ให้ออกจากห้องและปิดประตูจนกว่าจะครบเวลาทำงานที่ได้ตั้งค่าไว้

-15 นาที สำหรับห้องขนาดไม่เกิน 13 ตารางเมตร

-30 นาที สำหรับห้องขนาดไม่เกิน 20 ตารางเมตร

-45 นาที สำหรับห้องขนาดไม่เกิน 28 ตารางเมตร

ระบบเซ็นเซอร์เพื่อความปลอดภัย

นอกจากฟังก์ชั่นที่ครบครันแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญก็คือ ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ป้องกันผู้ใช้งานและสัตว์เลี้ยงจากอันตรายของแสงยูวีซีหากสัมผัสผิวหนัง โดยโคมจะเริ่มทำงานต่อเมื่อไม่สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวเป็นเวลา 30 วินาที หลังจากการตั้งเวลา และหยุดทำงานทันทีเมื่อตรวจจับพบการเคลื่อนไหวในรัศมี 3 เมตร นอกจากนี้ ตัวโคมจะอยู่ในฟังก์ชั่น Lock Mode เสมอ จนกว่าจะมีการสัมผัสตั้งค่าใช้งานที่ตัวโคม จึงมั่นใจในความปลอดภัยทั้งคนและสัตว์เลี้ยง

ดีไซน์สวย ตั้งได้ทุกห้อง

โคมยูวีซีแบบตั้งโต๊ะ ดีไซน์โมเดิร์นทรงเหลี่ยมสีเงินด้าน ทำจากวัสดุพิเศษกันแสงยูวีซีให้ความปลอดภัย ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการรักษาความสะอาดพื้นผิวบนสิ่งของต่างๆภายในบ้าน อาทิ โซฟา พรม ผ้าม่าน ฯลฯ เป็นมิตรกับสภาพแวดล้อม และไม่มีสารตกค้างระหว่างการใช้งาน เปิดตัวในราคา 2,490 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม

www.lighting.philips.co.th/products/uv-c 

www.facebook.com/PhilipsLightingThailand


เรื่อง : พจน์ ผลิตภัณฑ์

ภาพ : J, เอกสารประชาสัมพันธ์

อ่านเรื่องที่น่าสนใจต่อ

ฆ่าเชื้อโรคในบ้านด้วยการอบโอโซน หรือพ่นน้ำยาแบบไหนกำจัดโควิด19 ได้ดีกว่า

เครื่องอบผ้า มีกี่ประเภท? เลือกอย่างไรดี?

5 วิธีฆ่าเชื้อไวรัสในบ้าน อย่างได้ผล

 

The post โคมยูวีซี (UV-C) ยับยั้งเชื้อไวรัส COVID-19 appeared first on บ้านและสวน.

Viewing all 9932 articles
Browse latest View live