Quantcast
Channel: บ้านและสวน
Viewing all 9932 articles
Browse latest View live

‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ เมืองแห่งป่าใหญ่ ชีวิตดีมีสุข ทุกช่วงวัย

$
0
0

โครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ โดย บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)  เป็นโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้พื้นที่ขนาด 398 ไร่ บนถนนบางนาตราด กม. 7 นวัตกรรมที่พักอาศัยแห่งแรกในโลก ที่ทุกอณูมิติรังสรรค์ขึ้นเพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีสำหรับคนทุกช่วงวัย เพื่อความสุขในชีวิตที่มากขึ้น

เมืองแห่งชีวิตทุกวัย

‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ เป็นที่พักอาศัยรูปแบบบ้านและคอนโดมิเนียมให้เลือกสรร ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และจำนวนสมาชิกครอบครัวที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นวัยทำงาน วัยสร้างครอบครัว หรือครอบครัวขนาดเล็กใหญ่ รวมถึงพื้นที่โดยรอบโครงการได้ถูกออกแบบมาให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ทุกช่วงวัย มีทั้งคลับเฮ้าส์, ร้านค้าปลีก, ร้านอาหารและเครื่องดื่ม, Family Center สำหรับการทำกิจกรรมครอบครัว, Town Center สำหรับกิจกรรมชุมชนและกิจกรรมทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังมีโรงละคร อีเว้นต์ฮอลล์ ตลาด แล้วยังมีศูนย์การแพทย์และสุขภาพขนาดใหญ่ที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือทันสมัย เรียกว่าโครงการแห่งนี้คือ เมืองแห่งการใช้ชีวิตขนาดย่อมแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

โดยลักษณะเด่นของโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ คือการเชื่อมโยงเสน่ห์แห่งการใช้ชีวิตของทุกช่วงวัยผ่านการออกแบบผังเมืองและองค์ประกอบโดยรอบ ให้แต่ละช่วงวัยสามารถใช้พื้นที่ส่วนตัวในไลฟ์สไตล์ของตนเองอย่างอิสระ โดยที่พื้นที่ต่างๆ นี้สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างกลมกลืน เสมือนเชื่อมความสัมพันธ์อันอบอุ่น

ยก ป่าใหญ่มาไว้ในเมือง

นอกเหนือจากการออกแบบพื้นที่อาศัยที่โดดเด่นแล้ว เสน่ห์อันแสนพิเศษของเดอะ ฟอเรสเทียส์ คือ การยกผืนป่าขนาดใหญ่ 30 ไร่ มาไว้ในบริเวณโครงการ ที่เป็นการปลูกป่าของจริงตั้งแต่ยังเป็นกล้าเล็กจนกระทั่งเติบโตเป็นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมแทรกซึมโดยรอบบริเวณโครงการให้เป็นเมืองในป่า ด้วยความเชื่อที่ว่า การได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คนมีสุขภาพดีได้ โดยผู้พักอาศัยสามารถเดินทอดน่องผ่อนคลายอิริยาบถ ดื่มด่ำกับเส้นทางธรรมชาตินี้ผ่านทางเดินยกระดับความยาวกว่า 1.6 กิโลเมตร ที่สวยงามซึ่งเชื่อมโยงกับพื้นที่ต่างๆ ในโครงการด้วย

‘ฟอเรสต์ พาวิลเลียน’ ศูนย์เรียนรู้ล้ำสมัย

ภายในโครงการมีจุดที่เปรียบเสมือนแลนด์มาร์ค คืออาคารศูนย์การเรียนรู้ที่เรียกว่า ‘ฟอเรสต์ พาวิลเลียน’ ถูกออกแบบตกแต่งอย่างล้ำสมัยด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรระดับโลก อาทิ  Foster + Partners Thailand บริษัทสถาปนิกจากประเทศอังกฤษ ผู้ออกแบบอาคารอันงดงามล้ำสมัยแห่งนี้, ITEC Entertainment จากประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ออกแบบสร้างสรรค์ประสบการณ์และสันทนาการที่เกิดขึ้นภายในโครงการ, VAVE Studio จากประเทศเยอรมัน ผู้ออกแบบ Exhibition Experience and Story Creator ให้แต่ละห้องของศูนย์เรียนรู้ได้เปิดประสบการณ์ของผู้มาเยือนให้รู้จักกับวิสัยทัศน์และแนวคิดโครงการผ่าน Immersive Experience และ BUG Studio บริษัทชื่อดังของไทย ผู้ออกแบบ Multi-disciplinary Design เพื่อถ่ายทอดนำเสนอประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ไฮไลท์เด่นภายในศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ที่ไม่น่าพลาดคือ ห้องจัดแสดง Chamber of Secret ที่นำเสนอวิสัยทัศน์ของโครงการผ่านภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่น (โดยบริษัท DEC Media) แสดงบนจอ The Wall เทคโนโลยีล้ำสมัยล่าสุด เป็นหน้าจอแบบไมโครแอลอีดี (microLED) ที่นำ AI มามอบประสบการณ์แบบเหนือจริงให้แก่ผู้ชม โดย ‘ฟอเรสต์ พาวิลเลียน’ เตรียมพร้อมเปิดให้เข้าชมได้ในช่วงไตรมาสแรกปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป

‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ แห่งนี้ เป็นทางเลือกที่พักอาศัยสำหรับผู้ที่มองหาความสวยงามทันสมัย นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิต สุขภาพ และความสุข ตลอดจนธรรมชาติอันชิดใกล้ ที่ดูน่าจะตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างตรงใจ

The post ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ เมืองแห่งป่าใหญ่ ชีวิตดีมีสุข ทุกช่วงวัย appeared first on บ้านและสวน.


ดูแลเครื่องใช้ไหมพรมอย่างไร ให้เหมือนใหม่และใช้ได้นาน

$
0
0

เสื้อผ้า หรือ เครื่องใช้ที่ทำมาจากไหมพรมนั้นไม่เพียงแค่ให้ความอุ่นสบาย แต่ยังมีความพิเศษที่ความเป็นธรรมชาติและมีลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร เห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเป็นไหมพรมแน่นอน นั่นจึงทำให้การดูแลและทำความสะอาดเสื้อไหมพรมนั้น มีความแตกต่างจากเนื้อผ้าทั่ว ๆ ไป ดูแลเสื้อไหมพรม

ซึ่งถ้าอยากให้เสื้อคลุมไหมพรมตัวโปรด หรือจะเป็นหมวกถักใบเดิม อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ก็ต้องเรียนรู้วิธีการดูแล รักษา เสื้อไหมพรมด้วยว่าควรจะซัก ควรจะตาก หรือควรจะเก็บรักษาอย่างไร ให้เสื้อผ้ารวมไปถึงเครื่องแต่งกายชิ้นอื่น ๆ ที่ทำขึ้นจากไหมพรม นั้นสามารถใช้งานได้นาน ๆ คงสภาพให้คงความสวยเหมือนใหม่ วันนี้ my home มีวิธีการดูแลรักษา พร้อมกับเคล็ดลับดี ๆ ที่จะทำให้เสื้อผ้าไหมพรมของเรานั้นใช้สวย ใช่ทนไปได้อีกนาน ๆ มาฝากกันค่ะ ดูแลเสื้อไหมพรม

 

1 . ควรซักมือมากกว่าปั่นเครื่อง

ดูแลเสื้อไหมพรม เสื้อไหมพรม ยืดอายุเสื้อ เสื้อหนาว เสื้อกันหนาว เก็บเสื้อกันหนาวอย่างไร
https://www.woolandthegang.com

การซักทำความสะอาดเสื้อผ้าหรือเครื่องใช้ที่เป็นไหมพรมนั้นจะต้องมีความระมัดระวังมากกว่าเนื้อผ้าทั่วไปที่โยนใส่เครื่องซักผ้าได้ ซึ่งถ้าอยากถนอมเนื้อผ้าให้อยู่ในสภาพดีและใช้งานได้นานขึ้นก็ควรจะซักด้วยมือมากกว่าค่ะ โดยค่อย ๆ ออกแรงขยี้อย่างเบาที่สุดและห้ามใช้แปรงขัดถูแรง ๆ เด็ดขาด เพราะนั่นจะทำให้เนื้อไหมพรมเกิดความเสียหาย แต่สำหรับเครื่องใช้ชิ้นไหนที่มีป้ายระบุว่าสามารถซักด้วยการปั่นเครื่องได้ จึงค่อยใส่ในถุงซักผ้าและนำไปเข้าเครื่องซักโดยใช้โหมดผ้าเนื้อบางค่ะ

 

2 . กำจัดคราบด้วยการแช่ผ้า

ดูแลเสื้อไหมพรม เสื้อไหมพรม ยืดอายุเสื้อ เสื้อหนาว เสื้อกันหนาว เก็บเสื้อกันหนาวอย่างไร
https://www.thespruce.com

ถ้าหากไหมพรมเกิดคราบเปื้อนเฉพาะจุดที่ฝังแน่นเป็นพิเศษ สิ่งที่ต้องห้ามเลยก็คือการใช้แปรงขัดหรือขยี้แรง ๆ เพราะการทำความสะอาดไหมพรมจะต้องทำอย่างเบามือที่สุด วิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดคราบคือการแช่ไหมพรมในน้ำอุ่นที่ผสมน้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง หรืออาจใช้การเจือจางน้ำยามาป้ายลงไปเฉพาะจุดที่มีคราบพร้อมกับค่อย ๆ ถูให้คราบจางลง เพื่อให้เสื้อไหมพรมตัวเดิมกลับมาสะอาดเหมือนใหม่และไร้คราบโดยหลีกเลี่ยงการทำร้ายเนื้อผ้าให้มากที่สุดค่ะ

 

3 . หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อน

ดูแลเสื้อไหมพรม เสื้อไหมพรม ยืดอายุเสื้อ เสื้อหนาว เสื้อกันหนาว เก็บเสื้อกันหนาวอย่างไร
https://housekeeping.wonderhowto.com

อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมกับการทำความสะอาดไหมพรมนั้น ควรเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นเท่านั้น สำหรับน้ำร้อนรวมไปถึงการนำไหมพรมเข้าเครื่องอบเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเลยค่ะ เพราะความร้อนนั้นสามารถส่งผลต่อเนื้อไหมพรมทำให้เสื้อผ้าเกิดการหดหรือมีรูปทรงที่ผิดเพี้ยนไปได้ แต่ถ้าหากต้องการทำเพื่อกำจัดไรฝุ่นก็คงต้องหันมาใช้ความเย็นโดยการนำไปไว้ในช่องแช่แข็งเพื่อให้ไรฝุ่นตายแทนการใช้ความร้อนแล้วล่ะค่ะ

 

4 . การซับน้ำก่อนนำไปตาก

ดูแลเสื้อไหมพรม เสื้อไหมพรม ยืดอายุเสื้อ เสื้อหนาว เสื้อกันหนาว เก็บเสื้อกันหนาวอย่างไร
https://www.woolandthegang.com

เมื่อขั้นตอนการซักผ่านไป ในขั้นตอนการตากก็ต้องใช้ความระมัดระวังไม่แพ้กันค่ะ เพราะก่อนตากไหมพรมนั้นห้ามสะบัดหรือบิดแรง ๆ เด็ดขาด! วิธีที่ถูกต้องและปลอดภัยสำหรับเนื้อไหมพรมก็คือการค่อย ๆ กดหรือบีบเพื่อไล่น้ำออก ตามด้วยการใช้ผ้าขนหนูมาซับอีกรอบโดยวางทับและม้วนเข้าด้วยกัน หรือจะใช้การวางผ้าประกบกันทั้งด้านบนและล่างเพื่อซับน้ำออกให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เนื้อผ้าไม่อุ้มน้ำจนย้วยและแห้งได้เร็วขึ้นเมื่อนำไปตากค่ะ

 

5 . ตากไหมพรมอย่างไรไม่ให้ย้วย

ดูแลเสื้อไหมพรม เสื้อไหมพรม ยืดอายุเสื้อ เสื้อหนาว เสื้อกันหนาว เก็บเสื้อกันหนาวอย่างไร
https://www.madeandmore.com

แม้จะมีการซับน้ำเพื่อให้ไหมพรมแห้งและเบาลงแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นเนื้อผ้าที่ค่อนข้างหนักอยู่ดี การตากไหมพรมจึงต้องใช้วิธีการวางในแนวราบเพื่อไม่ให้เนื้อผ้าเกิดการยืดหรือย้วยจนเสียรูปทรง วิธีที่ทำได้ก็มีตั้งแต่การตากบนตาข่ายสำหรับตากผ้าโดยเฉพาะ การวางบนผ้าขนหนูแห้ง ๆ สักผืนในบริเวณที่มีลมผ่านและแดดไม่จัด ไปจนถึงการวางพาดบนไม้แขวน 3 – 4 เพื่อช่วยกระจายน้ำหนัก การตากในลักษณะนี้จะช่วยให้ไหมพรมได้รูปคงสวยเหมือนเดิมเมื่อแห้งสนิท

 

6 . พับเก็บเมื่อไม่ได้ใช้

เสื้อไหมพรม ยืดอายุเสื้อ เสื้อหนาว เสื้อกันหนาว เก็บเสื้อกันหนาวอย่างไร
https://georgiapellegrini.com

เมื่อจบทริป หรือ หมดช่วงหน้าหนาว ก็ถึงเวลาต้องเก็บเครื่องใช้ไหมพรมเก็บเข้าตู้กันยาว ๆ ซึ่งถ้าอยากให้ไหมพรมยังคงสวยได้รูปเมื่อหยิบออกมาใช้ครั้งถัดไปก็ต้องพับเก็บให้เรียบร้อย ไม่แขวนหรือพาดไว้โดยเด็ดขาดค่ะ เพราะน้ำหนักของตัวไหมพรมจะทำให้ยืดย้วยและเสียทรงได้ ส่วนใครที่เป็นห่วงเรื่องกลิ่นอับหรือไรฝุ่นก็สามารถพับเก็บลงในถุงซิปล็อกแยกจากเสื้อผ้าประเภทอื่น ๆ รวมทั้งหาแผ่นอบผ้าและซองกันชื้นมาใส่ลงไปในถุงเพื่อช่วยอีกแรงได้ค่ะ

 

7 . ผสมสเปรย์กำจัดกลิ่นอับ

เสื้อไหมพรม ยืดอายุเสื้อ เสื้อหนาว เสื้อกันหนาว เก็บเสื้อกันหนาวอย่างไร
https://www.jengeigley.com

สำหรับเสื้อไหมพรมบางตัว ที่ถูกเก็บเข้าตู้ไว้เกือบตลอดปี จะได้นำออกมาใส่แต่ละที ก็เฉพาะตอนช่วงหน้าหนาวเท่านั้น ปัญหากลิ่นอับจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยนอกจากการซักทำความสะอาดตามปกติแล้ว สิ่งที่สามารถช่วยกำจัดกลิ่นอับกวนใจนี้ได้ก็คือการใช้น้ำเปล่าผสมเข้ากับน้ำส้มสายชู และ น้ำมันหอมระเหย มาฉีดหรือพรมลงบนเนื้อผ้าและนำไปตากลมไว้สักพัก ไหมพรมที่มีกลิ่นอับก็จะหอมสดชื่นขึ้นได้

 

8 . การกำจัดขุยผ้า

เสื้อไหมพรม ยืดอายุเสื้อ เสื้อหนาว เสื้อกันหนาว เก็บเสื้อกันหนาวอย่างไร
https://www.jessannkirby.com

ไหมพรมนั้น สามารถเป็นขุยได้ง่ายกว่าเนื้อผ้าชนิดอื่น ๆ แม้จะผ่านการใช้งานได้เพียงไม่นาน ก็อาจเกิดขุยบนเนื้อผ้าแล้ว และนั่นอาจทำให้เครื่องใช้ไหมพรม ดูเก่าเร็วเป็นพิเศษได้ค่ะ ซึ่งถ้าอยากหยิบมาใส่ หรือ ใช้งานได้นาน ๆ โดยยังสวยเหมือนใหม่ ไม่มีขุยผ้ายุบยิบมาคอยกวนใจ ก็จะต้องมาคอยกำจัดเจ้าขุยผ้าพวกนี้ออกไปเรื่อย ๆ โดยอุปกรณ์ที่สามารถช่วยได้ก็มีตั้งแต่เครื่องกำจัดขุยผ้าขนาดกะทัดรัด ที่หาซื้อได้ทั่วไป นอกจากนี้ก็ยังสามารถใช้อุปกรณ์ในบ้านอย่างมีดโกนหนวด หรือ หินภูเขาไฟที่ไว้ใช้สำหรับขัดผิวมาค่อย ๆ ถูลงไปบนเนื้อผ้าแทนได้ค่ะ

รวมของใช้ติดบ้านที่ช่วยเช็ดทำความสะอาดฝุ่นรูปแบบต่างๆ

 

9 .จัดการไหมที่โผล่ออกมา

เสื้อไหมพรม ยืดอายุเสื้อ เสื้อหนาว เสื้อกันหนาว เก็บเสื้อกันหนาวอย่างไร
https://www.theartofdoingstuff.com

เป็นธรรมดาที่เสื้อไหมพรมตัวเก่ง อาจมีไหมเส้นเล็ก ๆ แอบโผล่ออกมาบ้าง จากการใช้งานที่ไม่ได้ระมัดระวังมากนัก เพราะบางครั้งตอนขณะที่สวมใส่ อาจจะเผลอไปเกี่ยวตรงนู้น ตรงนี้ แบบไม่ได้ตั้งใจ และสำหรับเสื้อไหมพรมนั้น ก็ไม่สามารถใช้วิธีการตัดทิ้งเหมือนกับด้ายบนเนื้อผ้าทั่วไป ที่รุ่ยออกมาได้ค่ะ เพราะการกระทำเช่นนั่น จะยิ่งทำให้เนื้อผ้าขาดออก ขยายเป็นวงกว้างขึ้น วิธีที่จะทำให้เสื้อไหมพรม กลับมาสวยเนี๊ยบเหมือนเดิมได้นั้น จะต้องใช้การยัดไหมที่โผล่ออกมา ซ่อนลงไปด้านในแทน โดยใช้เข็มถักไหมพรม หรือ กิ๊บดำ รวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นแท่งเรียวเล็ก มาเกี่ยวไหมที่รุ่ยออก จากด้านล่างและดึงกลับลงไปค่ะ

 

story : Kamonchanok.L


ซ่อมเสื้อไหมพรมเก่าให้กลับมาใช้งานได้ดีเหมือนใหม่

เปลี่ยนบรรยากาศให้ดูสดใส กับไอเดียการแต่งบ้านด้วยไหมพรม

ทำความรู้จักประเภทของไหมพรมกันจ้า

จัดระเบียบตู้เสื้อผ้า เคลียร์เรื่องเครียดๆยามเช้ากับเสื้อผ้าที่หาไม่เคยเจอ

The post ดูแลเครื่องใช้ไหมพรมอย่างไร ให้เหมือนใหม่และใช้ได้นาน appeared first on บ้านและสวน.

รู้จักแผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์ วัสดุปูรองหินและกรวด

$
0
0

หลายบ้านนิยมนํากรวดมาใช้ตกแต่งสวนทั้งทำพื้นทางเดินหรือลานกว้าง แต่ปัญหาที่ประสบกันมากก็คือมักมีคราบตะไคร่หรือเศษดินกระเด็นขึ้นมาเกาะกรวด ยิ่งใช้ไปนานๆกรวดก็จะเริ่มจมดินและกลืนหายไป ในอดีตเราจะใช้ตะข่ายหรือตะแกรงพลาสติกรองก่อนโรยพื้นด้วยกรวดหรือหิน ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปพลาสติกเริ่มผิดรูปและเสื่อมสภาพในบริเวณรอยต่อของแผ่นตะข่ายจะเผยอขึ้นมาเหนือกรวดจนดูน่าเกลียด จากนั้นจะดึงออกก็ทำได้ยากเพราะจะขาดและหลุดติดกับดินอีก ปัจจุบันมีผลิตภัฑณ์ที่ดีกว่าใช้แทนกันได้ นั้นคือ แผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์

แผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์สามารถใช้รองทั้งกรวดหรือหญ้าได้ เพื่อควบคุมการเจริญเติบโตของหญ้าและไม่ให้กรวดจมลงไปในดิน

 

ก่อนตกแต่งพื้นด้วยกรวดหรือหินธรรมชาตินอกจากเตรียมพื้นที่และปรับระดับด้วยทรายให้เรียบร้อยแล้ว ควรปูรองด้วยแผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์หรือแผ่นผ้าใยสังเคราะห์ในบริเวณดังกล่าวด้วย ควรคําานวณปริมาณให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่และควรตัดเว้นพื้นที่ในบริเวณที่ต้องปลูกต้นไม้ด้วย

 

ด้านล่างรองด้วยแผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์ ซึ่งให้สีดูเป็นธรรมชาติ ไม่เห็นชัดเหมือรตะแกรงพลาสติก
ด้านบนโรยด้วยหินกรวดแม่น้ำสวยงาม

คุณสมบัติของแผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์

1.เนื่องจากแผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์จะช่วยเสริมขีดความสามารถในการรับแรงและป้องกันไม่ให้กรวดจมไปในชั้นดินด้านล่าง

2.แผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์ยังคงมีคุณสมบัติให้น้ำซึมผ่านได้ปกติ ไม่มีน้ำขัง

3.อีกทั้งต้นไม้หญ้าและวัชพืชไม่สามารถขึ้นแทรกในบริเวณดังกล่าวได้ทําาให้ไม่ต้องคอยกําาจัดวัชพืชหรือกําาจัดได้ง่ายมากขึ้น

4.ปัจจุบันในท้องตลาดมีแผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์ที่ใช้ในการจัดสวนทั้งขนาด120แกรมและ200แกรม หน้ากว้างประมาณ2เมตร มีให้เลือกทั้งสีดําาและขาว

แผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์ที่มีขายในท้องตลาดมีหลายสี ทั้งสีดำ ขาว และเทา

 

วิธีการปูแผ่นแผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์รองพื้นกรวดและหิน

1.ก่อนโรยกรวดบนพื้นที่ที่เตรียมไว้  แนะนําให้เททรายทับก่อน1ชั้น  และอัดให้แน่น  โดยพื้นทรายควรมีความหนาอย่างน้อย5เซนติเมตร

2.ปูแผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์ จากนั้นจึงค่อยโรยกรวด

3.หมั่นดูแลเก็บกวาดเศษใบไม้แห้งทุกสัปดาห์  ไม่ปล่อยให้น้ําขัง  เพราะจะเกิดคราบบนกรวดได้ง่าย  หรือจะใช้น้ํายาอเนกประสงค์ที่สกัดจากธรรมชาติ  (เพื่อป้องสารพิษตกค้างซึ่งอาจทําลายต้นไม้ในสวน)  ผสมน้ําขัดทําความสะอาด


เรื่อง : ปัญชัช

ภาพ : คลังภาพบ้านและสวน

Step by Step ทำพื้นกรวดในสวนด้วยตัวเอง

เคล็ดลับกำจัดตะไคร่น้ำ ‘กรวดล้าง ทรายล้าง’

กรวดล้าง ทรายล้าง ต่างกันอย่างไร

The post รู้จักแผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์ วัสดุปูรองหินและกรวด appeared first on บ้านและสวน.

หมดห่วงเมื่อภัยมา ด้วยบัตรเดบิตของคนห่วงบ้าน

$
0
0

ใจไม่ดีทุกครั้งที่ได้ยินว่าไฟไหม้ น้ำท่วม โดยเฉพาะแถวบ้าน กลัวว่าข้าวของที่มีในบ้านจะเสียหาย ไหนจะต้องซ่อมแซมและปรับปรุงอีก ค่าใช้จ่ายก็มากมาย กังวลจนไม่เป็นอันทำอะไรกันพอดี

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เข้ามารบกวนจิตใจหลายๆท่านอยู่ตลอด โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่มีทั้งลม ฝน ตลอดจนภัยแล้งที่ตามมาซึ่งอาจทำให้เกิดเหตุน้ำท่วม พายุ หรือไฟไหม้ไม่ว่าจะทางไหนก็ไม่ใช่เรื่องสนุกของคนรักบ้านอย่างแน่นอน…จะดีกว่าไหม? ถ้ามีอะไรมาช่วยคุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้านของเรา ให้คุณได้สบายใจเมื่อภัยมา กรุงไทยโฮมพลัส

เพราะเข้าใจในคนรักบ้านที่ทั้งหวงและห่วงบ้านแสนรัก ในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงรายวันเช่นนี้ จะดีกว่าไหมถ้าเรามีผลิตภัณฑ์ดี ๆ ที่สามารถคุ้มครองทรัพย์สินต่างๆ ภายในบ้านของคุณได้อยู่ เมื่อยามภัยร้ายมากรำกราย อย่างน้อยก็ยังสบายใจได้ว่าทรัพย์สินภายในบ้านของคุณจะได้รับการคุ้มครอง และไม่ใช่แค่ทรัพย์สินในบ้านเท่านั้น แต่ยังคุ้มครองหลากหลายครอบคลุมปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นอีกด้วย

บัตรเดบิต กรุงไทยโฮมพลัส
บัตรเดบิตใบแรกที่มีขึ้นสำหรับคนห่วงบ้าน พลัสความคุ้มครองที่หลากหลาย และความสบายใจเมื่อภัยมา

พลัสความคุ้มครองทั้งภัยธรรมชาติ และอัคคีภัย สูงสุด 200,000 บาท ไม่ว่าจะไฟไหม้หรือน้ำท่วม ก็หมดกังวลด้วยความคุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้าน

พลัสความคุ้มครองอุบัติเหตุ และขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ สูงสุด 200,000 บาท หมดกังวลการนั่งพี่วินฝ่าน้ำท่วมกลับบ้านหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน 

พลัสบริการช่วยเหลือฉุกเฉินภายในบ้าน วงเงิน 1,000 บาท ถึง 2 ครั้ง/ปี ไม่ว่าจะไฟฟ้าลัดวงจร ไฟดับ ประปาเสีย หรือแม้แต่สัตว์ดุร้ายเข้าบ้าน

ยิ่งคนในบ้านสมัครบัตรหลายใบ ก็ยิ่งคุ้มครองเพิ่ม ครอบคลุมเข้าใจคนรักบ้านอย่างแท้จริง ค่าธรรมเนียมเฉลี่ยเพียงวันละ 5 บาทเท่านั้น

กรุงไทยโฮมพลัส

บัตรเดบิต กรุงไทยโฮมพลัส บัตรเดบิตใบแรก และใบเดียวที่เข้าใจคนห่วงบ้านอย่างแท้จริง และยังพลัสความคุ้มครองที่หลากหลาย ครบจบในบัตรเดียว

สนใจศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://krungthai.com/th/personal/cards/debit-card/424

#กรุงไทยโฮมพลัส #บัตรเดียวของคนห่วงบ้าน

The post หมดห่วงเมื่อภัยมา ด้วยบัตรเดบิตของคนห่วงบ้าน appeared first on บ้านและสวน.

Livist Resort Phetchabun พักผ่อนกลางประติมากรรมคอนกรีตสุดท้าทาย

$
0
0

ทันทีที่ภาพสระว่ายน้ำที่ล้อมรอบไปด้วยคอนกรีตรูปทรงพีระมิดกลับหัวของโครงการ Livist Resort Phetchabun ถูกโพสต์ลงในสื่อออนไลน์ ก็กลายเป็นกระแสในวงกว้างทันที ด้วยรูปทรงสะดุดตาของสถาปัตยกรรมดิบกระด้างที่โดดเด่นท่ามกลางธรรมชาติ ที่นี่ได้รับการออกแบบภายใต้ความตั้งใจที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ในการพักผ่อน พร้อมท้าทายความรู้สึกและทดลองกับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน

Livist Resort Phetchabun  รีสอร์ตขนาด 76 ห้อง ออกแบบโดย POAR Architects ตัวโครงการตั้งอยู่ห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างเขาค้อเพียง 30 นาที โดยคำว่า Livist (ลิวิสต์) นั้น มาจากชื่อ Livistona Speciosa ซึ่งเป็นชื่อวิทยาศาสตร์ของต้นค้อ ที่ทางสถาปนิกตั้งใจเลือกชื่อนี้เพื่อต้องการสื่อถึงการนำบริบทมาถ่ายทอดเป็นงานออกแบบที่ผ่านการตีความอย่างตรงไปตรงมาจากทิวเขาค้อที่โอบล้อมพื้นที่แบบ 270 องศา โดยถอดเส้นสายจากระนาบแนวนอนมาผสานกับลักษณะพื้นที่ตั้งโครงการที่เป็นพื้นที่ราบเชิงเขา ตัวอาคารจึงมีลักษณะเป็นแนวยาวทอดตัวล้อไปกับแนวเขา โดยมีความยาวถึง 99 เมตร นำเสนอความต่อเนื่องของเส้นสายจากธรรมชาติมาสู่งานสถาปัตยกรรม

Livist Resort Phetchabun

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Livist Resort Phetchabun
จากมุมบน องค์ประกอบรูปทรงเรขาคณิตของสระว่ายน้ำวงกลม และประติมากรรมคอนกรีตทรงพิระมิดโดดเด่นท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ

Livist Resort Phetchabun

ด้วยทำเลที่ตั้งจึงทำให้ทางโรงแรมตั้งใจจะเป็นศูนย์กลางการพักผ่อนไปพร้อมกับการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวเขาค้อที่มีมากกว่าแค่การมาดูทะเลหมอกยามเช้า ด้วยการสร้างสระน้ำกลางแจ้งไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของคอร์ตยาร์ดโรงแรม เพื่อให้แขกสามารถใช้ว่ายน้ำได้หลังจากกลับมาจากการดูทะเลหมอก สถาปนิกจึงเลือกใช้วงกลมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากจานมาเป็นรูปทรงของสระ และไล่ระดับความลึกไปยังกลางสระเช่นเดียวกับจานโดยไม่มีสเต็ป โดยมีพีระมิดคว่ำที่สร้างจากการหล่อคอนกรีตในที่วางตำแหน่งไว้อยู่กลางสระ และด้วยระดับความลึกที่ค่อยๆ ลดลงทำให้ผู้ใช้สระสามารถสัมผัสกับระดับความสูงของพีระมิดที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป จากที่เมื่ออยู่ขอบสระว่ายน้ำ พีระมิดจะมีความสูงราว 3 เมตร แต่เมื่อว่ายไปยังกลางสระความสูงของพีระมิดจะเปลี่ยนไปเป็น 4 เมตร เนื่องจากความลึกของก้นสระที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง เป็นการสร้างประสบการณ์แบบใหม่ในการเข้าถึงพื้นที่ (space) ผ่านพีระมิด พร้อมกับการสร้างภาพลักษณ์ที่น่าจดจำให้กับโรงแรม

Livist Resort Phetchabun
ความลึกของสระว่ายน้ำลาดเอียงจากตื้นบริเวณขอบสระ ไปสู่ส่วนลึก ณ ใจกลาง สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้ผู้ใช้งานในการมีปฏิสัมพันธ์กับสถาปัตยกรรมคอนกรีต

นอกจากนั้นพีระมิดคว่ำดังกล่าวยังได้ถูกวางหน้าที่ให้เป็น multi-functional architecture ที่ถูกตีความให้เป็นรากของต้นไม้ โดยด้านบนได้ปลูกต้นแตงล้างใบเอาไว้เพื่อให้สีเขียวของต้นไม้มาช่วยสร้างบรรยากาศการพักผ่อน เมื่อว่ายน้ำผ่านเข้าไปยังกลางสระแล้วจะพบกับพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมแต่ไม่ปิดกั้นไว้อย่างตั้งใจ โดยพื้นที่ดังกล่าวเกิดจากการเรียงมุมของพีระมิดกลับหัวที่ออกมาคล้ายกับหลังคาหน้าจั่ว เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นและเป็นส่วนตัว แต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นพื้นที่ที่ไม่ปิดกั้นลมธรรมชาติที่พัดผ่านเข้ามา พร้อมกันนั้นด้วยองศาของรูปทรงพีระมิดยังช่วยกรองแสงแดดที่จะเข้ามาภายกลางสระได้อย่างดี ทำให้แขกที่มาพักสามารถว่ายน้ำได้ตลอดทั้งวันแม้กระทั่งช่วงบ่ายซึ่งเป็นเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน

Livist Resort Phetchabun
นอกจากรูปทรงสะดุดตาที่ดึงดูดความสนใจในเวลากลางวัน การออกแบบแสงสว่างบริเวณสระว่ายน้ำ ให้ขับเน้นประติมากรรมให้โดดเด่นนยิ่งขึ้น ก็สร้างบรรยากาศน่าค้นหายามค่ำคืน

นอกจากเรื่องลักษณะอันโดดเด่นของภูมิประเทศของเขาค้อแล้ว เรื่องของลมธรรมชาติจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ก็เป็นอีกปัจจัยแวดล้อมสำคัญในการออกแบบโครงการ สถาปนิกจึงยกฝ้าเพดานชั้น 1 ให้สูงขึ้นไปถึง 7 เมตร และกั้นผนังทึบให้น้อยที่สุด โดยเลือกใช้ทรายล้างและหลังคาสีดำที่สร้างซ้อนขึ้นแทนฝ้าเพดานมาใช้ในการแบ่งพื้นที่ จนเกิดเป็นพื้นที่ใต้ถุนขนาดใหญ่ของอาคาร เพื่อให้ลมนั้นสามารถพัดผ่านไปยังส่วนต่างๆ ของอาคาร ซึ่งการออกแบบเช่นนี้นั้นยังทำให้อาคารไม่ไปขวางทางลมจนลมเปลี่ยนเส้นทาง อีกทั้งหลังคาสีดำยังถูกปรับองศาเพื่อทอนกำลังของลมและป้องกันไม่ให้ลมไปกระทบต่อบริบทโดยรอบ

Livist Resort PhetchabunLivist Resort Phetchabun  Livist Resort Phetchabun   Livist Resort Phetchabun

สำหรับตัวห้องพักมีให้เลือกถึง 5 ประเภท ซึ่งจะแตกต่างตามตำแหน่งและมุมมองที่แต่ละห้องได้รับ โดยทุกห้องจะถูกบิดแกนทำมุม 30 องศา และมีความยาว 7 เมตร เพื่อสำหรับเปิดรับวิวของเขาค้อและวิวสระว่ายน้ำรูปวงกลมได้อย่างเต็มที่ โดยจะเห็นเป็นกลุ่มคอนกรีตที่เรียงตัวเพื่อปิดล้อมอยู่กลางสระท่ามกลางเฉดสีเทาจากหินอ่อนจากพื้นสระที่ค่อย ๆ ไล่สีไปอย่างสวยงาม อีกทั้งตัวห้องยังเว้นระยะห่างระหว่างห้องพักแต่ละห้อง 1.20 เมตร  เพื่อเปิดเป็นช่องให้ลมพัดเข้ามายังทางสัญจร (circulation) ภายในอาคารแทนการเปิดเครื่องปรับอากาศโดยไม่จำเป็น

Livist Resort Phetchabun   Livist Resort

ส่วนด้านการตกแต่งภายในทั้งหมดมาจากแนวความคิดในการเลือกวัสดุในพื้นที่ของจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นหลัก อย่างไม้สักและหินเหมืองสีดำที่จะเห็นได้ตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งพื้น ผนังและฝ้าเพดาน นอกจากนั้นยังมีคอนกรีตซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับงานก่อสร้างโรงแรม เนื่องด้วยทางเจ้าของโครงการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างอยู่แล้ว ทางทีมช่างจึงมีทักษะด้านงานคอนกรีตเป็นอย่างมาก ทำให้สถาปนิกเลือกที่จะให้งานคอนกรีตแสดงศักยภาพตัวเองอย่างเต็มที่ เสมือนให้ที่นี่เป็นแกลเลอรี่ทางงานคอนกรีตโดยเฉพาะ

เชื่อว่า Livist Resort Phetchabun ได้สร้างมาตรฐานการพักผ่อนในบ้านเราขึ้นใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งการสร้างประสบการณ์ให้กับแขกที่มาพักด้วยสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่สามารถว่ายได้ทั้งวัน ไปพร้อมกับการที่ POAR ได้ยกระดับงานออกแบบคอนกรีตไปอีกขั้น ด้วยการท้าทายทั้งเรื่องของเทคนิคการก่อสร้างและรูปลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม โดยมีประติมากรรมคอนกรีตทำหน้าที่เป็น ‘สื่อกลาง’ เพื่อถ่ายทอดความตั้งใจไปในทุกรายละเอียดของงานออกแบบ

 

ออกแบบสถาปัตยกรรม / ออกแบบสถาปัตยกรรมภายใน / ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม:

POAR

Patchara Wongboonsin, Prakai Voranisarakul, Ornnicha Duriyaprapan, Pongsakon Ponpaiboon, Sakrawut Suma, Chanont KaeKlang, Panchika Trisukosol

ออกแบบแสงสว่าง: Light Is co., ltd.

วิศวกรรมโครงสร้าง: Basic Design co.,ltd.

วิศวกรรมงานระบบ: Weint co.,ltd.

รับเหมาก่อสร้าง: Livist ResortBuilding

ออกแบบสวนหิน: ภูริวัจน์ วรากิติยาวิโรจกุล

——-

ภาพ: Patchara Wongboonsin และ Light Is co., ltd.

เรื่อง: Ektida N.

 


 

ATHITA THE HIDDEN COURT CHIANG SAEN

ซ่อน “ความสุข” และ “ความสงบ” หลังกำแพงอิฐกลางเมืองโบราณเชียงแสน

The post Livist Resort Phetchabun พักผ่อนกลางประติมากรรมคอนกรีตสุดท้าทาย appeared first on บ้านและสวน.

บารานี เรสซิเดนซ์ รังสิต-คลอง 3 บ้านเดี่ยวที่ออกแบบเพื่อทุกคนในบ้าน พร้อมฟังก์ชั่นที่สะดวกสะบายสำหรับผู้สูงอายุ

$
0
0

โครงการนี้เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ และใครที่กำลังมองหาบ้านหลังเดียวที่ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการในแต่ละช่วงวัย ที่มาพร้อมความสะดวกสบาย ปลอดภัย และเป็นชุมชนที่มีสังคมน่าอยู่ เรากำลังพูดถึงจุดเด่นของโครงการบ้านเดี่ยวย่านชานเมืองรังสิตอย่าง “บารานี เรสซิเดนซ์ รังสิต-คลอง 3” จาก MANA Development บริษัทในเครือบริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการ อีกหนึ่งโครงการที่เรามาเยี่ยมชมต่อจาก “เอสเพน คอนโด ลาซาล” ที่เป็นคอนโดมิเนียมย่านบางนาของ MANA Development ซึ่งมีการออกแบบอย่างน่าอยู่และให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านจริงๆ

MANA Development

ทว่าความต่างที่เป็นจุดเด่นของ บารานี เรสซิเดนซ์ รังสิต-คลอง 3 อย่างเห็นได้ชัดจากโครงการอื่น ๆ ของ MANA Development ก็คือการออกแบบพื้นที่ใช้สอยเอื้อต่อการใช้งานของผู้สูงอายุอย่างแท้จริง รวมถึงยังได้ชื่อว่าเป็นบ้าน Smart home ที่สามารถสั่งการด้วยเสียงผ่าน Alexa voice service ได้อีกด้วย ซึ่งไม่เพียงเท่านั้น แบบบ้านของโครงการที่ประกอบด้วย 4 รูปแบบ ยังมีจุดเด่นเรื่องการออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่เอื้อต่อการพักผ่อน มีความเป็นสัดส่วนชัดเจน และรองรับจำนวนสมาชิกภายในบ้านได้มากกว่า และล้วนแล้วแต่เป็นแบบบ้านหลังใหญ่ ขนาด 4-5 ห้องนอนทั้งหมด

MANA DevelopmentMANA Development

แบบบ้านโครงการ บารานี เรสซิเดนซ์ รังสิต-คลอง 3 ประกอบด้วย

แบบบ้าน Earl Grey พื้นที่ใช้สอย 220 ตร.ม.มี 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 สวน และ 2 ที่จอดรถ

*แบบบ้าน Ceylon พื้นที่ใช้สอย 225 ตร.ม.มี 5 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 สวน และ 2 ที่จอดรถ

แบบบ้าน Darjeeling พื้นที่ใช้สอย 240 ตร.ม.มี 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 สวน และ 2 ที่จอดรถ

*และแบบบ้าน Darjeeling U พื้นที่ใช้สอย 245 ตร.ม.มี 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 สวน และ 2 ที่จอดรถ

แบบบ้านที่เราแนะนำ: แบบบ้าน Darjeeling U บ้านที่ออกแบบทางลาดและห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ

แบบบ้าน Darjeeling U มาพร้อมพื้นที่ใช้สอย 245 ตร.ม.ซึ่งมีการออกแบบห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ รวมถึงออกแบบทางลาดแยกส่วนจากบันไดทางขึ้นสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุที่อาจจะต้องนั่งวีลแชร์ได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ระบบประตูของบ้านยังออกแบบให้มีความกว้างพิเศษ รวมถึงมีระดับของพื้นที่เรียบเท่ากันทั้งหมด เมื่อรวมกับสภาพแวดล้อมโดยรวมของโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางร่มรื่น เงียบสงบ เหมาะสำหรับการพาผู้สูงอายุเดินเล่นรอบ ๆ โครงการได้อย่างสะดวกสบาย ที่นี่จึงตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับครอบครัวใหญ่ หรือครอบครัวขยายที่มีสมาชิกต่างเจนเนอเรชั่นอยู่อาศัยร่วมกันในบ้านหนึ่งหลัง

โครงการนี้มีแบบบ้านที่ออกแบบทางลาดและห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ

แบบบ้านที่เราแนะนำ: แบบบ้าน Ceylon บ้านหลังใหญ่ขนาด 5 ห้องนอน ที่สามารถเปลี่ยนห้องนอนชั้นล่างเป็นห้องสำหรับผู้สูงอายุ หรือปรับฟังก์ชันเป็นห้องทำงานได้อย่างลงตัว

แบบบ้าน Ceylon เป็นแบบบ้านที่เหมาะสำหรับการปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย นอกจากความเป็นสัดส่วนของแปลนและฟังก์ชันภายในบ้านที่ออกแบบให้พื้นที่ใช้สอยหลักอย่าง เฉลียงหน้าบ้าน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว มุมรับประทานอาหาร และมุมพักผ่อนกลางแจ้งด้านข้าง เชื่อมต่อกันเพื่อการใช้งานที่ต่อเนื่องแล้ว บริเวณห้องนอนชั้นล่าง ส่วนที่ติดกับทางเข้าแยกส่วนจากลานจอดรถและเฉลียงหน้าบ้านยังเหมาะสำหรับใช้เป็นห้องนอนของผู้สูงอายุ หรือจะปรับฟังก์ชันเป็นห้องทำงานได้อย่างลงตัว

บ้านทุกหลังใช้โครงสร้างระบบ Conventional

นอกจากนี้อย่างที่เราเคยบอกเอาไว้ว่า แง่ดีของอสังหาฯ ภายใต้แบรนด์ MANA Development นั้นมั่นใจได้ถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือด้านงานก่อสร้าง เนื่องจากบริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ MANA Development นั้นเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างระดับแนวหน้าของประเทศ ที่ได้รับการยอมรับและมีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่า 40 ปีนั่นเอง

แม้จะใช้งบประมาณที่สูงกว่าและใช้ระยะเวลาก่อสร้างยาวนานกว่าระบบสำเร็จรูป ทว่าบริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการ ก็เลือกที่จะใช้การก่อสร้างในระบบเสา-คาน หรือ Conventional ที่ได้รับการยอมรับว่ามีความทนทานในการใช้งานยาวนานกับบ้านทุกหลังของโครงการ บารานี เรสซิเดนซ์ รังสิต-คลอง 3 ซึ่งอีกหนึ่งข้อดีของระบบนี้ก็คือการปรับปรุงหรือต่อเติมบ้านในอนาคตนั้นทำงานได้ง่ายกว่าระบบสำเร็จรูปนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีการเดินระบบถังเก็บน้ำใต้ดินพร้อมปั๊มน้ำ รวมถึงระบบป้องกันปลวกและแมลงแบบฝังท่อไว้ใต้อาคาร และระบบไฟฟ้าแบบฝังท่อฝังภายในผนังทั้งหมด

MANA Development

Location Review

ทำเลที่ตั้งของโครงการมีเส้นทางคมนาคมที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก ทั้งถนนรังสิต – นครนายก และถนนบางขันธ์ – คลองหลวง อีกทั้งตั้งอยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าอย่าง FUTURE PARK RUNGSIT, ZPELL, BIG C, LOTUS และ MAKRO และสถาบันการศึกษาในระดับต่าง ๆ ทั้งโรงเรียนสารสาสน์นิเทศ, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยรังสิต ตลอดจนมีโรงพยาบาลชั้นนำกระจายอยู่รอบ ๆ โครงการ อาทิ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ และ โรงพยาบาลภัทรธนบุร เป็นต้น

บารานี เรสซิเดนซ์ รังสิต-คลอง 3 คือบ้านเดี่ยวสองชั้นที่แบบบ้านทุกหลังได้รับการออกแบบเพื่อการใช้งานที่เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ ภายในโครงการมีบรรยากาศร่มรื่น สงบเงียบ และมีพื้นที่ส่วนกลางที่พักผ่อนหย่อนใจได้จริง จึงเหมาะสำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาบ้านหลังเดียวที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยเหมาะกับสมาชิกทุกช่วงวัย และแน่นอนว่าโครงการนี้ตอบโจทย์อย่างมากสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องนั่งรถเข็นหรือวีลแชร์ที่ต้องอาศัยการออกแบบพื้นที่ให้เหมาะและเอื้อต่อการเคลื่อนย้ายโดยแท้จริง

เจ้าของโครงการ: MANA Development Co., Ltd.
ก่อสร้าง: บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน)
ออกแบบสถาปัตยกรรม: บริษัท สาลา แอนด์ แอซโซซิเอทส์ จำกัด
ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม: บริษัท กรุ๊ป ทรี จำกัด

MANA Development

ที่ตั้ง: ถนนเลียบคลองสาม ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
จำนวนยูนิต: 140 หลัง
สิ่งอำนวยความสะดวก: สวนสไตล์ทรอปิคอล, คลับเฮ้าส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และ สตรีม
ระบบรักษาความปลอดภัย: เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย, กล้องวงจรปิดแบบ CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง และระบบผ่านเข้าออกโครงการแบบ Access Card

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.manadevelopment.co.th/projects/baranee-residence-rangsit-klong3

The post บารานี เรสซิเดนซ์ รังสิต-คลอง 3 บ้านเดี่ยวที่ออกแบบเพื่อทุกคนในบ้าน พร้อมฟังก์ชั่นที่สะดวกสะบายสำหรับผู้สูงอายุ appeared first on บ้านและสวน.

บ้านกลางบึงของวิศวกรที่ห้องนอนยื่นล้ำเหนือผืนน้ำกว่า 30 เมตร

$
0
0

บนที่ดินผืนใหญ่กว่า 10 ไร่ พร้อมบึงน้ำธรรมชาติ ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่าจะตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านแจ้งวัฒนะ คือที่ตั้งของบ้านสองชั้นที่โดดเด่นด้วยลักษณะอาคารที่ยื่นลอยออกไปเหนือผิวน้ำแบบไร้โครงสร้างค้ำยัน  บ้านเหล็ก หลังนี้ได้รับการออกแบบขึ้นมาเพื่อให้เป็นบ้านพักสำหรับผู้อยู่อาศัยวัยเกษียณ  ภายใต้แนวคิดเพื่อการพักผ่อนและได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

“เจ้าของบ้านมีบ้านเก่าอยู่แล้ว อยู่ในที่ดินเดียวกันนี้” ผศ.พิรัส พัชรเศวต  อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาปนิกจากสำนักงาน East Architects ร่วมกับ ผศ.สยาณี วิโรจน์รัตน์ ผู้ออกแบบ บ้านเหล็ก หลังนี้ เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไป

“ที่ดินมีขนาดประมาณ 10 ไร่ แล้วก็มีบ่อน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง เข้าใจว่าเมื่อก่อนคงขุดเพื่อนำดินไปไปทำประโยชน์อย่างอื่น เพราะฉะนั้นในที่ดินนี้รอบ ๆ จึงมีบ้านหลังเล็ก ๆ รายล้อมร่วมอยู่ด้วย” 

“สำหรับที่ดินซึ่งมีข้อได้เปรียบอย่าง บึงน้ำนี้ เจ้าของบ้านได้ขีดเส้นให้ผมว่า ขอพื้นที่ริมน้ำตรงนี้ทำเป็นบ้าน”

บ้านเหล็ก East Architects 

ผลลัพธ์ที่ออกมาคือบ้านขนาด 1,000 ตารางเมตร ซึ่งมีพื้นใช้สอยจริง ๆ เพียงแค่ 2 ชั้น พร้อมกับ 1 ชั้นลอย โดยออกแบบให้ชั้น 1 มีลักษณะวางตัวขนานไปตามแนวยาวของบึงน้ำ มีชั้น 2 เกาะเกี่ยวเหนือชั้น 1 อยู่ที่ฟากหนึ่ง แล้วยื่นโครงสร้างล้ำออกไปเหนือผืนน้ำ เมื่อประกอบกันแล้วจะได้เป็นบ้านรูปตัวแอล (L) แทรกตัวไปบนผืนน้ำดูโดดเด่น 

บ้านเหล็ก East Architects 

ชั้น 1 ประกอบด้วยส่วนนั่งเล่น พร้อมครัวแพนทรี่ เป็นโถงยาวในทิศที่หันหน้าเข้าสู่บึงน้ำ และสูงจากระดับผิวน้ำราว 2 เมตร มีห้องนอน และห้องทำงานอยู่ที่ปลายสุดของโถงแต่ละด้าน ประกอบกับมีสระว่ายน้ำยาวขนานกับตัวบ้านอยู่ทางด้านหลังบ้านที่ติดกับแนวรั้ว

ชั้น 2 ประกอบด้วยห้องโฮมเธียเตอร์ ห้องนอนเล็ก 1 ห้อง และห้องที่สำคัญที่สุดคือ ห้องนอนหลักของเจ้าของบ้าน กินพื้นที่ทั้งหมดของโครงสร้างชั้น 2 ที่ล้ำออกไปเหนือผืนน้ำ เพื่อสร้างบรรยากาศให้พื้นที่ส่วนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง

บ้านเหล็ก East Architects บ้านเหล็ก

เป็นเรื่องจริงที่บรรยากาศและธรรมชาติโดยรอบของสถานที่ตั้งเป็นทุนเดิมที่ดี  ฉะนั้นสิ่งที่ท้าทายที่สุดจึงอยู่ที่การออกแบบว่าจะทำอย่างไรให้บ้านหลังใหม่บนที่ดินที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ มีความสอดคล้อง และสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังต้องเปี่ยมไปด้วยสุนทรียภาพไม่เหมือนที่ใด อันเป็นที่มาของแนวคิดในการออกแบบบ้านหลังนี้

“เขาบอกว่าอยากให้เป็นหลังเดียวในโลกเลยนะอาจารย์” คุณพิรัสเล่าปนยิ้มถึงความตั้งใจของเจ้าของบ้าน

“ผมจึงลองเสนอไปว่า ถ้าเราลองสร้างบนดินส่วนหนึ่ง ทีนี้บึงน้ำมันสวยมาก เราก็จะลองเลือกวิธีสร้างบ้านให้ยื่นออกไปในน้ำบ้างละจะทำได้ไหม”

“จากที่ผมเสนอไป สิ่งที่ยากเป็นเรื่องของการคิดว่าถ้าต้องออกแบบโครงสร้างลงไปในน้ำ เราจะต้องตอกเข็ม ซึ่งต้องไปขุดและตอกเข็มในน้ำ ผมจึงเสนอว่าจะเป็นไปได้ไหม ถ้าเราออกแบบโครงสร้างให้ยื่นออกไปเลย โดยไม่มีเสาเข็ม ปรากฏว่าเขาก็เลือกอันที่ไม่ยุ่งอะไรกับน้ำ”

บ้านเหล็ก East Architects 

จากกระบวนการคิดดังกล่าว ทำให้ตัวบ้านชั้น 2 ที่ยื่นล้ำออกไปเหนือผืนน้ำ กลายเป็นจุดเด่นของบ้านที่เห็นได้ชัดเจน หากนับรวมระยะทางตั้งแต่จุดถ่วงไปจนถึงส่วนที่ยื่นไปเหนือน้ำนั้นไกลมากถึงเกือบ 30 เมตร อันเป็นระยะที่ท้าทายอย่างยิ่งในการออกแบบ และการคำนวณ เพื่อให้สามารถสร้างและใช้งานได้จริงอย่างปลอดภัย โครงสร้างทั้งหมดของบ้านจึงเป็นโครงสร้างเหล็ก ที่เอื้อให้การออกแบบโครงสร้างแบบไร้โครงสร้างค้ำ หรือ Cantilever ทำได้ง่ายขึ้น

บ้านเหล็ก East Architects 
ที่ปลายสุดของตัวบ้านชั้น 2 เป็นห้องนอนหลัก ผนังและพื้นในส่วนที่ยื่นไกลที่สุดกรุด้วยกระจก ราวกับต้องการให้ห้องทั้งห้องถูกกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับอากาศและผืนน้ำเบื้องล่าง
ผนังเหนือสระว่ายน้ำ ออกแบบให้เป็นบานเปิดแบบระแนงไม้ เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการสร้างความปลอดโปร่งในภาพรวม
ผนังเหนือสระว่ายน้ำ ออกแบบให้เป็นบานเปิดแบบระแนงไม้ เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการสร้างความปลอดโปร่งในภาพรวม

อย่างไรก็ตามแนวทางการออกแบบทั้งหมดนี้ ย่อมไม่ใช่เพียงเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่น่าทึ่ง หรือดูแตกต่าง หากแต่เป็นความพยายามในการสร้างสุนทรียภาพให้เกิดขึ้นรอบด้าน อันเป็นความเชื่อเดิมในแนวทางการออกแบบของคุณพิรัส 

“เจ้าของบ้านเป็นวิศวกร เพราะฉะนั้นเขาจะนึกเรื่องโครงสร้างออก เราเองต่างหากกลับเป็นคนที่ไม่แน่ใจ เราก็รู้ว่าตามหลักการนั้นทำได้ แน่นอนว่ามันก็ต้องมีทั้งความยากและความง่าย” คุณพิรัสกล่าว

“เขาบอกว่าอย่างนี้สบายมาก ซึ่งอาจจะท้าทายฝีมือเขาด้วยก็ได้ และด้วยความเป็นวิศวกรรุ่นเก๋า เขาก็จะมีความปราณีตในการคำนวณมากเป็นพิเศษ ในเรื่องลักษณะของบ้าน ผมไม่ได้คิดถึงเลย ผมต้องยืนยันว่า “รูป” ในสถาปัตยกรรม ไม่ใช่ไม่สำคัญ มันสำคัญ แต่มาที่หลังสิ่งที่มองไม่เห็นอย่าง ธรรมชาติ” 

“เวลาผมทำสถาปัตยกรรมจะใช้วัสดุธรรมชาติทั้งหมดเลย เพราะผมเชื่อว่าวัสดุธรรมชาติเป็นมิตรกับมนุษย์ โดยเฉพาะบ้านที่เราใช้อาศัยอยู่ทุกวัน ฝนเราเยอะ มีความร้อน มีการรั่ว ผมคิดว่านี่เป็นหลักการสำคัญ ที่สถาปัตยกรรมในบ้านเราต้องอ่อนน้อมต่อธรรมชาติ”

บ้านเหล็ก East Architects บ้านเหล็ก East Architects สระว่ายน้ำยาวกว่า 26 เมตร ที่ซ่อนอยู่ภายใน ได้รับการออกแบบให้ยาวขนานไปกับตัวบ้าน โดยปล่อยให้เป็นพื้นที่กึ่งกลางแจ้ง เอื้อในการเป็นพื้นที่ระบายอากาศและสร้างความโปร่งโล่ง

บ้านเหล็ก East Architects 

ดังจะเห็นได้จากองค์ประกอบหลายส่วนที่พบจากตัวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้หลังคาแบบลาดเอียง และมีชายคากว้าง เพื่อรับกับสภาพอากาศที่มีฝนตกชุกและแสงแดดจัด การทำเพดานสูงแบบพิเศษรวมถึงการยื่นระเบียงขนาดกว้างที่สอดคล้องกับชายคา ได้กลายเป็นพื้นที่ช่วยกรองแสง ก่อนจะส่องกระทบเข้าสู่พื้นที่ภายในบ้านโดยตรง รวมถึงยังใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนและใช้งานอเนกประสงค์ สอดคล้องกับวิถีชีวิตแบบตะวันออก ดังที่คุณพิรัสกล่าวว่า

“บ้านเราจริง ๆ ไม่ต้องการความแพงอะไรนะ  เราต้องเหมือนนั่งอยู่ในศาลา แล้วคนไทยจะนั่งได้ ถ้าร้อนหน่อยก็เปิดพัดลมนิดหนึ่ง ถ้าร้อนมากจริง ๆ ก็เปิดแอร์ ถ้าสถาปัตยกรรมมีความสอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ  เครื่องใช้ต่าง ๆ เหล่านั้นก็จะทำงานน้อยลง

“ดังนั้นเพดานที่สูงโปร่ง ย่อมไม่ใช่เฉพาะเพื่อให้มองแล้วสวย ผมคิดว่าเรื่องความสวยงามทุกคนคงทำได้หมด แต่ว่าสถาปัตยกรรมในนัยยะที่เกี่ยวข้องกับชีวิตนี้ ผมคิดว่ามีความสำคัญต่อมนุษย์อย่างมาก”

ตัวบ้านใช้โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นส่วนรับน้ำหนักโครงสร้างเหล็กรูปแบบโครงถัก (Truss) บนชั้น 2 ที่ยื่นออกไป คล้ายเป็น “ตุ้มถ่วง” อีกด้านของระยะยื่น โดยในส่วนโครงสร้างนี้ได้ออกแบบให้ใช้ประโยชน์เป็นโถงบันได รวมถึงห้องน้ำ 
ตัวบ้านใช้โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นส่วนรับน้ำหนักโครงสร้างเหล็กรูปแบบโครงถัก (Truss) บนชั้น 2 ที่ยื่นออกไป คล้ายเป็น “ตุ้มถ่วง” อีกด้านของระยะยื่น โดยในส่วนโครงสร้างนี้ได้ออกแบบให้ใช้ประโยชน์เป็นโถงบันได รวมถึงห้องน้ำ 
บ้านเหล็ก East Architects 
ใต้ชายคาและระยะยื่นยาวของตัวบ้านชั้น 2 เป็นระเบียงบ้านขนาดใหญ่ที่ยื่นออกไปไกลถึง 6 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่สถาปนิกกล่าวว่า กว้างมากพอที่ผู้อาศัยจะใช้งานได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องใส่ราวกันตก ช่วยให้พื้นที่ดูราบเรียบและรับกับธรรมชาติโดยรอบได้ดียิ่งขึ้น

ท้ายที่สุดแม้บ้านหลังนี้จะดูใหญ่โต และมีรูปลักษณ์พิเศษมากกว่าที่อื่น ทว่ายังซ่อนแนวคิดการออกแบบที่สำคัญและลึกซึ้งยิ่งกว่า นั่นคือการออกแบบให้สอดคล้องและโอนอ่อนตามสภาพแวดล้อมของที่ตั้งอย่างเรียบง่าย เพื่อเป็นดังตัวแทนเล่าเรื่องราวชีวิตของผู้เป็นเจ้าของ และเป็นที่พักผ่อนที่เงียบสงบเรียบง่ายอย่างเป็นธรรมชาติโดยแท้จริง 

บ้านเหล็ก East Architects 

ออกแบบ : East Architects
เรื่อง: กรกฎา
ภาพ: คุณวศิน ภุมรินทร์ 

บ้านหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งในหนังสือ room ฉบับใหม่ล่าสุด #DesignForOurFuture

#DesignForOurFuture

#roomฉบับใหม่มีอะไร

Design for our Future
เมื่อโลกเต็มไปด้วยความท้าทาย ได้เวลาให้ ‘ดีไซน์’ สร้างความเปลี่ยนแปลง เพราะเราออกแบบอนาคตของเราเองได้!!

ในขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ปี 2021 ท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ฯลฯ ปัญหาใหญ่ที่เราเคยคิดว่าห่างไกลกลับใกล้ตัวเข้ามาทุกที แล้วเราจะวางแผนรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ทั้งในปัจจุบัน และอนาคตได้อย่างไร

ฉบับนี้ room รวบรวมผลงานการออกแบบของนักออกแบบไทยภายใต้ 3 ประเด็นที่เราสนใจ ได้แก่ ‘สิ่งแวดล้อม’ ‘สังคม-วัฒนธรรม’ และ ‘การศึกษา’ งานออกแบบที่น่าจะสร้างแรงบันดาลใจหรือจุดประกายมุมมองใหม่ให้กับทุกคน เพราะเราเชื่อว่านี่คือเรื่องราวใกล้ตัวทุกคน และถึงเวลาแล้วที่ต้องได้รับการใส่ใจอย่างจริงจัง

It’s time for action! ถ้าไม่ใช่คุณ แล้วใคร และถ้าไม่ใช่ตอนนี้ แล้วเมื่อไหร่

room ฉบับ 193 พ.ย.-ธ.ค. 2563 ราคาเล่มละ 165 บาท
+ พัสดุไปรษณีย์ธรรมดา ค่าจัดส่ง 50 บาท รวม 215.00 บาท
+ พัสดุไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ค่าจัดส่ง 70.00 บาท รวม 235.00 บาท

สั่งซื้อหนังสือทางออนไลน์ได้ที่ The BOOK HOUSE โดยสำนักพิมพ์บ้านและสวน m.me/Baanlaesuanbooks หรืออินบ็อกซ์มาที่เพจ room magazine m.me/roomfan ได้เลย

The post บ้านกลางบึงของวิศวกรที่ห้องนอนยื่นล้ำเหนือผืนน้ำกว่า 30 เมตร appeared first on บ้านและสวน.

สวนในศีล…เกษตรง่ายๆ ในบ้านบนพื้นที่ 1 ไร่

$
0
0

บ้านหลังใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมให้กลิ่นอายของบ้านริมทะเล ทว่ากลับตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่ที่แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับการปลูกพืชผักไว้อย่างเป็นหมวดหมู่ รวมทั้งขยับขยายไปถึงการเลี้ยงไก่ไข่และกุ้งก้ามแดงหรือที่เรียกกันว่าล็อบสเตอร์น้ำจืด จึงมีผลผลิตพร้อมให้เก็บกินได้ทุกวัน ในอนาคตยังตั้งใจให้ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ช่วยถ่ายทอดส่งต่อแรงบันดาลใจในเรื่อง “เกษตรแบบง่ายๆ ไม่มีทฤษฎีแต่ได้ผลดี” ที่เปิดให้เด็กๆและครอบครัวเข้ามาเรียนรู้ธรรมชาติอีกด้วย

เจ้าของ : คุณอรรถกานท์ พิมพ์วงศ์ คุณเบญจมาศ อ่อนกล่ำผล และเด็กชายในศีล พิมพ์วงศ์  เกษตรในเมือง

บ้านหลังใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมกินพื้นที่ไม่มากเมื่อเทียบกับพื้นที่สวนภายในรั้วเดียวกัน คุณเจ๋ง – อรรถกานท์ พิมพ์วงศ์  คุณเบญ – เบญจมาศ อ่อนกล่ำผล และน้องโอเซน – เด็กชายในศีล พิมพ์วงศ์ เจ้าของบ้านต้อนรับพวกเราแต่เช้าด้วยรอยยิ้ม และพาพวกเราเดินเที่ยวชมสวนพร้อมกับลูกสมุนอีกหลายตัวที่วิ่งตามอยู่ไม่ห่าง บนพื้นที่ 1 ไร่แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับการปลูกพืชผักไว้อย่างเป็นหมวดหมู่ มีทั้งแปลงที่ปลูกผักไว้หลากหลายชนิด อย่างผักคอส เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค กวางตุ้ง คะน้า และมีอีกหลายแปลงที่เตรียมดินไว้รอการลงเมล็ด อีกฝั่งยังมีพืชผักสวนครัวอีกมากมายอย่างพริก แตงกวา มะเขือ มะละกอ เรียกได้ว่าพร้อมให้เก็บกินได้ทุกวัน โดยคุณเจ๋งบอกว่าเป็นหลักในการปลูกคืออยากกินอะไรก็ปลูกเลย

แปลงผัก เกษตรในเมือง
บนเนื้อที่ 1 ไร่แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับการปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงไก่เลี้ยงกุ้งได้อย่างเหมาะสม ไม่มากเกินกำลังที่ทุกคนในครอบครัวจะช่วยกันดูแล

“ตอนแรกที่นี่เป็นสวนมะม่วง สวนผลไม้ พอมีลูกก็เริ่มคิดว่าเราอยากหาอะไรให้เขาเล่นให้เขาได้อยู่กับธรรมชาติ ก็เริ่มจากการปลูกผักไม่กี่แปลง ชวนเขาเล่น ชวนเขาเลอะดิน ให้เขาได้ขยำดินเล่น พอเขาเห็นเราขุดดิน เขาก็มาเล่นด้วย เขาไม่รู้หรอกว่าเราจะปลูกผัก พอปลูกไปเรื่อยๆก็รู้สึกว่าทำได้ดี ก็ลองปลูกผักชนิดอื่นๆ ใครอยากกินอะไรก็ลองปลูกเลย”

นอกจากการปลูกพืชผักต่างๆแล้ว สวนในศีลยังขยับขยายไปเลี้ยงไก่ไข่และกุ้งก้ามแดงหรือที่เรียกกันว่าล็อบสเตอร์น้ำจืด “ตอนนั้นเป็นช่วงที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต จึงได้มีโอกาสทำรายการสารคดีเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่อยู่ 3-4 เดือน ได้เจอปราชญ์เกษตรที่นำทฤษฎีของท่านไปใช้ และได้ผลจริงๆ ได้ความรู้ได้แรงบันดาลใจ ก็นำมาปรับใช้กับที่บ้าน พื้นที่เรามีไม่เยอะก็เน้นว่าอยากกินอะไรก็ปลูก ปลูกเล่นๆ แต่จริงจัง มีการเตรียมดิน ปรุงดิน ทำแปลง ทำเองทุกขั้นตอน ว่างก็ทำ ไม่ว่างก็ทิ้งไว้ก่อน ทำไปเรื่อยๆมาปรับให้เข้ากับชีวิตเรา จนได้มาเจอลุงประทีป มายิ้ม ตอนที่ไปทำสารคดี ซึ่งเน้นเรื่องกุ้งก้ามแดง ลุงก็คะยั้นคะยอให้เอาลูกกุ้งกลับมาลองเลี้ยงดู ซึ่งเราก็พยายามปฏิเสธเพราะเป็นสัตว์ต้องดูแล กลัวจะเป็นเรื่องใหญ่ ไหนจะเรื่องที่อยู่อีก แต่ลุงก็บอกให้เอาไปเถอะเลี้ยงง่าย แค่ข้าวสุกวันละเม็ด ลุงให้ลูกกุ้งมา 20 ตัว พอเริ่มโตก็ใส่ในวงบ่อ จำนวนมากขึ้นก็เพิ่มเป็นสองบ่อ พอตอนหลังเริ่มเข้าใจวิธีเลี้ยงก็สร้างเป็นบ่อกุ้งก้ามแดงเลย ในใจตอนแรกคืออยากเผยแพร่ตามโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในมุมเล็กๆของเรา เพราะกุ้งก้ามแดงเป็นสิ่งที่ท่านให้ชาวเขาเลี้ยงในนาข้าว เพราะไม่ทำร้ายข้าว และระหว่างที่รอเก็บเกี่ยวชาวเขาจะได้มีกุ้งกิน เลยเอามาเตือนใจ และเขียนเลข ๙ ไว้ที่ผนัง เพื่อรำลึกถึงท่านที่ช่วยเหลือคนไทยอีกด้วย”

เล้าไก่
บ้านสำหรับไก่อารมณ์ดีในสีสันสดใส
ทุกเช้าวันหยุดน้องโอโซนจะมีหน้าที่ผสมอาหารให้ไก่สับหยวก หมักอาหารช่วยกันทำกับคุณพ่อเป็นการสอนให้น้องมีความรับผิดชอบได้เล่นสนุกและได้เรียนรู้ไปด้วยในตัว
ไข่จากไก่ที่เลี้ยงไว้เก็บได้วันละ 4 – 5 ฟองได้กินไข่สดๆ แถมเมื่อมีมากพอก็นำไปฝากขายกับร้านที่คุ้นเคยกันเป็นไข่จากไก่อารมณ์ดีที่คนเลี้ยงก็อารมณ์ดีไม่แพ้กัน
บ่อกุ้ง
จากลูกกุ้ง 20 ตัวในกล่องลิ้นชักที่ได้จากปราชญ์เกษตร ลุงประทีป มายิ้ม เติบโต ขยับขยายสู่บ่อวงจนมาถึงบ่อซีเมนต์ขนาดใหญ่ ตัวเลข ๙ ด้านหลังวาดไว้เตือนใจและรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9ถึงสิ่งที่ท่านได้ทรงมอบให้แก่ประชาชนชาวไทย
น้องโอโซนกำลังให้สาหร่ายเป็นอาหารแก่กุ้งก้ามแดง
วงบ่อสำหรับเลี้ยงกุ้งก้ามแดง ใส่ท่อน้ำเพื่อให้กุ้งใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว
กุ้งก้ามแดงหรือล็อบสเตอร์น้ำจืดแหล่งโปรตีนชั้นดีและปลอดสารเคมีร้อยเปอร์เซ็นต์

นอกจากกุ้งแล้วยังมีไก่ไข่ สมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่นาน แต่ก็เริ่มออกไข่ให้น้องโอโซนได้เก็บทุกวัน “มีไก่ทั้งหมด 5 ตัว ซึ่งน้องโอโซนจะมีหน้าที่ผสมอาหารให้ไก่กิน พอทำทุกวันเขาก็ได้เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งจริงๆก็เหมือนเขาได้เรียนรู้เรื่องเกษตรและได้สนุกไปด้วย ได้วิ่งเล่น ขุดดิน หัวเลอะทราย เลอะขี้วัว ขี้ไก่ มันสอนให้เขารู้จักธรรมชาติ ทำให้เขาอารมณ์ดี ยิ้มได้ หัวเราะได้ มีเรื่องสนุกให้ทำเยอะแยะ ได้เก็บไข่ พอปลูกผักเหลือก็เอาไปขาย พอขายได้เขาก็ดีใจ หรือถ้าไข่มีมากพอก็เอาไปฝากขายแบบไข่อารมณ์ดีปลอดสารพิษ ถ้ามองในแง่ธุรกิจมันไม่คุ้มหรอก แต่ถ้ามองในแง่ของประสบการณ์ ธรรมชาติที่เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ความสุข ความสบายใจในแง่ของเกษตรอินทรีย์มันคือกำไร อยากให้เป็นแรงบันดาลใจว่าเราทำแล้ว ทำได้ไม่ยาก น้องโอโซน 7 ขวบยังทำได้เลย แค่ขอให้เริ่มต้น ปลูกเองกินเอง ถึงไม่สวยงามแต่สุขใจ”

ถึงจะเป็นสวนเล็กๆ แต่ก็มีป้ายน่ารักๆ ที่ทำขึ้นมาเองเพื่อบอกว่ามีอะไรในสวนนี้บ้าง
คุณพ่อคุณแม่และน้องโอโซนช่วยกันเก็บผักสลัดที่ปลูกเองกับมือแบบไร้สารเคมีเจือปนเจริญเติบโตสวยงามจนเต็มแปลง นำมาประกอบอาหารได้ทุกวัน
ผลผลิตจากสวนในศีลที่ปลูกเอง ดูแลเองมั่นใจได้ว่าปลอดสารพิษอย่างแน่นอน
ต้นขนุนในสวนที่ออกลูกดกจนน่าอิจฉา
ช่วยคุณแม่เก็บกระเจี๊ยบอย่างแข็งขัน เรียนรู้ว่าฝักไหนโตพร้อมรับประทานและลงมือตัดได้เลย
บรรยากาศน่ารักๆ ที่น้องโอโซนเดินถือตะกร้าช่วยคุณแม่เก็บพืชผักในสวน

เหนื่อยจากการทำสวนจนถึงช่วงสายๆของวัน คุณเจ๋งพาพวกเราเดินหลบแดดเข้าบ้านสีขาวทรงสี่เหลี่ยมที่ชวนให้นึกถึงบ้านบนเกาะริมทะเล “เป็นคนชอบทะเลมาก ชอบไปเที่ยวทะเล พอจะสร้างบ้านก็เลยอยากให้เหมือนรีสอร์ตริมทะเล จึงออกแบบให้เหมือนบ้านบนเกาะมิโคนอสที่เป็นสีขาวแล้วผนังบ้านเป็นคลื่นๆไม่เรียบเหมือนไม่ตั้งใจ ข้างในก็เปิดให้กว้างโล่ง เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เหมือนเวลาเราไปเที่ยว ทำให้รู้สึกเหมือนเราได้ไปเที่ยวทุกวัน ในบ้านเย็นสบาย มีลมพัดผ่านตลอดทั้งวัน ถ้าช่วงฤดูหนาววันไหนที่อากาศเย็นมากๆเราก็เก็บฟืนมาจุดไฟผิง ชวนกันทำอะไรสนุกๆอย่างทำไข่ป่าม ทำข้าวจี่กินกัน เหมือนได้ไปเที่ยวบนดอยอีกด้วย”

บ้านที่อยู่กับธรรมชาติ เติมกิจกรรมต่างๆเข้าไป ทั้งเพื่อความสนุกและให้เด็กได้เรียนรู้ ไม่แปลกใจที่ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นั่นจะได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานของน้องโอโซนกับการชี้ชวนพาไปดูต้นนั้นต้นนี้ในสวนตามสไตล์เด็กอารมณ์ดีที่มีธรรมชาติและประสบการณ์อีกมากมายรอให้เขาได้เรียนรู้

บ้านทรงกล่องสี่เหลี่ยมสีขาวสะอาดตามีระเบียงฉลุลวดลายเป็นเอกลักษณ์คล้ายบ้านพักริมทะเลเลียนแบบบ้านที่เห็นบนเกาะมิโคนอส
มุมอ่านหนังสือที่แสนสบายเข้ากับบรรยากาศชวนพักผ่อนของบ้านได้เป็นอย่างดี
มุมโปรดประจำบ้านกับชุดโต๊ะไม้ตัวยาวสีขาวและหมอนลายทางสีขาว – น้ำเงิน ชวนให้นึกถึงบรรยากาศชิลๆริมทะเล
ใช้เตียงนอนแทนโซฟาตัวใหญ่เป็นมุมนั่งเล่นดูทีวีที่แสนสบายประจำบ้าน
ของเล่นสังกะสีของสะสมสุดคลาสสิกของคุณเจ๋งที่ต้องได้รับอนุญาตก่อนที่จะหยิบมาเล่น
มุมโต๊ะกินข้าวที่ใช้เฟอร์นิเจอร์ในสไตล์เรียบง่ายเข้ากับบ้านเน้นโทนสีขาวตัดกับสีฟ้าสดใส เปิดรับแสงสว่างที่ส่องผ่านหน้าต่างด้านหลังเป็นอีกมุมน่ารักที่ทุกคนในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน
บรรยากาศชวนพักผ่อนของห้องนอนหน้าต่างเปิดรับลมเย็นสบายมองออกไปเห็นยอดไม้สีเขียวสบายตา

ในอนาคตคุณเจ๋งอยากให้ “สวนในศีล” เป็นพื้นที่ที่ช่วยถ่ายทอดส่งต่อแรงบันดาลใจในเรื่อง “เกษตรแบบง่ายๆ ไม่มีทฤษฎีแต่ได้ผลดี” เปิดให้เด็กๆและครอบครัวเข้ามาเรียนรู้ธรรมชาติ สอนให้เด็กๆได้รู้ว่ามีเรื่องสนุกกับธรรมชาติอีกมากที่จะได้เรียนรู้ เริ่มต้นจากการแบ่งปันความรู้เชิงเกษตรแบบง่ายๆผ่านทาง  เพจสวนในศีล


เรื่อง : jOhe  เกษตรในเมือง

ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม

สไตล์ : วรวัฒน์ ตุลยทิพย์

สวนครัวดาดฟ้า และวิธีการเตรียมพื้นที่สำหรับทำสวนครัวดาดฟ้า

โรงเรือนปลูกผักขนาดเล็ก สำหรับพื้นที่จำกัด

ปลูกผักเหล่านี้ควรเว้นระยะให้ห่างกัน!

The post สวนในศีล…เกษตรง่ายๆ ในบ้านบนพื้นที่ 1 ไร่ appeared first on บ้านและสวน.


5 บ้านดี มี “ฟาร์ม”สุข เพราะหาผลผลิตธรรมชาติกินได้จากในบ้านเลย

$
0
0

การสร้างแหล่งอาหารได้จากในบ้านของตัวเองทำให้เราสามารถดำรงชีวิตแบบพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน บ้านสวยทั้ง 5 หลังที่เรานำมาให้ชมกันนี้เป็นตัวอย่างของการออกแบบบ้านให้มีแปลงผักส่วนตัว บางหลังยังเลี้ยงสัตว์อย่างไก่ ปลา กุ้ง เพื่อเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารในครัวเรือนกันด้วย ซึ่งการเปลี่ยนบ้านให้เป็นฟาร์มไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นบ้านในชนบทเท่านั้น แม้แต่ทาวน์เฮ้าส์ในเมืองก็สามารถมีแหล่งอาหารเป็นของตัวเองได้ ลองเลื่อนชมไอเดียของบ้านแต่ละหลังกันได้เลย

1. ชีวิตธรรมดาในบ้านไม้ใต้ถุนสูง

เจ้าของ : คุณสายันต์ ทิพย์แสง และคุณอารมณ์ วิรัชศิลป์    บ้านฟาร์มปลูกผักกินเอง 
สถาปนิก : Studio Miti โดยคุณประกิจ กัณหา
ตกแต่งภายใน : บริษัทเอเดค อินทีเรียส์ จำกัด

บ้านฟาร์ม บ้านไม้ใต้ถุนสูง ห้องนอนไม้ เล้าไก่

บ้านไม้ใต้ถุนสูงที่ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่ออยู่อาศัยอย่างเรียบง่าย รูปทรงของบ้านยังได้แรงบันดาลใจจากบ้านทรงไทยมอญของชุมชนใกล้เคียงมาปรับใช้ เพื่อเลี่ยงปัญหาพื้นที่น้ำท่วมถึง พร้อมๆ ไปกับวางแผนทำเกษตรกรรมแบบพอเพียงในพื้นที่รอบๆ บ้าน ตามทฤษฎีของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตั้งแต่จัดแบ่งพื้นที่สำหรับทำบ่อกักเก็บน้ำไว้ใช้และเลี้ยงปลา 30 เปอร์เซ็นต์ ปลูกข้าว 30 เปอร์เซ็นต์ ปลูกผลไม้ ไม้ยืนต้น พืชไร่ 30 เปอร์เซ็นต์ และเป็นที่อยู่อาศัย 10 เปอร์เซ็นต์ เจ้าของบ้านตั้งใจไว้ว่าอยากกินอะไรก็ปลูกเลย วางโซนผักสวนครัวไว้หลังบ้านเพื่อให้หยิบใช้งานเข้าครัวได้ง่าย รอบๆ เป็นต้นไม้ใหญ่แซมด้วยไม้เลื้อยอย่างถั่วฝักยาว แล้วก็มีเรือนเล็กเป็นคอกไก่อารมณ์ดี เพราะเปิดเพลงให้ไก่ฟังด้วย ทุกคนในบ้านจึงอยู่ได้อย่างไม่เดือดร้อน เพราะมีของกินสลับเปลี่ยนทุกวัน พอเหลือแจกก็แบ่งขาย ลูกชายมีที่วิ่งเล่นบนผืนดินกว้างๆ และว่ายน้ำได้สบาย ทำให้รู้สึกถึงชีวิตที่อยู่แบบพึ่งพาตัวเองได้ และมีความสุขง่ายๆกับชีวิตในบ้านที่ตั้งชื่อว่า “ทำ-มะ-ดา” ได้มากขึ้นทุกวัน >>> อ่านต่อ


2. บ้านไร่กลางทุ่งที่สร้างด้วยเงินเก็บสามแสนและน้ำพักน้ำแรงฉบับคนบ้านนอก

เจ้าของ: คุณในดวงตา ปทุมสูติ – คุณรุ่งโรจน์ ไกรบุตร  บ้านฟาร์มปลูกผักกินเอง

บ้านฟาร์ม

บ้านไร่หลังเล็กที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงและพลังใจของผู้เป็นเจ้าของที่ละทิ้งชีวิตวุ่นวายในเมืองกรุง มุ่งมั่นกลับมาทำกินบนผืนดินของบรรพบุรุษที่จังหวัดสุพรรณบุรี โครงสร้างบ้านเสร็จด้วยฝีมือช่างชาวบ้านที่ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ต่อจากนั้นก็เป็นสองมือของเจ้าของบ้านฝ่ายชายที่ทำงานไม้ทั้งหมด คือ ผนัง ประตูหน้าต่าง และเฟอร์นิเจอร์บางส่วน นอกจากนี้ยังได้เตรียมแหล่งอาหารไว้ด้วย ทั้งแปลงผักสวนครัวที่เปลี่ยนชนิดผักที่ปลูกบ้าง ถือเป็นวิธีธรรมชาติเพื่อป้องกันโรคและแมลงซึ่งมักลุกลามเมื่อปลูกผักชนิดเดียวติดต่อกัน รวมถึงมียุ้งข้าวสำหรับเก็บกินในบ้าน มีบ่อน้ำธรรมชาติใช้อุปโภค โดยขุดบ่อและปลูกไผ่โดยรอบเป็นอาณาเขต ไผ่รวกไว้กินหน่อ ไผ่หนามมีลำใหญ่ไว้ใช้ทำรั้ว ส่วนหนึ่งเป็นดงกล้วย อีกส่วนทำนา นอกนั้นปลูกไม้ยืนต้นไว้ใช้ไม้ นับเป็นบ้านไร่แสนสุขที่น่าอยู่จริงๆ >>> อ่านต่อ 


3. บ้าน ฟาร์ม และคาเฟ่ของเจมส์ 500 เฟ็ดเฟ่ ที่มีต้นกล้าผักออร์แกนิกให้กลับบ้านฟรี!

เจ้าของ : คุณจอมพล อุ้มมีเพชร

บ้านฟาร์มปลูกผักกินเอง บ้านฟาร์มปลูกผักกินเอง

เมื่อหนุ่มยูทูปเปอร์เปลี่ยนบ้านเช่าขนาดเพียง 100 ตารางวาในย่านรามคำแหง 110 ให้ดูร่มรื่นและมีบรรยากาศเป็นกันเองสไตล์ชนบท ด้วยการทำฟาร์มในเมืองที่มีคาเฟ่เล็กๆใช้ชื่อว่า James500 Organic Farm Style ให้คนอื่นๆได้มาสัมผัสกับวิถีออร์แกนิก ภายในบริเวณบ้านที่มีการแบ่งสัดส่วนพื้นที่อย่างชัดเจน โดยเปิดรั้วให้เป็นทางเข้าร้านแยกจากทางเข้าบ้าน พร้อม ทำทางเดินไม้ไผ่พาไปยังโซนต่างๆ คือ โซนพื้นบ้าน โซนทะเล โซนสวนป่า โซนกระบองเพชร ซึ่งมีที่ให้นั่งเล่นแทรกอยู่ทุกมุม เจ้าของบ้านเล่าว่าเริ่มต้นจากการหลงรักต้นไม้เมื่อไปเดินงานบ้านและสวนแฟร์ และนำพาให้รู้จักแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงเริ่มปลูกพืชผักสวนครัวด้วยความคิดง่ายๆ คือ ปลูกผักที่ชอบกิน กินผักที่ชอบปลูก และแบ่งปันเพื่อนบ้าน จนถึงตอนนี้ยังได้สร้างเครือข่ายเกษตรกรออร์แกนิก ซึ่งเป็นอีกช่องทางในการช่วยเหลือเพื่อนเกษตรกรในหลายจังหวัดให้นำสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคในเมือง เมื่อมีหลักให้ใจยึดและนำมาปรับใช้ จึงรู้จักการย่างก้าวที่พอดี ไม่เร่งรีบ เจ้าของบ้านจึงมีความสุขกับความพอเพียง >>> อ่านต่อ


4. สวนในศีล…เกษตรง่ายๆ ในบ้านบนพื้นที่ 1 ไร่

เจ้าของ : คุณอรรถกานท์ พิมพ์วงศ์ คุณเบญจมาศ อ่อนกล่ำผล และเด็กชายในศีล พิมพ์วงศ์

แปลงผัก เกษตรในเมือง

บนพื้นที่ 1 ไร่ มีบ้านสีขาวทรงสี่เหลี่ยมที่ชวนให้นึกถึงบ้านบนเกาะริมทะเล ที่ทำผนังบ้านเป็นคลื่นๆ กินพื้นที่ไม่มาก นอกนั้นเป็นพื้นที่ของสวน เจ้าของบ้านเล่าว่าพอมีลูกก็เริ่มคิดอยากให้เขาได้อยู่กับธรรมชาติ จึงเริ่มลงมือปลูกผักไม่กี่แปลง จนถึงทุกวันนี้มีการปลูกพืชผักไว้อย่างเป็นหมวดหมู่หลากหลายชนิด เรียกได้ว่าพร้อมให้เก็บกินได้ทุกวัน โดยมีหลักในการปลูกคือ อยากกินอะไรก็ปลูกเลย ก่อนจะขยับขยายไปเลี้ยงไก่ไข่และกุ้งก้ามแดงหรือที่เรียกกันว่าล็อบสเตอร์น้ำจืด ดำเนินรอยตามเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยตั้งชื่อที่นี่ว่า “สวนในศีล” ตามชื่อของลูกชาย และตั้งใจจะถ่ายทอดส่งต่อแรงบันดาลใจในเรื่อง “เกษตรแบบง่ายๆ ไม่มีทฤษฎีแต่ได้ผลดี” โดยเปิดให้เด็กๆ และครอบครัวเข้ามาเรียนรู้ธรรมชาติได้ >>> อ่านต่อ 


5. Farmsup บ้านชั้นเดียวกลางทุ่งที่อยู่แบบพอเพียง

เจ้าของ : คุณศุภรัฐ ทินจันทร์ และคุณชลียา วามสิงห์
สถาปนิก : I like design studio โดยคุณณฤชา คูวัฒนาภาศิริ
ตกแต่งภายใน : Chaleeya DESIGN

บ้านชั้นเดียว บ้านชั้นเดียว ผักสวนครัว

เจ้าของบ้านที่มีชื่อว่า “Farmsup” หลังนี้ มีแนวคิดของการสร้างบ้านอยู่อาศัยแบบพอเพียงควบคู่ไปกับการทำเกษตรพึ่งพาตัวเองได้มาหลายปีแล้ว หลังจากใช้ชีวิตแบบคนทำงานในเมืองมาอย่างเต็มอิ่ม ก็ได้พบกับทางสายกลางของชีวิตด้วยการสร้างบ้านขนาดพอเพียงอยู่บนที่ดินท่ามกลางธรรมชาติอันสงบเงียบในจังหวัดปทุมธานี ในความเรียบง่ายของบ้านหลังนี้ยังผสมผสานด้วยฟังก์ชันเก๋ๆ จากสไตล์ความชอบที่ต่างกันของเจ้าของบ้าน โดยฝั่งขวาของบ้านเรียกกันว่าส่วนของวิลล่าตากอากาศที่ออกแบบให้ดูสวยงาม มีฟังก์ชันครบ และชวนผ่อนคลาย ตามความต้องการของเจ้าของบ้านฝ่ายหญิง ขณะที่ฝั่งซ้ายของบ้านเป็นส่วนของโรงนาสำหรับเก็บเครื่องมือการเกษตรของเจ้าของบ้านฝ่ายชาย กรุด้วยเมทัลชีตที่ดูเรียบเท่ โดยทั้งสองส่วนเชื่อมต่ออยู่ภายใต้ผืนหลังคาจั่วเดียวกัน ในระหว่างที่สร้างบ้าน เจ้าของบ้านยังได้ศึกษาเรื่องวิธีปรับดินเปรี้ยวให้ทำเกษตรได้ ไปอบรมและหาความรู้จากหลายที่ เปิดตำราของในหลวงรัชกาลที่ 9 เรื่องการแกล้งดินยังไง ศึกษาระบบอควาโปนิกส์เพื่อปลูกพืชและเลี้ยงปลาไปด้วยกันได้ และทำสวนครัวยังไงให้รอด >>> อ่านต่อ  


รวบรวม :  Tarnda    บ้านฟาร์มปลูกผักกินเอง 

ภาพ : ฝ่ายภาพบ้านและสวน

จัดพื้นที่สำหรับเลี้ยงไก่รอบบ้านอย่างไร ให้ไก่ออกไข่เยอะ

อยากปลูกเห็ดไว้เก็บกินเองที่บ้านจะเริ่มอย่างไร

โรงเรือนปลูกผักขนาดเล็ก สำหรับพื้นที่จำกัด

The post 5 บ้านดี มี “ฟาร์ม” สุข เพราะหาผลผลิตธรรมชาติกินได้จากในบ้านเลย appeared first on บ้านและสวน.

บ้านแมววัสดุธรรมชาติ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

$
0
0

โดยธรรมชาติของแมวเป็นสัตว์ที่ชอบนอนหรือหลบตัวในที่แคบ เพื่อให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ดังนั้นการเลือกที่นอนหรือบ้านแมวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เจ้านายได้พักผ่อนอย่างอบอุ่น สุขกาย สบายใจ

วันนี้ บ้านและสวน Pets จึงมีไอเดีย ที่นอน หรือ บ้านแมววัสดุธรรมชาติ ที่นอกจากจะสวยงามดูเป็นธรรมชาติ มีดีไซน์ที่เก๋ไก๋เหมาะกับการตกแต่งบ้านในทุกสไตล์แล้ว ยังเป็นวัสดุที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ถูกใจทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงกันอีกด้วย

1.โอ่งแมว

ขอบคุณภาพจาก : catswow – elsieellie

โอ่งแมวมีรูปลักษณ์คล้ายโอ่งใส่น้ำ ขนาดตั้งแต่ 6 นิ้วไปจนถึง 30 นิ้ว ทำจากวัสดุดินเผา ซึ่งจะช่วยทำให้สัตว์ลี้ยงรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกับได้อยู่กับธรรมชาติ สามารถเก็บกักเก็บความชื้นได้เป็นอย่างดี และกระจายความเย็นได้อย่างสม่ำเสมอ สัตว์เลี้ยงจึงไม่เสี่ยงต่อการเป็นหวัด หรือไม่สบายเท่ากับการนอนบนแผ่นทำความเย็น ที่ให้ความเย็นเพียงจุดเดียว นอกจากนี้ยังมีถาดด้านบนที่สามารถใส่นํ้า หรือนํ้าแข็ง เพื่อเพิ่มความเย็นให้ลงไปสู่โอ่งได้โดยไม่พึ่งไฟฟ้าอีกด้วย แต่โอ่งแมวนี้มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ทำให้การขนส่งและเคลื่อนย้ายค่อนข้างลำบาก

7 วิธี คลายร้อนให้แมว (Hey! Cool Down Meaw)

 

2.หวาย

ขอบคุณภาพจาก : homary.com – frankie.com.au

เฟอร์นิเจอร์หวายมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้ความรู้สึกคลาสสิกและอบอุ่น สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ หวายธรรมชาติ และหวายสังเคราะห์ โดยหวายธรรมชาติเป็นพืชตระกูลปาล์มชนิดหนึ่ง ระบายอากาศได้ดี มีความเหนียว และยืดหยุ่นได้ดี จึงสามารถใช้ลับเล็บได้ แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้แมลงกัดกิน ส่วนหวายสังเคราะห์มักทำมาจากเส้นใยซินเทติกที่มีความใกล้เคียงกับหวายธรรมชาติ แต่มีความยืดหยุ่น แข็งแรงทนทานมากกว่า สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ นอกจากนี้ เฟอร์นิเจอร์หวายสังเคราะห์ ยังสามารถทำความสะอาดได้ง่าย เพียงแค่ปัดฝุ่น เช็ดให้สะอาดด้วยผ้าเปียก หรือผ้าชุบน้ำสบู่ จากนั้นนำไปตากแดดหรือพึ่งลมให้แห้งทุกครั้ง

 

3.ฟางข้าว / ฟางข้าวโพด

ขอบคุณภาพจาก : asahi.com – Peddydream

บ้านแมวจากฟางข้าว หรือ เนะโกะชิกุระ (猫ちぐら) นั้น เกิดขึ้นครั้งแรกที่หมู่บ้านเซคิคาวะ จังหวัดนีกะตะ ประเทศญี่ปุ่น โดยแทนที่จะนำฟางข้าวไปเผาทิ้ง เพิ่มปริมาณมลภาวะ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ในอากาศโดยไม่จำเป็น กลับนำฟางข้าวแห้งที่ผ่านการฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันแมลง มาสานอย่างประณีตให้ได้รูปทรงแข็งแรง ทนทาน และดูสวยสบายตา เล่นเฉดสีของฟางข้าวแบบไม่สม่ำเสมอ แต่เป็นธรรมชาติแบบมินิมอล สามารถเก็บความชื้นได้ดี อากาศถ่ายเทผ่านได้สะดวก เย็นสบายในฤดูร้อนและอบอุ่นในฤดูหนาว ไม่ทำให้น้องแมวเกิดอาการแพ้ อีกทั้งยังนอนสบาย หรือจะใช้ลับเล็บก็สะดวก

 

4.ผักตบชวา

บ้านแมววัสดุธรรมชาติ
ขอบคุณภาพจาก : Catchawa

ถึงแม้ว่าผักตบชวาจะเป็นวัชพืชที่ดูไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก แต่ด้วยคุณสมบัติที่เหนียวแน่น แข็งแรงทนทาน อายุใช้งานกว่า 3-5 ปี ทรงตัวเป็นรูปทรงได้ดี ทำให้สามารถนำมาผลิตเป็นที่นอนหรือบ้านแมวสุดชิคได้ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมคลายเครียด ไม่มีสารเคมี หรือมีอันตรายจากฝุ่นผง ที่อาจก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ในแมว และเกิดอันตรายต่อเจ้าของ
นอกจากผักตบชวา จะสามารถเป็น บ้านแมววัสดุธรรมชาติ ได้แล้ว ลำต้นผักตบชวายังมีโครงสร้างที่เป็นรูพรุนคล้ายฟองน้ำ จึงมีการทดลองนำมาใช้แทนทรายแมว เพื่อใช้ดูดซับสิ่งปฏิกูล ลดต้นทุนในการผลิต และลดจำนวนผักตบในแหล่งน้ำกันอีกด้วย

 

5.ผ้าฝ้ายถัก / ผ้าย้อมสีธรรมชาติ

บ้านแมววัสดุธรรมชาติ
ขอบคุณภาพจาก : amzn.to – kingkongpetshop.com

เชือกฝ้าย มี 2 แบบ คือ แบบบิดเป็นเกลียวและถักเป็นเปีย ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีสีดิบตามธรรมชาติ สีขาวจากการฟอกย้อม และสีย้อมธรรมชาติ ซึ่งจะแข็งแรง ทนทานต่อการขีดข่วน นุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี สามารถล้างและทำความสะอาดได้ง่าย ด้วยผงซักฟอก และการผึ่งลมให้แห้ง รวมถึงเมื่อนำมาผลิตเป็นชิ้นงาน อย่าง เปลนอน แผ่นรองนอน ที่นอน หรือ ของเล่น ก็จะมีสไตล์ที่เรียบง่าย และหรูหรา เข้ากับการตกแต่งบ้านได้ทุกรูปแบบ

 

6.ไม้ไผ่

ขอบคุณภาพจาก : chompookanoknapat – ชุมชนบ้านหล่ายกว๊านในจังหวัดพะเยา
บ้านแมววัสดุธรรมชาติ
ขอบคุณภาพจาก : makethemroar.com – cutecatsstore.com

ต้นไม้สารพัดประโยชน์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และใช้งานกันมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่อดีต ไม่ว่าจะสร้างบ้านเรือน ทำรั้ว หรือสานถักเป็นเครื่องใช้ รวมไปถึง ฮังแมว หรือบ้านแมว ที่ทำจากไม้ไผ่ธรรมชาติสานขึ้นรูปทรงคล้ายรังฟักไข่ไก่ แต่มีความมั่นคงและแข็งแรงกว่า นอกจากนี้ในบางผลิตภัณฑ์ยังนำวัสดุธรรมชาติ อย่าง ไม้ไผ่ มาต่อยอด ทำให้ดูโมเดิร์น มีลักษณะที่สวยงาม มีความเรียบง่าย และสง่างาม เหมาะกับบ้านทุกสไตล์มากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงคุณสมบัติความยืดหยุ่นได้ดี น้ำหนักเบา  สามารถระบายความร้อนและความชื้นได้ดี มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน อีกทั้งยังมีกลิ่นหอม ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด และยังใช้ฝนเล็บได้อีกด้วย

 

The post บ้านแมววัสดุธรรมชาติ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม appeared first on บ้านและสวน.

Mountain House in Mist บ้านจีนโบราณที่กลายมาเป็นห้องสมุดของชุมชน

$
0
0

หมู่บ้านโบราณอายุกว่าร้อยปีในเมืองจินหัว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ที่นี่ยังคงอนุรักษ์วิถีการดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิม รวมถึงบ้านเรือนเก่าแก่ไว้ ท่ามกลางภูมิทัศน์แห่งสายหมอกและขุนเขาที่อยู่รายล้อม บ้านเรือนส่วนใหญ่ของที่นี่ปลูกสร้างแบบลดหลั่นตามระดับความสูงของเนินเขา กลายเป็นภาพที่งดงามและมีเสน่ห์ราวภาพวาด แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็น “บ้านหนังสือ” หรือ ห้องสมุดชุมชน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสกลางหมู่บ้าน

เดิมพื้นที่ตั้งของ ห้องสมุดชุมชน นี้ เคยเป็นบ้านดินและคอกวัวเก่าก่อนจะพังทลายลงมา แล้วได้รับการแทนที่ด้วยอาคารหลังใหม่อันเป็นดังศูนย์กลางของชุมชน ออกแบบโดย Shulin Architectural Design เด่นด้วยตัวอาคารที่มีลักษณะยกใต้ถุนสูง พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ครอบคลุมความต้องการของคนทุกวัย อย่างที่สถาปนิกเล่าว่า “ความคิดเริ่มต้นของเราคือ อยากให้ที่นี่เป็นพื้นที่อ่านหนังสือที่เงียบสงบ ดึงดูดผู้คนในหมู่บ้านให้เข้ามาใช้งานร่วมกัน และทำให้เกิดความรู้สึกที่เข้าใจง่าย ไม่แตกต่างไปจากบริบทโดยรอบจนเกินไป”
ห้องสมุดชุมชน
บ้านเรือนส่วนใหญ่ของที่นี่ปลูกสร้างแบบลดหลั่นตามระดับความสูงของเนินเขา เช่นเดียวกับอาคารหลังนี้ที่มีการออกแบบโดยคำนึงถึงสัณฐานวิทยาของพื้นที่ตั้งเป็นพิเศษ
พื้นที่เดิมก่อนทีมสถาปนิกจะออกแบบอาคารห้องสมุดชุมชนขึ้นมาทดแทน
ห้องสมุดชุมชน
ห้องสมุดชุมชน
ตัวอาคารยังคงเก็บเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมจีนไว้ แต่แตกต่างตรงที่มีการยกใต้ถุนสูง ชั้นล่างมีพื้นที่เปิดโล่งกึ่งกลางแจ้ง ประกอบด้วยเสาโครงสร้างจำนวน 10 ต้น ช่วยรองรับบ้านทั้งหลังไว้ ที่ชั้นหนึ่งมีเพียงคาเฟ่เล็ก ๆ สำหรับบริการเครื่องดื่มและโต๊ะไม้ไว้นั่งพักผ่อน นอกจากนั้นยังแทรกด้วยสระน้ำเล็ก ๆ
ห้องสมุดชุมชน
ห้องสมุดชุมชน
ในวันที่ฝนตกน้ำฝนจะไหลจากช่องหลังคาลงมาที่สระน้ำนี้มองเห็นหยดฝนเต้นระบำ ส่วนวันที่ปลอดฝนจะมองเห็นภาพสะท้อนของก้อนเมฆ และประกายของแสงอาทิตย์ตกกระทบเป็นเงาดูสวยงาม เชื่อมต่อสู่ชั้นบนกับด้านนอกด้วยบันไดกลางแจ้ง ภายในพื้นที่ชั้นสองออกแบบให้มีทั้งสนามเด็กเล่นเล็ก ๆ และห้องสมุดที่เด็ก ๆ สามารถอ่านหนังสือและเล่นสนุกได้ ไม่ว่าจะทำกิจกรรมไหนก็ยังอยู่ในสายตาของผู้ปกครอง ที่มองเห็นบุตรหลานของตนได้ตลอดเวลา ขณะมาใช้บริการนั่งอ่านหนังสือ
ด้วยลักษณะสัณฐานวิทยาของพื้นที่ตั้งซึ่งอยู่เนินดิน ชั้นสองของบ้านจึงมีระดับเท่ากับผิวดิน ขณะที่รูปแบบของหลังคาด้านหนึ่งออกแบบให้เอียงราว 6.5° หลังคาปูด้วยกระเบื้องสีเทาแบบดั้งเดิม เพื่อให้ดูกลมกลืนกับบ้านเรือนรอบ ๆ ในแง่ของวัสดุใช้โครงสร้างไม้สนแบบโมดูลาร์ทั้งหลัง เช่นเดียวกับชั้นวางหนังสือ และคานโครงสร้างของหลังคา ผนังอาคารกรุด้วยวัสดุโปร่งแสงทำให้ได้รับประสบการณ์และบรรยากาศเชิงพื้นที่แบบกึ่งโปร่งใส ช่วยลดทอนความจัดจ้าของแสงแดดในช่วงเวลากลางวันให้ภายในมีบรรยากาศดูนุ่มนวล นอกจากนั้นยังใช้พลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งเพียงพอกับการใช้งาน และดีกับสภาพแวดล้อม
จากโปรเจ็กต์ของงานออกแบบนี้ ทำให้มองเห็นถึงสาระสำคัญของการออกแบบสถาปัตยกรรมเพื่อชุมชนว่า นั่นคือการเข้าใจสภาวะของผู้คน พื้นที่ และธรรมชาติ โดยทุกอย่างจะต้องอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน เพื่อให้ท้องถิ่นและความคิดสร้างสรรค์สามารถเชื่อมโยงกันได้ดี
ออกแบบสถาปัตยกรรม : Shulin Architectural Design http://www.hzshulin.com/index.html
ภาพ : Yilong Zhao, Lin Chen
เรียบเรียง : Phattaraphon

อ่านต่อA PLACE WE STAND SHOWCASE @ บางแสน

The post Mountain House in Mist บ้านจีนโบราณที่กลายมาเป็นห้องสมุดของชุมชน appeared first on บ้านและสวน.

ยุพดีวานิช ร้านขายหวายที่อายุเท่า ๆ กับรถราง

$
0
0

ถ้าพูดถึงแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์หวายและเครื่องจักสาน ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ในย่านหลังคุกเก่า หรือบริเวณถนนมหาไชย ด้านหลังสวนรมณีนาถ ในเขตพระนคร แล้วหละก็ชื่อของร้าน ยุพดีวานิช อาจจะไม่คุ้นหูเท่าไหร่นัก

ยุพดีวานิช ร้านขายเครื่องจักสานขนาด 2 คูหาที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับงานจักสาน ทั้งตะกร้าขนาดต่าง ๆ ที่ผลิตขึ้นจากหวาย มีเฟอร์นิเจอร์อยู่บ้าง อย่างเก้าอี้นั่งสบาย เก้าอี้เตี้ย รวมไปถึงของใช้ต่าง ๆ ที่ยึดพื้นที่ตั้งแต่หน้าร้าน ลุกลามไปถึงส่วนด้านใน

” โอ้ยย เปิดมาตั้งแต่ถนนข้างหน้ายังมีรถรางนู้นเลย นานมั้ยหละ ปีนี้ฉันก็ 70 แล้ว ตอนนี้นี่รุ่นที่ 3 เกิดมาก็อยู่ที่นี่เห็นหวายมาตั้งแต่เล็ก ๆ เลย “ เมื่อทางเราเริ่มพูดคุยกับคุณป้าเจ้าของร้านขณะเลือกหยิบจับเครื่องหวายขนาดกำลังพอดีกับการโดยสาร MRT กลับบ้าน ยุพดีวานิช ร้านขายหวายที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด และเป็นร้านแรกของชุมชนข้างเรือนจำถนนมหาไชย ที่เปิดจำหน่ายเครื่องหวาย ด้วยความกว้างเพียงห้องแถวขนาด 2 คูหา บนถนนมหาไชย ถูกจับจองด้วยงานหวาย ตะกร้า กระบุง กระจาด ไม้กวาด หมวก  รวมไปถึงงานจักสานจากวัสดุอื่น ๆ วางจำหน่ายอย่างเป็นระเบียบ กินพื้นที่ตั้งแต่หน้าร้านจนลึกเข้าไปตามแนวของห้องแถว

ยุพดีวานิช ร้านขายหวาย ร้านหวาย ขายหวาย ร้านขายหวายย่านมหาไชย ถนนมหาไชย

ยุพดีวานิช ร้านขายหวาย ร้านหวาย ขายหวาย ร้านขายหวายย่านมหาไชย ถนนมหาไชย

ร้านขายหวาย ร้านหวาย ขายหวาย ร้านขายหวายย่านมหาไชย ถนนมหาไชย
จากความป๊อปปูล่าของเครื่องหวายบนโลกของโซเชียลมีเดียในช่วงที่ผ่านมา ทำให้สินค้าทั้งกลุ่มของเฟอร์นิเจอร์ ทั้งสินค้าของใช้กระจุ๊กกระจิ๊ก ต่างก็ได้รับความนิยมกันมาก ไม่ว่าของจะเข้าอีกกี่ครั้งก็ขยดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะความละมุนละไมของงานหวาย รวมถึงรูปทรงที่ดูอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ว่าจะหยิบชิ้นไหนมาวางไว้ตกแต่งมุมห้อง งานหวาย งานจักสานเหล่านี้ก็ดูจะกลมกลืนไปกับบรรยากาศ แถมยังช่วยดึงให้มุมบ้านเราดูดีขึ้นไปอีกหลายเท่าเลยค่ะ my home ก็อดไม่ได้ที่จะถามไถ่กับผู้เป็นต้นทางของสวย ๆ งาม ๆ เหล่านี้กระแสการแต่งบ้านด้วยวัสดุธรรมชาติอย่างหวาย และเครื่องจักสาน

” ช่วงนี้เงียบนะ ปกติใกล้จะปีใหม่ลูกค้าก็มาสั่งให้ทำกระเช้าให้ จนวางอยู่เต็มร้าพนไปหมด ปีนี้ยังไม่มาเลย สินค้าของร้านเรา ส่วนใหญ่รับมาจากชาวบ้าน พอไม่มีออเดอร์ให้เค้าทำ เค้าเองก็ต้องหางานอย่างอื่นทำแทน กลายเป็นไม่ค่อยมีช่าง ไม่มีคนให้ทำงาน อย่างพวกของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ก็ฝีมือชาวบ้านที่เค้าว่างจากงานประจำอย่างการทำสวน ทำนา เขาใช้ช่วงว่างมาทำงานให้ ดังนั้นเราเลยไปกะเกณฑ์อะไรไม่ได้หรอก เขาว่างเค้าก็ทำให้ ถ้าเค้ามีงานอย่างอื่นที่ต้องทำ เค้าก็ไม่ทำ “

ยุพดีวานิช ร้านขายหวาย ร้านหวาย ขายหวาย ร้านขายหวายย่านมหาไชย ถนนมหาไชย

ยุพดีวานิช ร้านขายหวาย ร้านหวาย ขายหวาย ร้านขายหวายย่านมหาไชย ถนนมหาไชย

เสน่ห์ของงานจักสาน ไม่ว่าจะเป็นหวาย ไม้ไผ่ กก หรือวัสดุประเภทอื่น ๆ นั้น ก็คือความไม่เนี้ยบ จังหวะของเส้นวัสดุแต่เส้น ที่สอด และสานกัน การขัดกันของเส้นตั้ง เส้นนอน ที่แค่ดูคล้าย ๆ กันแต่ละลายที่สานออกมานั้น กลับไม่เหมือนแบบ 100 % กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เราดำดิ่งสู่ความสวยงามของงานจักสานได้อยู่เรื่อย ๆ แบบไม่เบื่อ ใครที่กำลังมองหาของแต่งบ้าน อยากจะมีงานจักสานสวย ๆ ไว้เพิ่มความละมุนให้กับบ้าน หรือกำลังหาของขวัญสำหรับเทศกาลช่วงปลายปี ก็ลองแวะมาที่ร้านยุพดีวานิชได้นะคะ มีของให้เลือกเยอะจุใจแน่นอนอย่างแน่นอนค่ะ

ร้านขายหวาย ร้านหวาย ขายหวาย ร้านขายหวายย่านมหาไชย ถนนมหาไชย

ร้านขายหวาย ร้านหวาย ขายหวาย ร้านขายหวายย่านมหาไชย ถนนมหาไชย

ยุพดีวานิช ร้านขายหวาย ร้านหวาย ขายหวาย ร้านขายหวายย่านมหาไชย ถนนมหาไชย

ยุพดีวานิช ร้านขายหวาย ร้านหวาย ขายหวาย ร้านขายหวายย่านมหาไชย ถนนมหาไชย

ร้านขายหวาย ร้านหวาย ขายหวาย ร้านขายหวายย่านมหาไชย ถนนมหาไชย

ร้านขายหวาย ร้านหวาย ขายหวาย ร้านขายหวายย่านมหาไชย ถนนมหาไชย

ร้านขายหวาย ร้านหวาย ขายหวาย ร้านขายหวายย่านมหาไชย ถนนมหาไชย

” เมื่อก่อนที่ร้านก็มีนะ เฟอร์นิเจอร์พวกเก้าอี้แบบต่าง ๆ ขายเยอะกว่านี้มากเลยนะ มีหลายแบบให้เลือกเลย เดี๋ยวนี้ก็เหลือประมาณนี้แล้ว งานพวกเฟอร์นิเจอร์ก็ใช้ช่างคนละคนกับที่ทำตะกร้า ทำกระบุงนะหนู พอไม่มีงานไปสั่งเขา เขาก็เปลี่ยนอาชีพไปทำอย่างอื่นกันหมด รับปากไม่ได้เลยว่าถ้ากลับมาอีกทีครั้งหน้า ของที่เคยอยากได้จะยังมีอยู่หรือเปล่า ”

เมื่อเราถามถึงช่องทางการขายของผ่านทางออนไลน์ ที่ทั้งเร็วกว่า สามารถกระจายสินค้าออกไปได้ไกล และจำนวนมากกว่ากับทางร้าน ”  ขายออนไลน์หรอ … เคยทำนะ ตอนนั้นได้หลานมาช่วยดู แต่ของร้านเราเยอะมาก ให้ไล่ถ่ายทุกแบบก็ไม่ไหว พอเวลาผ่านไปมีคนทักเข้ามาอยากจะซื้อชิ้นนี้ ซึ่งหน้าร้านก็ขายไปแล้ว กลายเป็นเราไม่มีของที่อยากจะได้ รู้สึกไม่ค่อยดีที่ไม่มีของให้เขา ”

แม้กระแสต่าง ๆ จะหมุนไปเร็วและแรงมากแค่ไหน my home ก็ยังพบเห็นเสน่ห์ของสิ่งที่ไม่ได้ถูกกระแสเหล่านั้นพัดหายไป  กระจัดกระจายอยู่ภายใต้ห้องแถวขนาด 2 คูหาแห่งนี้  เพราะเครื่องจักสานแต่ละชิ้นมันต้องใช้เวลา และอาศัยความชำนาญ กลายเป็นเสน่ห์ที่แสนจะเรียบง่าย และ ถ่อมตัว ซึ่งมันยังคงฝังและแอบซ่อนอยู่ตามเส้นสายของหวาย ไม้ไผ่ รวมไปถึงวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ ที่ถักและพันกันจนขึ้นรูปแบบของใช้ต่าง ๆ ภายในจักรวาลของเครื่องจักสาน

 

ยุพดีวานิช

location : ถนนมหาไชย แขวงสําราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ

map : https://goo.gl/maps/gDK9Cj6GVByteBAB6 

ที่จอดรถ : สามารถจอดได้ที่ปั๊ม Shell ฝั่งตรงข้าม

MRT : สถานีสามยอด ทางออกที่ 1 เดินมาทางซ้ายมือ ผ่านแยกเรือนจำมาเรื่อย ๆ

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน 10:00 – 18:00

 

เรื่อง – ภาพ : ออ-ร-ญา


วิธีการดูแลรักษาและทำความสะอาดเครื่องหวาย

ไอเดียแต่งบ้านสวยด้วยตะกร้าหวาย ให้บ้านดูดี มีสไตล์

รวมไอเดียการใช้งานจักสานตกแต่งมุมบ้านให้สวยด้วยเส้นสายจากธรรมชาติ

เครื่องจักสานภูมิปัญญาไทย ทำมาจากวัสดุอะไรกันบ้าง

ไอเดียการตกแต่งและสร้างสรรค์ของใช้ในบ้านด้วยวัสดุงานสาน

The post ยุพดีวานิช ร้านขายหวายที่อายุเท่า ๆ กับรถราง appeared first on บ้านและสวน.

Mori Natural Farm จากพนักงานออฟฟิต สู่ชีวิตเกษตรกรสไตล์ญี่ปุ่นบนดอย

$
0
0
ไร่ที่นีปลูกแบบผสมผสานมีทั้งไม้ดอกและต้นไม้ทานได้ปลูกสลับกันให้ความรู้สึกดูเป็นธรรมชาติ ต้นอะไรขึ้นตรงไหนแล้วดูไม่เกะกะ ก็จะปล่อยให้เจริญเติบโตไปเลย

จากฝันเล็กๆในป่าใหญ่ของคุณปอ–สิทธิโชค และ คุณเมี่ยง–สรัญภร พงศ์พฤกษา สองสามีภรรยาอดีตวิศวกรไฟฟ้าและแอร์โฮสเตสสายการบิน ว่าอยากจะใช้ชีวิตและมีบ้านขนาดกะทัดรัดหลังสุดท้ายสำหรับเกษียรอยู่บนดอยในชนบทแห่งหนึ่ง สู่บทเริ่มต้นของชีวิตเกษตรกรที่นำเอาความชอบและประสบการณ์ต่างๆที่เรียนรู้มาทั้งชีวิตเพื่อต่อยอดพื้นดินแห่งนี้ให้งอกงามออกมาเป็น โมริ เนเชอรัล ฟาร์ม ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัด เชียงใหม่

คาเฟ่เปิดมาเพื่อให้คนภายนอกที่ไม่สามารถจองบ้านพักได้ยังสามารถมาดื่มกาแฟ ทานอาหารหรือถ่ายภาพได้
บ้านเรียวคังคือบ้านญี่ปุ่นสไตล์ชนบทรีสอร์ที่นำมาใช้เป็นโรงแรมหรือที่พักของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ผู้ที่เข้ามาพักก็เสมือนได้เรียนรู้และใช้ชีวิตเฉกเช่นเจ้าของบ้านไปด้วย

ชีวิตที่วางแผนมานาน

“ผมเกิดที่ชุมพร และแฟนผมเป็นคนกรุงเทพ ส่วนใหญ่ผมก็ทำงานไม่อยู่กับที่แล้วก็ได้มาทำงานร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ทำได้ 20 กว่าปี ทั้งหลายก็เพื่อเก็บเงินมาลงทุนกับที่นี่ ผมเก็บเงินจากเงินเดือนผมซื้อที่ดินแปลงนี้ไว้เมื่อสิบปีที่แล้ว แล้วผมย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เมื่อสองปีก่อน และพึ่งมาเปิดโฮมสเตย์ได้ปีครึ่ง” คุณปอเล่า

หลังจากลาออกจากงานและตัดสินใจมาอยู่ที่นี่ในที่สุด คุณปอก็สร้างบ้านหลังแรกคือโรงเรือนสังกะสีที่เดิมใช้เป็นทั้งที่อยู่อาศัยไปด้วยในตัวและโรงเรือนเพาะชำสำหรับอนุบาลต้นไม้ เพราะพื้นที่สำหรับทำการเกษตรทั้งหมดค่อนข้างใหญ่ การจะซื้อต้นไม้มาปลูกทั้งหมดในคราวเดียวถือว่าเป็นภาระรายจ่ายที่หนัก จำเป็นต้องเพาะต้นกล้าจากเมล็ดเพื่อมาลงแปลงปลูกแทนการซื้อกล้าที่จะมีราคาที่สูงกว่า หลังจากเริ่มเก็บผลผลิตจนมีทุนพอสมควร จากนั้นจึงสร้างเรียวกังและหลองข้าวขึ้นมาเพื่อปล่อยเช่าและเป็นจุดที่สร้างรายได้เข้ามาอีกทาง พอเริ่มมีเงินหมุนเวียนอีกก็มาสร้างหลังที่สามต่อ ก่อนมาเป็นบ้านหลังใหม่ที่เป็นทั้งคาเฟ่และที่อยู่อาศัยของคุณปอและคุณเมี่ยงด้วยในปัจจุบัน  จากนั้นจึงย้อนไปดัดแปลงโรงเรือนสังกะสี เพื่อเป็นโฮมสเตย์หลังต่อไป

“เรามีแผนว่าจะมาอยู่ที่นี่ แต่ด้วยความที่เราเป็นวิศวกรไม่ใช่สายเกษตรกร ดังนั้นจะให้ผมไปปลูกโนน้นี้แข่งกับชาวบ้านคงไม่ได้ เราจึงเกิดไอเดียว่าเราน่าจะทำเป็นฟาร์มสเตย์”

คุณปอ–สิทธิโชค พงศ์พฤกษา เจ้าของฟาร์มสเตย์แห่งนี้
เมื่อมาเยือนที่โมริ เนเชอรัล ฟาร์มก็พลาดไม่ได้ที่จะได้ชมความน่ารักของแม็กซ์ เจ้าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ และสามทหารเสือโบชิ มิกิ และฮาชิ สุนัขพันธุ์อาคิตะตัวโต
ด้วยนิสัยที่รักสันโดษ ใครที่ต้องการเล่นหรือถ่ายภาพกับเจ้าอาคิตะทั้งสามตัวนี้จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของก่อนและงดนำสัตว์เลี้ยงส่วนตัวเข้ามาในพื้นที่

หมู่บ้านโมริในป่าใหญ่

จากประสบการณ์ที่เคยไปอยู่อาศัย ทำงานและหลงใหลในความเป็นประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะในหมู่บ้านแถบชนบททำให้ทั้งคุณปอและคุณเมี่ยงได้ซึมซับนำเอาความชอบเหล่านั้นติดตัวมาด้วย นำไปสู่การออกแบบไอเดียของอาคาร บ้าน หรือส่วนต่างๆในสวนให้เกิดกลิ่นอายแบบชนบทของประเทศญี่ปุ่นเข้าไปด้วยอย่างจงใจ

“โมริ ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าป่า ผมมาอยู่ที่นี่ด้วยความเคารพในผืนดินและผืนป่า การเข้ามาอยู่ที่นี่ผมอยากใช้สิ่งเดิมในพื้นที่ให้มากที่สุด เรามาอยู่แค่นำเอาความชอบของเราเข้ามาด้วย แต่เรายังใช้วัตถุดิบจากบ้านเก่าและความเป็นธรรมชาติเดิมเป็นสำคัญ จนเกิดเป็นหมู่ป่าโมริในป่าใหญ่ ”  คุณปอเล่า

บ้านพักทุกหลังจะมีสเปซที่เป็นส่วนตัวเฉพาะ ไม่เหมือนกับโรงแรมทั่วไปที่บ้านพักที่มีพื้นที่อยู่ติดๆกัน หรือหน้าตาเหมือนกัน เพื่อสร้างบรรยากาศเหมือนบ้านแต่ละหลังเป็นบ้านส่วนตัวของแต่ละคนภายในหมู่บ้าน ประกอบไปด้วยบ้านเรียงคัง หลองข้าว โรงสี และคอทเทจ
หญ้าแฝกปลูกไว้เป็นแนวกันดิน เพราะรากลึกเหมือนตอกเสาเข็มลงไปที่ดิน
ดอกคัสเตอร์ญี่ปุ่นนำหว่านเพื่อคลุมดินบริเวณนั้นได้เลยเป็นการช่วยบำรุงดินและรักษาความชื้นได้อีกทางหนึ่ง
น้ำที่ใช้ทำการเกษตรจะสูบไปเก็บที่แท้งด้านบน เวลาจะใช้จะปล่อยน้ำให้ไหลลงมาแบบธรรมชาติตามแรงโน้มถ่วง

 

ไก่ไข่พันธุ์ ไลท์ ซัซเซค เป็นไก่ไข่ที่ให้ทั้งเนื้อและไข่ นำมาเลี้ยงเพื่อบริโภคไข่และเตรียมขยายพันธุ์

เกษตรออร์แกนิคง่ายๆ แต่ทำจริงได้

สวนแบบไร่เลาะไปตามความชันของภูเขาเป็นเสมือนหัวใจของโมริ เนเชอรัล ฟาร์ม ที่ต้นไม้ทุกต้นปลูกผสมกันให้ความรู้สึกเหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ประกอบไปด้วยต้นไม้ทานได้อย่างมะนาว เลม่อน มันญี่ปุ่น และโรสแมรี่ ซึ่งสามารถนำวัตถุดิบไปทำอาหารให้กับลูกค้าได้ เพราะตั้งแต่ที่คุณปอและคุณเมี่ยงซื้อที่ดินแปลงนี้มา ผ่านมา 10 ปีได้แล้ว ดังนั้นดินที่ทับถมกันมาเป็นชั้นหนาที่นี่ปลูกอะไรก็งามโดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยเลย คู่ไปกับไม้ดอกนานชนิด ซึ่งพระเอกของไร่แห่งนี้คงหนีไม่พ้นไม้ดอกอย่างคัสเตอร์ญี่ปุ่นสีขาวสะอาดตา

“จากต้นคัสเตอร์สองต้นที่ได้จากโครงการหลวงนำมาขยายพันธุ์จนเต็มทั้งสวน ข้อดีคือหว่านเมล็ดขึ้นง่าย แต่ก่อนที่จะบานเป็นดอกจะใช้เวลาประมาณสามเดือน แล้วทนมาก เหยียบย้ำเท่าไหร่ก็ไม่ตาย เมื่อมันงอกชิดๆติดกันทำให้ช่วยคลุมดินได้อีก ช่วยรักษาความชื้นของหน้าดิน ตรงนี้ไส้เดือนมีอยู่ทุกที่เลย เขาเป็นคนสวนที่เราไม่ต้องจ่ายค่าแรง เข้าช่วยพรวนดิน นำออกซิเจนเข้าไปในดิน ทำให้จุลินทรีย์ที่อยู่ในดินทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พอเขาขยายพันธุ์และโตก็ยิ่งสามารถย่อยซากพืชซากสัตว์เราได้ดีมากขึ้น “ คุณปอเล่า

ทั้งเศษอาหารและหญ้าที่นี่จะไม่นำมาเผาหรือทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์ หลังตัดเสร็จแล้วก็ไปทำปุ๋ยหมักต่อ นอกจากนั้นยังมีต้นถั่วบราซิลปลูกอยู่รอบๆ ซึ่งนอกจากคลุมดินแล้วยังเป็นตัวเพิ่มไนโตรเจนให้กับดินได้ ทุกครั้งที่ทำแปลงปลูกใหม่ เมื่อโรยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยขี้วัวกับปุ๋ยหมักที่ผสมเองแล้วพรวนดินไปครั้งหนึ่งจะสามารถเก็บผลผลิตได้สัก 3-4 รอบการผลิต โดยไม่ได้อาศัยปุ๋ยเคมี

คุณปอทิ้งท้ายว่า “จะเห็นได้ว่าพอเราไม่ได้ใช้สารเคมีจะเห็นผึ้งมิ้มและผีเสื้อตามดอกไม้ในสวน พอระบบนิเวศมันกลับมาหมด ผึ้งก็จะมาสร้างรัง น้ำผึ้งสีเหลืองทองของเขาอร่อยมาก ไม่หวานจัด เขาทำรังเล็กๆอยู่ตามพุ่มไม้ เราเอาควันไปไล่ ให้เขาหนีไปทำรังใหม่ เขาจะทำรังใกล้ๆ กับบริเวณที่เราตัดหญ้าทีก็เจอ มันเป็นการอยู่ร่วมกันระหว่างวิถีชีวิตกับธรรมชาติที่เราฝันถึง”

ต้นกล้าที่พึ่งเกิดมาใหญ่เราอาจต้องใช้บัวรดน้ำก่อน พอเริ่มโตเราจึงสามารถนำสปริงเกอร์ไปตั้งเพื่อรดน้ำ
ทุกครั้งที่ทำแปลงปลูกใหม่ เมื่อโรยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยขี้วัวกับปุ๋ยหมักที่เราผสมเองแล้วพรวนดินไปหนึ่งครั้งจะสามารถเก็บผลผลิตได้สัก 3-4 รอบการผลิต โดยไม่ได้อาศัยปุ๋ยเคมี
น้ำมะนาวที่คั่นสดจากต้นมะนาวในสวนเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ถูกใช้ทำอาหารและเครื่องดื่มสำหรับบริโภคแก่แขกที่มาพัก

ผลผลิตจากสวนทั้งดอกสแตติส เวอร์บิน่า มากาเร็ตสีขาว มันหวานญี่ปุ่น บางส่วน จำเป็นต้องซื้อกล้ามาเพาะเพื่อตัดดอกขายได้ด้วย ซึ่งในปีที่แล้วได้เอารายได้จากการขายเพื่อช่วยสุนัขที่ป่วย

สถานที่ : Mori Natural Farm   88/9 หมู่ 3 ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ 081-787-8595

*ทั้งลูกค้าทั้งบ้านพักและคาเฟ่ กรุณาจองล่วงหน้าก่อนมาใช้บริการ

เรื่อง : ปัญชัช

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

 

รับวิวตะวัน ที่บ้านไร่สไตล์โรงนา

5 บ้านดี มี “ฟาร์ม” สุข เพราะหาผลผลิตธรรมชาติกินได้จากในบ้านเลย

โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ จากผืนดินแห้งแล้ง…สู่ความเขียวชอุ่ม

The post Mori Natural Farm จากพนักงานออฟฟิต สู่ชีวิตเกษตรกรสไตล์ญี่ปุ่นบนดอย appeared first on บ้านและสวน.

เก้าอี้ MANTA เฟอร์นิเจอร์เอ๊าต์ดอร์ดีไซน์มินิมัลที่มาพร้อม 3 ฟังก์ชั่น

$
0
0

คอลเล็กชั่น เก้าอี้ ม้านั่งเอ๊าต์ดอร์ดีไซน์มินิมัลจากแบรนด์ mmcité แบรนด์สตรีทเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังจากสาธารณรัฐเช็ก ในปีนี้ Manta กวาดรางวัลด้านการออกแบบมาแล้วมากมาย รวมถึงรางวัลระดับโลกล่าสุดอย่าง Red Dot Design Award 2020 

เก้าอี้

คอลเล็กชั่น เก้าอี้ และโต๊ะนี้ ออกแบบโดย Lucie Koldová นักออกแบบสาวมือรางวัลจากสาธารณรัฐเช็ก โดยได้แรงบันดาลใจจากรูปทรง และลักษณะการเคลื่อนไหวที่สง่างามของกระเบนราหู (Manta Ray) เส้นสายที่โค้งเว้ารองรับสรีระในทุกอิริยาบถ ทั้งยังสะท้อนถึงรูปทรงของธรรมชาติ การแปรเปลี่ยนอย่างลื่นไหลของระนาบที่นั่ง จากแนวนอนสู่แนวตั้ง ทำให้เกิดฟังก์ชั่นใช้งานที่หลากหลายในคอลเล็กชั่น ทั้งม้านั่ง โต๊ะข้างหรือเก้าอี้แบบมีโต๊ะในตัว สามารถใช้นั่งอ่านหนังสือ ทำงานหรือจิบกาแฟ

เก้าอี้

Manta เหมาะกับพื้นที่สาธารณะ ทั้งกลางแจ้งและในอาคาร รูปทรง ขนาด และสีสัน เอื้ออำนวยให้เข้ากับสถานที่ได้ทั้งสเปซกลางสวนขนาดเล็กไปจนถึงสวนสาธารณะ โถงขนาดใหญ่ หอประชุม ห้องสมุด หรือพื้นที่ส่วนกลางของชุมชน ให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างโอเอซิสส่วนตัวได้ทุกที่ ทั้งในกิจกรรมที่ต้องการผ่อนคลายหรือต้องการสมาธิ นำเสนอวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน

โครงสร้างเรียบง่าย โปร่งเบาทำจากเหล็กชุบสังกะสีที่มีความทนทานสูง ส่วนที่นั่งทำจากแผ่นอะลูมิเนียมทำสีพาวเดอร์โค้ต (Powder coat) โดยมีสีสันให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะต้องการให้กลมกลืนไปกับบริบทพื้นที่ หรือโดดเด่นเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งที่สร้างชีวิตชีวา Manta มีทั้งแบบลอยตัว เคลื่อนย้ายได้ และแบบยึดติดกับพื้น จึงเป็นตัวเลือกที่เปิดกว้างสำหรับทุกพื้นที่สาธารณะของเมือง

เก้าอี้
การออกแบบที่เรียบง่าย แต่ชาญฉลาด โดดเด่นด้วยเส้นสายเฉียบเรียบ ที่มาพร้อมวัสดุคุณภาพสูงและทนทาน คือคุณสมบัติที่ทำให้ Manta กวาดรางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย

เก้าอี้

mmcité คือแบรนด์สตรีทเฟอร์นิเจอร์ ที่นำเสนอหลากหลายคอลเล็กชั่นเฟอร์นิเจอร์สำหรับพื้นที่สาธารณะ โดยเฟอร์นิเจอร์ทแต่ละชิ้นนั้น มิใช่เพียงตอบโจทย์การใช้งาน หากแต่ยังคำนึงถึงความสวยงาม ที่จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของเมืองหรือพื้นที่นั้น ๆ ด้วย mmcité  เชื่อว่าพื้นที่สาธารณะคือจุดร่วมระหว่างประวัติศาสตร์และผู้คน เฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่สาธารณะจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนด้วยกัน และระหว่างผู้คนกับพื้นที่ เฟอร์นิเจอร์สาธารณะที่มีดีไซน์ที่ดี จึงไม่ใช่เพื่อการชื่นชมเท่านั้น แต่ต้องเพื่อการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้คน ‘ทุกกลุ่ม’ ได้อย่างแท้จริง

“สตรีทเฟอร์นิเจอร์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ และต้องรองรับการใช้งานของทุกคน การออกแบบและการสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์ให้กับเมืองจึงถือเป็นภารกิจทางวัฒนธรรมที่เรารัก เราให้ความสำคัญกับเมืองของเรา ดังนั้นเราจึงพยายามทำให้เมืองสวยงามขึ้น ไม่ว่าที่ใดก็ตาม” – mmcité

นักออกแบบ

Lucie Koldová ทำงานออกแบบคอลเล็กชั่นร่วมกับ mmcité แล้ว เธอยังทำงานร่วมกับแบรนด์ระดับสากลมากมาย งานของเธอสะท้อนเอกลักษณ์อันเกิดจากการผสมผสานงานฝีมือเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยยังคงเผยให้เห็นถึงเนื้อแท้ของวัสดุ โดยเฉพาะวัสดุอย่าง ไม้ และแก้ว 

ตามไปชมคอลเล็กชั่นอื่น ๆ ของ mmcité ได้ที่

เว็บไซต์: www.mmcite.com

Facebook: mmcite

Instagram: mmcite

ภาพ: mmcité

เรียบเรียง: dsnm


Hot Wire Extensions เฟอร์นิเจอร์จากผงพลาสติกเหลือทิ้งใน 3D Printing

The post เก้าอี้ MANTA เฟอร์นิเจอร์เอ๊าต์ดอร์ดีไซน์มินิมัลที่มาพร้อม 3 ฟังก์ชั่น appeared first on บ้านและสวน.

รวมบ้านตู้คอนเทนเนอร์สวยๆ ที่อยู่อาศัยได้สะดวกสบายไม่แพ้บ้านประเภทอื่นๆ

$
0
0

ตู้คอนเทนเนอร์ธรรมดาก็สามารถนํามาออกแบบเป็นบ้านสวยที่อยู่อาศัยได้สะดวกสบายเหมือนบ้านทั่วไป ลองดูไอเดียจากบ้านทั้ง 6 หลังนี้ได้เลย

บ้านตู้คอนเทนเนอร์ในสวนป่ากลางเมือง

เจ้าของ : คุณอารักษ์  คุณสุรีย์พร  และคุณน้องเล็ก  พรประภา   ตู้คอนเทนเนอร์อยู่ได้จริง 

สถาปนิก-ตกแต่งภายใน : Walllasia  โดยคุณสุริยะ  อัมพันศิริรัตน์

ออกแบบภูมิทัศน์ : Walllasia  โดยคุณสุริยะ  อัมพันศิริรัตน์  และคุณประวิทย์  พูลกำลัง

บ้านคอนเทนเนอร์ บ้านคอนเทนเนอร์ บ้านคอนเทนเนอร์

ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยความร่มรื่นของพรรณไม้เขียวขจี แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าทำเลที่ตั้งของบ้านหลังนี้จะอยู่ในย่านใจกลางเมืองอย่างทองหล่อ ตัวบ้านเองก็โดดเด่นด้วยการนำตู้คอนเทนเนอร์สีดำมาออกแบบเป็นทั้งบ้านและสตูดิโอทำงาน โดยทำทางเชื่อมของชาน ระเบียง และช่องเปิด พร้อมแทรกความเป็นธรรมชาติของสวนทรอปิคัลเข้ามาในทุกมุมมอง >>> อ่านต่อ 


CONTAIN CREATIVE LIVING บ้านบรรจุความสนุก

เจ้าของ: คุณวัลลภ ประสพผล

บ้านตู้คอนเทนเนอร์ บ้านตู้คอนเทนเนอร์ บ้านตู้คอนเทนเนอร์

จากความคิดของคุณวัลลภที่ว่าคงสนุกดีถ้าได้อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ที่รอบๆ มีต้นไม้เยอะๆ จนเป็นที่มาของบ้านตู้คอนเทนเนอร์สีเหลืองมัสตาร์ด ซึ่งเป็นสีโปรดของเขา และเป็นสีที่ตัดกับสีเขียวของต้นไม้ใหญ่ในบ้าน สำหรับการวางผังบ้านเลือกยกใต้ถุนด้านล่างเล็กน้อย ก่อนขึ้นพื้นบ้านชั้นแรก ด้านหนึ่งเป็นห้องสําหรับพี่สาวกับลูกชายที่มาพักสัปดาห์ละครั้ง ส่วนอีกด้านเป็นใต้ถุนเปิดโล่งใช้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ จัดวางโต๊ะกลางและแขวนชิงช้าสําหรับพักผ่อน ส่วนชั้นสองเป็นห้องใหญ่ซึ่งเป็นเรือนหอของน้องชาย ในขณะที่ตู้สีเหลืองมัสตาร์ดจะเป็นโซนของคุณวัลลภเอง >>> อ่านต่อ


บ้านตู้คอนเทนเนอร์กลางสวนป่า ดิบเท่ได้ในงบหนึ่งล้าน

ออกแบบสถาปัตยกรรม: D Kwa Architect  โดยคุณสาริน นิลสนธิ

รับเหมาก่อสร้าง: คุณอำนวย ดวงนนท์

บ้านตู้คอนเทนเนอร์ บ้านตู้คอนเทนเนอร์

ณ เชิงเขาลาดชันในตำบลสันป่ายาง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ บ้านตู้คอนเทนเนอร์หลังเล็กแทรกตัวอยู่อย่างกลมกลืนกับบริบทโดยรอบ ตัวบ้านประกอบด้วยตู้คอนเทนเนอร์สองตู้บนโครงสร้างเหล็กดิบเท่ ยกพื้นสูงชะลูดกลมกลืนไปกับเรือนยอดของต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่ ภายใต้งบประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญที่เจ้าของที่ดินวางไว้ โดยเลือกใช้วัสดุที่เรียบง่าย ประหยัด และหาได้ในท้องถิ่นอย่างเหล็ก ปูน อิฐบล็อก ไม้ไผ่ กระเบื้องลอนโปร่งแสง ฯลฯ >>> อ่านต่อ 


บ้านตู้คอนเทนเนอร์ เท่ๆ แต่อบอุ่น

เจ้าของ : คุณพงษ์พันธ์ – คุณชุติพร ชอบขาย
ออกแบบ : Wish Architect Design Studio โดยคุณชาญวิทย์ อนันต์วัฒนกุล

ตู้คอนเทนเนอร์อยู่ได้จริง ตู้คอนเทนเนอร์อยู่ได้จริง ตู้คอนเทนเนอร์อยู่ได้จริง

เริ่มต้นจากแนวคิดการสร้างบ้านเพื่ออยู่ชั่วคราว โดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์ง่ายๆ แต่หลังจากเจ้าของบ้านได้พูดคุยกับเพื่อนซึ่งเป็นผู้ออกแบบ ผลลัพธ์ที่ได้คือ บ้านตู้คอนเทนเนอร์ที่เหนือความคาดหมายหลังนี้ เพราะได้วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยมาอย่างดี จึงได้กลายมาเป็นบ้านถาวรอีกหลังที่ทุกคนในครอบครัวสามารถอยู่อาศัยได้อย่างมีความสุข >>> อ่านต่อ


บ้านมินิคอนเทนเนอร์

เจ้าของ : คุณรัชดาภรณ์ ชัยเสนา
ออกแบบ : ออกแบบ : Wish Architect Design Studio โดยคุณชาญวิทย์ อนันต์วัฒนกุล

บ้านตู้คอนเทนเนอร์ บ้านตู้คอนเทนเนอร์ บ้านตู้คอนเทนเนอร์

บ้านมินิคอนเทนเนอร์ขนาด 100 ตารางเมตร ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับ บ้านตู้คอนเทนเนอร์ เท่ๆ แต่อบอุ่น ใช้โครงสร้างเหล็ก หลังคาเมทัลชีท และคอนกรีต แต่สิ่งที่แตกต่างของมินิคอนเทนเนอร์และบ้านหลังใหญ่ คือการสามารถเก็บรายละเอียดของตัวตู้คอนเทนเนอร์มาใช้ได้อย่างลงตัว แม้จะมีข้อจำกัดของความสูงของตู้ที่ 2.40 เมตร แต่ผู้ออกแบบแก้ปัญหาโดยการเพิ่มช่องแสงอีก 60 เซนติเมตร เพื่อให้ได้ความสูงทำให้บ้านโปร่งขึ้น  รวมถึงการออกแบบเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินทั้งหมดที่ใช้เป็นโครงเหล็กและไม้ ยึดเกาะกับผนังบ้าน ทำให้สามารถใช้งานพื้นที่ขนาดกะทัดรัดได้อย่างคุ้มค่า >>> อ่านต่อ 


บ้านตู้คอนเทนเนอร์รับวิวสวนเมืองร้อนบนเกาะบาหลี

ออกแบบ: Studio Tana by Mr. Andika Japa Wibisana

บ้านตู้คอนเทนเนอร์ บ้านตู้คอนเทนเนอร์ บ้านตู้คอนเทนเนอร์

บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในย่าน Canggu บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งในตอนแรกตั้งใจทำเป็นบ้านชั่วคราว ต่อมาก็กลายเป็นโฮมออฟฟิศและบ้านสวยแบบถาวรของครอบครัว แนวคิดด้านโครงสร้างคือการออกแบบบ้านให้มีลักษณะเป็นกล่องเล็กในกล่องใหญ่ โดยกล่องใหญ่คือโครงเหล็กและกระจกที่ช่วยให้เกิดเป็นผนังสองชั้น ลดทอนแสงแดดและความร้อนจากภายนอก ภายในบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ 18 ตู้ มีการเปิดพื้นที่โล่งเพดานสูงเป็นรูปตัวแอล (L) เพื่อใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นส่วนกลาง >>> อ่านต่อ 


รวบรวม : Tarnda ตู้คอนเทนเนอร์อยู่ได้จริง 

ภาพ : ฝ่ายภาพบ้านและสวน และนิตยสาร room

บ้านน็อกดาวน์ ทางเลือกที่น่าสนใจของคนอยากมีบ้านหลังเล็กๆ

RAW CONCRETE HOUSES รวมบ้านปูนเปลือยดีไซน์เท่ 12 หลัง

บ้านไม้ที่มีความสุขอยู่เต็มไปหมด

The post รวมบ้านตู้คอนเทนเนอร์สวยๆ ที่อยู่อาศัยได้สะดวกสบายไม่แพ้บ้านประเภทอื่นๆ appeared first on บ้านและสวน.


10 งานศิลปะจัดวางที่ต้องไปเห็นกับตาถึงจะอิ่มใจใน BANGKOK ART BIENNALE 2020

$
0
0

นี่คือช่วงเวลาของ Bangkok Art Biennale 2020 (BAB 2020) หรือ เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ที่วนกลับมาสร้างความสุขให้กับคนรักงานศิลป์อีกครั้ง ตามวาระครบสองปีที่จะจัดหนึ่งครั้งเป็นเวลาสามเดือนเต็ม และครั้งนี้งานจะจัดยาวเรื่อยไปจนถึงวันที่  31 มกราคม 2564

BAB 2020 ในแนวคิด “Escape Routes” หรือ “ศิลป์สร้าง ทางสุข” ได้รวมผลงานศิลปะหลากหลายแขนงเอาไว้กว่า 200 ชิ้นงาน จาก 82 ศิลปินชั้นนำที่มาจาก 35 ประเทศทั่วโลก ใน 5 ทวีป กระจายกันอยู่ตาม 10 จุด จัดแสดงหลักใจกลางกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยเดอะ ปาร์ค BAB BOX เดอะ พรีลูด โครงการวัน แบงค็อก วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร หอศิลปวัฒนธรรม แห่งกรุงเทพมหานคร ล้ง 1919 มิวเซียมสยาม และริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก

ท่ามกลางความหลากหลายของงานศิลป์ที่คุณจะเจอ room ได้คัดเฉพาะงานศิลปะจัดวาง และประติมากรรม 10 ผลงาน ที่ชื่นชอบและอยากบอกต่อ ถ้าหากคุณพลาดไปชมกับตาแล้วจะเสียใจทีหลัง จะมีงานไหนบ้างนั้น มาเริ่มกันเลย!

01 |  Sky Mirror
ผลงานโดย Anish Kapoor
จัดแสดงที่ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

Bangkok Art Biennale 2020

แม้เป็นเพียงชิ้นเดียวที่จัดแสดงอยู่ที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารก็ตาม แต่ผลงานของ อนิช คาพัวร์ ศิลปินผู้เกิดในมุมไบ ประเทศอินเดีย ก่อนย้ายไปพำนักอยู่ในลอนดอน สหราชอาณาจักร ที่ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินในสาขาประติมากรรม ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของโลกคนหนึ่งในปัจจุบัน เย้ายวนให้เราเลือกที่จะไปชมกับตาเป็นแห่งแรก

ผลงาน Sky Mirror ของเขาตีความ “ความว่างเปล่า” ผ่านแผ่นสเตนเลสทรงกลมกลางผืนหญ้า สะท้อนเงาต้นไม้และท้องฟ้าที่คละก้อนเมฆสีขาว รวมถึงบางจังหวะเวลาที่มีผู้เข้ามาปฏิสัมพันธ์กับผลงานนี้ จนเกิดเป็นเงาสะท้อนที่เติมเต็มความว่างเปล่านั้นให้มีชีวิตชีวาได้เป็นอย่างดี

02 | Push/Pull, 2009
ผลงานโดย Anish Kapoor
จัดแสดงที่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)

Bangkok Art Biennale 2020

งานของอนิช คาพัวร์ ไม่ได้จบอยู่แค่วัดอรุณฯ เพียงคุณนั่งเรือข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาที่วัดโพธิ์ คุณจะพบกับอีกหนึ่งผลงานของเขาจัดแสดงอยู่ภายในศาลาการเปรียญ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 2 ผลงานที่จัดแสดงอยู่ที่นี่ร่วมกับอีกหนึ่งศิลปิน คือ อัฐพร นิมมาลัยแก้ว ที่ก็น่าชมเช่นกัน

ผลงาน Push/Pull ของอนิชโดดเด่นด้วยประติมากรรมที่ทำจากแว็กซ์สีแดงอบเชย อันเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาที่สื่อถึงความว่างเปล่าและการมองไม่เห็น และเม็ดสีน้ำมันทั้งหมด 5 ตัน จัดวางบนพื้นหินอ่อนไวท์คาราร่า (White Carrara) อนิชนำเรื่องราวของแรงโน้มถ่วง แรงตึง รวมถึงปริมาตรและวัสดุที่เป็นเหมือนด้ามเลื่อยมาสร้างสรรค์ เพื่อสื่อความตระหนักถึงชีวิต เลือดเนื้อ แม่ และธรรมชาติต่อผู้มาชม และทำการเจริญสติต่อหน้าพระพุทธรูปทองคำปางนั่งสมาธิบนบัลลังก์

Bangkok Art Biennale 2020

03 | Hundreds of Parents, 2020
ผลงานโดย ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์
จัดแสดงที่ The PARQ

Bangkok Art Biennale 2020

“หนีเสือปะจระเข้” สำนวนไทยที่เราคุ้นเคย ได้รับการตีความผ่านผลงาน​ของ ไทวิจิต พึ่งเกษมสมบูรณ์ ศิลปินจากเชียงใหม่ผู้นี้ ซึ่งเขานำเสนอการหนีเอาชีวิตรอดที่เป็นอุปลักษณ์ของบาปและภยันตรายที่มนุษย์สร้างขึ้น

ผลงาน Hundreds of Parents ของเขาโดดเด่นด้วยโครงเหล็กขนาดใหญ่คล้ายกับเครื่องมือสำหรับใช้ดักจับปลา ซึ่งไทวิจิตแทนค่าสัตว์น้ำเหล่านั้นเป็นเศษซากขยะพลาสติก อันสะท้อนความเชี่ยวชาญในการนำสิ่งของเหลือทิ้งมาสร้างงานเป็นศิลปะอยู่แล้วเป็นทุนเดิม และสะท้อนปัญหาขยะล้นเมืองที่ยังแก้ไม่ตกในห้วงเวลาปัจจุบันไปในคราวเดียว

04 | Tooth Clinic, 2020
ผลงานโดย โน้ต กฤษดา ภควัตสุนทร
จัดแสดงที่ The PARQ

Bangkok Art Biennale 2020

โน้ต กฤษดา ภควัตสุนทร นำประสบการณ์และความทรงจำในวัยเยาว์ของตน เมื่อครั้งต้องไปคลินิกหมอฟัน มาสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะที่ถนัด​ทั้งการวาดเส้น​ งานประติมากรรม​ และแอนิเมชันสามมิติ เพื่อชักชวนให้ผู้มาชมคิดถึงการไปพบหมอฟัน เพื่อการจัด ถอน หรือรักษาเพื่อให้ฟันสวยสุขภาพดี แต่เป็นสิ่งที่เด็กมักขยาด ซึ่งรวมถึงตัวของโน้ตเองก็เช่นกัน

Tooth Clinic นำเสนอผ่านความงามของฟันแต่ละซี่ที่อาจแลกมาด้วยความเจ็บปวด โน้ตตีความสิ่งที่เขาอยากหลีกหนีมาตั้งแต่เด็กมากระตุ้นให้ผู้ชมรำลึกช่วงเวลาดังกล่าวไปพร้อมกับเขา ก่อนจะมีวันที่ฟันสวยสุขภาพดีเช่นในตอนนี้

05 | A Child’s World in the Days of Adults, 2014-2016
ผลงานโดย ณรงค์ยศ ทองอยู่
จัดแสดงที่ The PARQ 

Bangkok Art Biennale 2020

ณรงค์ยศ ทองอยู่ ศิลปินจากสงขลาผู้นี้พยายามค้นหา “ความจริงเกี่ยวกับวัสดุ” เพื่อเผยแก่นแท้ของความจริงนั้น ผ่านการรังสรรค์ผลงาน “ตุ๊กตาตาบอด” ที่กระตุ้นให้ผู้ชมเกิดการเปรียบเทียบความเป็นจริงกับจินตนาการ

ณรงค์ยศ ย้อนกลับไปในวัยเยาว์แล้วหยิบกระบวนการประดิษฐ์ของเล่นของเขามาสร้างตุ๊กตาตาบอดต่างคาแรกเตอร์ เพื่อบอกเล่าถึงความต้องการที่จะหลีกหนีความรู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมในชีวิตประจำวัน หรือว่าการย้ายถิ่นฐานนั่นเอง

06 | Fortune Shelt(ell)er (2020)
ผลงานโดย New-Territories, with…
จัดแสดงที่ Bangkok Art and Culture Centre (BACC)

Bangkok Art Biennale 2020

ผลงานของ นิว-เทอร์ริทอรี่ส์ นำเสนอแง่มุมของเมืองกรุงเทพฯ ในปัจจุบันที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จนส่งผลกระทบต่อศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีชีวิต

ผลงานนี้เสมือนห้องทดลองศิลปะเทียมที่มีหุ่นยนต์คนสวนคอยทดลองปลูกไมซีเลียมและเห็ดสายพันธุ์ใหม่ อ่านรายละเอียดของผลงานเพื่อทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนไปชมผลงานของ นิว-เทอร์ริทอรี่ส์ ได้ที่ https://www.bkkartbiennale.com/artwork/Fortune-Shelter

07 | ผลงานศิลปะ DRAGONERPANZER
ผลงานโดย วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์
จัดแสดงที่ Bangkok Art and Culture Centre (BACC)

Bangkok Art Biennale 2020 Bangkok Art and Culture Centre (BACC)

รถถังเซรามิกที่กล่าวถึงเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ศิลปะเคยมีค่ามากกว่ากองทหารม้ากว่า 600 นาย! อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม: DRAGONERPANZER เมื่อครั้งศิลปะ มีค่ามากกว่ากองทหาร

08 | Jack The Skinners, 2019
ผลงานโดย P7
จัดแสดงที่ Bangkok Art and Culture Centre (BACC)

Bangkok Art Biennale 2020 P7

จินตนาการสำคัญกับผู้มาชม! เพราะประติมากรรมโดย P7 ศิลปินสตรีทอาร์ตแถวหน้าของไทย​ ได้นำหุ่น​ Ventriloquist​ มาสร้างคาแรกเตอร์ใหม่ผ่านลายเซ็นการเล่าเรื่องในแบบของเขา จากบทบาทตัวร้ายในหนังสยองขวัญ P7​ ได้มองเห็นด้านมืดทั้งกิเลสตัณหา​ ความรุนแรง​ และความเป็นฆาตกรในโลกแฟนตาซี มาสร้างคำถามปลายเปิดให้ผู้ชม แม้จะเล็งเห็นถึงความน่ารักในตัวของมัน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ถูกซ่อนไว้ถึงความหมายที่ไม่ได้บ่งบอกเฉพาะเจาะจงว่า เจ้าหุ่น​ Ventriloquist ตัวนี้ กำลังหยิบยื่นอะไรให้กับผู้ชมอยู่กันแน่

Bangkok Art Biennale 2020 P7

09 | Law of Journey (2016)
ผลงานโดย  Ai Weiwei 
จัดแสดงที่ Bangkok Art and Culture Centre (BACC) 

Bangkok Art Biennale 2020 Bangkok Art and Culture Centre (BACC)

เรือเป่าลมสีดำในนาม Law of Journey โดยศิลปินชาวจีน อ้าย เว่ยเว่ย แล่นมาจอดอยู่กลางหอศิลปวัฒนธรรม แห่งกรุงเทพมหานคร พร้อมการบรรทุกร่างของผู้ลี้ภัยไร้ใบหน้า ซึ่งเว่ยเว่ยได้แรงบันดาลใจมาจากการไปเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยกว่า 40 แห่ง อาทิ บังกลาเทศ อิรัก ซีเรีย ตุรกี มาซิโดเนีย กรีซ เม็กซิโก และประเทศต่าง ๆ รวมกว่า 20 ประเทศ

ผลงานนี้เป็นตัวแทนของผู้ลี้ภัยทั่วโลก ซึ่งไม่เพียงแต่เรือเป่าลมสีดำเท่านั้น ยังมีภาพถ่ายและวิดีโอที่สะท้อนความโหดร้ายที่เกิดในค่ายผู้ลี้ภัยที่อพยพท่ามกลางสงคราม

Bangkok Art Biennale 2020 Bangkok Art and Culture Centre (BACC)

10 | Untitled, 2020 (Infinite attempts never concluded)
ผลงานโดย ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวณิช
จัดแสดงที่ Bangkok Art and Culture Centre (BACC)

Bangkok Art Biennale 2020 Untitled, 2020 (Infinite attempts never concluded) ผลงาน ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวณิช

งานศิลปะจัดวางเขาวงกตไม้ไผ่ที่ตระหง่านล้ำอยู่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร คือผลงานของศิลปินไทย ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวณิช ที่ชักชวนให้เราสนใจตั้งแต่โครงสร้างไม้ไผ่ที่แม้ดูผิวเผินเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ แต่ทันทีที่ก้าวผ่านเข้าไปในเขาวงกตนั้นกลับกระตุ้นให้เราเดินดุ่มไปถึงปลายทางที่มีกล่องพลาสติก Polyethylene Terephthalate (PET) ขนาดใหญ่ที่เขาตั้งใจให้ผู้มาชมได้ปลีกวิเวก เพื่อเยียวยาและประนีประนอมหัวใจในยุคแห่งความขัดแย้ง ความกลัว และความแตกแยก

Bangkok Art Biennale 2020 Untitled, 2020 (Infinite attempts never concluded) ผลงาน ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวณิช

เอาล่ะ ยังมีเวลาอยู่ รีบไปดูกับตาก่อนงานจบ ถ้าดูครบ 10 ชิ้นนี้แล้วยังไม่จุใจ ก็แวะไปชมผลงานอื่น ๆ ของศิลปินท่านอื่น ๆ กันได้ตามใจชอบเลย  สนใจที่ไหน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bkkartbiennale.com/


เรียบเรียง: ND24
ภาพ: สิทธิศักดิ์ น้ำคำ, สมัชชา วิราพร, ประภัสสร มั่งศิริ และศรายุทธ ศรีทิพย์อาสน์

The post 10 งานศิลปะจัดวางที่ต้องไปเห็นกับตาถึงจะอิ่มใจใน BANGKOK ART BIENNALE 2020 appeared first on บ้านและสวน.

บ้านไทย โมเดิร์น ที่เรืองแสงได้ดั่งหิ่งห้อย

$
0
0

“บ้านหิ่งห้อย” เป็นชื่อที่สถาปนิกตั้งให้บ้านหลังคาทรงจั่วสีขาวที่ผสมผสานความเป็นไทยและโมเดิร์นหลังนี้ ซึ่งโดดเด่นด้วยหลังคาอะลูมิเนียมเจาะรูให้โปร่ง แล้วออกแบบไฟแสงสว่างไว้ภายในหลังคาให้เรืองแสงในยามค่ำคืน แต่ภายใต้รูปทรงที่ดูเรียบง่ายนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการออกแบบที่สอดคล้องกับภูมิอากาศเขตร้อนชื้นและความเป็นธรรมชาติซึ่งเป็นหัวใจที่ทำให้บ้านอยู่สบาย บ้านไทย

Designer directory : ออกแบบ EAST architect  www.eastarchitects.com  บ้านไทย

เจ้าของ คุณธนวัสส์ ยงค์สงวนชัย

เมื่อความ “ต่างขั้ว” ถูกตีความให้เป็นทั้งความย้อนแย้ง การผสมผสาน และความงาม โดยเผยตัวตนและแฝงความนัยอยู่ภายใต้บ้านรูปทรงจั่วสีขาวโมเดิร์นและไทยเดิมสองหลังที่วางแนวแกนตัดกันอยู่กลางที่ดิน โดยไม่อิงกับแนวถนนหรือแนวขอบเขตที่ดิน แต่อิงกับทิศทางแสงแดดและลมเพื่อให้บ้านอยู่สบายตามธรรมชาติ เป็นหลักการออกแบบพื้นฐานของสถาปนิกที่ให้คำจำกัดความตัวเองว่า “สถาปนิกแห่งป่าฝนร้อนชื้น” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พิรัส พัชรเศวต และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สยาณี วิโรจน์รัตน์ แห่ง EAST architect ที่ออกแบบบ้านทรอปิคัลโมเดิร์นหลังนี้ให้เป็นจุดบรรจบของวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก ในมิติของภูมิปัญญาดั้งเดิมและความโมเดิร์น

บ้านไทย
ออกแบบหน้าบ้านเป็นผนังคอนกรีตเปลือยดูทึบตันสร้างความเป็นส่วนตัวให้พื้นที่ด้านใน แล้วทำช่องทางเดินสำหรับเข้าบ้าน

ก่อนจะสร้างบ้านนี้เจ้าของบ้านอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ เมื่อพื้นที่บ้านเดิมเริ่มไม่เพียงพอกับสมาชิก คุณแม่จึงยกที่ดิน 2 ไร่แปลงนี้สำหรับปลูกบ้านใหม่ และด้วยเจ้าของบ้านเป็นแฟนนิตยสาร บ้านและสวน จึงได้พบและชื่นชอบบ้านของอาจารย์พิรัสที่ลงในนิตยสาร อาจารย์พิรัสได้เล่าย้อนไปเมื่อเริ่มออกแบบบ้านว่า “เจ้าของบ้านได้บอกเล่าความต้องการเป็นจดหมายเล่าเรื่องว่า เมื่อเข้ามาในบ้านแล้วอยากพบเจออะไร ชอบอยู่แบบใกล้ชิดธรรมชาติ มีความโปร่งสบายเย็นโดยไม่ต้องเปิดแอร์ และชอบวัสดุธรรมชาติ อยากให้บ้านยกสูงเพราะตอนนั้นเกิดน้ำท่วมกรุงเทพ มีลูกชายและลูกสาวอายุสิบกว่าปี และอยากให้บ้านเผื่ออนาคตเมื่อลูกเติบโตด้วย เท่าที่สัมผัสเนื้อความในตอนนั้นรู้สึกถึงความชื่นชอบในวิถีชีวิตกึ่งตะวันตกและความเป็นคนละเอียดอ่อน”

บ้านไทย
โถงบันไดให้อารมณ์แบบพื้นที่กึ่งภายนอก สามารถเปิดโล่งได้รอบด้าน วางตั่งไม้ไว้ตรงกลางสำหรับนั่งพักคอยและวางของในบรรยากาศไทยๆ

บ้านไทย
ห้องอเนกประสงค์ที่ใช้เป็นห้องทำการบ้านของลูกๆ ตกแต่งด้วยไม้เป็นหลัก สร้างลูกเล่นด้วยหน้าบานตู้ไม้แบบต่างๆ บ้างทึบ บ้างฉลุลายที่มีกลิ่นอายความเป็นไทย

เมื่อมองจากภายนอกจะเห็นเพียงหลังคาจั่วสีขาวลอยเด่นในแมกไม้ ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังรั้วที่ปิดมิดชิดสร้างความเป็นส่วนตัว ผู้ออกแบบให้ความสำคัญกับลำดับการเข้าถึงจากสเปซภายนอกสู่ภายในบ้าน โดยออกแบบโถงทางเข้าให้มีลักษณะคล้ายอุโมงค์เพื่อปรับเปลี่ยนความรู้สึกก่อนเข้าไปยังโลกอีกใบที่อยู่ด้านหลังอุโมงค์นี้ “หัวใจของการออกแบบสถาปัตยกรรมจะคำนึงถึงคนที่ใช้งานผสานกับวัฒนธรรม ซึ่งวัฒนธรรมของคนทั่วโลกนั้นสัมพันธ์กับภูมิอากาศอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการออกแบบสถาปัตยกรรมจึงต้องเคารพฟ้าและดินเป็นสำคัญ สำหรับบ้านหลังนี้มีการคิดแบบย้อนแย้งแฝงอยู่ในบ้านที่จัดวางเป็นสองเรือน โดยเรือนของลูกซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ออกแบบผสานด้วยอัตลักษณ์เรือนไทยเดิม ส่วนอีกเรือนซึ่งเป็นส่วนของคุณพ่อคุณแม่นั้น ออกแบบด้วยภาษาสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ มีการออกแบบหลังคาให้เรืองแสง ด้วยปรัชญาแบบโพสโมเดิร์น ที่ตัวบ้านทำหลังคาสเลป (Slab roof) คอนกรีตเสริมเหล็ก แต่ทำแผงทรงจั่วที่ดูเหมือนเป็นหลังคา แต่ไม่ได้ทำหน้าที่หลังคาจริงๆ ครอบด้านบนอีกชั้น เป็นความตั้งใจที่อยากนำเสนอลักษณะ บ้านไทย ที่มีหลังคาทรงจั่วซึ่งหลายคนมองว่าเชย แต่ออกแบบด้วยวัสดุทันสมัย โดยใช้แผ่นอะลูมิเนียมเจาะรูที่มีความโปร่งแต่ก็แสดงรูปทรงได้ชัดเจน และซ่อนไฟส่องสว่างไว้ด้านใน ทำให้เกิดการรับรู้ใหม่ โดยตั้งชื่อว่า บ้านหิ่งห้อย”

ยื่นห้องชั้นบนออกมา 6 เมตร รองรับด้วยโครงสร้างเหล็กตัววีเพื่อให้อาคารดูเบาลอย
ทำผนังโดยรอบเป็นบานเลื่อนกระจกสูงถึงฝ้าเพดาน ซึ่งสามารถเปิดได้รอบ แม้รูปแบบอาคารจะโมเดิร์น แต่ก็เป็นสเปซแบบใต้ถุนบ้าน
เรือนด้านในออกแบบด้วยแนวคิดโมเดิร์น ชั้นล่างเป็นส่วนแพนทรี่ รับประทานอาหารและนั่งเล่น วางโต๊ะรับประทานอาหารตัวยาวที่สั่งทำพิเศษ
ชั้นบนส่วนที่ยื่นลอยเป็นห้องนอนคุณพ่อคุณแม่ที่ออกแบบผนังกระจกเข้ามุมแบบไร้กรอบ ที่เปิดโล่งให้เห็นธรรมชาติโดยรอบ

เมื่อเข้ามาในบ้านส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่แบบกึ่งเปิดโล่ง (Semi-outdoor) แบบเป็นกันเอง ทั้งสเปซแบบชานและใต้ถุนของเรือนไทย แต่เมื่อไปยังอีกเรือนกลับทำผนังกระจกล้อมห้องและใช้ทางเดินเป็นเส้นตรงแจกจ่ายไปยังฟังก์ชันต่างๆ ตามวิธีการวางแปลงแบบตะวันตก ซึ่งเป็นการแฝงความย้อนแย้งของผู้ออกแบบเพื่อสื่อถึงความต่างของวัฒนธรรมที่หลอมรวมกันจนเป็นความงาม “จากการคุยกับเจ้าของบ้านมีความชอบสีขาวเป็นส่วนใหญ่ จึงนำเสนอบ้านนี้ในโทนสีขาว เรือนลูกที่มีความเป็นไทยใช้หลังคากระเบื้องเคลือบดินเผาสีขาว ใช้ไม้เป็นส่วนประกอบหลัก แม้จะมีโครงเหล็กก็ใช้เทคนิคแบบโครงสร้างไม้เชิงช่างไทย มีการเชื่อมสเปซด้วยชาน ส่วนเรือนพ่อแม่จะเชื่อมต่อสเปซด้วยทางเดิน (Corridor) ซึ่งเป็นวิธีแบบโมเดิร์นดีไซน์”

บ้านไทย
ห้องนอนลูกทำฝ้าเพดานสูงตามความลาดเอียงของหลังคาจั่ว พร้อมเปิดช่องแสงด้านหน้าจั่วให้แสงธรรมชาติเข้ามา ตกแต่งผนังหัวเตียงด้วยคิ้วบัวลายตารางที่สื่อถึงลายฝาปะกนของเรือนไทย

“การที่จะทำให้เกิดความประทับใจในสเปซทางสถาปัตยกรรม ต้องทำให้คนเข้าไปสัมผัสและรับรู้ได้ จึงมีการออกแบบทางเดินให้เข้าไปเห็นมุมมองของหลังคาดินเผาที่วางเรียงกัน เห็นสเปซบ้านจากด้านบนในระยะที่ต่างกันก็ทำให้เกิดความประทับใจไม่เหมือนกัน ในเชิงจิตวิทยา มนุษย์กับสถาปัตยกรรมต้องมีปฏิสัมพันธ์กันตลอดเวลา ทางสัญจร(Circulation) ก็เป็นส่วนหนึ่งของปฏิสัมพันธ์นั้น ซึ่งเป็นทั้งฟังก์ชันและการสร้างประสบการณ์การรับรู้สเปซ และเกิดความงามในการรับรู้นั้น” บ้านไทยโมเดิร์นหลังคาจั่วหลังนี้จึงไม่ได้มีคุณค่าเพียงรูปทรงที่ปรากฏ แต่บอกเล่าแนวคิดการออกแบบสถาปัตยกรรมที่มาจากภูมิปัญญา ธรรมชาติ และสุนทรียภาพหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

 

ทางเดินเข้าบ้านทำทางลาดคล้ายอุโมงค์ปิดทึบคล้ายทางเดินเข้าแกลลอรี่ เผยให้เห็นลำต้นนางกวักที่เป็นต้นไม้ประธานของบ้านที่ดูเสมือนภาพในกรอบรูป
พื้นที่ภายในบ้านประกอบด้วย 2 เรือน วางแกนตั้งฉากกัน เชื่อมกันด้วยชานและทางเดิน เรือนด้านหน้าออกแบบด้วยองค์ประกอบและสเปซแบบบ้านไทยเดิมที่มีลักษณะคล้ายใต้ถุนบ้าน
ออกแบบทางเดินยื่นลอยออกมาเพื่อการรับรู้สเปซในมุมมองต่างๆ ซึ่งเป็นทางเดินยาวจากหน้าบ้านไปหลังบ้าน จึงสามารถเดินดูบริเวณบ้านได้ทั่วจากชั้นบน

———————————————————————————————————————

เรื่อง ศรายุทธ ศรีทิพย์อาสน์

ภาพ ศุภกร ศรีสกุล, วศิน ภุมรินทร์

สไตล์ วรวัฒน์ ตุลยทิพย์

 

เรื่องที่น่าสนใจ

คืนชีวิตให้บ้านเก่ากลายเป็นบ้านไทยใต้ถุนสูงเจือกลิ่นโมเดิร์น

บ้านใต้ถุนสูง ในแบบฉบับกลิ่นอายไทยร่วมสมัย

Baan Lek Villa บ้านกึ่งโฮมสเตย์ดีไซน์ร่วมสมัยเเบบบ้านไทยใต้ถุนสูง

The post บ้านไทย โมเดิร์น ที่เรืองแสงได้ดั่งหิ่งห้อย appeared first on บ้านและสวน.

3 สิ่งที่สีทาบ้านที่ยุคนี้ต้องมี!! แค่ทนทานไม่พอ ต้องแก้ปัญหาสีบนผนังได้ด้วย

$
0
0

ในสภาวะที่อากาศในเมืองไทยเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทั้งแดดแรง ทั้งฝนหนัก ในบางช่วงต้องรับกับมรสุมพายุฝน ซึ่งความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ผนังบ้านทรุดโทรม โดยเฉพาะสีบนผนังบ้านที่ทำหน้าที่ปกป้องกันแดดกันฝนไม่ให้ทำลายเนื้อคอนกรีต การเลือกสีทาบ้านจึงต้องคำนึงถึงคุณสมบัติและความทนทานเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสีติดทนนาน สีไม่ซีดจางทำความสะอาดง่าย และไม่หลุดลอกล่อน

แต่คุณสมบัติของสีเพียงเท่านั้นอาจจะไม่เพียงพอ เมื่อปัจจัยอื่นๆ ที่เกิดจากสภาพอากาศมีส่วนทำลายผนัง ไม่ว่าจะเกิดเชื้อรา คราบตะไคร่น้ำ คราบเกลือ หรือแม้กระทั่งรอยแตกลายงาอันเกิดจากขั้นตอนการก่อสร้างที่ส่งผลให้เกิดปัญหาผนังรั่วมีน้ำซึมในภายหลัง สีทาบ้านแห่งอนาคตจึงจำเป็นต้องมีคุณสมบัติที่แก้ปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยคุณสมบัติเด่นที่จำเป็นต้องมี ได้แก่

สีกันความร้อน

1 สีที่ดีต้องช่วยสะท้อนความร้อนได้

บ้านที่น่าอยู่คือบ้านที่มีอากาศปลอดโปร่ง เย็นสบาย ไม่ร้อนอบอ้าว ที่แม้จะเป็นเรื่องยากสำหรับเมืองไทยที่อยู่ในแถบเส้นศูนย์สูตรซึ่งต้องเจอสภาพอากาศร้อนชื้นมีฝนชุกแต่ก็มีหลายวิธีช่วยลดปัญหาความร้อนสะสมภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ การปลูกต้นไม้ การเลือกใช้วัสดุ ซึ่งสีทาภายนอกก็ช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ ด้วยคุณสมบัติของฟิล์มสีที่มีคุณภาพผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยสะท้อนความร้อนและป้องกันรังสีจากยูวีจากดวงอาทิตย์ ไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้าน ลดปัญหาบ้านสะสมความร้อนได้ ทำให้ช่วยลดอุณหภูมิในบ้าน และช่วยประหยัดค่าไฟได้

สีกันความร้อน

2 แก้ปัญหาคราบต่างๆ บนผนัง

แน่นอนว่าสภาพอากาศที่รุนแรง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผนังเสื่อมสภาพเกิดคราบสกปรกได้ง่าย โดยเฉพาะคราบเกลือแต่รู้หรือไม่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดคราบเกลือนั้นคือขั้นตอนการเตรียมผนังคอนกรีตที่ไม่ได้คุณภาพ รีบเร่งทาสีทั้งๆ ที่ผนังคอนกรีตยังไม่คายความชื้น เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาคราบเกลือตามมาภายหลังและทำให้เกิดปัญหาสีซีดจางตามมา ผนังบ้านก็จะเป็นด่างไม่สม่ำเสมอสวยงามเหมือนตอนทาเสร็จใหม่ๆ หรือจะเป็นปัญหาคราบน้ำท่วมขังในช่วงหน้าฝนในขณะที่ความชื้นจากชั้นดินนั้นยังเป็นสาเหตุทำให้ความชื้นสะสมจนเกิดเชื้อรา ตะไคร่น้ำ และเกิดผนังลอกล่อนอีกด้วยสีที่ดีจึงต้องมีคุณสมบัติในการป้องกันปัญหาเหล่านี้ เพื่อให้บ้านสวยนานไร้คราบสกปรกกวนสายตา

3 ปกปิดรอยแตกลายงาซ่อมผนังไปในตัว

แม้ว่าปัญหารอยแตกลายงาบนผนังคอนกรีตเพียงเล็กน้อยจะไม่ส่งผลต่องานโครงสร้างอาคาร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะต้องมีร่องรอยเหล่านั้น ปัญหารอยแตกลายงาเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิที่ส่งผลต่อการขยายและหดตัวของคอนกรีต ซึ่งสาเหตุมาจากขั้นตอนการก่อสร้างที่เกิดจากช่างไม่มีทักษะการฉาบ ผสมปูนกับน้ำไม่ถูกสัดส่วน ไม่ได้บ่มน้ำอิฐก่อนฉาบปูน  เมื่อเจออุณภูมิที่ต่างปูนที่ฉาบบนผนังจะยืดและหดตัวจึงทำให้เกิดรอยแตกลายงา โดยเฉพาะตามจุดเชื่อมต่อต่างๆ เช่นขอบประตูหน้าต่างจะเห็นได้ชัดเจน ปัญหานี้ต้องซ่อมแซมก่อนทาสี จะช่วยยึดอายุของสีบนผนังติดทนทาน ไม่เกิดปัญหาน้ำรั่วซึมตามมาภายหลัง

สีกันความร้อน

คุณสมบัติของสีทาภายนอกที่ดีทั้ง 3 ข้อนี้นอกจากจะทำให้บ้านสวยน่าอยู่ขึ้นแล้วสีทาบ้านยังต้องทำหน้าที่สร้างสรรค์ให้โลกน่าอยู่ขึ้นด้วยส่วนผสมที่ปราศจากสารปรอทและตะกั่ว สารระเหยต่ำ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาโลกร้อน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ รวมอยู่ในผลิตภัณฑ์สีทาภายนอก Nippon Paint Weatherbond สีเกรดอัลตราพรีเมียมที่คิดค้นมาเพื่อบ้านสวยอย่างมีคุณภาพติดทนนานถึง 15 ปี พร้อมด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ความทนทานด้วยเทคโนโลยีพิเศษ Special Cross Link จากประเทศญี่ปุ่น ที่เชื่อมเม็ดสีให้ประสานกับโมเลกุลของกาวให้ยึดเกาะกันแน่นทำให้ฟิล์มสีเรียบเนียนไม่ก่อให้เกิดคราบสกปรก ไม่ก่อให้เกิดเชื้อราตะไคร่น้ำช่วยสะท้อนความร้อนและทนต่อรังสียูวีได้ ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปรับอากาศในบ้านได้

สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือขั้นตอนการทาสีรองพื้นที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องผนัง ด้วยสีรองพื้น Nippon Paint Flexiseal สีรองพื้นที่มีความยืดหยุ่นสูงสำหรับประสานรอยแตกลายงาบนพื้นผิว และการป้องกันน้ำซึมได้อย่างดีเยี่ยมด้วย DryLock Technology ทั้งยังจัดการปัญหาความชื้นและน้ำซึมผ่านทำลายชั้นฟิล์มสีทับหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผิวสี ไม่ว่าจะเป็น สีลอกล่อน สีบวม สีแตกลายงา การเกิดคราบสกปรก ซึ่งคุณสมบัติของสีรองพื้นเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งกับพื้นที่ที่ต้องเจอสภาพอากาศรุนแรง

สีกันความร้อน

ก่อนจะเลือกสีทาบ้าน ลองพิจารณาเพิ่มอีกสักนิด เพราะปัจจัยเรื่องสภาพแวดล้อม สภาพอากาศที่รุนแรง เป็นข้อบ่งชี้สำคัญที่ทำให้การเลือกสีทาบ้านต้องไม่ใช่แค่ความทนทานเท่านั้น แต่สีจะต้องพิจารณาคุณสมบัติข้ออื่นๆ ที่จำเป็นประกอบด้วย เพื่อให้ผนังบ้านสวยแข็งแรง คุ้มค่า แก้ปัญหาผนังที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะผ่านกี่ร้อนกี่ฝนก็ลดปัญหากวนใจภายหลังได้ด้วย

ระบบสีทาภายนอก นิปปอนเพนต์

สีรองพื้น นิปปอนเพนต์ เฟล็กซี่ซีล (Nippon Paint Flexiseal)

 

สีทับหน้า นิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ แอดวานซ์ (Nippon Paint Weatherbond Advance) 

(ดูข้อมูลสีทับหน้า นิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ แอดวานซ์ https://weatherbond.nipponpaintdecor.com/ )

ขอบคุณข้อมูลจากสี NIPPON PAINT

 Nippon Paint Decorative

 @nipponpaint

 www.nipponpaintdecor.com

 Nippon Paint Decorative

  02 463 1899

 

 

 

สีกันร้อน 

The post 3 สิ่งที่สีทาบ้านที่ยุคนี้ต้องมี!! แค่ทนทานไม่พอ ต้องแก้ปัญหาสีบนผนังได้ด้วย appeared first on บ้านและสวน.

สวยและถูกมาก รวม 9 ต้นไม้ที่มีใบลายด่าง และไม้ใบด่างราคาถูก

$
0
0

ไม้ใบด่างราคาถูก

แม้จะผ่านกันไปแล้วกับกระแสการปลูกต้นไม้ แต่เราเชื่อว่าหลายๆ คนก็ยังคงให้ความสนใจต้นไม้กันอยู่ไม่น้อย ยิ่งในช่วงหลังมานี้มีต้นไม้หลายต้นที่เป็นกลายที่นิยมอย่างมาก ทำให้ราคาของต้นไม้หลายชนิดนั้นกระโดดขึ้นสูงมาก อย่างไม้ด่าง ที่แต่ก่อนอาจจะราคาต้นละไม่กี่พันบาท ปัจจุบันนั้นไม้ด่างหลายชนิดราคาพุ่งสูงถึงหลักหมื่น หลักแสนแล้ว ไม้ใบด่างราคาถูก

วันนี้บ้านและสวนจึงอยากจะแนะนำ ไม้ใบด่างราคาถูก และต้นไม้ที่มีใบลายด่างโดยธรรมชาติ ให้รู้จักกัน เพราะนอกจากจะถูกแล้ว ยังมีใบยังมีลวดลายที่สวยงามอีกด้วย

ต้นไม้ใบด่าง เกิดจากอะไรมีหลายสาเหตุที่ต้องรู้
ไม้ใบยอดฮิต เลือกแบบไหนมาจัดสวนดี

ไม้ใบด่างราคาถูก

โพทะเลด่าง หรือ โพเจ็ดสี

ชื่อวิทยาศาสตร์: Thespesia populnea (L.) Sol. ex Corrêa
ไม้ต้น ทรงพุ่มกลม โคนใบรูปหัวใจ ขอบใบหยักฟันเลื่อย  เหมาะปลูกในดินร่วนระบายน้ำได้ดี สามารถทนดินเค็มได้ ชอบแสงแดด ปลูกเป็นแนวบังลมริมทะเลได้
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.baanlaesuan.com/plants/palm-cycad/137181.html
ราคา 100 บาท

ไม้ใบด่างราคาถูก

คล้าด่างขาว

ชื่อวิทยาศาสตร์: Calathea hybrid
คล้าด่างขาว หรือ คล้าราชภัฏเป็นต้นไม้ที่มีใบด้านบนด่างเป็นสีขาวกระจายอยู่ทั่วใบ ส่วนด้านล่างของใบมีสีชมพูอมม่วง เป็นไม้ที่ชอบความชื้นมาก แต่แสงแดดแค่พอรำไร สามารถปลูกในร่มได้
ราคา 200 บาท

ไม้ใบด่างราคาถูก

ว่านถุงเงินถุงทอง

ชื่อวิทยาศาสตร์: Xanthosoma sagittifolium (L.) Schott ‘Albomarginata’
ไม้ล้มลุก อายุหลายปี ใต้ดินมีหัวคล้ายเผือก ใบรูปหัวใจ แผ่นใบกว้าง ชอบดินร่วนและแสงแดดรำไร น้ำปานกลาง สามารถปลูกริมปลูกริมน้ำได้ มีความเชื่อว่าเป็นว่านเสน่ห์เมตตามหานิยม ช่วยเรื่องค้าขาย เก็บเงินทองได้มาก สมกับชื่อ
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.baanlaesuan.com/plants/perennial/137472.html
ราคา 200 บาท

ไม้ใบด่างราคาถูก

ขาไก่ด่าง

ชื่อวิทยาศาสตร์: Justicia fragillis Wall. Var.variegata
ไม้พุ่ม ใบเดี่ยวรูปรี ชอบน้ำปานกลาง แดดรำไรถึงแดดจัด นิยมปลูกเป็นแถวตามแนวรั้ว
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.baanlaesuan.com/plants/annual/136329.html
ราคา 20 บาท

พลูงาช้าง

ชื่อวิทยาศาสตร์: Epipremnum aureum (Linden & André) G. S. Bunting.
ไม้ประดับ ใบมีลายสีขาวสลับเขียว สามารถเลี้ยงในที่ร่มแดดรำไร ชอบอากาศเย็นๆ เป็นไม้ฟอกอากาศที่ช่วยดูดสารพิษได้ และยังเป็นไม้มงคลอีกด้วย
ราคา 40 บาท

เงินไหลมา

ชื่อวิทยาศาสตร์: Syngonium podophyllum Schott
ไม้เลื้อยใบเดี่ยว ชอบดินชุ่มชื้น แสงแดดรำไร เป็นไม้มงคลที่เชื่อกันว่าปลูกแล้วจะร่ำรวย มีเงินใช้ไม้ขาดมือ
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.baanlaesuan.com/plants/perennial/138126.html
ราคา 150 บาท

ไอวี่

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hedera helix L.

ไม้เลื้อยเนื้ออ่อนขนาดเล็ก ชอบดินร่วน ระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูง แสงแดงเต็มวัน
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.baanlaesuan.com/plants/annual/138280.html
ราคา 120 บาท

เปเปอร์โรเมีย หรือ เปเปอร์หยก

ชื่อวิทยาศาสตร์
ไม้เลื้อยใบหนาสีเขียวเข้ม ผิวใบมัน เป็นต้นไม้เลี้ยงง่าย ปลูกได้ในแดดรำไร ชอบดินที่โปร่งและระบายน้ำได้ดี เป็นอีกหนึ่งไม้มงคลที่เชื่อกันว่าช่วยเรื่องความมั่งคั่งร่ำรวยราคา 50 บาท

บอนสีอิเหนา

ชื่อวิทยาศาสตร์ CALADIUM BICO- LOR (AIT) VENT AN- GEL WINGS, ELEPHANT–EAR
บอนสีเรียกได้ว่าเป็นราชินีแห่งไม้ใบ เพราะมีการปลูกเลี้ยงกันมานานแล้ว และยังปรับปรุงสายพันธุ์ได้ลูกผสมที่หลากหลายและสวยงาม  บอนสีอิเหนามีใบสีเขียวลายขาว ชอบดินที่ระบายน้ำและอากาศได้ดี ต้องการน้ำมาก แต่แสงแดดแค่พอรำไร และเป็นไม้ฟอกอากาศอีกด้วย
ราคา 50 บาท

และนี่ก็เป็นตัวอย่างของต้นไม้ที่มีใบลายด่าง และ ไม้ใบด่างราคาถูก  สำหรับใครที่กำลังหาต้นไม้สวยๆ ราคาถูก ก็ลองไปหาซื้อต้นเหล่านี้มาปลูกกันดูได้ เพราะนอกจากจะดูสวยงามแล้วราคาก็ยังสบายกระเป๋าอีกด้วย

พิกัด: ตลาดต้นไม้ซอยวัดพระเงิน


เรื่องและภาพ: Tatsareeya S. l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l l 

 

 

 

 

The post สวยและถูกมาก รวม 9 ต้นไม้ที่มีใบลายด่าง และไม้ใบด่างราคาถูก appeared first on บ้านและสวน.

ไอเดียจัดมุมสวนเล็กแคบ ให้ใช้งานได้มากประโยชน์ [บอกชื่อต้นไม้]

$
0
0

สวนหลังบ้าน สวนข้างบ้าน ยังคงเป็นรูปแบบสวนที่ตอบโจทย์บ้านในเมือง บ้านขนาดเล็ก รวมถึงบ้านจัดสรรที่มีพื้นที่จำกัด ซึ่งเจ้าของบ้านล้วนปรารถนาอยากมีพื้นที่สีเขียวไว้สำหรับพักผ่อนสายตา สร้างอรรถรสให้การอยู่มีกิจกรรมที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจรู้สึกผ่อนคลาย ทั้งให้มุมสวนเป็นมุมนั่งเล่น มุมทานอาหาร หรือมุมปาร์ตี้สำหรับสมาชิกในครอบครัว

แต่ข้อจำกัดของ สวนหลังบ้าน หรือสวนข้างบ้าน ในเรื่องของขนาดพื้นที่กลายเป็นปัจจัยที่บีบให้การจัดสวนเป็นเรื่องยาก รวมทั้งปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการเติบโตของต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นขนาดของต้นไม้ ประเภท ที่จะต้องสอดคล้องไปกับบริบทของแสงแดดของพื้นที่ การจะใช้พื้นที่ขนาดเล็กจัดเป็นมุมนั่งเล่นจึงต้องพลิกแพลงให้สามารถใช้พื้นที่ส่วนนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นขนาดของเซตเก้าอี้เอ๊าต์ดอร์ หรือจะเป็นการออกแบบที่นั่งให้อยู่ในพื้นที่ขนาดเล็กแต่ใช้งานได้สะดวกก็เป็นเรื่องจำเป็นเช่นกัน

ดังนั้น ลองไปดูกันว่าไอเดียการจัดมุมสวนหลังบ้าน และมุมข้างบ้านให้สามารถใช้ประโยชน์เป็นมุมนั่งเล่นได้นั้นสามารถทำอย่างไรได้บ้าง และปลูกต้นอะไรให้ได้มุมสวนแบบนี้

 

 

 

 

 

 

จัดสวนริมบ่อปลาคาร์ปด้วยไม้ใบสวย [บอกชื่อต้นไม้]

จัดสวนริมรั้วข้างบ้าน เล็กแคบ แสงน้อย ปลูกต้นอะไรดี [บอกชื่อต้นไม้]

 

 

The post ไอเดียจัดมุมสวนเล็กแคบ ให้ใช้งานได้มากประโยชน์ [บอกชื่อต้นไม้] appeared first on บ้านและสวน.

Viewing all 9932 articles
Browse latest View live