Quantcast
Channel: บ้านและสวน
Viewing all 9836 articles
Browse latest View live

3 แหล่งต้นไม้สุพรรณบุรี น่าเดินช้อป

$
0
0

จากกรุงเทพไปเพียงชั่วโมงกว่าๆ เปลี่ยนบรรยากาศมาเดินตลาดต้นไม้ และเข้าชมศูนย์เพาะเลี้ยงต้นไม้ ที่มีเทศกาลหมุนเวียนเป็นระยะ โดยทั้ง 3 แหล่งต้นไม้สุพรรณบุรี นี้อยู่ในระยะไม่ไกลกัน สามารถแวะเที่ยวได้เสร็จทั้งหมดในครึ่งวัน

 

 

ตลาดสีเขียว ณ สวนสวรรค์สุพรรณบุรี

เริ่มตั้งแต่ที่แรก เดินกันได้อย่างสบายใจ เป็นตลาดต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งอยู่ที่ตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง บนถนนเลียบคลองชื่อ ตลาดสีเขียว ณ สวนสวรรค์สุพรรณบุรี เป็นแหล่งรวมร้านค้าต้นไม้กว่า 40 ร้าน พร้อมจอดรถโดยรอบ จุดเด่นของตลาดต้นไม้แห่งนี้คือความหลากหลาย สามารถเดินซื้อต้นไม้หลายประเภทได้ในที่เดียว แต่ที่เด่นเป็นพิเศษคือพวกไม้ผลที่ชาวบ้าน ณ แถบนี้ มาเดินเลือกซื้อหากันอยู่แล้ว อาทิ มะม่วง ส้มโอ ขนุน ฝรั่ง ชมพู่ ส่วนไม้ป่า ไม้ประดับ ไม้เลื้อย ไม้ใบ ก็มีให้เลือกสรร

นอกจากนี้ยังมีการหมุนเวียนต้นไม้ที่จำหน่ายไปตามช่วงฤดูกาลด้วย ฉะนั้นใครที่อยากเดินหาไม้แปลกๆ ราคาไม่แพง ลองแวะเวียนมาชมต้นไม้ที่นี่ได้เป็นระยะๆ โดยในช่วงหน้าหนาวก็จะมีไม้ดอกเยอะขึ้นกว่าปกติ และในช่วงปีใหม่ยังมีกิจกรรมออกร้านของสินค้าอื่นๆ อย่าง OTOP ของกิน เพิ่มขึ้นจากร้านต้นไม้ในทุกๆ ปี เพื่อเติมความสนุกสนานให้กับตลาดต้นไม้แห่งนี้

สนใจความรู้เรื่องไม้ผล คลิกที่ลิงก์นี้ได้เลย

 

 

ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 9 สุพรรณบุรี

ที่ที่สองอยู่ไม่ไกลเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดต้นไม้สีเขียวนั่นเอง ซึ่ง ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 9 สุพรรณบุรี ภายในเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สับปะรดสีขนาดใหญ่หลายโรงเรือน เดิมทีเทศกาลต้นไม้ที่นี่จัดกันอย่างคึกคักเป็นประจำ มีร้านค้ามาออกเป็นประจำเกือบทุกเดือน จนภายหลังได้มีการปรับให้จัดเทศกาลน้อยลง จึงเกิดการรวมตัวไปจัดเป็นตลาดสีเขียว อยู่ด้านหน้าศูนย์ขยายพันธุ์พืชแทน ทางเข้ามีป้ายให้เห็นชัดเจนหากมองมาจากถนน เป็นทางเข้าเดียวกันกับตลาด ส่วนกิจการด้านสนับสนุนพันธุ์พืชให้กับเกษตกรและภาครัฐที่นี่ยังคงทำอยู่อย่างต่อเนื่อง

ฉะนั้นถ้าใครต้องการหาความรู้เรื่องสับปะรดสีสายพันธุ์ต่างๆ และกระบองเพชร ก็สามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ หรือติดต่อขอข้อมูลได้ในช่วงเวลาทำการ และในช่วงปีใหม่นี้ทั้งทางศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 9 และตลาดสีเขียว จังหวัดสุพรรณบุรี ยังประสานงานให้มีกิจกรรมเกี่ยวกับต้นไม้ร่วมกันอีกด้วย

 

 

อู่ทองพรรณไม้

ที่ที่สาม ขยับเข้าไปแค่ 3.3 กิโลเมตร เป็นร้านค้าต้นไม้ใหญ่ มีพื้นที่รวมทั้งหมดราว 50 ไร่ โดยแบ่งเป็นโรงเรือนส่วนขายต้นไม้ประมาณ 8 ไร่ ชื่อร้าน อู่ทองพรรณไม้ ถ้าออกจากตลาดสีเขียว ณ สวนสรรค์ ให้เลี้ยวซ้ายไปอีก 1  กิโลเมตร ก็จะมีป้ายบอกให้เลี่ยวซ้ายตรงเข้าไปในซอยเลย

จุดเด่นของอู่ทองพรรณไม้ คือที่นี่จะเป็นร้านที่เพาะต้นไม้เอง เน้นสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตดี เพื่อการค้าตรงตามสายพันธุ์ มีทั้งขายส่งและขายปลีก ต้นไม้แบ่งเป็นไม้ผลและพืชผัก อาทิ มะเขือเปราะหยาดทิพย์ มะเขือเปราะน้ำหยดราชบุรี พริกหอมกระเหรี่ยง พริกหยวก พริกซุปเปอร์ฮอต มะละกอ กล้วยน้ำว้ามะลิอ่องเพาะเนื้อเยื่อ บางชนิดขายเป็นถาด 100 ต้น ในราคาต้นละไม่ถึงหนึ่งบาท

ไม้ป่าเศรษฐกิจ ก็มีอย่าง พะยุง ไม้แดง สาธร พะยอมขาว พะยอมแดง ขี้เหล็ก และไม้ประดับต่างๆ ที่กันแพร่หลายและในปริมาณที่เยอะอย่างพลูด่างและเฟิน สามารถซื้อเข้าไปจัดสวนได้อย่างเต็มที่ ส่วนพื้นที่นอกโรงเรือนก็จะมีต้นสนให้เลือกซื้อไปแต่งสวนเพิ่มเติมขนขึ้นรถไปได้อย่างสบายใจ

 

ข้อมูล แหล่งต้นไม้ สุพรรณบุรี

ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 9 จ.สุพรรณบุรี เลขที่ 1 หมู่ 12 ตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรรณบุรี เปิดจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 8:30-16:30 น.

ตลาดสีเขียว ณ สวนสวรรค์ สุพรรณบุรี ตั้งอยู่หน้าศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 9 จ.สุพรรณบุรี ตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรรณบุรี เปิดทุกวัน เวลา 8:00-17:00 น.

อู่ทองพรรณไม้ ตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง เปิดทุกวัน เวลา 7:30-17:00 น.

The post 3 แหล่งต้นไม้สุพรรณบุรี น่าเดินช้อป appeared first on บ้านและสวน.


SUNNE Voyage เปิดประสบการณ์ล่องทะเลตะวันออกกับเรือไม้ดีไซน์อบอุ่น

$
0
0

เปิดประสบการณ์การพักผ่อนรูปแบบใหม่ไปกับ SUNNE Voyage ทริปล่องทะเลภาคตะวันออก เสพบรรยากาศสุดชิลบนเรือไม้ดีไซน์อบอุ่น โดยมีจุดหมายปลายทางคือหาดทรายสวย และน้ำทะเลใสบนเกาะมันนอก จังหวัดระยอง

SUNNE Voyage (ซัน วอยาจ) เกิดจากการแปลงโฉมเรือประมงเก่าสีฉูดฉาด ที่ผ่านการใช้งานมายาวนานหลายสิบปี ให้กลายเป็นเรือท่องเที่ยวรูปแบบใหม่บนน่านน้ำทะเลระยอง ด้วยความตั้งใจที่จะนำเสนอประสบการณ์ใหม่ผ่านบรรยากาศของเรือท่องเที่ยวที่แตกต่างจากเคย เรือลำกะทัดรัดเรียบง่าย แต่กลับโดดเด่นด้วยโครงสร้างไม้เนื้อแข็งสีธรรมชาติ พร้อมนำเสนอคุณค่าของฝีมือช่างต่อเรือประมงไทย ที่ส่งต่อประสบการณ์รุ่นสู่รุ่นมาอย่างยาวนาน

SUNNE Voyage

SUNNE Voyage

ในปัจจุบันมีการนำเรือประมงมาดัดแปลงเป็นเรือท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์มากขึ้น แต่ยังคงมีรูปแบบจำกัด ซัน วอยาจ จึงตั้งใจจะนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ให้กับเรือท่องเที่ยวของทะเลตะวันออก เรือประมงเก่าได้รับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่เกือบทั้งหมด เพื่อให้ตอบรับกับการใช้งานในรูปแบบเรือท่องเที่ยวมากขึ้น อาทิเช่น บันไดกลางเรือถูกรื้อออก เปลี่ยนเป็นบันไดสองด้านที่นำขึ้นไปสู่ลานดาดฟ้าสำหรับอาบแดดด้านบน เพื่อให้สเปซด้านล่างโปร่งโล่ง เปิดรับวิวสวยจากทุกด้าน

SUNNE Voyage

พื้นที่ด้านล่าง ประกอบด้วยโต๊ะกลางขนาดใหญ่ และบาร์เครื่องดื่ม เส้นสายโค้งมนของเฟอร์นิเจอร์ และการลบเหลี่ยมมุมของชิ้นส่วนงานไม้ช่วยเพิ่มรายละเอียดการออกแบบที่น่าสนใจ ช่วยลดทอนความแข็งกระด้างของโครงสร้างเรือ การเลือกใช้ไม้เนื้อแข็ง เผยผิวเนื้อไม้ธรรมชาติแทนการทาสีอย่างที่เรือส่วนใหญ่นิยม ช่วยสร้างบรรยากาศเรียบง่าย เข้ากับสมัยนิยม อีกทั้งยังสะท้อนรายละเอียดงานฝีมือ ที่สร้างความภูมิใจให้กับช่างฝีมือท้องถิ่นอีกด้วย

 

ซัน วอยาจ เป็นโปรเจ็คต์ที่เกิดขึ้นโดยกลุ่มเพื่อน 5 คน ที่ตั้งใจสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ คู่ขนานไปกับธุรกิจที่พักบนเกาะมันนอก โดยพวกเขาตั้งใจให้ซัน วอยาจ เป็นมากกว่าแค่การให้บริการท่องเที่ยวทางเรือ แต่เป็นเหมือนคลับหรือคอมมูนิตี้ของคนรุ่นใหม่ และเป็นพื้นที่ทำความรู้จัก แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวคนคอเดียวกัน ดังนั้นในอนาคต อาจมีการขยายขอบเขตการบริการหรือสร้างสรรค์กิจกรรมที่หลากหลายยิ่งขึ้น

SUNNE Voyage

เกาะมันนอกคือแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลใกล้กรุง ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติอันงดงามไว้ดีเยี่ยม ทั้งยังมีความเป็นส่วนตัวสูง โดยขับรถเพียง 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ และนั่งเรืออีก 45 นาทีจากท่าเรือแหลมตาล อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ก็ถึงจุดหมาย นอกจากนี้ เกาะมันนอกยังเป็นทำเลทองสำหรับการดำน้ำ ที่มีคิวจองที่พักยาวเต็มแทบตลอดปี ซัน วอยาจ จึงเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถแวะดำน้ำที่เกาะมันนอก และเกาะมันกลางได้แบบไม่ต้องค้างคืนบนเกาะ โดยสามารถจองทริปได้ทั้งแบบรวมกลุ่มกับนักท่องเที่ยวท่านอื่น (Joined group) หรือกลุ่มส่วนตัว (Private group) โดยเรือสามารถรองรับได้สูงสุด 30 ท่าน มีรูปแบบทริปให้เลือกทั้งทริปช่วงเช้า  ทริปชมอาทิตย์ตกช่วงเย็น หรือทริปแบบตลอดวัน โดยการจองแบบกลุ่มส่วนตัวจะสามารถแวะรับประทานอาหารบนร้านอาหารริมหาดของเกาะมันนอกได้อีกด้วย 

SUNNE Voyage

และนี่อาจคือจุดเริ่มต้นของสีสันใหม่แห่งทะเลตะวันออก การสร้างสรรค์วิถีการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ความนิยมของคนยุคใหม่ผ่านการพลิกมุมมองงานออกแบบเรียบง่าย จากบริบทที่เราคุ้นเคย เพื่อสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์ พร้อมนำเสนอคุณค่าแห่งท้องถิ่นไทยที่ใครหลายคนมองข้าม

 

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Facebook: @sunnevoyage

ภาพ:SUNNE Voyage

เรื่อง: dsnm


หุ่น | ไร่ | กา ท้องนาบ้านย่า รีสอร์ตและคาเฟ่กลางทุ่งแห่งใหม่ที่พิษณุโลก

The post SUNNE Voyage เปิดประสบการณ์ล่องทะเลตะวันออกกับเรือไม้ดีไซน์อบอุ่น appeared first on บ้านและสวน.

ต่อเติมครัวไทย หลังบ้านทาวน์โฮม แบบถ่ายเทกลิ่น

$
0
0

“ครัวไทย” แค่ชื่อ ก็ได้ยินเสียง โขลกน้ำพริก ก็ดังมาแต่ไกล ผัดกะเพรากลิ่นฉุนเตะจมูก หรือ กลิ่นไข่เจียวหอมฟุ้ง ไปทั่วบ้าน แต่บ้านของหลายๆคน อาจมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด การ ต่อเติมครัวไทย โดยเฉพาะบ้าน ทาวน์โฮม หรือตึกแถว ที่มักเหลือพื้นที่หลังบ้านไว้ให้ ไม่มากนัก ครั้นจะวางครัวไว้ในบ้าน ก็เป็นห่วงเรื่องกลิ่น ที่จะวนเวียนอยู่ในบ้าน ไม่ยอมจากไปไหน แต่พอจะต่อเติม แบบปิดทึบเต็มพื้นที่ ก็กลัวว่ากลิ่นก็จะไม่มีทางไป แล้ว ต่อเติมครัวไทย แบบไหนดี ให้เหมาะกับ “ครัวไทย” และ “ถ่ายเทกลิ่น”

รูป Before ก่อนเริ่ม ต่อเติมครัวไทย

พื้นที่ว่าง หลังบ้านทาวน์โฮม มักถูกปล่อยไว้ให้เจ้าของบ้าน ไปสานต่อโครงการในฝันเอาเอง ซึ่งถ้ามีงบมากหน่อย ก็อาจจะ ต่อเติมครัวไทย เป็นห้องเต็มรูปแบบ มีพื้น – ผนัง – เพดาน พร้อมครัวแบบจัดหนักจัดเต็ม แต่หลายคนก็ชอบครัวแบบ โอเพ่นแอร์ ที่เปิดโล่งลมโกรก ข้อดีของครัวเปิด คือ เรื่องของอากาศถ่ายเท และที่แน่นอน คือ ใช้งบประมาณที่น้อยกว่า เพราะไม่ต้องสร้างผนังขึ้นมาทั้งหมด จะเช็ดล้างทำความสะอาด ก็สะดวกสบาย หรือถ้าเหลือพื้นที่ข้างๆ จะแอบแบ่งไว้ปลูกพืชผักสวนครัว ทำไป เด็ดใส่กระทะไป ก็ยังไหว xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx xxx x

ครัวต่อเติม ครัวหลังบ้าน ครัวไทย

 

ครัวขนาดเล็ก – สำหรับบ้านที่มีระยะห่างจากรั้ว 2 เมตรขึ้นไป

ครัวแถวเดียว เหมาะสำหรับ บ้านที่พื้นที่ไม่มาก แต่ยังมีครบทุกฟังชั่น ในการใช้งาน ตำแหน่งเคาน์เตอร์ วางชิดผนัง ทำให้เราสามารถเพิ่มพื้นที่ จัดเก็บข้าวของ เครื่องครัวบนผนัง ไม่ว่าจะเป็นตู้แขวนติดผนัง หรือชั้นแบบเปิดโล่ง เพิ่มได้อีกด้วย

ครัวต่อเติม ครัวหลังบ้าน ครัวไทย ต่อเติมครัวไทย

ต่อเติมส่วนที่เป็นหลังคา ออกมาจากตัวบ้าน 1.50 เมตร เหลือพื้นที่โดยรอบ ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และ แสงแดดสามารถส่องถึง  ช่วยฆ่าเชื้อโรค แถมยังปลูกต้นไม้เพิ่มความเขียว หรือ พืชผักสวนครัวไว้ใกล้มือ เด็ดใช้ ใส่อาหารได้สดๆ ก็ได้เช่นกัน ครัวแบบเปิด ช่วยให้ถ่ายเทอากาศได้ดี ระบายกลิ่นอาหาร และลดความอับชื้น

 

ครัวขนาดกลาง –สำหรับบ้านที่มีระยะห่างจากรั้ว 3 เมตรขึ้นไป

ครัวตัวแอล(L) – เพิ่มพื้นที่ในการทำครัวให้มากขึ้นโดยการวางเคาน์เตอร์เป็นรูปตัว L เข้ามุม ช่วยให้ใช้งานได้สะดวก และ เพิ่มโต๊ะวางเข้ามุม เพิ่มพื้นที่ สำหรับการเตรียมอาหารได้อีกด้วย ต่อเติมส่วนหลังคา ออกมา 2.50 เมตร เหลือพื้นที่โดยรอบ ให้แสงแดดส่องถึง ใช้อิฐช่องลม ก่อแทนผนัง บังสายตาจากเพื่อนบ้าน ช่วยกรองแสงแดดยามบ่าย และ ลมพัดผ่านได้สะดวก วางโต๊ะเข้ามุม ใช้สำหรับเตรียมอาหาร หรือใช้กินข้าวเช้าแบบกันเองก็ยังไหว หรือไปดูไอเดียดีๆจาก บ้านคุณพ่อชอบประดิษฐ์

ครัวต่อเติม ครัวหลังบ้าน ครัวไทย ต่อเติมครัวไทย

 

ครัวต่อเติม ครัวหลังบ้าน ครัวไทย ต่อเติมครัวไทย

ครัวต่อเติม ครัวหลังบ้าน ครัวไทย

วัสดุ – ควรเลือกใช้วัสดุปิดพื้นผิวที่ สามารถเช็ดล้าง ทำความสะอาดง่าย เช่น กระเบื้องเซรามิค ปูนเปลือย ขัดมัน และ วัสดุที่ใช้ปูพื้นควรเป็นวัสดุที่ทนแดด ทนฝน ได้ดี เช่นไม้เทียม หรือ กระเบื้องปูพื้น ที่มีผิวหน้าหยาบ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ที่อาจลื่นเมื่อเปียกน้ำได้

 

รู้ไว้สักนิดก่อนคิดต่อเติมครัว

  • ไม่ควรต่อเติม หรือ ขยาย อาคารจนเต็มพื้นที่ เพราะจะทำให้ การระบายอากาศ เป็นไปได้ยาก และทำให้บ้านอบอวล ไปด้วยกลิ่นควัน และ กลิ่นอาหาร (ที่ถ่ายเทเข้าในบ้านแทน)
  • ควรแยกโครงสร้าง ของส่วนครัวต่อเติม ออกจากตัวบ้านเดิม เพราะการทรุดตัว ที่แตกต่างกัน จะทำให้รอยต่อระหว่างอาคาร แตกร้าว และ เสียหายได้
  • การต่อเติมครัวแบบเปิด ด้วยโครงสร้างเหล็ก เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่น่าสนใจ เพราะเหล็กมีน้ำหนักเบา แข็งแรง ราคาไม่แพงมาก  และ ใช้เวลาในการก่อสร้างไม่นาน
  • ส่วนหลังคา ที่ต่อเติมขึ้นมาใหม่ ควรมีรางรับน้ำฝน อยู่ภายในแนวเขตที่ดินของบ้านเราด้วยนะคะ

 

เรื่อง – ภาพประกอบ jOhe


ต่อเติมครัวไทยใช้หลังคาไวนิล ดีหรือไม่

ครัวปูน คือครัวไม่กลัวฝน

my home คน/จัด/สิ่งของ EP.26 รวมไอเดียการจัดระเบียบห้องครัว

The post ต่อเติมครัวไทย หลังบ้านทาวน์โฮม แบบถ่ายเทกลิ่น appeared first on บ้านและสวน.

9 ไอเท็มจำเป็น เตรียมไว้ไปแคมปิ้งกับสัตว์เลี้ยง

$
0
0

ใครที่กำลังคิดว่าการพาสัตว์เลี้ยงไปเที่ยวกับเรา โดยเฉพาะแคมปิ้งเป็นเรื่องยุ่งยาก ไม่รู้จะต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ของใช้ของน้องหมาน้องแมวอย่างไรบ้าง

บ้านและสวน Pets ขอแนะนำไอเท็มที่จะช่วยให้คุณง่ายและสะดวกต่อการเดินทาง ทำให้ทริปท่องเที่ยวของคุณกับน้องหมาน้องแมวเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด ว่าแล้วก็จัดกระเป๋ากันเลยค่า

 

• รัดอกพร้อมสายจูง

ขอบคุณภาพจาก : paticas.es – pawsonpeaks
ขอบคุณภาพจาก : ubuy.co.th – inventorspot

สายรัดอกช่วยให้คุณควบคุมน้องหมาได้ดีกว่าปลอกคอ ซึ่งมีความสำคัญมากโดยเฉพาะ การจูงบนทางเดินที่ลำบาก รวมถึงเมื่อน้องหมากำลังสนุกสนานพุ่งทะยานในทุ่งกว้างที่ลานแคมปิ้ง ถ้าคุณมีน้องหมาตัวใหญ่หรือน้องหมาที่แรงเยอะ สายรัดอก นอกจากจะช่วยให้คุณควบคุมน้องหมาได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดแรงกดดันบริเวณแขนและหลังของคุณอีกด้วย

 

• ขวดน้ำพกพา

ขอบคุณภาพจาก : PET WATER BOTTLE – PET WATER BOTTLE3 safeline store

การออกไปท่องเที่ยวข้างนอกจะทำให้ร่างกายต้องการน้ำเป็นพิเศษขวดน้ำแบบนี้จะทำให้สัตว์เลี้ยงของเราดื่มน้ำได้ทุกที่ทุกเวลาเพราะสะดวกสบายต่อการพกพาและไม่ต้องกลัวว่าจะหกเลอะเถอะด้วย

 

• ชามอาหารแบบพับได้

ขอบคุณภาพจาก : collapsible pet bow – amazon

ประหยัดเนื้อที่สุดๆด้วย ชามอาหารและน้ำแบบพับเก็บได้ แค่มีสิ่งนี้ก็ไม่ต้องพกชามแข็งๆ ให้เปลืองเนื้อที่ในกระเป๋าแถมยังพกพาสะดวกกว่าหิวเมื่อไหร่ก็แค่กางชามออกและเทอาหารเทน้ำได้เลย

 

• ถุงเก็บอึของสัตว์เลี้ยง

ขอบคุณภาพจาก : aliexpress – rosiebunnybean

สิ่งนี้ขาดไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะพาน้องหมาออกไปไหน พกไว้เผื่อน้องปลดทุกข์ตรงไหนเราก็จัดการเก็บให้เรียบร้อย ถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่สำคัญของผู้เลี้ยง เมื่อเราทำจนเป็นนิสัยก็จะสร้างให้เกิดสถานที่ Pet Friendly Place มากขึ้น

 

• เต็นท์สำหรับสัตว์เลี้ยง

ขอบคุณภาพจาก : amazon – pettasticpetsupplies

ผู้ที่ชอบท่องเที่ยวธรรมชาติควรมีเต้นท์ส่วนตัวสำหรับสัตว์เลี้ยงปูที่นอนนุ่มๆสักหน่อย ไว้กันลม กันแดด กันฝนและนอนพักผ่อนยามค่ำคืน เพราะส่วนใหญ่ที่พักสายแคมป์ปิ้งมักจะอนุญาตให้สัตว์เลี้ยงเข้าพักด้วยได้แต่ต้องนำเต็นท์มาเอง ดังนั้นนอกจากเต็นท์คนแล้วการมีเต็นท์ให้น้องหมาส่วนตัว ก็สะดวกสบายไม่ใช่น้อย

 

• ถุงนอนสัตว์เลี้ยง

ขอบคุณภาพจาก : scotpetshop – k9active.co.uk

นอกจากเต็นท์แล้ว ถุงนอนก็จำเป็น สามารถไว้ปูนั่งด้านนอกก็ได้ และซุกตัวให้อุ่นยามแดดร่มลมตก แค่นี้ก็สบายแล้ว

 

• กระเป๋าสำหรับขนสัมภาระของสัตว์เลี้ยง

ขอบคุณภาพจาก : amazon – gamingfront.net

การออกเดินทางท่องเที่ยวกับสัตว์เลี้ยงในแต่ละครั้งต้องเตรียมสิ่งของจำเป็นมากมาย บางครั้งของน้องหมามีมากกว่าของเราเสียอีก ฉะนั้นการมีกระเป๋าเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราจัดระเบียบสิ่งของได้ดีขึ้น หาของง่ายและไม่ยุ่งยากอีกด้วย

 

• ป้ายชื่อกันหลง

ขอบคุณภาพจาก : etsy
ขอบคุณภาพจาก : amazon – designsponge

เมื่อต้องการเดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ อาจเกิดเหตุพลัดหลง ไม่ว่าจะเกิดจากเหตุใด เจ้าของควรเตรียมป้ายชื่อห้อยคอไว้ก่อนเดินทาง ที่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อน้องหมา ที่อยู่ และเบอร์ติดต่อ ในกรณีผู้ที่พบเห็นจะได้สามารถติดต่อและส่งคืนได้อย่างปลอดภัย

 

• อาหารและขนมต่างๆ

อาหารควรเป็นอาหารเม็ด เนื่องจากไม่เสียง่าย พกพาสะดวก ส่วนขนมสำหรับทานเล่นเพื่อรองท้องระหว่างทาง

หากใครมีโปรแกรมท่องเที่ยวและอยากพาสัตว์เลี้ยงไปเที่ยวกับเราด้วย ก็ลองหาสิ่งของเหล่านี้มาเตรียมไว้ รับรองว่าจะช่วยให้ทริปของคุณสะดวกสบายขึ้นอย่างแน่นอน สามารถหาซื้อสินค้าเหล่านี้ได้ตามร้านเพ็ทช็อปทั่วไปหรือตามเว็บไซต์ออนไลน์ได้เลยค่ะ

The post 9 ไอเท็มจำเป็น เตรียมไว้ไปแคมปิ้งกับสัตว์เลี้ยง appeared first on บ้านและสวน.

8 ที่พักลานกางเต็นท์ สุนัขพักได้

$
0
0

ใกล้วันหยุดยาวแล้ว ใครมีโปรแกรมท่องเที่ยวแล้วอยากพาสุนัขไปด้วย บ้านและสวน Pets มีสถานที่พักสำหรับสายแคมปิ้งมาแนะนำกัน อย่าง ลานกางเต็นท์สุนัขพักได้ จะได้ไปเที่ยวกันแบบชิล ๆ นอนกางเต็นท์ ท่ามกลางธรรมชาติ ขุนเขา และสายน้ำ พักผ่อนเติมพลังให้เต็มที่กันไปเลยค่ะ

Tips เตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง กับ  9 ไอเท็มจำเป็น เตรียมไว้ไปแคมปิ้งกับสัตว์เลี้ยง

 

ไร่คงเดือน แคมปิ้ง สุพรรณบุรี

ลานกางเต็นท์สุนัขพักได้

ลานกางเต็นท์สุนัขพักได้

ลานแคมปิ้งที่นี่มีห้องพักให้เลือกหลายแบบ ทั้งเต็นท์ กระโจม รถบ้านโฟล์ค รถบ้าน รถบัส และบ้านพัก รวมถึงมีลานกว้างให้ผู้ที่เข้าพักนำเต็นท์ส่วนตัวมาเลือกที่กางเองได้ตามสบาย แต่หากนำสัตว์เลี้ยงมาพักด้วย จะไม่สามารถพักในห้องพักต่าง ๆ ของทางแคมป์ปิ้งได้ ต้องนำเต็นท์มาเองเท่านั้นค่ะ (ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ในส่วนของห้องน้ำรวมนั้นแยกชาย/หญิง มีเครื่องทำน้ำอุ่นบริการ
ใช้เวลาเดินทางจาก กรุงเทพฯ ประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้าใครมาถึงเช้าหน่อยก็สามารถเลือกที่กางเต็นท์ตามใจตัวเองได้เลย เลือกมุมที่ชอบ วิวที่ใช่ บอกได้คำเดียวเลยว่าที่นี่บรรยากาศดีมาก รับรองมาแล้วไม่ผิดหวังค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fb : ไร่คงเดือน แคมป์ปิ้ง ลานกางเต็นท์

 

Rimtara ริมธารา แคมปิ้ง สวนผึ้ง ราชบุรี

ลานกางเต็นท์สุนัขพักได้

แคมป์ปิ้งอย่างมีสไตล์และไม่ทำลายธรรมชาติ คือสโลแกนของที่นี่ ซึ่งเป็นลานกางเต็นท์ติดริมน้ำลำภาชี มีโซนให้เลือกกางเต็นท์ 2 โซน คือ Wild Life Zone หรือโซนป่า กับ Tara Life Zone หรือโซนริมน้ำ ที่นี่ไม่มีบ้านพัก มีแต่ลานแคมป์ปิ้งบริการเท่านั้น ผู้มาพักต้องจัดเตรียมเต็นท์และอุปกรณ์แคมปิ้งต่าง ๆ มาเอง ไม่มีให้เช่า และสามารถเข้ามาเลือกพื้นได้เลย ไม่มีการรับจองล่วงหน้า มีจุดให้ต่อไฟฟ้าและบริการห้องน้ำ อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาพักด้วยได้ แต่ต้องแจ้งล่วงหน้าและได้รับอนุญาตก่อนค่ะ
การเดินทางก็สะดวกสบาย ห่างจากกรุงเทพฯ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ เท่านั้น หากใครชื่นชอบธรรมชาติ หลงรักเสียงน้ำและป่าเขา พาสัตว์เลี้ยงที่รักของเรามาชาร์ตพลังให้เต็มที่ ต้องไม่พลาดที่นี่ค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fb : Rimtara – ริมธารา แคมป์ปิ้ง สวนผึ้ง

 

กระต่ายกินเนื้อ ลานกางเต็นท์ กาญจนบุรี

ลานกางเต็นท์สุนัขพักได้

ที่นี่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ ร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ ติดริมแม่น้ำแควน้อย หลีกหนีความวุ่นวายมาเติมพลังพักผ่อนในช่วงวันหยุด มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีตลาดสดไม่ไกลจากที่พัก เหมาะกับการมาแคมป์ปิ้งทำอาหาร มีสนามเด็กเล่นให้เด็ก ๆ ได้สนุกสนานเพลิดเพลิน ที่สำคัญยังสามารถนำสัตว์เลี้ยงมาพักได้อีกด้วย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ส่วนการเข้าพักนั้นต้องจองพื้นที่ล่วงหน้าเท่านั้น เพราะจำกัดพื้นที่ไม่ให้เกิดความแออัด และต้องนำเต็นท์มาเอง ไม่มีเต็นท์ให้เช่า แต่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้เช่า เช่นผ้าใบ ปลั๊กไฟ เตาปิงย่าง พัดลม เป็นต้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fb : กระต่ายกินเนื้อ ลานกางเต๊นท์

 

La Colline Campground ด่านช้าง

ลานกางเต็นท์สุนัขพักได้

ลานกางเต็นท์สุนัขพักได้

ลาโคลีน แปลว่า เนินเขา นั่นคือเหตุผลของการตั้งชื่อ เนื่องจากลักษณะพื้นที่โดยรอบของที่นี่เป็นเนินเขาเล็กๆ เอียงลาดไปจนจรดอ่างเก็บน้ำ จากเดิมเคยเป็นไร่อ้อย ไร่มัน ได้เปลี่ยนเป็นลานกางเต็นท์และที่พักบนเนื้อที่ 30 ไร่ กับมุมสวยๆของอ่างเก็บน้ำลำตะเพิน จึงมีพื้นที่กางเต็นท์ริมน้ำที่กว้างใหญ่ ทำให้คุณสามารถเลือกทำเลได้มากมาย หรืออยากกางบนเนินเพื่อชมวิวจากมุมสูงก็ทำได้ ที่นี่เน้นความเป็นส่วนตัว จำกัดผู้เข้าพัก สามารถพักผ่อนสบายๆ ทำอาหาร ปิ้งย่าง ตกปลาหรือเล่นน้ำ พายบอร์ด (SUP) ฯลฯ ที่สำคัญอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงมาพักด้วยได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ต้องแจ้งล่วงหน้า ให้นอนร่วมกับเราในเต็นท์ของที่พักได้ เพียงแค่อย่านำสัตว์เลี้ยงขึ้นบนเตียง หรือจะนำเต็นท์มากางเองก็ได้ค่ะ รับผิดชอบดูแลเรื่องความสะอาด ไม่ให้เกิดความเสียหายหรือรบกวนผู้อื่นเท่านั้นเอง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fb : La Colline Campground

 

ไร่ปลายฝันแคมป์ ม่อนแจ่ม เชียงใหม่

มากันไกลหน่อย แต่คุ้มค่ากับบรรยากาศมาก ๆ ค่ะ ไร่ปลายฝันแคมป์ ม่อนแจ่ม ที่พักโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีสายหมอกสีขาวให้ตื่นตา มีที่พักให้เลือกทั้งเต็นท์และกระโจมหลายรูปแบบ หลายขนาด มีอาหารเช้าให้ฟรี และมีห้องน้ำส่วนตัว สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าพักด้วยได้เลย ไม่ต้องนำเต็นท์มาเองและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพียงแค่ดูแลไม่ให้ที่พักเสียหายก็พอค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fb : ไร่ปลายฝันแคมป์ ม่อนแจ่ม

 

ณ นนท์ ลานกางเต็นท์ กาญจนบุรี

ลานกางเต็นท์สุนัขพักได้

ลานกางเต็นท์สุนัขพักได้

สัมผัสที่พักท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ ริมแม่น้ำแควใหญ่ วิวขุนเขาและสายน้ำ ที่นี่บริการให้เช่าทั้งห้องพักและเต็นท์ รวมถึงพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ในกรณีที่นำเต็นท์มาเอง มีกิจกรรมทางน้ำ เน้นชิล ๆ ชมวิวของแม่น้ำและทิวเขา แพลาก พายเรือ ว่ายน้ำ ตกปลา อิงแอบแนบชิดธรรมชาติ ส่วนเรือคายัคหรือเจ็ทสกีก็มีให้บริการจ้า และ ถ้าใครพาสัตว์เลี้ยงน้องหมาน้องแมวมาก็สามารถเข้าพักได้ฟรี แต่ต้องนำเต็นท์มากางเองเท่านั้นนะ ห้ามพาเข้าเต็นท์วีไอพีและเต็นท์เช่าของที่นี่เด็ดขาดจ้า

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fb : ณ นนท์ ลานกางเต็นท์

 

ปางหวัน โฮมสเตย์ ราชบุรี

ลานกางเต็นท์สุนัขพักได้

ขอยกให้เป็น 1 ในลานกางเต็นท์ในดวงใจ มีโอกาสต้องไปพัก ให้ธรรมชาติโอบล้อม เรียกได้ว่าตรงกับเนื้อเพลง “กลางดงพงป่า เขาลำเนาไพร ไกลสังคม มีแดนรื่นรมย์ แสนชื่นชมมีเสรี ไร้ทุกข์สนุกสนาน สำราญกันได้เต็มที่ …” จริง ๆ เลยค่ะ ที่นี่มีบริการทั้งแบบห้องพัก ต้องจองล่วงหน้า และลานกางเต็นท์กว้างขวางที่ไม่ต้องจองล่วงหน้า สามารถเข้ามากางได้เลย ซึ่งผู้เข้าพักกางเต็นท์ต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ทุกชนิดมาเอง มีไฟฟ้าบริการ ณ ส่วนกลางเท่านั้น ไม่มีการลากสายไฟไปที่เต็นท์ ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศเหมือนเข้าป่าโดยแท้จริง มีจุดล้างจานและห้องน้ำสะอาดบริการค่ะ
ในส่วนของสัตว์เลี้ยงสามารถนำมาด้วยได้ แต่ต้องนำเต็นท์มากางเอง ไม่สามารถพักในห้องพักได้และต้องใช้สายจูง เพื่อความปลอดภัย ห้ามปล่อยเดินเล่น โดยไม่ดูแล เนื่องจากทางไร่มีสุนัขตัวใหญ่

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fb : ปางหวัน โฮมสเตย์

 

หุบเสือโหน่ง สุพรรณบุรี อ่างเก็บน้ำลำเพิน จ.สุพรรณ-กาญจนบุรี

ลานกางเต็นท์สุนัขพักได้

ลานกางเต็นท์สุนัขพักได้

ลานกางเต้นท์ที่สายแคมป์ไม่ควรพลาด บรรยากาศดี ๆ ริมอ่างเก็บน้ำลำตะเพิน โอบร้อมด้วยภูเขา อยู่ระหว่างเขตติดต่อ จ.สุพรรณ-กาญจนบุรี ขับรถจากกรุงเทพประมาณ 3 ชม. มีลานกางเต็นท์ให้เลือกทั้งริมน้ำและเนินเขา ไม่รับจอง สามารถวอคอินด์ได้เลยค่ะ สำหรับมือใหม่สายแคมป์ยังไม่มีอุปกรณ์ที่นี่มีอุปกรณ์กางเต็นท์ ที่นอน เตา สายไฟ หลอดไฟ และอุปกรณ์อื่น ๆ ให้เช่า แต่จำนวนจำกัด เอาเป็นว่ามือใหม่ไม่ต้องกลัวลำบาก เพราะที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งห้องน้ำ จุดพ่วงไฟฟ้า ร้านขายของชำและร้านอาหารตามสั่ง นอกจากจะนั่งชิลมองวิวธรรมชาติ ก็ยังเล่นน้ำ พายเรือ ตกปลาได้อีกด้วย ส่วนใครที่อยากพาสัตว์เลี้ยงมาพักด้วยก็สามารถนำมาได้ค่ะ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ fb : หุบเสือโหน่ง

The post 8 ที่พักลานกางเต็นท์ สุนัขพักได้ appeared first on บ้านและสวน.

บ้านพริกแกง ยกครกและโทนสีเครื่องแกง มาโขลกรวมเป็นรูปลักษณ์สถาปัตยกรรม

$
0
0

บ้านไม้ กึ่งอิฐ จากสีสันของพริกแกงและรูปลักษณ์ของครก นำมาสู่การตีความหมายให้งานสถาปัตยกรรมผ่านวัสดุและโทนสีที่สะท้อนวิถีชีวิตอันคุ้นเคยของผู้อาศัย

“บ้านพริกแกง” บ้านไม้ กึ่งอิฐ คืองานออกแบบชิ้นล่าสุดจาก BodinChapa Architects ที่พวกเขานำอิฐบล็อกและไม้เก่าจากอาคารเดิมก่อนรื้อสร้างใหม่ มาเติมชีวิตที่สองให้บ้านกึ่งโรงงานผลิตเครื่องแกงในจังหวัดสระบุรีหลังนี้ ที่เพียงแค่เห็นภาพเบื้องหน้าก็สัมผัสได้ถึงรูป รส กลิ่น เสียง ที่เกิดขึ้นทุกวี่วันในพื้นที่เหล่านั้น โดยที่ยังไม่ทันได้ก้าวขาย่างกายเข้าสู่ภายในบ้านเลยเสียด้วยซ้ำ

 DESIGNER DIRECTORY : BodinChapa Architects

บ้านอิฐ บ้านไม้ บ้านตึกแถว

ในบริบทพื้นที่ซึ่งมีบ้านและตึกแถวเรียงรายติดกันหลายคูหา โดยมีทั้งตลาดสด และโรงงานผลิตพริกแกง ซึ่งเป็นกิจการครัวเรือนที่สร้างภาพจำให้ถนนสายนี้ จนทำให้ทุกคราที่ใครสัญจรผ่านไปมาจะสามารถมองเห็นกิจวัตรและกระบวนการผลิตพริกแกงของพวกเขาได้อย่างชัดเจน

BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง

จากเดิมบ้านหลังนี้เคยเป็นอาคารไม้ขนาด 2 ชั้นครึ่ง รวมถึงมีอาคารประกอบด้านข้าง ทำหน้าที่เป็นโรงงานผลิตพริกแกงมาหลายต่อหลายรุ่น ซึ่งความตั้งใจครั้งนี้ของเจ้าของอาคาร คือการปรับปรุงพื้นที่อาคารเดิมซึ่งมีสภาพค่อนข้างทรุดโทรม ให้สามารถกลายมาเป็นพื้นที่ที่เอื้อสำหรับการอยู่อาศัยไปพร้อมรองรับธุรกิจครัวเรือนในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง

ถึงแม้ว่าโครงสร้างเดิมของอาคารและพื้นบางส่วนนั้นจะผุพังจากทั้งปัญหาปลวกแทะไม้ เรื่อยไปจนถึงการใช้งานมาอย่างยาวนาน แต่สถาปนิกก็ยังคงตั้งใจที่จะเลือกเก็บวัสดุเดิมมาใช้กับการก่อสร้างอาคารใหม่ให้ได้มากที่สุด โดยการลงสำรวจเก็บข้อมูลพื้นที่และโครงสร้างอาคารเดิมอย่างละเอียด ไปพร้อมวางแผนการทำงานก่อสร้างควบคู่ไปด้วยกัน เนื่องจากระหว่างการก่อสร้างนั้นต้องมีพื้นที่รองรับการทำงานของโรงงานพริกแกงที่ไม่สามารถหยุดทำการผลิตได้ไปด้วยนั่นเอง

BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง

ข้อจำกัดนี้เองสร้างความท้าทายทั้งในการทำงาน และการก่อสร้างของทีมช่างเป็นอย่างมาก แต่ถึงกระนั้น ผู้ออกแบบก็อธิบายว่า ในกระบวนการออกแบบของพวกเขาจึงต้องคิดพื้นที่อาคารเผื่อไว้สำหรับการวางแผนการก่อสร้างโดยแบ่งออกเป็น 2 เฟส ทำให้พื้นที่ภายในบ้านถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการก่อสร้างไม่ให้กระทบกับกระบวนการผลิตตามที่ตั้งใจ และเป็นข้อจำกัดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้โดยสิ้นเชิง

อีกหนึ่งข้อจำกัดคือบริบทโดยรอบของบ้านถูกปิดล้อมมุมมอง และส่งผลถึงระบบการระบายอากาศที่ดี ผู้ออกแบบจึงใช้วิธีการทะลายความคุ้นชินเดิม ๆ ของการสร้างบ้านที่มักออกแบบพื้นที่หน้าบ้านเป็นมุมรับแขก แล้วผลักตำแหน่งครัวในผังไปไว้หลังบ้านเหมือนปกติทั่วไป

บ้านไม้ บ้านอิฐ

บ้านพริกแกง จึงเป็นบ้านที่หากเราสังเกตพื้นที่ด้านหน้าอาคารจะเห็นผนังอิฐบล็อกสีเทาที่ก่อเรียงกันเป็นจังหวะสลับกับแนวไม้ระแนงสีสดที่เป็นดั่งช่องระบายอากาศ ที่ถูกวางตำแหน่งไว้เป็นศูนย์กลางของบ้าน พื้นที่ตรงนี้เองคือส่วนครัวไทย ที่ผู้ออกแบบตั้งใจให้เป็นส่วนต้อนรับแขกของบ้าน เนื่องจากถนนหน้าบ้านเป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างการไหลเวียนอากาศที่ดีที่สุด ประกอบกับการที่เจ้าของบ้าน(คุณแม่)นั้นชอบทำอาหาร แล้ววางตำแหน่งส่วนรับประทานอาหารในลำดับถัดไป

BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง

นอกจากนี้ผู้ออกแบบยังอธิบายว่า ในอนาคตเจ้าของบ้านยังมีแผนขยับขยายธุรกิจไปสู่การขายอาหารจากผลิตภัณฑ์พริกแกงที่ผลิตเองเพิ่มเติม ดังนั้นครัวไทยจึงทำหน้าที่เป็นแกนหลักของบ้านที่เชื่อมต่อพื้นที่ของบ้านและฝั่งโรงงานพริกแกงเข้าด้วยกัน รวมถึงยังเป็นส่วนสนับสนุนให้บาร์กาแฟของคาเฟ่ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของครอบครัวที่วางแผนเอาไว้ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย

BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง

สังเกตไหมว่ารูปลักษณ์ของบ้านละม้ายคล้ายคลึงกับสิ่งใด? สีสันของพริกแกง และรูปลักษณ์ของครก คือองค์ประกอบสำคัญที่ผู้ออกแบบนำมาตีความหมายให้งานสถาปัตยกรรมผ่านการเลือกใช้ชนิดของวัสดุ และการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยฝั่งโรงงานและบ้านด้วยโทนสีของวัสดุ

ผู้ออกแบบเลือกใช้ไม้เก่าจากอาคารเดิมที่มีโทนสีของพริกแกงในฝั่งโรงงาน และเลือกใช้วัสดุอิฐบล็อกโทนสีเทาจากที่แทนค่าครกซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการโขลกพริกแกงในครัวไทยมาตั้งแต่สมัยอดีต ผู้ออกแบบคิดเผื่อไปถึงการใช้งานในอนาคตไว้ว่า สีของพริกแกงในโรงงานช่วยให้รอยเปื้อนที่เกิดจากกระบวนการผลิตกลมกลืนไปกับตัวสถาปัตยกรรมได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกงBodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง

จากพื้นที่ครัวไทย และส่วนรับประทานอาหาร ถัดเข้ามาสู่พื้นที่ภายในบ้าน โถงบันไดของอาคารถูกนำมาใช้แบ่งพื้นที่ระหว่างฝั่งที่พักอาศัยและฝั่งโรงงานพริกแกง พื้นที่ส่วนนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นโถงอาคารแบบโอเพ่นสเปซขึ้นไปถึงชั้นสอง ส่วนพื้นที่ด้านล่างบันไดยังได้รับการดัดแปลงให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นและใช้เก็บของได้อีกทางหนึ่ง

BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง

ในขณะเดียวกัน ส่วนเหนือโถงบันไดออกแบบให้มีช่องหน้าต่างของห้องนอน 2 ห้อง รวมถึงห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อมุมมองภายในบ้านเข้าด้วยกัน พร้อมเปิดช่องแสงตรงส่วนหลังคา เพื่อให้แสงธรรมชาติสามารถลอดผ่านลงมาสู่ใจกลางตัวอาคารได้ทั่วถึง ซึ่งช่วยให้ภายในบ้านได้รับแสงสว่างที่เพียงพอและช่วยประหยัดพลังงานจากการเปิดไฟในเวลากลางวันไปโดยปริยาย

BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกงBodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง

ด้านหน้าอาคารบนชั้น 2 ผู้ออกแบบยังคงเอกลักษณ์ของบ้านที่มีระเบียงด้านหน้าเอาไว้ เพื่อให้ภาพรวมทั้งหมดยังคงกลมกลืนไปกับบริบทที่ตั้งในชุมชน อีกทั้งระเบียงยังเป็นพื้นที่เชื่อมโยงพื้นที่ของบ้านแต่ละหลังเข้าด้วยกันตั้งแต่อดีต ทำให้ผู้ออกแบบเลือกวางตำแหน่งห้องนั่งเล่นอยู่ต่อจากพื้นที่ระเบียงด้านหน้า เพื่อให้อากาศและแสงธรรมชาติเข้าถึงพื้นที่ได้ง่ายที่สุด

BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง

บ้านพริกแกง บ้านกึ่งโรงงานบนพื้นที่ใช้สอย 220 ตารางเมตร คือผลลัพธ์ของการตีความหมายให้ตัวสถาปัตยกรรมเกิดภาพจำถึงรูปลักษณ์ภายนอก ผู้ออกแบบเลือกใช้สัจจะวัสดุที่เรียบง่ายและผลิตขึ้นในตัวจังหวัดสระบุรีมาเป็นกรอบอาคาร เพื่อเป็นการแทนค่าโทนสีของพริกแกงและครกซึ่งเป็นอุปกรณ์การทำพริกแกงในรูปแบบบ้านๆ อย่างน่าสนใจ

BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง

นอกจากนี้การออกแบบโดยลดทอนเหลี่ยมมุมของวัสดุ เพื่อสร้างเส้นสายให้ตัวอาคารเกิดความรู้สึกที่ลื่นไหลต่อเนื่อง กลมกลืนชุมชนอย่างเป็นมิตร เลือกโทนสีธรรมชาติที่เกิดจากตัววัสดุโดยไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมากมาย ช่วยบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวได้ดีและมีมิติที่น่าสนใจ ให้สัมผัสถึงรูป รส กลิ่น เสียง ที่ลงตัวประหนึ่งการโขลกพริกและเครื่องแกงให้กลืนเป็นเนื้อเดียวกับตัวสถาปัตยกรรม

BodinChapa Architects บ้านไม้ กึ่งอิฐ โรงงานพริกแกง

ออกแบบ: BodinChapa Architects | www.bodinchapa.com
วิศวกรรมโครงสร้าง: Papop Mora
ก่อสร้าง: Studio Chieng-neur

ภาพ: shootative / Witsawarut Kekina

The post บ้านพริกแกง ยกครกและโทนสีเครื่องแกง มาโขลกรวมเป็นรูปลักษณ์สถาปัตยกรรม appeared first on บ้านและสวน.

บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัลพร้อมคอร์ตโปร่งกลางบ้าน

$
0
0

บนพื้นที่ขนาด 45 ตารางวา แม้จะไม่ได้กว้างขวางใหญ่โต แต่เมื่ออยู่กลางเมืองที่เอื้อต่อการเดินทางได้สะดวกสบายก็นับว่าเป็นทำเลดีๆ สำหรับการมีบ้านอยู่อาศัยสักหลัง และนั่นเป็นเหตุผลเริ่มต้นที่ นายแพทย์ชวรัฐ จรุงวิทยากร และแพทย์หญิงปภัสรินทร์ เกิดสิริโรจน์กุล เลือกซื้อบ้านตรงนี้เพื่อสร้างเป็น บ้านทรงจั่วมินิมัล ของครอบครัว บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัล

white-gable-house บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัล
หน้าบ้านโดดเด่นด้วยอาคารทรงกล่องสไตล์โมเดิร์นมินิมัลสีขาวที่มีหลังคาจั่วแหลม เพราะไม่สามารถยื่นชายคาออกไปยาวๆ ได้ เนื่องจากติดขอบเขตของเพื่อนบ้าน จึงต้องมีการซ่อนรางน้ำฝนไว้ภายในผนังอาคารให้ดูเรียบร้อยสะอาดตา

เจ้าของ : นายแพทย์ชวรัฐ จรุงวิทยากร และแพทย์หญิงปภัสรินทร์ เกิดสิริโรจน์กุล บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัล

สถาปนิก : Greenbox Design โดยคุณสุรัตน์ พงษ์สุพรรณ์

white-gable-house บ้านทรงจั่วมินิมัล บ้านสีขาว
หลังคาทรงจั่วปิดไว้ด้วยแผ่นกระจกโปร่งแสง เพื่อเปิดรับแสงสว่างได้แต่ป้องกันน้ำฝนไม่ให้เข้าบ้าน
white-gable-house บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัล
ผนังบ้านด้านนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งรับแดดเต็มๆ สถาปนิกจึงออกแบบผนังให้มีบล็อกช่องลมเพื่อกรองแสงแต่ไม่ปิดกั้นลม ผสมผสานไปกับการเจาะช่องผนังให้ต้นไม้ได้เติบโตสร้างร่มเงาและเพิ่มมุมมองเขียวๆ ให้บ้านสีขาวไม่โล่งตาเกินไป

เดิมทีเป็นบ้านแฝดที่เก่ามากราว 30 ปีแล้ว เราปรึกษาสถาปนิกแล้วก็ตัดสินใจกันว่าทุบทิ้งสร้างใหม่เลยดีกว่า เพราะโครงสร้างเดิมก็เก่าไปตามอายุการใช้งาน และเราอยากได้บ้านที่อยู่สบายไปได้อีกนานๆ ตอนนั้นไม่มีไอเดียอะไรเลยนอกจากภาพบ้านโปร่งๆ มีช่องแสง มี Volume และก็บ่อปลา เพราะผมชอบเลี้ยงปลา ส่วนภรรยาก็ขอแค่มีที่ดูซีรี่ส์สบายๆ เท่านั้นเอง” คุณหมอฝ่ายชายย้อนเล่าถึงจุดเริ่มต้นของบ้าน

white-gable-house บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัล ฉากกั้นสีขาว
จากรั้วหน้าบ้านเข้ามาเป็นที่จอดรถซึ่งมีฉากกั้นโครงเหล็กโปร่งสีขาวนี้ช่วยแยกพื้นที่ภายในบ้านไว้แบบไม่ต้องปิดทึบให้รู้สึกอึดอัด
white-gable-house บ้านทรงจั่วมินิมัล
มุมมองโปร่งๆ จากฉากกั้นสีขาวยังช่วยพรางสายตาและความเป็นส่วนตัวภายในบ้านไว้ได้เมื่อเวลาเปิดรั้วหน้าบ้านออก

เมื่อโจทย์ที่ได้เป็นภาพกว้างๆ คุณจิ๊ฟสุรัตน์ พงษ์สุพรรณ์ สถาปนิกแห่ง Greenbox Design จึงใช้แนวทางการออกแบบโดยวิเคราะห์และศึกษาจากพฤติกรรมประจำวันของผู้อยู่อาศัยเพื่อกำหนดฟังก์ชันและผังห้องต่างๆ ของบ้านขึ้นมา รวมไปถึงยังมองภาพระยะยาวเรื่องการเติบโตของครอบครัวในอนาคต จากพื้นที่สำหรับดูแลลูกชายคนแรกที่เพิ่งคลอดไปจนถึงพื้นที่การทำกิจกรรมร่วมระหว่างลูกชายที่กำลังโตกับคุณพ่อ โดยเน้นใช้ทุกมุมภายในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด

white-gable-house บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัล คอร์ตกลางบ้าน
คอร์ตโปร่งกลางบ้านรวมฟังก์ชันของทางเดิน ที่นั่งเล่น และบ่อปลาไว้ เพื่อให้เจ้าของบ้านได้ออกมาพักผ่อนในบรรยากาศแบบกึ่งกลางแจ้ง

จากเดิมที่เป็นบ้านสองชั้น เราก็ขยายพื้นที่ใช้งานให้เพิ่มขึ้นด้วยการออกแบบเป็นบ้านสามชั้นภายใต้รูปทรงแบบโมเดิร์นมินิมัลสีขาวที่มีหลังคาเป็นรูปทรงจั่ว ด้วยเหตุผลว่าเราไม่สามารถยื่นชายคาที่ยาวออกไปมากได้เพราะติดเพื่อนบ้าน หลังคารูปทรงจั่วจึงเป็นทางเลือกที่ดีและทำให้เกิดมุมมองที่สูงโปร่ง ขณะเดียวกันก็ยังเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในได้ด้วย เพื่อให้จั่วภายนอกดูสวยเรียบแบบมินิมัลก็ต้องมีการซ่อนพวกระบบรางน้ำต่างๆ ไว้ในผนัง ส่วนหลังคาใช้เป็นซิงเกิลรูฟติดฉนวนป้องกันความร้อนไว้ด้วย” คุณจิ๊ฟเล่าถึงรายละเอียดที่มาของบ้านทรงจั่่วหลังนี้

white-gable-house ห้องรับประทานอาหาร ห้องกินข้าว
พื้นที่หลักสำคัญของบ้านนี้เป็นส่วนของห้องครัว เพราะเจ้าของบ้านทั้งคู่ชอบเข้าครัวทำอาหารเองอยู่เสมอ จึงเน้นเรื่องของช่องจัดเก็บอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวให้อยู่ในส่วนบิลท์อินติดผนังเป็นรูปตัวแอล (L) โดยจัดวางโต๊ะไม้ขนาดยาวที่เป็นทั้งมุมนั่งเล่น-รับแขก และมุมรับประทานอาหาร
white-gable-house
ภาพครอบครัวบริเวณผนังกระดานดำ

ห้องครัวที่ออกแบบไว้เป็นงานบิลท์อินที่แนบพื้นที่ไปตามผนังห้องเป็นรูปตัวแอล (L) โดยเน้นช่องจัดเก็บให้ได้มากที่สุด รวมถึงช่องสำหรับซ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวต่างๆ ให้สวยงาม เพิ่มดีไซน์ด้วยประตูบานเลื่อนที่พรางส่วนของเซอร์วิสและห้องแม่บ้านไว้ด้านใน เวลาที่ปิดประตูไว้จะดูเหมือนผนังกรุไม้ที่กลมกลืนไปกับชุดครัวทั้งหมด ขณะที่กลางห้องเป็นส่วนของโต๊ะไม้ขนาดยาวซึ่งคุณจิ๊ฟออกแบบให้มีตู้ลิ้นชักล้อเลื่อนสำหรับเก็บภาชนะและอุปกรณ์ใช้งานบนโต๊ะอาหารไว้ใต้โต๊ะ เพื่อสามารถเลื่อนออกมาเป็นท็อปโต๊ะเล็กๆ ได้อีกเมื่อต้องการพื้นที่ใช้สอยเพิ่มเติม โดยโทนสีหลักของเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายในทั้งหมดเน้นผสมผสานระหว่างสีขาวกับงานไม้เพื่อให้พื้นที่ในบ้านดูโปร่งสบายและอบอุ่นมากที่สุด

แนวคิดนี้ได้รับการยืนยันจากคำบอกเล่าจากเจ้าของบ้านว่า พอได้ใช้งานมุมนี้แล้วมีความสุขมาก เมื่อก่อนที่เราอยู่คอนโดมักชอบออกไปหาข้าวกินนอกบ้านกันตลอด แต่พออยู่บ้านนี้แล้วอยากทำกับข้าวกินเองทุกวัน เพราะพื้นที่ในห้องครัวใช้งานได้สบายมากๆ และเราก็ใช้เวลาอยู่ในห้องนี้บ่อยที่สุด รองๆ มาจากห้องนั่งเล่นบนชั้น 2 เลย”

white-gable-house บ้านทรงจั่วมินิมัล บันไดไม้
บันไดปูพื้นไม้สักเพื่อเน้นมุมมองของความอบอุ่น โดยสถาปนิกออกแบบผนังด้านข้างให้มีการเว้นร่องไว้สำหรับเป็นราวจับที่ดูสวยเรียบกลมกลืนไปกับผืนผนัง
white-gable-house ทางเดินในบ้าน
ผนังบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างห้องนั่งเล่นไปสู่ห้องนอนใหญ่กรุด้วยกระจกใสบานใหญ่ เพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติและเชื่อมวิวออกไปสู่คอร์ตต้นไม้กลางบ้านได้
whtie-gable-house บ้านทรงจั่วมินิมัล ห้องนั่งเล่น
ห้องนั่งเล่นอยู่บริเวณชั้นสองตกแต่งด้วยโซฟาขนาดยาวตอบโจทย์ความต้องการพื้นที่นอนดูซีรี่ส์แบบสบายๆ โดยมีการเจาะสเปซส่วนฝ้าเพดานให้เชื่อมต่อไปถึงชั้น 3 ผ่านตาข่ายนอนเล่น เพื่อให้มองเห็นความเคลื่อนไหวหรือได้ยินเสียงของลูกที่เล่นอยู่ชั้นบนได้ เพิ่มฟังก์ชันด้วยพื้นที่ยกสเต็ปหลังโซฟาซึ่งออกแบบไว้ให้เป็นพื้นที่เล่นของเด็กๆ แยกสัดส่วนออกมาให้ง่ายต่อการจัดเก็บอุปกรณ์ของเล่นให้กองอยู่ในมุมเดียว

แม้ห้องนั่งเล่นจะขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 แต่ด้วยการออกแบบที่เน้นผนังกระจกเปิดออกสู่คอร์ตกลางบ้าน จึงช่วยเชื่อมมุมมองและการใช้พื้นที่ให้สัมพันธ์กันได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีมุมไหนถูกตัดขาดออกจากกัน ถึงจะทำกิจกรรมอยู่ละคนมุมก็ตาม โดยสถาปนิกยังออกแบบช่องบันไดขึ้นบ้านให้คล้ายเป็นปล่องตรงกลางเชื่อมทุกเสียงที่เคลื่อนไหวในบ้านให้รับรู้ถึงกันได้ ทำหน้าที่คล้ายๆ กับคอร์ตกลางบ้าน เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นระหว่างการใช้งานภายใน

white-gable-house บ้านทรงจั่วมินิมัล
คุณหมอเจ้าของบ้านพาลูกชายคนเล็กวัยสองเดือนออกมารับลมธรรมชาติบริเวณระเบียงเล็กๆ ที่ต่อเนื่องมาจากห้องนั่งเล่น

เนื่องจากพื้นที่บ้านค่อนข้างจำกัด โดยภายในมีขนาดใช้สอยราว 140 ตารางเมตร เราจึงสร้างคอร์ตโปร่งไว้ตรงกลางเพื่อใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลางเชื่อมต่อฟังก์ชันของทุกชั้นภายในบ้านไว้ กลางคอร์ตมีทั้งมุมนั่งเล่น ทางเดิน บ่อปลาขนาดใหญ่ และต้นไม้หลักประจำบ้านซึ่งเป็นต้นพะยูงที่มีลักษณะสูงชะลูด เพื่อให้แนวลำต้นพ้นจากพัดลมกลางบ้านที่ติดไว้ แล้วค่อยไปกางกิ่งใบให้ร่มเงาด้านบน รวมถึงช่วยบังแดดที่จะส่องเข้าบ้านทางทิศตะวันตกด้วย นอกเหนือไปจากแนวบล็อกช่องลมที่ผมออกแบบกั้นเป็นผนังบ้านไว้ และอยากให้เจ้าของบ้านสามารถใช้พื้นที่คอร์ต ตรงกลางนี้ได้ในทุกฤดูกาลก็เลยทำหลังคาโปร่งแสงไว้ด้านบน เวลาฝนตกจะเห็นแนวน้ำที่ไหลลงไปรดน้ำต้นไม้ตรงคอร์ตได้เลย ส่วนฟังก์ชันภายในบ้านจะไล่สเต็ปไปในแนวตั้ง ซึ่งโดยพฤติกรรมเจ้าของบ้านทั้งคู่ชอบทำอาหารรับประทานเองเป็นหลัก แทนที่จะออกแบบห้องนั่งเล่นมาไว้เป็นห้องแรกของบ้านแบบที่หลายคนคุ้นชิน ก็เปลี่ยนผังมาวางห้องรับประทานอาหารกับห้องครัวไว้เป็นห้องแรกของบ้าน เวลาทั้งคู่ซื้อของสดกลับเข้าบ้านเมื่อจอดรถแล้วเดินเข้ามาก็สามารถวางและจัดการเก็บเข้าตู้เย็นหรือเตรียมปรุงอาหารได้ทันที เพราะเราออกแบบฟังก์ชันให้ตอบรับไปกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานจริงๆ”

white-gable-house ห้องนอน
ผนังกระจกที่เปิดโล่งของห้องนอนใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติในช่วงกลางวันและสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวสบายตาจากคอร์ตกลางบ้านได้ด้วย
white-gable-house ห้องน้ำสีขาว
ห้องน้ำใหญ่อยู่ทางทิศตะวันตกช่วยเป็นพื้นที่กั้นความร้อนไม่ให้เข้าถึงส่วนพักผ่อนและยังได้หน้าต่างกระจกที่รับแสงธรรมชาติมาลดความอับชื้นภายใน โดยบรรยากาศของห้องน้ำก็ยังคงความสว่างตาจากโทนสีขาวที่ผสมสัมผัสอบอุ่นจากงานไม้เหมือนมุมอื่นๆ ของบ้านเช่นกัน
white-gable-house ห้องอเนกประสงค์
ห้องกิจกรรมสำหรับลูกชายและคุณพ่อซึ่งเป็นสเปซอเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานไปตามช่วงชีวิตได้ โดยมีบันไดเหล็กเล็กๆ เชื่อมต่อไปถึงชั้นลอยได้อีก
white-gable-house ห้องตีกลอง
ช่วงเวลาที่ลูกยังเล็ก คุณพ่อก็สามารถใช้พื้นที่บริเวณชั้นลอยนี้เป็นมุมตีกลองซึ่งเป็นกิจกรรมผ่อนคลายส่วนตัวได้
white-gable-house ห้องลูก
ห้องนอนเล็กที่เตรียมไว้เป็นห้องนอนลูกชาย ตอนนี้จัดวางเป็นเต็นท์เล็กๆ ให้นอนเล่น โดยมีบันไดวนนำพาไปสู่ชั้นลอยซึ่งเป็นพื้นที่นอนในอนาคต
white-gable-house บันไดวน
แม้จะเป็นห้องนอนแต่ก็ยังมีดีไซน์ที่พยายามเชื่อมมุมมองออกไปสู่คอร์ตกลางบ้านผ่านช่องเบย์วินโดว์เล็กๆ นี้

การเปิดโล่งผ่านผนังห้องนั่งเล่นเป็นรูปแบบเดียวกับที่เราออกแบบผนังห้องนอนหลักซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของชั้น 2 และยังมีสเปซที่เน้นให้เกิดการเชื่อมต่ออีกระหว่างห้องนั่งเล่นกับ Playroom บริเวณชั้น 3 ซึ่งผมออกแบบให้เป็นเหมือนห้องอเนกประสงค์หรือห้องกิจกรรมระหว่างพ่อลูกผ่านช่องตาข่ายสำหรับนอนเล่นที่มองเห็นกันได้ระหว่างชั้น 2กับชั้น 3  และเพิ่มพื้นที่ใต้หลังคาที่ตอนนี้ใช้เป็นมุมซ้อมตีกลองของคุณพ่อ อนาคตก็สามารถปรับให้เป็นห้องนอนลูกเพิ่มได้อีก ส่วนอีกฝั่งก็ยังมีห้องนอนเล็กอีกห้องที่เผื่อไว้ ซึ่งทำพื้นที่ชั้นลอยใต้หลังคาเหมือนกัน แต่เพิ่มความสนุกด้วยบันไดวนทำให้การใช้พื้นที่ในห้องนอนดูไม่น่าเบื่อ”

white-gable-house บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัล คอร์ตกลางบ้าน
ช่องเปิดโล่งจากคอร์ตกลางบ้านเป็นดีไซน์สำคัญของบ้าน เพราะเป็นทั้งพื้นที่สีเขียวที่เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาสร้างบรรยากาศที่ปลอดโปร่งภายในและยังเป็นช่องที่เชื่อมมุมมองของแต่ละห้องให้ไม่ตัดขาดออกจากกัน แม้จะทำกิจกรรมอยู่ละมุมก็ตาม
white-gable-house บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัล
คอร์ตโปร่งกลางบ้านเปิดสูงไปถึงหลังคากระจกโปร่งแสงทรงจั่ว

white-gable-house บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัล

ด้วยพื้นที่ขนาดจำกัด แต่เมื่อออกแบบเน้นความโปร่งโล่งให้ทุกมุม เสริมด้วยฟังก์ชันที่ใช้ประโยชน์จากพื้นที่เล็กๆ ได้อย่างคุ้มค่า พร้อมด้วยพื้นที่กึ่งกลางแจ้งที่จำเป็นสำหรับคนเมืองและครอบครัวซึ่งต้องการพื้นที่ให้ลูกเล็กๆ ได้ออกมาทำกิจกรรมใกล้ชิดธรรมชาติได้ ที่นี่จึงกลายเป็นบ้านที่น่าอยู่สำหรับครอบครัว เหมือนอย่างที่เจ้าของย้ำไว้ว่า

ชอบที่บ้านทั้งสวยและใช้งานได้จริง เชื่อว่าสามารถปรับฟังก์ชันให้ใช้งานไปได้จนลูกโต อย่างตอนนี้แม้จะไม่มีสนามหญ้า แต่เรามีพื้นที่นอกบ้านที่กั้นให้ลูกเล่นทรายได้ บางทีก็เอาสระน้ำมากางเล่นเปียกๆ ฝนตกก็ยังออกมานั่งเล่นได้ ตอนนี้พอมีเวลาว่างจากงานก็อยากกลับบ้านมาใช้เวลากับลูกๆ ที่บ้าน ถึงวันหยุดก็ไม่อยากออกไปไหนเลย   รู้สึกว่าเป็นการลงทุนทำบ้านที่คุ้มค่าจริงๆ” 

white-gable-house บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัล
เพื่อให้สามารถใช้พื้นที่คอร์ตกลางบ้านได้ทุกฤดูกาล ด้านบนจึงปิดหลังคาทรงจั่วไว้ด้วยแผ่นกระจกโปร่งแสง เพื่อเปิดรับแสงสว่างได้แต่ป้องกันน้ำฝนไม่ให้เข้าบ้าน โดยติดพัดลมตัวใหญ่เพื่อให้อากาศหมุนเวียนเย็นสบายขึ้น ต้นไม้ที่อยู่ในมุมนี้จึงต้องเน้นประเภทลำต้นสูงชะลูดให้พ้นจากแนวหมุนของพัดลม

white-gable-house

white-gable-house บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัล
ใต้หลังคาจั่วโปร่งแสงยังมีทางเดินโครงเหล็กที่ปูด้วยเหล็กฉีก นอกจากเป็นช่องทางเดินที่เอื้อต่อการเข้าถึงส่วนเซอร์วิสแล้ว ยังช่วยกรองแสงแดดให้มีมิติที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นด้วย
white-gable-house บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัล
เพราะบ้านมีพื้นที่จำกัด โครงสร้างของบ้านจึงจำเป็นต้องหลบหลีกบางส่วนให้ต้นไม้ได้เติบโตด้วย เช่น การเจาะช่องระเบียงให้ลำต้นไม้ได้ผ่าน และการเปิดช่องผนังด้านข้างให้กิ่งก้านต้นไม้แผ่ออกรับแสงแดดได้
white-gable-house
เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มสเปซการใช้งานภายในห้องรับประทานอาหาร โดยทำหน้าที่เป็นที่เก็บภาชนะและอุปกรณ์บนโต๊ะพร้อมๆ กับสามารถเลื่อนออกมาใช้ส่วนของท็อปตู้วางของใช้ต่างๆ ได้มากขึ้นอีก

 

เรื่อง : ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์

ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม, ติณณภพ เชาว์วาทิน

สไตล์ : วรวัฒน์ ตุลยทิพย์


บ้านไทย โมเดิร์นที่เรืองแสงได้ดั่งหิ่งห้อย

บ้านโมเดิร์นมินิมัลที่อยู่สบายเหมือนรีสอร์ท

รีโนเวตบ้านเก่าหลังคาทรงจั่ว ให้งดงามด้วยเส้นสายเรียบนิ่งทันสมัยสไตล์มินิมัล

The post บ้านทรงจั่วสีขาวมินิมัลพร้อมคอร์ตโปร่งกลางบ้าน appeared first on บ้านและสวน.

คุยกับ ญารินดา บุนนาค แห่ง IMAGINARY OBJECTS ผู้ต่อยอดจินตนาการสู่ความสุขในงานสถาปัตยกรรม

$
0
0

พูดคุยกับ คุณญารินดา บุนนาค สถาปนิกสาว Co-Founder และ Design Director ของ Imaginary Objects (IO) สตูดิโอออกแบบไซซ์เล็กที่มองถึงผลลัพธ์จากการออกแบบเป็นสำคัญ โดยมีจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ไร้ขอบเขตเป็นเครื่องมือ

เพราะว่ากันว่าเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นคือประสบการณ์ เช่นนั้นแล้วชีวิตประจำวันทุกวันก็เป็นเหมือนกับการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ทั้งจากวัตถุที่อยู่ในมือ สถานที่ที่อยู่ตรงหน้า หรือพื้นที่ที่ใช้งาน และดูเหมือนว่าทุกสิ่งรอบตัวคือความสนใจของ ญารินดา บุนนาค และ Imaginary Objects

อ่าน : A Conversation with TIDA สนทนากับนายกสมาคมมัณฑนากรฯ

ญารินดา บุนนาค สถาปนิกสาว Co-founder และ Design Director ของ Imaginary Objects (IO)

IO = จินตนาการ + ฟังก์ชัน

“ตั้งแต่เริ่มแรกเปิดออฟฟิศเมื่อสามปีก่อน เรามีไอเดียคร่าว ๆ คือ หนึ่ง-เราอยากทำงานแบบไหน สอง-เราอยากให้องค์กรเป็นอย่างไร ซึ่งหลังจากที่เราทำงานออฟฟิศอื่น ๆ มาสักพักหนึ่ง เราก็รู้สึกว่า เราอยากมีออฟฟิศเล็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องรับงานเยอะ เพื่อที่เราจะได้ทำทุกโปรเจ็คต์อย่างเต็มที่”

“ในแง่ของการทำงาน ก็เหมือนกับที่มาที่ไปของชื่อ Imaginary Objects ก็คือ เราสนใจทั้งเรื่องจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถผลิตผลงานออกมาได้จริง กับงานสถาปัตยกรรมที่เป็นงานเชิงฟังก์ชันมาก ๆ เราจะนำสิ่งที่เป็นจินตนาการกับสิ่งที่เป็นฟังก์ชั่นมาอยู่ร่วมกันอย่างสมบูรณ์แบบได้อย่างไร ซึ่งตั้งแต่เปิดออฟฟิศมา เราก็ทำงานตั้งแต่งานดีไซน์ช้อน ส้อม เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงงานออกแบบวางผังแม่บทของย่านต่าง ๆ”

ญารินดา บุนนาค สถาปนิกสาว Co-founder และ Design Director ของ Imaginary Objects (IO) ญารินดา บุนนาค สถาปนิกสาว Co-founder และ Design Director ของ Imaginary Objects (IO) ญารินดา บุนนาค สถาปนิกสาว Co-founder และ Design Director ของ Imaginary Objects (IO)

ให้ภาพเล่าความเป็นไปได้ใหม่

“เราให้ความสำคัญกับการนำเสนอเรื่องราวของแต่ละโปรเจ็กต์ และการสร้างสรรค์ภาพที่เล่าเรื่องราวค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นเราจะใช้เวลากับการคิดด้วยว่า แต่ละโปรเจ็กต์เราจะเล่าเรื่องผ่านภาพแบบไหน สังเกตดูได้จากภาพที่เราลงในไอจี หรือเว็บไซต์ เราจะนำเสนอภาพวาดค่อนข้างเยอะ เพราะภาพการนำเสนอแนวคิดของแต่ละโปรเจ็กต์ก็ควรที่จะเล่าเรื่องในตัวมันเอง พร้อมกับสร้างจินตนาการไปได้ด้วย”

ญารินดา บุนนาค สถาปนิกสาว Co-founder และ Design Director ของ Imaginary Objects (IO)
Image : Imaginary Objects

“เรารู้สึกว่าทุกครั้งที่เราได้โจทย์มา ไม่ว่าจะเป็นอาคารประเภทไหน เราพยายามเน้นในการตั้งคำถามว่า เราจะสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับพื้นที่ว่างแต่ละพื้นที่อย่างไรบ้าง หรือกลับมาคิดใหม่ถึงความเป็นไปได้ในการสร้างฟังก์ชันรูปแบบใหม่ที่อาจไม่เคยเจอในพื้นที่อื่น เพื่อเสนอเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

“ยกตัวอย่างโครงการโรงเรียนทอสี ตอนแรกเลยทางโรงเรียนมาคุยด้วยปัญหาที่ว่า จะต้องตัดถนนผ่านภายในโรงเรียนเพื่อให้รถเข้าออกได้ แล้วถนนเส้นนี้จะตัดผ่านสนามเด็กเล่นเดิมพอดี โจทย์แรกของเขาเลยก็คือ ต้องทำสนามเด็กเล่นใหม่ ส่วนโจทย์ที่สองก็คือการทำทางเดินเชื่อมแต่ละอาคารเข้าด้วยกัน”

ญารินดา บุนนาค สถาปนิกสาว Co-founder และ Design Director ของ Imaginary Objects (IO)
Image : Imaginary Objects

“พอเราได้เข้าไปดูในโรงเรียน ก็เลยคิดว่าจริง ๆ แล้วเรามีวิธีการที่จะแก้ปัญหานี้ด้วยการนำเสนอสิ่งใหม่ เพราะเรารู้สึกว่า ทางเดินเชื่อมตัวนี้สามารถรวมพื้นที่ใช้สอยสำหรับโปรแกรมการใช้งานต่าง ๆ เข้าไปด้วย เราจึงนำสนามเด็กเล่นขึ้นไปอยู่บนทางเดินสกายวอล์ก ในส่วนบริเวณทางเดินที่ติดกับห้องสมุด เราก็ทำเวิ้งออกมาให้มีพื้นที่สำหรับเด็กทำการแสดงกลางแจ้งได้ ส่วนที่ทางเดินตัดผ่านแนวต้นไม้เก่า เราก็มองเหมือนเป็นเส้นทางธรรมชาติ ให้เด็ก ๆ ได้ออกมาดูใบไม้ เก็บแมลง เพราะอยู่ในความสูงระดับกิ่งไม้พอดี และในส่วนทางเดินที่ผ่านสนามฟุตบอล เราก็จะทำเป็นอัฒจันทร์สำหรับดูฟุตบอลได้เลย”

ญารินดา บุนนาค สถาปนิกสาว Co-founder และ Design Director ของ Imaginary Objects (IO)Image : Imaginary Objects

พื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่แห่งโอกาส

“เราพบจุดเชื่อมโยงระหว่างโปรเจ็กต์โรงเรียนทอสีกับงานรีโนเวตโรงอาหารมหาวิทยาลัยกรุงเทพก่อนหน้านี้ นั่นคือพื้นที่ส่วนกลางเป็นส่วนสำคัญ และเป็นสิ่งที่ตัวเองให้ความสำคัญด้วย ส่วนใหญ่เวลาลูกค้าบรีฟงานมาก็จะพูดถึงพื้นที่ใช้งานเป็นหลัก แต่เรามาค้นพบตัวเองว่าเราชอบพื้นที่เหล่านั้น เพราะมันมีโอกาสที่จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เพราะมันไม่ได้ถูกคิดมาล่วงหน้าว่าจะเป็นอะไร ดังนั้นฟังก์ชั่นมันสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามผู้ใช้งาน”

ญารินดา บุนนาค สถาปนิกสาว Co-founder และ Design Director ของ Imaginary Objects (IO)
Image : Imaginary Objects

“อย่างเช่นสกายวอล์กของโรงเรียนทอสีที่ทางโรงเรียนตัดสินใจว่าให้มีแปลงปลูกผักให้ได้เด็กๆ ได้ปลูกผัก ปลูกดอกไม้ ซึ่งปกติเราไม่ค่อยได้เห็นกิจกรรมแบบนี้บนสกายวอล์ก นั่นก็เพราะพื้นที่ว่างเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโอกาส”

ญารินดา บุนนาค สถาปนิกสาว Co-founder และ Design Director ของ Imaginary Objects (IO)
Image : Imaginary Objects

ญารินดา บุนนาค สถาปนิกสาว Co-founder และ Design Director ของ Imaginary Objects (IO)
Image : Imaginary Objects

“นอกจากพื้นที่สาธารณะ (Public Space) ที่เราสนใจเป็นพิเศษ อีกสิ่งหนึ่งที่ค้นพบว่าสนใจเช่นกันก็คือ งานออกแบบสำหรับเด็ก อย่างสนามเด็กเล่นนี้ที่ทำแล้วสนุก เพราะเราได้ใช้ความคิด ได้ทดลองไอเดียที่ปกติเราจะไม่ได้ใช้ และอีกอย่างหนึ่งคือ เรารู้สึกว่าเราเห็นความสุขของคนใช้งานชัดเจนมากเลย เพราะเด็กเวลาเขาเห็นเครื่องเล่น เขาปีน หัวเราะ เล่น วิ่งไม่หยุด มันเห็นชัดเจนมากว่า สถาปัตยกรรมทำให้คนมีความสุขได้จริง ๆ”

ญารินดา บุนนาค สถาปนิกสาว Co-founder และ Design Director ของ Imaginary Objects (IO)

สภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการเรียนรู้

“การมีพื้นที่ให้เด็กเล่นเยอะ ๆ ซึ่งพื้นที่เล่นไม่จำเป็นต้องมีโครงสร้าง หรือถูกจำกัดว่าต้องเป็นห้องที่มีของเล่น หรือเป็นห้องที่บุนวมทั้งหมด แต่จะต้องมีสเปซที่เอื้อให้เด็กได้เล่นอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ พื้นที่สำหรับเด็กเรามองว่าคือการเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ภายใน-ภายนอก และแสงธรรมชาติเป็นเรื่องสำคัญมาก ส่วนพื้นที่ภายในอาคารก็ควรจะมีพื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถทำกิจกรรมได้หลากหลาย มองเห็นถึงกันได้ทั้งหมด เหมือนกับให้เด็ก ๆ ได้ออกแบบการใช้งานพื้นที่ด้วยตัวเอง”

ญารินดา บุนนาค สถาปนิกสาว Co-founder และ Design Director ของ Imaginary Objects (IO)


Imaginary Objects
FB: Imaginary Objects
IG: @imaginaryobjects_
Website: www.imaginaryobjects.co
Email: io@imaginaryobjects.co


เรื่อง : Skiixy
ภาพ : อนุพงษ์, Imaginary Objects

facebook.com/roommag

The post คุยกับ ญารินดา บุนนาค แห่ง IMAGINARY OBJECTS ผู้ต่อยอดจินตนาการสู่ความสุขในงานสถาปัตยกรรม appeared first on บ้านและสวน.


บ้านชั้นครึ่งกลางทุ่งโล่ง สวยงามราวสวรรค์บนดิน

$
0
0

บ้านสไตล์ร่วมสมัยที่ตั้งอยู่กลางทุ่งโล่งในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกแบบเป็นบ้านชั้นครึ่งที่โปร่งโล่ง เพื่อให้มองออกไปเห็นความสวยงามของทิวเขาและทุ่งนาขั้นบันได ซึ่งมีส่วนช่วยให้บ้านหลังนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์บนดิน

แบบบ้านชั้นครึ่งยกสูง

สถาปนิก :  สำนักงานสถาปนิกนิวัตร ตันตยานุสรณ์ โดยคุณปวรรธน์ ตันตยานุสรณ์  /  เจ้าของ  :  คุณนิโคลัส-คุณเนตรภัทร เฮเกอร์

 

บ้านต่างจังหวัด แบบบ้านชั้นครึ่งยกสูง
แบบบ้านชั้นครึ่งยกสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินนาขั้นบันได มีทิวเขาเป็นฉากหลังอยู่ไกลลิบ ดูสัมพันธ์กับธรรมชาติแวดล้อมอย่างเป็นหนึ่งเดียว

การมาเยือนบ้านสไตล์ร่วมสมัยซึ่งตั้งอยู่กลางทุ่งหลังนี้ ทำให้นึกถึงภาพในใบปิดภาพยนตร์รางวัลออสการ์ชื่อดัง “Out of Africa” ในภาพมีพระเอกกับนางเอกนั่งบนเนินหญ้าในท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ของประเทศเคนยา แต่บ้านหลังนี้ไม่ได้อยู่ไกลถึงทวีปแอฟริกาหรอกครับ อยู่ที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอนนี่เอง      แบบบ้านชั้นครึ่งยกสูง

คุณนิโคลัสและคุณเนตรภัทร เฮเกอร์ พร้อมด้วยทายาทวัยแบเบาะ ด.ช.อาทัว เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ คุณนิโคลัสหรือคุณนิกเป็นโปรแกรมเมอร์ชาวออสเตรียเดินทางมาท่องเที่ยวและได้พบคุณเนตรภัทรที่อำเภอปาย ด้วยทิวทัศน์ขุนเขาของที่นี่ซึ่งคล้ายกับที่ประเทศออสเตรีย คุณนิกจึงเกิดความประทับใจและตัดสินใจลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่เลย เนื่องจากหน้าที่การงานของเขาสามารถติดต่อสื่อสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ เขาจึงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ดังใจต้องการ          แบบบ้านชั้นครึ่งยกสูง

หลังจากช่วยกันตระเวนหาที่ดินอยู่ 3-4 เดือน เจ้าของบ้านทั้งสองถูกใจที่ดินผืนนี้ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ ซึ่งเคยเป็นนากระเทียมเก่า ตอนแรกเจ้าของยังไม่ได้ทำอะไรจึงปล่อยให้ชาวบ้านมาทำนากระเทียมกันไปก่อน แต่พอสร้างบ้านเสร็จก็ปล่อยพื้นที่รอบบ้านเป็นทุ่งโล่งเฉยๆ แค่ดูแลตัดหญ้าไม่ให้รกเท่านั้น

คุณเนตรภัทรเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านให้เราฟังว่า “พอคิดจะทำบ้าน ก็บอกเพื่อนให้ช่วยหาสถาปนิกให้ เขาแนะนำรุ่นน้องที่อยู่เชียงใหม่ซึ่งน่าจะสะดวกมาดูงานให้ได้ เมื่อก่อนตอนอยู่ที่ออสเตรียก็อยู่อพาร์ตเม้นต์ คุณนิกเขาติดใจการพักอาศัยแบบนั้น หมายถึงพื้นที่แบบห้องเดี่ยวและก็มีห้องน้ำ จึงบอกความต้องการให้สถาปนิกทราบ เขาก็ออกแบบมาให้ตามที่พูดคุยกัน”

ประตูไม้ เฉลียง
เฉลียงทางเข้าหลักมีระดับฝ้าชายคาสูงกว่าปกติ เพื่อให้เกิดความรู้สึกเชื้อเชิญ แสงแดดที่ลอดผ่านระแนงไม้ตีโปร่งทอดเงาลงบนพื้นและผนัง เกิดเป็นลวดลายสวยงาม
แบบบ้านชั้นครึ่งยกสูง
ระเบียงภายนอกด้านทิศตะวันตกกว้างถึง 3 เมตร สามารถใช้พื้นที่ทำกิจกรรมได้ตามต้องการ โดยพื้นเว้นร่อง เสา และฝ้าชายคาต่างก็ใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก จึงได้บรรยากาศของบ้านธรรมชาติมากที่สุด
แบบบ้านชั้นครึ่งยกสูง
แค่ผูกเปลนอน ก็ให้ความรู้สึกของการพักผ่อนอย่างสงบ ความ“ไม่มีอะไร”ตรงนี้เป็น “อะไรที่หาไม่ได้”ในเมืองกรุง

ตัวบ้านออกแบบให้ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติที่อยู่รายรอบ โดยพื้นที่ทางทิศตะวันตกมีทิวทัศน์เป็นทุ่งนาขั้นบันไดซึ่งมีลักษณะลาดเทไม่มากนัก และมีฉากหลังเป็นขุนเขาอันยิ่งใหญ่ทอดยาวตัดกับแนวเส้นขอบฟ้า กลายเป็นภาพอันสุดแสนบรรเจิด ผู้ออกแบบจึงเปิดมุมมองหลักของบ้านไปทางทิศตะวันตก แม้จะมีข้อเสียตรงที่โดนแดดบ่ายอันร้อนแรง แต่ก็มีวิธีแก้ปัญหาได้อย่างไม่น่าเป็นห่วง

“ตัวบ้านออกแบบเป็นชั้นครึ่งซึ่งโปร่งโล่งเรียบง่ายแต่ดูทันสมัย เนื่องจากสภาพที่ตั้งของบ้านมองเห็นความสวยงามของทิวเขาและทุ่งนาขั้นบันได ทำบ้านให้ดูกลมกลืนและใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อม ผมออกแบบรูปทรงหลังคาให้เป็นเหมือนภูเขาที่ซ้อนทับกันอยู่” คุณปวรรธน์ ตันตยานุสรณ์ สถาปนิกกล่าว

ด้วยเหตุผลดังกล่าว เมื่อมองจากประตูรั้วทางทิศตะวันออกจึงไม่แปลกใจเลยที่เห็นบ้านหลังนี้หันหลังบ้านให้ทางเข้า จากทางเข้าหลักเดินตรงลงบันไดไปจะพบส่วนรับแขก-พักผ่อนและส่วนรับประทานอาหารที่อยู่ชั้นล่าง ซึ่งเปิดมุมมองไปยังทิศตะวันตกเบื้องหน้า มีครัวหลบอยู่ด้านในใต้ห้องนอนชั้นบน

หากจะขึ้นไปชั้นบนก็มีทางแยกจากประตูทางเข้าขึ้นบันไดด้านขวามือไปสู่ห้องนอนพร้อมห้องแต่งตัว รวมทั้งห้องน้ำใหญ่สำหรับเจ้าของ ส่วนพื้นที่ใต้บันไดออกแบบเป็นห้องน้ำแขก      แบบบ้านชั้นครึ่งยกสูง

แบบบ้านชั้นครึ่งยกสูง
เมื่อเข้ามาสู่ส่วนโถงหลักซึ่งจัดเป็นส่วนรับแขก-พักผ่อนและส่วนรับประทานอาหาร จะรู้สึกโปร่งโล่งขึ้นทันที เพราะออกแบบให้มีฝ้าเพดานสูงและตีเอียงตามหลังคา การตกแต่งค่อนข้างเรียบง่าย เน้นให้เห็นมุมมองของบรรยากาศภายนอกเป็นหลัก ส่วนโถงหลักมีการทำช่องเปิดขนาดใหญ่ด้านทิศตะวันตก เป็นการนำธรรมชาติเข้ามาสู่ภายในบ้านได้อย่างเต็มที่ ชายคาเฉลียงนอกบ้านออกแบบให้ช่วยกันแดดบ่ายที่จะสาดเข้ามาในบ้าน
มุมรับประทานอาหาร แบบบ้านชั้นครึ่งยกสูง
มุมมองจากโต๊ะรับประทานอาหารไปยังนาขั้นบันไดและทิวเขาที่เห็นอยู่ลิบๆ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่กลางทุ่งโล่งมากกว่าภายในห้อง
ครัว
ครัวและส่วนเตรียมอาหารซึ่งจัดเป็นสัดส่วน เพียบพร้อมด้วยประโยชน์ใช้สอย มีไอส์แลนด์สำหรับเตรียมอาหารหรือจะนั่งรับประทานตรงนี้เลยก็ได้ ของในตู้ใบใหญ่นอกจากจะเป็นภาชนะใช้สอยแล้ว บางส่วนยังเป็นของที่เจ้าของเก็บสะสมด้วยความรัก
บันได
บันไดขึ้นสู่ชั้นบน สามารถมองทะลุไปเห็นนอกบ้านได้ผ่านช่องแสงกระจกติดตายขนาดใหญ่ ทั้งยังทำให้บริเวณนี้ไม่มืดทึบด้วย
ห้องนอน
บริเวณห้องนอนบนชั้นบนออกแบบให้ไม่มีผนังกั้น มีเพียงราวระเบียงกันตก ทำให้เกิดการลื่นไหลของที่ว่างลงไปสู่ชั้นล่างอย่างเต็มที่ ทั้งยังช่วยในเรื่องการระบายอากาศ ทำให้ห้องไม่อับทึบ
ห้องน้ำ
ห้องน้ำในห้องนอนดูกว้างขวางโอ่โถง เลือกใช้วัสดุแบบเรียบง่ายอย่างผนังโมเสกคละสีกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าและอ่างอาบน้ำปูนเปลือยขัดมัน ซึ่งดูสวยงามเข้ากันได้ดี ช่องหน้าต่างบานใหญ่ใช้ชมวิว หากต้องการความเป็นส่วนตัวก็ดึงม่านลงได้

ด้วยแปลนบ้านอันเรียบง่ายและการออกแบบจัดวางอย่างลงตัวทั้งพื้นที่ใช้สอยภายในกับบริบทภายนอกที่นำมาผูกโยงเข้ากับตัวบ้าน ซึ่งทั้งหมดได้หลอมรวมให้บ้านหลังนี้กลายเป็นสวรรค์ของทั้งเจ้าของบ้านและผู้มาเยือน


เรื่อง  :  รับอรุณ

ภาพ  :  ศุภกร ศรีสกุล

นิตยสารบ้านและสวนฉบับเมษายน 2551

5 บ้านกลางทุ่ง อยู่สบายทั้งกายและใจ

บ้านปูนชั้นเดียวกลางสวน ติดริมคลอง โปร่งสบายน่าอยู่

บ้านไม้แบบไทยๆ กลิ่นอายโมเดิร์นของป๊อด – ธนชัย อุชชิน

The post บ้านชั้นครึ่งกลางทุ่งโล่ง สวยงามราวสวรรค์บนดิน appeared first on บ้านและสวน.

SB จับมือเอ็มเทค สวทช. พัฒนาเตียงผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยพักฟื้น Power Lift Bed

$
0
0

(27 พฤศจิกายน 2563 : กรุงเทพฯ) เอสบี ดีไซน์สแควร์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ของเมืองไทย ล่าสุดจับมือเอ็มเท็ค-สวทช. พัฒนา Power Lift Bed เตียงนอนสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยพักฟื้น ที่มีกลไกช่วยให้ลุกนั่งยืนได้อย่างสะดวกสบาย มีความปลอดภัยสูงในการใช้งาน และควบคุมง่ายผ่านรีโมทคอนโทรล เพื่อเป็นทางเลือกใหม่และสร้างความอุ่นใจในการใช้ชีวิตภายในบ้านให้กับผู้สูงอายุ

นายพิเดช ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ เผยว่า ตลอดการดำเนินธุรกิจกว่า 50 ปี กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ เรามุ่งเน้นเรื่อง Customer Centric หรือการมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการ เพื่อให้ทุกๆ การพัฒนาเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงและแนวคิดนี้ก็เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญขององค์กรจวบจนปัจจุบัน ดังนั้นเพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มของสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่สรุปว่าไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี 2564  กลุ่มบริษัทเอสบีฯ ในฐานะผู้ประกอบการภาคธุรกิจ เรามุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมให้มีความพร้อมรับกับแนวโน้มสังคมที่จะเกิดขึ้น และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความร่วมมือจากทีมเอ็มเทคในการพัฒนาโปรเจกต์ Power Lift Bed นี้ ให้เกิดขึ้นมาได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านรูปลักษณ์ที่สวยงามและฟังก์ชันใช้สอยที่ครบถ้วนสมบูรณ์ เชื่อว่าน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าถึงและเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง

“เตียงนอน Power Lift Bed เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากผลงานวิจัยเตียงตื่นตัว (Joey – Active bed)

หรือเตียงนอนแบบมีกลไกช่วยผู้สูงอายุในการลุกนั่งและลุกยืน โดยเอสบีได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิประโยชน์จากผลงานวิจัยดังกล่าวในการผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์  ซึ่งนับเป็นรายแรกที่พัฒนาเตียงลักษณะนี้ขึ้นภายในประเทศ โดยเตียงนอนPower Lift Bed นี้ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้นที่มีความลำบากในการขยับตัว เตียงมีกลไกที่จะช่วยปรับท่าทางให้ผู้ใช้งานสามารถลุก นั่ง ยืน ได้ด้วยตัวเอง ลดความเสี่ยงในการหกล้ม มีฟังก์ชันหมุนได้ 90 องศา และควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรล จึงสร้างความคล่องตัวได้มากกว่าเตียงธรรมดาทั่วไป”

กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบี กล่าวต่อว่า นอกจากเรื่องฟังก์ชันที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เตียงนอนPower Lift Bed ยังได้รับการพัฒนาในด้านรูปลักษณ์ให้มีดีไซน์สวยงามดูเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งภายในบ้าน จึงให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเตียงผู้ป่วยแบบทั่วไป ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยเติมเต็มความสุขและการใช้ชีวิตของสมาชิกทุกคนในครอบครัว ทั้งผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่ใช้งานและลูกหลานที่ทำหน้าที่ดูแลด้วย

“ผมเชื่อว่าการมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีคือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตของทุกๆ คน เราจึงตั้งใจพัฒนาเตียงนอนนี้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ลูกหลานได้นำไปมอบแทนความรักความห่วงใยให้กับคุณพ่อคุณแม่ เพื่อเป็นการดูแลคนที่คุณรักด้วยสิ่งที่ดีที่สุด” นายพิเดช กล่าวทิ้งท้าย

ดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับ เอสบี  ครั้งนี้ เอ็มเทค สวทช. ให้ความสำคัญกับการทำวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ประโยชน์ และสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรมด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีโดยกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์คือผู้สูงอายุที่พอดูแลตัวเองได้และผู้ป่วยพักฟื้น เนื่องจากปัจจุบันประชากรโลกเสียชีวิตน้อยลงกว่าในอดีตมาก ส่วนหนึ่งก็มาจากนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตตั้งแต่ด้านสุขภาพ การแพทย์ รวมถึงเทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลในเชิงพฤติกรรมของผู้คนกลับมาเห็นความสำคัญในเรื่องของสุขภาพและสุขอนามัยมากขึ้น ทำให้เกิด New Normal หรือความปกติรูปแบบใหม่กับผู้สูงอายุที่ต้องออกห่างสังคมนอกบ้านมาใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมากขึ้น  การพัฒนานวัตกรรมเชิงป้องกันเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุที่ต้องการดูแลสุขภาพตนเองได้ใช้ประโยชน์เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาว หรือช่วยลดความเสี่ยงด้านต่างๆ เช่น การพลัดตกหกล้ม โจทย์ที่สำคัญของการพัฒนานวัตกรรมคือ ต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้จริง เพื่อที่งานวิจัยจะมีโอกาสนำไปใช้ได้สูง ทีมวิจัยเอ็มเทคนำโดย ดร.ศราวุธ เลิศพลังสันติ หัวหน้าทีมวิจัยออกแบบและแก้ปัญหาอุตสาหกรรม กลุ่มวิจัยการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการคำนวณ ใช้กระบวนการออกแบบที่นำเอาผู้ใช้มาเป็นศูนย์กลาง หรือ Human-centric design โดยให้ความสำคัญทั้งผู้ใช้และผู้เกี่ยวข้อง ในทุกช่วงของการออกแบบอุปกรณ์การใช้งาน

ผลงานวิจัย “โจอี้ – เตียงตื่นตัว” เป็นตัวช่วยให้ผู้สูงอายุลุกนั่งและลุกขึ้นยืนได้สะดวกมากขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการหกล้ม และลดภาระของผู้ดูแล นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ผู้ป่วยที่อยู่ในช่วงฟื้นฟูหลังการผ่าตัดและผู้ป่วยที่มีความลำบากในการเคลื่อนที่ เช่น โรคอัมพฤกษ์ โดยเตียงตื่นตัว ได้รับการออกแบบจากมุมมองด้านต่างๆ ของผู้ใช้ ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ดูแล แพทย์และพยาบาล และพัฒนาจนมั่นใจว่าสามารถตอบโจทย์ผู้ใช้อย่างแท้จริง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการผลิตและจำหน่ายจากบริษัทเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำอย่างบริษัท SB Design square ทำการปรับให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยเน้นความสวยงามน่าใช้ ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนเตียงผู้ป่วย และตอนนี้ก็พร้อมแล้วสู่การนำไปใช้จริงภายใต้ชื่อเตียง Power Lift Bed

สำหรับใครที่ต้องการพาผู้สูงอายุที่บ้านหรือคุณพ่อคุณแม่ไปทดลองสินค้าจริงสามารถไปสัมผัสกันได้ที่เอสบี ดีไซน์สแควร์ 4 สาขา คือ สาขาเดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์, สาขาคริสตัล ดีไซน์เซ็นเตอร์ (CDC) สาขาบางนา และสาขาพระราม 2 โดยมีโปรโมชันดีลดีราคาพิเศษ ที่จะทำให้ลูกๆ ได้มีของขวัญพิเศษรับปีใหม่นี้ให้คุณพ่อคุณแม่โดยมีส่วนลดเพิ่มให้อีก 10% และผ่อน 0% 4 เดือน (กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ) ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธ.ค. 2563

The post SB จับมือเอ็มเทค สวทช. พัฒนาเตียงผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยพักฟื้น Power Lift Bed appeared first on บ้านและสวน.

ตกแต่งเทศกาลคริสต์มาส ให้สดชื่น แนบชิดกับธรรมชาติด้วย ต้นสนจริง ที่บ้านแอนด์บียอนด์ขอการันตีความหอม!

$
0
0

พอใกล้ถึงวันคริสต์มาส นอกจากต้องจัดเตรียมหาของขวัญสำหรับคนพิเศษแล้ว การสร้างบรรยากาศ และจัดเตรียมสถานที่ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ “ต้นคริสต์มาส” ที่เป็นคำเรียกติดปากของคนไทย แต่รู้หรือไม่? ต้นคริสต์มาสจริงๆ แล้วมันคือ “ต้นสน” นั่นเอง ซึ่งต้นสนก็มีหลากหลายสายพันธุ์ รูปทรงแตกต่างกันออกไป แต่หากพูดถึงต้นสนที่มีกลิ่นหอมที่สุดในโลก คงหนีไม่พ้นสายพันธุ์ Balsam จากประเทศแคนาดา ต้นสนจริง

 

ความพิเศษของต้นสนสายพันธุ์ Balsam คือถูกปลูกในเมือง Lunenburg County รัฐ Nova Scotia ประเทศแคนาดา ถูกปลูกในป่าสำหรับการทำพาณิชย์โดยเฉพาะ จึงไม่ทำลายต้นไม้ตามธรรมชาติ ลำต้นมีรูปทรงสวยงาม สมสัดส่วนทั้ง 4 ด้าน พร้อมกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ และด้วยความหอมที่เป็นเอกลักษณ์เช่นนี้ นอกจากจะได้รับความนิยมในการนำมาประดับตกแต่งในช่วงเทศกาลคริสต์มาสแล้ว ยังนิยมในการนำไปสกัดน้ำมันหอมระเหยอีกด้วย ต้นสนจริง

การประดับตกแต่งต้นสนจริง ก็ไม่แตกต่างจากต้นสนปลอมทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่ที่แตกต่างแน่นอนคือความรู้สึกอบอุ่น สดชื่น แนบชิดความเป็นธรรมชาติ กลิ่นที่หอมอบอวล และสัมผัสที่นุ่มมือ เรียกได้ว่าคุณจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบ 4D เลยทีเดียวค่ะ

วันนี้บ้านและสวนเลยมีไอเดีย และของตกแต่งเก๋ๆ หาซื้อง่ายๆแต่ได้ใจคนทั้งครอบครัวมาเป็นไอเดียให้ทุกคนไว้ตกแต่งช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้มาฝากกันด้วยนะคะ

เล่ามาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนอาจจะเริ่มสนใจมองหาต้นสนจริงมาประดับตกแต่งบ้าน ออฟฟิต ที่พัก ร้านอาหาร หรือสถานที่สำหรับธุรกิจของคุณในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้แล้วใช่ไหมคะ? และถึงแม้ว่าต้นสนจริงจะโดดเด่น และดึงดูดด้วยกลิ่นที่หอมเฉพาะตัวแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังคงลังเล หรือกังวลอยู่ว่า การเก็บดูแลรักษาต้นสนจริงจะยุ่งยากหรือไม่ จะบอกว่า… วิธีการเก็บรักษาให้ต้นสนอยู่นาน อยู่ทน สดชื่น ส่งกลิ่นหอมไม่อยากเลยค่ะ เพียง…

  • ไม่ควรให้ต้นสนโดนความร้อนหรือใกล้แดด
  • หมั่นฉีดสเปรย์ละอองน้ำให้ทั่วต้นสน เป็นระยะ ๆ เพื่อให้ต้นสนสดใหม่อยู่เสมอ
  • ใส่น้ำ หรือน้ำแข็งที่ขาตั้ง เพื่อสร้างความชุ่มชื้น

แล้วใครที่กำลังคิดว่า ต้นสนจริงแบบนี้จะหาซื้อได้ยาก อยู่เมืองไทยจะหาได้จากที่ไหน? ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะบ้านแอนด์บียอนด์เขานำเข้าเอาใจสายแต่งบ้านอย่างเราๆ มาให้แล้ว ด้วยการคัดต้นสนอายุระหว่าง 5-6 ปี  ที่เป็นอายุและขนาดที่เหมาะสมในการนำมาใช้เป็นต้นคริสต์มาสตกแต่ง และเพื่อเป็นการรักษาน้ำที่หล่อเลี้ยงลำต้นให้ต้นสนคงความสดใหม่ บ้านแอนด์บียอนด์จึงเลือกตัดในสภาพอากาศที่ 15 องศาเซลเซียส และขนส่งมาด้วยอุณหภูมิติดลบ 1 องศาเซลเซียส ดังนั้นทุกต้น ทุกขนาด ถูกใส่ใจในทุกขั้นตอนเพื่อให้คงความสดใหม่ได้อย่างยาวนานแน่นอนค่ะ

ไม่ว่าจะพื้นที่เล็ก หรือพื้นที่ใหญ่ บ้านแอนด์บียอนด์เอาใจพื้นที่ทุกไซต์ จัดมาให้เลือกกันถึง 2 ขนาด กับขนาด L  และขนาด XL

  • ขนาด L ราคา 5,980 (พร้อมฐานรอง) สั่งซื้อออนไลน์รับฟรี กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ ขนาด 28 นิ้ว มูลค่า 2,280.-
  • ขนาด XL ราคา 6,980 (พร้อมฐานรอง)สั่งซื้อออนไลน์รับฟรี กระเป๋าเดินทาง 2 ใบ ขนาด 20 และ 24 นิ้ว รวมมูลค่า 2,-

(*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด / ขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกสีกระเป๋า)

ราคาดีแบบนี้เฉพาะลูกค้าบ้านแอนด์บียอนด์เท่านั้นนะคะ แถมยังบริการจัดส่งฟรี! ในพื้นที่ 8 จังหวัด (กรุงเทพฯ/ปทุมธานี/นนทบุรี/สมุทรปราการ/เชียงใหม่/ขอนแก่น/ชลบุรี และภูเก็ต) นอกจากนี้ใครกังวลปัญหาการจัดการต้นไม้หลังใช้งาน บ้านแอนด์บียอนด์เค้าก็มีบริการเก็บกลับต้นคริสต์มาสในราคาเพียง 450 บาทเท่านั้น

ช้อปได้แล้ววันนี้ที่บ้านแอนด์บียอนด์ทุกสาขา (ราชพฤกษ์/ รัตนาธิเบศร์ / เชียงใหม่แอร์พอร์ต / มิตรภาพขอนแก่น / พัทยา และ ภูเก็ต) หรือช้อปออนไลน์ www.baanandbeyond.com

The post ตกแต่งเทศกาลคริสต์มาส ให้สดชื่น แนบชิดกับธรรมชาติด้วย ต้นสนจริง ที่บ้านแอนด์บียอนด์ขอการันตีความหอม! appeared first on บ้านและสวน.

POR SANTITHAM รีโนเวตโรงแรมเก่าให้สดชื่นด้วยสระว่ายน้ำและไม้เขตร้อน

$
0
0

POR SANTITHAM คือการพลิกโฉมโรงแรมเก่าย่านสันติธรรมกลางเมืองเชียงใหม่ที่ถูกทิ้งร้างมานาน ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากได้รับการรีโนเวตให้อยู่ในลุคโมเดิร์นสุดเรียบง่าย ภายใต้แบรนด์ POR แบรนด์ธุรกิจโรงแรมรูปแบบไลฟ์สไตล์ โฮเทล ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากความตั้งใจที่อยากจะดึงศักยภาพของอาคารเก่า โดยผ่านการออกแบบที่ชาญฉลาด เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของแขกผู้เข้าพักให้มากที่สุด

POR SANTITHAM จึงเป็นโรงแรมสาขาแรกและคาดว่าจะครบอีก 4 สาขาในอนาคตอันใกล้นี้

POR SANTITHAM ที่พักเชียงใหม่ โฮสเทลเชียงใหม่ ที่พักสันติธรรม POR SANTITHAM ที่พักเชียงใหม่ โฮสเทลเชียงใหม่ ที่พักสันติธรรม POR SANTITHAM ที่พักเชียงใหม่ โฮสเทลเชียงใหม่ ที่พักสันติธรรม

เดิมทีสภาพอาคารของโรงแรมเก่าทรุดโทรมมาก และมีการต่อเติมที่ไม่เป็นระเบียบ แต่เมื่อสำรวจแล้วพบว่าโครงสร้างเดิมบางส่วนยังแข็งแรงอยู่ค่อนข้างมาก จึงยังเก็บรายละเอียดเหล่านั้นเอาไว้ เพื่อช่วยสร้างเสน่ห์ภายใต้ความไม่สมบูรณ์แบบได้อย่างน่าสนใจ การออกแบบได้ให้ความสำคัญกับพิจารณาว่าจะ “เก็บ” หรือ “ทิ้ง” ของเก่าส่วนไหน แล้วค่อยผสมผสานกับของใหม่ เป็นการปรับแต่งให้พื้นที่กลับมาใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง เห็นได้จากการทุบพื้นอาคารให้เกิดดับเบิ้ลสเปซที่โปร่งโล่ง และการเสริมโครงสร้างเบาบนชั้น 4 ของอาคารเพื่อเพิ่มจำนวนห้องพัก

POR SANTITHAM ที่พักเชียงใหม่ โฮสเทลเชียงใหม่ ที่พักสันติธรรม POR SANTITHAM ที่พักเชียงใหม่ โฮสเทลเชียงใหม่ ที่พักสันติธรรม POR SANTITHAM ที่พักเชียงใหม่ โฮสเทลเชียงใหม่ ที่พักสันติธรรม

ไฮไลต์ที่ไม่อาจมองข้ามไปได้เลยนั่นคือ สระว่ายน้ำ ซึ่งที่อยู่ด้านหน้าของโรงแรม เด่นด้วยบันไดโครงสร้างเหล็กที่สร้างใหม่ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง ต่อเนื่องกับพื้นที่ส่วนกลางโปร่งโล่ง บรรยากาศบริเวณสระน้ำดูสดชื่นเป็นพิเศษด้วยเหล่าพันธุ์ไม้เขตร้อนสีเขียวชอุ่มที่ขึ้นอยู่เต็มฟาซาดของอาคาร สะท้อนแนวคิด Evergreen เปรียบเทียบลักษณะเขียวชอุ่มไม่ผลัดใบตลอดปีของพันธุ์ไม้เขตร้อนกับการบริหารโรงแรมให้น่าเข้าพักได้ทุกฤดูกาล ถือเป็นการสร้างตัวตนที่ไม่ต้องอิงกับกระแสขาขึ้นหรือลงของตลาดโรงแรม

ส่วนห้องพักเป็นการปรับปรุงจากโครงสร้างโรงแรมเก่าจึงมีพื้นที่จำกัดค่อนข้างจำกัด ผู้ออกแบบแก้ปัญหานี้ด้วยการเลือกใช้สีขาว ซึ่งเป็นสีที่สื่อถึงความสะอาดเรียบง่ายไม่ซับซ้อน เมื่อตัดกับเส้นสายสีดำของเฟอร์นิเจอร์ช่วยให้ดูเรียบเท่โมเดิร์นขึ้น ตรงกับคาแร็กเตอร์ของแบรนด์ได้อย่างดี นอกจากนี้ยังมีการใช้กระจกเงามาช่วยลวงสายตาสร้างมิติให้ห้องดูกว้างและลึกขึ้น

POR SANTITHAM ที่พักเชียงใหม่ โฮสเทลเชียงใหม่ ที่พักสันติธรรม

และเพื่อสร้างความแตกต่าง แนวคิดการบริหารจัดการโรงแรมของที่นี่ จึงเน้นระบบการทำงานที่พนักงานทุกคนต่างทำงานเป็นทีม ไม่มียูนิฟอร์ม ไม่จำเป็นต้องมีการศึกษา หรือประสบการณ์ด้านการโรงแรม ช่วยให้การทำงานมีความสร้างสรรค์ได้อย่างไร้ขอบเขต พร้อมกันนั้นยังมีใจรักด้านการบริการ ดูแลผู้เข้าพักให้มีความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน นับเป็นการสร้างอัตลักษณ์ที่เด่นชัด ข้อสำคัญไม่ลืมนำเสนอแนวคิดความ “พอเพียง” ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ “เพียงพอ” สำหรับทุกความต้องการในวันพักผ่อนอีกด้วย

IDEAS TO STEAL

เฟอร์นิเจอร์ของที่นี้ล้วนได้รับการออกแบบขึ้นมาใหม โดยใช้วัสดุเหล็กสีดำโปร่งเบา ตอบรับกับพื้นที่จำกัดของโรงแรมได้อย่างดี นอกจากนี้การออกแบบเฟอร์นิเจอร์เองยังช่วยสร้างอัตลักษณ์ของโรงแรมให้ชัดเจนขึ้นด้วย

 

ที่ตั้ง : 41/1 ถนนช้างเผือกซอย 4 ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองฯ จังหวัดเชียงใหม่
ติดต่อ : โทร.0-5321-8544, 08-7474-1444
Website : www.porhotel.com 
FB : POR.chaingmai.th

เจ้าของ-ออกแบบ : คุณวิทูล ทิพยเนตร


ภาพ : ศุภกร

SLEE(P) HOSTEL & CAFÉ เชื่อมโยงกำแพงคูเมืองเชียงใหม่ด้วยวัสดุ “อิฐ”

ZIVI NIMMAN โฮสเทลเชียงใหม่ที่มีห้องพักเพียง 4 ห้อง 4 สไตล์

SHERLOFT HOUSE AND HOSTEL ที่พักเชียงใหม่ในบ้านเก่าอายุ 50 ปีพร้อมพื้นที่สีเขียวกลางคู

The post POR SANTITHAM รีโนเวตโรงแรมเก่าให้สดชื่นด้วยสระว่ายน้ำและไม้เขตร้อน appeared first on บ้านและสวน.

การถักเชือกด้วยวิธี มาคราเม่ทำที่แขวนกระถางต้นไม้

$
0
0

เติมธรรมชาติเข้าบ้านด้วย มาคราเม่ทำที่แขวนกระถางต้นไม้ กำลังฮิตติดกระแสกันเลยกับการปลูกไม้ใบไว้ในบ้าน เพราะทั้งเติมธรรมชาติที่สดชื่นไว้ภายใน บางต้นยังช่วยฟอกอากาศ และเป็นของแต่งบ้านสวยๆ ได้อีกด้วย  

คราวนี้จะชวนคุณมาทำที่แขวนกระถางต้นไม้เพื่อใช้ตกแต่งผนังในแนวตั้งกันบ้างด้วยเทคนิคการถัก มาคราเม่ทำที่แขวนกระถางต้นไม้ ใบเล็กใบน้อยตกแต่งเติมเป็นมุมสวนแขวนน่ารักไม่เหมือนใครพลิกโฉมพื้นที่สีเขียวเล็กๆในบ้านด้วยลุคใหม่ๆให้หวานใสและสดชื่นยิ่งขึ้น

มาคราเม่ทำที่แขวนกระถางต้นไม้

อุปกรณ์การทำ มาคราเม่ทำที่แขวนกระถางต้นไม้ 

1 เชือกฝ้ายสีธรรมชาติ             ความยาว 4 เมตร  จำนวน 4 เส้น

2 เชือกฝ้ายย้อมสีดอกดาวเรือง ความยาว 4 เมตร  จำนวน 4 เส้น

เ3 ชือกฝ้ายสีธรรมชาติ             ความยาว 15 เซนติเมตร จำนวน 2 เส้น

4 ห่วงโลหะ

5 กรรไกร

 

มาคราเม่ทำที่แขวนกระถางต้นไม้

ขั้นตอนการทำ มาคราเม่ทำที่แขวนกระถางต้นไม้ 

1 วิธีการมัดเงื่อนติดกับห่วงโลหะ ร้อยเชือกฝ้ายเข้าไปในห่วงโลหะทั้ง 8 เส้น พับเชือกแบ่งครึ่งตรงกลางให้ได้เชือกออกมา 16 เส้น ซึ่งมีความยาวเส้นละ 2 เมตร

 

มาคราเม่ทำที่แขวนกระถางต้นไม้

2 นำเชือกความยาว 15 เซนติเมตรมาพับครึ่ง กดเชือกรัดบนเชือกที่เตรียมไว้ทั้งหมด

 

มาคราเม่ทำที่แขวนกระถางต้นไม้

3 จากนั้นใช้ปลายเส้นเชือกด้านหนึ่งพันเชือกรอบเชือกความยาว 2 เมตร ทั้งหมดจากด้านบนลงมาด้านล่างให้แน่น

 

มาคราเม่ทำที่แขวนกระถางต้นไม้

4 ดึงปลายเชือกทั้งสองด้านให้เชือกที่เป็นห่วงอยู่ด้านบนเลื่อนลงมาซ่อนในเชือกที่เราพันไว้

 

มาคราเม่ทำที่แขวนกระถางต้นไม้

5 ตัดปลายเชือกความยาว 15 เซนติเมตรที่เหลือทั้งสองด้านออก

 

มาคราเม่ทำที่แขวนกระถางต้นไม้

6 แบ่งเชือกความยาว 2 เมตร เป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 4 เส้น

 

7 มัดเชือกด้วยเงื่อนลายพิกุล โดยนำเชือก (4) ทางขวามือวางพาดเส้นแกน (2,3) วางเชือก (1) ซ้ายสุดพาดบนเชือก (4)

 

8 นำเชือก (1) คล้องไปด้านหลังเชือกเส้นแกน (2,3) แล้วพาดทับบนเชือก (4)

 

9 นำเชือก (4) ทางซ้ายมือวางพาดเส้นแกน (2,3) วางเชือก (1) ขวาสุดพาดบนเชือก (4)

 

10 นำเชือก (4) คล้องไปด้านหลังเชือกเส้นแกน (2,3) แล้วพาดทับบนเชือก (1)

 

11 ดึงเชือก (1,4) ให้ตึง จะได้รูปสำเร็จของเงื่อนลายพิกุลตามภาพ

 

12 มัดเชือกด้วยเงื่อนลายพิกุลลงมาแถวละ 5 ครั้ง และมัดเชือกที่เหลือด้านข้างอีก 3 กลุ่มด้วยวิธีเดียวกัน

จากนั้นเว้นระยะห่างของเชือกลงมา 10 เซนติเมตร แล้วมัดเงื่อนพิกุลต่อ ให้ได้เงื่อนพิกุลเป็นแถวลงมา 3 แถวตามภาพ

 

13 เว้นระยะห่างของเชือกลงมา 15 เซนติเมตร มัดเงื่อนพิกุล 1 ครั้ง ให้เงื่อนพิกุลอยู่ล้อมรอบกันเป็นวงกลม จากนั้นเว้นระยะห่างลงมา 10 เซนติเมตร มัดเงื่อนพิกุลโดยสลับคู่เส้นเชือก นำเชือกเส้นที่ (3,4) ของกลุ่มแ1รก มารวมกับเชือกเส้นที่ (1,2) ของกลุ่มที่สอง แล้วมัดออกมาเป็นเงื่อนพิกุล เราจะได้เงื่อนพิกุลที่สับหว่างกันสามารถห่อหุ้มภาชนะได้  แล้วเว้นระยะห่างของเชือกลงมา 10 เซนติเมตร นำเชือกความยาว 15 เซนติเมตร เส้นที่สองมามัดปมจบรอบเชือกเหมือนตอนเริ่มต้น ตัดปลายเชือกให้สม่ำเสมอกัน

กั้นห้องให้สวยด้วย ม่าน “มาคราเม่”

SPACIAL THANK : คุณเม-จรัญญา โลหะเวช จาก Knots Knots 

สนใจสมัครเรียนเวิร์คช็อปถักมาคราเม่ได้ติดต่อ Facebook : knotsknots.studio

 

ขอบคุณสถานที่ : Thanwaa cafe

 

เรื่อง : อรพรรณ วัจนะเสถียรกุล

ช่างภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม

สไตลิส : suanpuk

The post การถักเชือกด้วยวิธี มาคราเม่ทำที่แขวนกระถางต้นไม้ appeared first on บ้านและสวน.

คำนวณจำนวนกระเบื้อง ด้วยการคำนวณพื้นที่หลังคาอย่างง่าย

$
0
0

คำนวณจำนวนกระเบื้อง เป็นสิ่งที่มีผู้อ่านถามกันเข้ามามากพอดูเหมือนกัน เพราะต้องการที่จำคำนวณราคาว่าบ้านของเรานั้น หากจะเปลี่ยนไปใช้หลังคาหนึ่ง ๆ ควรจะต้องเตรียมงบประมาณเอาไว้เท่าไรกัน? และในการคำนวณพื้นที่หลังคาอย่างง่ายนี้ก็ช่วยให้การพูดคุยกับช่างเป็นไปได้โดยเข้าใจตรงกันอีกด้วย สามารถทำให้คิดพื้นที่ของหลังคาออกมาเป็นตารางเมตรได้ไม่ยากเลย

ในการคำนวณจำนวนกระเบื้องนั้นเราจำเป็นที่จะต้องรู้พื้นที่หลังคาก่อน โดยที่ในการคำนวณพื้นที่หลังคานั้นจะใช้สูตรการหาพื้นที่ 3 สูตร

  1. สูตรการหาพื้นที่▯
  2. สูตรการหาพื้นที่ △ ด้านเท่า
  3. สูตรการหาพื้นที่ △ ด้านไม่เท่า

จะเห็นได้ว่าที่จริงแล้ว เราสามารถหาพื้นที่ของหลังคาโดยพิจารณาให้หลังคาเป็น สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม และในกรณีที่หลังคาเป็นรูปทรงอิสระ ก็สามารถนำมาแตกองค์ประกอบเป็นสี่เหลี่ยมและสามเหลี่ยมด้านไม่เท่าได้

สูตรของการหาพื้นที่ทั้งหมดมีดังนี้

 

สูตรที่ 1 (สูตรการหาพื้นที่▯)

ให้นำด้านยาว และ ด้านกว้าง ของสี่เหลี่ยมมาคูณกันตามสูตร

พื้นที่ ▯

= กว้าง x ยาว

= X x Y (ตามภาพ)

 

สูตรที่ 2 (สูตรการหาพื้นที่ △ ด้านเท่า)

ให้นำความสูงของสามเหลี่ยมคูณด้วยฐานหรือด้านยาวแล้วหารสอง

พื้นที่ △ ด้านเท่า

= ½(ความสูง x ฐาน)

= ½(ความสูง x ด้านยาว)

= ½(X x Y)

 

สูตรที่ 3 (สูตรการหาพื้นที่ △ ด้านไม่เท่า)

เริ่มด้วยการหาค่า S เพื่อใช้ในการคำนวณเสียก่อน โดยที่ ค่า S นั้นจะมาจากการนำความยาวด้านทุกด้านของสามเหลี่ยมมาบวกกันแล้วหารสอง

ค่า S สำหรับคำนวณ พื้นที่ △ ด้านไม่เท่า

=½(AxBxC)

จากนั้นเมื่อได้ ค่า S มาแล้ว ให้นำเข้าสูตรหาพื้นที่ △ ด้านไม่เท่า ดังนี้

พื้นที่ △ ด้านไม่เท่า

= √(s(S-A)(S-B)(S-C)

*ความยาวด้านที่ต้องนำมาใช้ในการคำนวณให้ดูภาพประกอบตามแต่ละสูตร

 

เมื่อเราได้พื้นที่ในแต่ละด้านมาแล้ว ก็สามารถนำมาคำนวณกับค่ากลางของปริมาณต่อตารางเมตรของหลังคาแต่ละประเภทได้ดังนี้
**ปริมาณต่อแผ่นตามตารางเป็นค่าเฉลี่ยโดยประมาณ ทั้งนี้อาจแตกต่างไปตามระยะยื่นและระยะซ้อนทับที่ต่างกัน

  • กระเบื้องคอนกรีต ใช้ 11 แผ่น/ตารางเมตร
  • กระเบื้องลอนคู่/ลอนเล็ก 1.2 เมตร ใช้ 2.2 แผ่น/ตารางเมตร
  • กระเบื้องลอนคู่/ลอนเล็ก 1.5 เมตร ใช้ 1.7 แผ่น/ตารางเมตร
  • เมทัลชีต ใช้ 1.2 แผ่น/ตารางเมตร

*** ข้อมูลดังกล่าวเป็นการคำนวณคร่าว ๆ เพื่อใช้พูดคุยกับช่าง ไม่ใช่ปริมาณที่ชัดเจนสำหรับการซื้อวัสดุ อาจมีความผิดพลาดในการกะปริมาณได้

และเพียงเท่านี้ ท่านผู้อ่านก็สามารถคำนวณขนาดของหลังคาและจำนวนกระเบื้องหลังคาที่น่าจะต้องใช้กันได้แล้วครับ


เรื่องและภาพประกอบ : Wuthikorn Sut

facebook.com/baanlaesuanmag

The post คำนวณจำนวนกระเบื้อง ด้วยการคำนวณพื้นที่หลังคาอย่างง่าย appeared first on บ้านและสวน.

สะสมและขายต้นไม้ในสวนจนเป็นเงิน ช่องทางสู้วิกฤตโควิด-19 ของโรงแรม Horizon Village Resort เชียงใหม่

$
0
0

ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 หลายโรงแรมได้รับผลกระทบอย่างหนัก สวนพฤกษศาสตร์ทวีชลและโรงแรม Horizon Village Resort เชียงใหม่ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่นั้นก็นำไปสู่การค้นพบอีกหนึ่งธุรกิจใหม่ที่กำลังช่วยธุรกิจโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวของที่นี่นั้นคือ การเพาะขายต้นไม้ในสวน

หนึ่งในกระโจมต้นไม้สะสมของคุณทวีศักดิ์ เสสะเวชผู้ก่อตั้งสวนพฤกษศาสตร์ทวีชลและโรงแรม Horizon Village Resort เชียงใหม่ ภายในนี้เก็บสะสมพวกกล้วยไม้หลากหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแม่พันธุ์ที่นำมาขยายพันธุ์เพื่อตัดดอกนำไปใช้ตกแต่งในโรงแรมและจำหน่าย
คุณออมสิน-นันทนิตย์ เสสะเวช รองกรรมการผู้จัดการ โรงแรม Horizon Village Resort เชียงใหม่ คุณทวีศักดิ์ เสสะเวช และคุณตี๋-ธรรมนูญ  ศรีสุวรรณ ผู้จัดการสวนพฤกษศาสตร์ทวีชล (เรียงจากซ้าย)

เรามีโอกาสได้พูดคุยกับคุณออมสิน-นันทนิตย์ เสสะเวช รองกรรมการผู้จัดการ โรงแรม Horizon Village Resort เชียงใหม่ โรงแรมในเครือและอยู่ในพื้นที่ของสวนพฤกษศาสตร์ทวีชลได้เริ่มเล่าถึงที่มาของสวนแห่งนี้คร่าวๆว่า

“คุณพ่อ(คุณทวีศักดิ์ เสสะเวช) ตอนที่ท่านดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ท่านได้ใช้พื้นที่บริเวณนี้เพื่อทดลองปลูกและเลี้ยงสัตว์เพราะจะได้เข้าใจปัญหาของเกษตรกรจริงๆ ขณะเดียวกันท่านก็เริ่มสะสมพรรณไม้ทั้งในประเทศและต่างประเทศระหว่างที่มีโอกาสได้ไปทำงานยังประเทศต่างๆมาเรื่อยและหลังเกษียรจึงเปิดเป็นสวนพฤกษาศาสตร์ในที่สุด แล้วก็ขยายเป็นธุรกิจโรงแรมต่อมาถึงแม้จะเป็นสวนพฤกษศาสตร์เอกชนที่เก็บค่าเข้าชม แต่ก็ต้องยอมรับว่ารายได้จริงๆมาจากตัวโรงแรมเป็นหลัก แต่ช่วงวิกฤตโควิด-19ที่ผ่านมาไม่มีธุรกิจตัวไหนสามารถช่วยอุ้มกันได้เลย เราเลยเกิดอีกธุรกิจหนึ่งคือธุรกิจเพาะพันธุ์และจำหน่ายขายต้นไม้ในที่สุด”

จุดจำหน่ายต้นไม้ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของสวนพฤษศาสตร์ทวีชลติดกับคาเฟ่และร้านอาหาร ต้นไม้ทุกต้นภายในบริเวณนี้สามารถจำหน่ายและจัดส่งได้ทั่วประเทศ โดยจะมีพรรณไม้หายากจากในสวนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียมาจำหน่ายอยู่เสมอ
Philodendron Mexicanum และ Philodendron Erubescens Red Emerald
Philodendron Gloriosum

ด้วยตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 20 ปีที่คุณทวีศักดิ์ เสสะเวชเริ่มต้นสะสมพรรณไม้และขยายพันธุ์ต่อมาเรื่อยๆทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยพรรณไม้หลายพันชนิด ไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ตระกูลปาล์ม ต้นไม้ตระกูลปรง ต้นไม้ทนแล้งเช่น กระบองเพชรและไม้อวบน้ำต่างๆ ต้นไม้ไม้ดอก เช่น กุหลาบ กล้วยไม้ ชวนชม เฟื่องฟ้า โป๊ยเซียน หน้าวัว เฮลิโคเนีย ดาหลา ขิงแดง ต้นไม้ตระกูลสับปะรดสี และต้นไม้ใบชนิดต่างๆ เช่น อโกลนีมา ฟิโลเดนดรอน โกสน เฟินชนิดต่างๆ ที่ตกแต่งอยู่ตามจุดต่างๆ บางชนิดก็เป็นต้นไม้ที่ปัจจุบันหาได้ยากในท้องตลาด แต่กระนั้นการเพาะพันธุ์ก่อนหน้านี้ก็ทำเพียงเพื่อใช้ตกแต่งภายในสวนพฤกษศาสตร์ทวีชลและโรงแรม Horizon Village Resort เชียงใหม่เท่านั้น

Philodendron Mayoi หรือ ดาวแดง

จนกระทั้งช่วงเริ่มแรกของวิกฤตโควิด-19 เริ่มมีการปล่อยข่าวลื่อที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าต้นฟ้าทะลายโจรสามารถรักษาและสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19ได้ ก็เริ่มมีคนมาที่สวนสมุนไพรเพื่อนำเอาต้นฟ้าทะลายโจรไปใช้ ประกอบกับกระแสการซื้อขายไม้ใบเพื่อนำมาแต่งบ้านเริ่มมีมากขึ้น คุณออมสินจึงลองนำต้นไม้ที่เพาะในเนอสเซอรี่ออกมาโพสขายในเฟซบุ๊ค ปรากฎว่าขายดีมาก อย่างต้นมอนสเตร่าไจแอนด์ด่างซึ่งเดิมปล่อยให้ขึ้นตามต้นไม้และนำมาเพาะขายในราคา 20000 บาทก็ยังมีคนต้องการและขับมาซื้อด้วยตนเอง บางคนก็ขับรถเข้ามาแอบอ้างเป็นคนในสวนแล้วบุกเข้ามาเอาต้นไม้ถึงในบริเวณเนอสเซอรี่ ทำให้คุณออมสินตัดสินใจจัดสรรพื้นที่เนอสเซอรี่ใหม่ให้เป็นสัดส่วน และเปิดจุดจำหน่ายต้นไม้ไว้ในบริเวณด้านหน้าสวนทวีชล รวมถึงจัดตั้งเฟสบุ๊คเพจ “สวนทวีชลขายต้นไม้ทุกชนิด” สำหรับสั่งซื้อต้นไม้ออนไลน์พร้อมจัดส่งทั่วประเทศได้อีกช่องทางหนึ่ง

เนอสเซอรี่ต้นไม้ใบที่เตรียมไว้ก่อนออกจำหน่าย

การเพาะต้นไม้จากต้นแม่พันธุ์

แม้ที่นี่จะเพาะเลี้ยงและจัดจำหน่ายต้นไม้หลายชนิด แต่ต้นไม้ที่ขายดีและมีความต้องการในท้องตลาดอยู่เสมอคงหนีไม่พ้นต้นไม้ใบและไม้อวบน้ำอย่างแคคตัส ซึ่งมีวิธีการเพาะและขยายพันธุ์ดังต่อไปนี้

ต้นไม้ใบจะใช้วิธีการปักชำและแยกหน่อเป็นหลัก โดยเลือกตัดกิ่งบริเวณยอดหรือลำต้นที่แข็งแรง หากมีรากเริ่มเดินแล้วควรทำการแยกหน่อที่รากเดินแล้วไปปลูก จากนั้นนำไปแช่น้ำหรือปักชำในภาชนะที่มีวัสดุเตรียมพร้อมไว้แล้ว โดยทั่วไปก็มักจะเป็นวัสดุที่ระบายน้ำง่ายแต่ก็เก็บความชื่นได้ดีอย่างขุยมะพร้าวสับ ขี้เถ้าแกลบและปุ๋ยหมักในสัดส่วนเท่ากัน ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอทุกเดือน

สำหรับต้นไม้อวบน้ำประเภทแคคตัสจะใช้วิธีแยกหน่อกับเพาะเมล็ด การแยกหน่อจะแยกจากหน่อที่สมบูรณ์ของกอแคคตัสหรือไม้อวบน้ำประเภทอื่น โดยใช้คีมบิดออกและนำมาผึ่งไว้ 2-3 วัน จากนั้นจึงมาเพาะโดยทาน้ำยาเร่งรากที่บริเวณรากหรือส่วนที่ตัด แล้วก็นำมาเพาะเลี้ยงในวัสดุปลูกที่ผสมด้วยถ่าน ขี้เถ้าแกลบ ขุยมะพร้าว และทรายในอัตราส่วนเท่ากัน โรยด้วยปุ๋ยละลายช้า

ส่วนการเพาะเมล็ดจะต้องคอยสังเกตช่วงที่ต้นติดฝักให้ดี ซึ่งต้องเก็บเมล็ดจากฝักที่กำลังจะแตกในทุกเช้าก่อนที่จะมันแตกและปลิวไปตามลมอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงค่อยๆแยกเมล็ดมาเพาะในถาดเพาะเมล็ดที่ใช้พีสมอสเป็นวัสดุปลูก บางตัวต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆกว่าจะเริ่มแตกเป็นต้นอ่อน

ฝักที่แก่ได้ที่ของพาชี่โพเดี่ยมที่สามารถนำไปเพาะกล้าได้แล้ว

การเก็บเมล็ดของถังทอง (Echinocactus grusonii hildm)จากผลที่สุกได้ที่ ภายในแม้มีเมล็ดจำนวนมากแต่ก็มีระยะเวลาเจริญเติบโตที่ช้ามากและอัตราเกิดไม่มาก

เพาะอย่างไรให้ทันขายและความต้องการลูกค้า

“เราต้องไม่ตามกระแส เพราะเราต้องเก็บส่วนหนึ่งไว้ทำพันธุ์ ในคลังของเรามีต้นไม้เท่าไหร่ 30 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนทั้งหมดจะต้องถูกเก็บไว้สำหรับเพาะและขยายพันธุ์ต่อ” คุณออมสินเล่า

ต้นไม้ที่จัดจำหน่ายจะเตรียมการไว้แล้วไม่ต่ำกว่า 2 เดือน เตรียมเพาะต้นไม้ในวันนี้ต้องเตรียมไปถึงต้นไม้ที่จะขายในอีก 2 เดือนข้างหน้า เช่นในวันนี้เราเตรียมไม้ฟอกอากาศเช่นลิ้นมังกร ว่านงาช้าง มอนสเตร่าและเดหลีเพื่อรับกับช่วงที่อากาศในเชียงใหม่ไม่ดี สิ่งสำคัญต้องดูแลต้นไม้แม่พันธุ์ที่อยู่ในสวนพฤกษศาสตร์ให้แข็งแรงและเจริญเติบโตได้ดีอยู่เสมอโดยเฉพาะเหล่าแคคตัสและไม้อวบน้ำที่ไม่ใช่ต้นไม้พื้นถิ่นของประเทศไทย ซึ่งปลูกอยู่ในกระโจมที่คลุมด้วยหลังคาพลาสติกโปร่งแสงเพื่อป้องกันฝนและความชื้น

“ก่อนทำกระโจมเราต้องนำวัสดุปลูกที่เป็นดินออก จากนั้นจึงใช้ทรายผสมขี้เถ้าแกลบจากโรงสีและปุ๋ยหมักเป็นวัสดุปลูกทดแทน ทุก 5 ปีก็เปลี่ยนวัสดุปลูกทีหนึ่ง ใส่ปุ๋ยละลายนช้าทุก 3 เดือนพร้อมยาป้องกันเชื้อราและเพลี้ย รดน้ำทุก 3-5 วันครั้ง แต่ต้องดูความชื้นในดินอยู่เสมอก่อนไม่ให้แฉะ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน” คุณตี๋-ธรรมนูญ  ศรีสุวรรณ ผู้จัดการสวนพฤกษศาสตร์ทวีชลเล่า

Euphorbia greenwayi ขยายพันธุ์โดยวิธีการปักชำ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกิ่งของต้นแม่พันธุ์ในโรงเรือนซึ่งต้องตัดแต่งอยู่เสมออยู่แล้ว

ต้นแคคตัส ยูโฟว์เบียและไม้อวบน้ำชนิดต่างๆหลังจากเพาะเมล็ดเป็นต้นกล้าในถาดเพาะรวมแล้วจะนำมาแยกปลูกในกระถางของตัวเองเพื่อจำหน่ายต่อไป

การจัดส่งต้นไม้ทั่วไทย

หลังจากที่ลูกค้าชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ทางสวนทวีชลจะทำการเตรียมแพ็คเพื่อจัดส่งต้นไม้ทางไปรษณีย์ไปยังบ้านลูกค้าตามที่อยู่ที่ได้รับมา สำหรับไม้ใบและไม้ทั่วไปจะทำการหยุดรดน้ำที่กระถางอย่างน้อย 1 วัน ให้แห้งที่สุดก่อน

1.ทำการล้างรากและพันบริเวณรากเป็นตุ้มด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ และนำพลาสติกห่อ สำหรับแคคตัสที่หนามอาจเสียหายได้ง่ายจะทำการห่อด้วยผ้ากระสอบชั้นแรกและกระดาษทิชชูอีกชั้น โดยจะไม่ส่งไปทั้งกระถาง ต้นไม้ ยกเว้นต้นไม้ที่มีกระถางขนาดเล็กน้ำหนักไม่มาก

2.จากนั้นเลือกกล่องที่มีขนาดพอดีกับต้นไม้ ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ต้องมีระยะพอให้สามารถยัดบับเบิ้ลรอบต้นไม้อีกชั้นหนึ่ง สังเกตว่าหากคว่ำกล่องแล้วต้นไม้ยังอยู่ในกล่องได้ไม่ขยับหรือมีเศษดินร่วงลงมาถือว่าใช้ได้

3.ในการนำไปฝากส่งกับบริษัทส่งวัสดุภัณฑ์ต้องเลือกบริษัทที่ไว้ใจได้ พร้อมทำการกำชับและเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรถึงของภายใน หากของได้รับความเสียหายถือว่าเป็นความผิดของบริษัทจัดส่งที่ต้องรับผิดชอบ ต้นไม้บางชนิดอย่างไม้ใบที่มีความชื้นสูงบริษัทบางที่อาจไม่รับจัดส่ง

สำหรับไม้ใบหรือต้นไม้ที่เปราะบางและใบสามารถเสียหายได้ง่ายทางสวนทวีชลจะให้ลูกค้าเป็นคนมารับด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุหรือความเสียหายระหว่างการขนส่ง

เหล่าต้นไม้ฟอกอากาศได้เริ่มจัดเตรียมสำหรับวางขายในช่วยต้นปีที่จังหวัดเชียงใหม่และในเมืองต้องเผชิญกับฝุ่น PM 2.5

อยากฝากอะไรกับผู้ประกอบการที่กำลังเริ่มหันมาทำธุรกิจจำหน่ายพรรณไม้

“อย่าปลูกตามกระแสแต่ต้องใส่ใจเขาด้วย ไม่งั้นเขาก็จะตาย อย่างแคคตัสและไม้ใบเราต้องมีเวลาดูแล ไม่ให้ทรงยืดและไม่สวย สินค้าต้องมีคุณภาพถึงมือลูกค้าเหมือนในรูปที่เราโฆษณา อย่าขายต้นไม้ทั้งๆที่ยังไม่มีราก ต้นที่พึ่งชำใหม่ต้องแยกว่าต้นไหนรากเดินดีแล้วจึงขายได้และหากรากยังอ่อนเกินไปก็ยังขายไม่ได้ คนที่ซื้อไปแล้วหากมันเจริญเติบโตได้ดี เขาก็จะยิ่งมีกำลังใจกลับมาซื้อต้นไม้ต้นใหม่ ลูกค้าส่วนใหญ่ยังไม่รู้วิธีการดูแลที่พอเหมาะดังนั้นพอซื้อไปก็อาจเลี้ยงตายได้ง่าย ดังนั้นเราที่เป็นผู้จำหน่ายและมีประสบการณ์ในการปลูกมาก่อนต้องให้คำแนะนำกับลูกค้าอย่างละเอียดและถี่ถ้วน ว่าจะเอาไปตั้งอย่างไร เราก็จะช่วยหาสภาวะที่เหมาะสมในการตั้ง สำหรับคนที่เริ่มปลูกก็อยากให้เอาใจใส่ ยังไงก็ไม่ตายแน่นอน” คุณออมสินเล่า

ในวิกฤตที่ไม่มีสิ่งใดแน่นอนของสวนทวีชล และโรงแรม Horizon Village Resort เชียงใหม่ ยังคงหาช่องทางในการแปลงสินทรัพย์ที่มีคือต้นไม้ให้เป็นเงินเพื่อเลี้ยงธุรกิจและพนักงานที่เป็นคนในชุมชนรอบๆให้อยู่ได้ ต้นไม้สมุนไพรต่างๆที่ปลูกเพื่อให้ความรู้ในสวนสมุนไพรเริ่มนำมาทำเป็นเบอเกอรี่ที่มีรสชาติเฉพาะตัวและสรรพคุณเป็นยารักษา ต้นไม่ในโรงเรือนนำเอามาขยายพันธุ์และจำหน่าย ที่ดินเปล่านำมาให้พนักงานปลูกผักไว้บริโภคและจำหน่ายให้กับโรงแรมและร้านอาหารเป็นอีกช่องทางรายได้หนึ่ง ไม่เว้นแม้แต่เศษกิงไม้และขยะมูลฝอยยังนำมาหมักเพื่อผลิตเป็นปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอมคุณภาพดีอีก คุณออมสินทิ้งท้ายว่า

“เราจะต้องทำให้สวนยั่งยืนได้ด้วยตัวเอง สิ่งสำคัญคือนำผลผลิตที่มีมาแปรรูปและสร้างผลผลิตใหม่จากวัตถุดิบที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าที่มีอยู่ เพื่อเป็นรายได้ที่สามารถมาช่วยธุรกิจอื่นได้ ช่วยให้ชุมชนและพนักงานของเราก็ยังพอมีรายได้เพิ่มจากการขายผลผลิตไว้กินไว้ใช้ในช่วงที่ยากลำบากนี้”


สถานที่ : สวนพฤกษศาสตร์ทวีชล เชียงใหม่ เลขที่ 118 หมู่ที่ 7 เชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 0-5329-2381-5 และ 08-1443- 9499

www.tweecholbotanicgarden.com

https://www.facebook.com/tweecholandthetrees

เรื่อง : ปัญชัช

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

เที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ทวีชล จังหวัดเชียงใหม่

สวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

I Love Flower Farm ฟาร์มดอกไม้สุดอลังการ

The post สะสมและขายต้นไม้ในสวนจนเป็นเงิน ช่องทางสู้วิกฤตโควิด-19 ของโรงแรม Horizon Village Resort เชียงใหม่ appeared first on บ้านและสวน.


COPENHAGEN ISLANDS สวนสาธารณะแห่งอนาคตในรูปแบบหมู่เกาะกลางน้ำเคลื่อนที่ได้

$
0
0

ย้อนกลับไปในปี 2018 ทันทีที่ CPH-Ø1 ต้นแบบ สวนสาธารณะลอยน้ำ แห่งอนาคตเกาะแรกของโลก ถูกทดลองปล่อยเกาะโดยการใช้เรือลากออกไปลอยละล่องเหนือผืนน้ำใจกลางกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ก็ได้รับความสนใจจากสื่อหลายสำนักหยิบยกประเด็นนี้มาพูดถึงมากมาย

จากนั้น สวนสาธารณะลอยน้ำ แห่งแรกก็ได้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมในท่าเรือ เป็นทั้งที่นั่งพูดคุยและปิกนิกริมน้ำของชาวเมือง เรื่อยไปจนถึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการภาพถ่าย

สวนสาธารณะลอยน้ำ

ชมวีดีโอ สวนสาธารณะลอยน้ำ CPH-Ø1 ที่กำลังถูกเรือลากออกไปกลางผืนน้ำจากอินสตาแกรมของ Blecher ได้ที่นี่ https://www.instagram.com/p/BlfWVXEAnSQ/

จนถึงตอนนี้ เชื่อว่าทั่วทั้งโลกเองก็อดตื่นเต้นไม่ได้เช่นกัน ที่จะรอให้ต้นแบบตัวที่เหลืออย่าง CPH-Ø2 และ CPH-Ø3 ถูกปล่อยเกาะมาให้ครบ เพื่อดูว่าผลลัพธ์สุดท้ายแล้ว สวนสาธารณะลอยน้ำ ที่จะมาในรูปแบบหมู่เกาะเคลื่อนที่ ที่สามารถย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้นี้ จะสร้างมิติแปลกใหม่ให้กับเมืองหลวงของประเทศเดนมาร์กได้มากน้อยขนาดไหน

สวนสาธารณะลอยน้ำ

Copenhagen Islands หรือ หมู่เกาะเคลื่อนที่ได้ในชื่อ “Parkipelago” เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ Marshall Blecher สถาปนิกและนักสร้างเกาะชาวออสเตรเลีย กับ Magnus Maarbjerg สถาปนิกแห่ง FOKSTROT ท้ายที่สุดจากโครงการไม่แสวงหาผลกำไรก็ได้รับการสนับสนุนจาก Københavns Kommune หรือ Copenhagen Municipality ให้เกิดขึ้นจริง

Parkipelago เกิดที่ผสานคำว่า Park (สวนสาธารณะ) และ Archipelago (หมู่เกาะ) เข้าด้วยกัน โดยที่โมเดลต้นแบบตัวแรกที่พวกเขาออกแบบและถูกเรียกว่า CPH-Ø1 มีขนาดพื้นที่เพียง 20 ตารางเมตรเท่านั้น

หมู่เกาะนี้ยืดหยุ่นถึงกระทั่งการเคลื่อนที่แยกส่วนเพื่อให้เกิดหมู่เกาะกลางน้ำสำหรับทำกิจกรรมยิบย่อยที่แตกต่างกันไป เรื่อยไปจนถึงเคลื่อนที่พวกมันเข้าหากันเป็นกลุ่มก้อนเพื่อจัดกิจกรรมซึ่งต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างสะดวก

โครงสร้างของพวกมันถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับแพ หรือกระถางยักที่ปลูกไม้ต้นพื้นถิ่นเอาไว้เป็นแกนกลางสำหรับเป็นที่ให้นกได้บินมาเกาะกิ่ง รวมถึงเป็นที่อยู่ของแมลงต่าง ๆ

ในขณะเดียวกันฐานรากของเกาะที่อยู่ใต้น้ำก็จะกลายเป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำ หมู่ปลา หอย เรื่อยไปจนถึงสาหร่ายทะเลได้อีกด้วย

สวนสาธารณะลอยน้ำ

วัสดุหลักผู้ออกแบบเลือกใช้คือไม้ที่นำมาจากป่าปลูกทดแทนและไม้รีไซเคิลทั้งหมด ซึ่ง CPH-Ø2 และ CPH-Ø3 ที่จะถูกปล่อยออกมาในเร็ว ๆ นี้ จะถูกสร้างขึ้นด้วยมือของช่างในลานต่อเรือทางตอนใต้ของโคเปนเฮเกน โดยใช้เทคนิคการสร้างเรือไม้แบบดั้งเดิมมาประยุกต์

ท่ามกลางอัตราการขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของพื้นที่ริมท่าเรือในเมืองโคเปนเฮเกน จนส่งผลกระทบถึงพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจซึ่งลดน้อยถอยลง Copenhagen Islands จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมากในการสร้างพื้นที่พักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติ หรือสวนสาธารณะที่มีบรรยากาศร่มรื่น ซึ่งแนวคิดนี้ก็เป็นความต้องการของทั้ง Blecher และ Maarbjerg เองที่อยากนำผืนป่าเล็ก ๆ ซึ่งดูเป็นเรื่องเพ้อฝัน มุ่งหน้าสู่ใจกลางกรุงโคเปนเฮเกนให้กลายเป็นเรื่องจริง

สวนสาธารณะลอยน้ำ

ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ เมื่อมันถูกสร้างแล้วเสร็จ CPH-Ø1-Ø3 จะกลายเป็นสถานที่ซึ่งเหมาะมากสำหรับกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการพายคายัค นอนอาบแดด ว่ายน้ำรอบเกาะ เป็นที่จอดเทียบท่าของเรือลำน้อย หรือเป็นที่นั่งตกปลาก็ตามแต่

อีกเช่นเดียวกัน มันจะเป็นต้นแบบเกาะลอยน้ำเคลื่อนที่ ที่สามารถท้าทายข้อจำกัดของสภาพแวดล้อมของเมืองที่ไม่เอื้ออำนวยให้มีพื้นที่พักผ่อนในลักษณะนี้ หรือแม้กระทั่งบริบทของโลกที่ระดับน้ำทะเลนับวันจะยิ่งสูงขึ้น เกาะนี้ก็จะเป็นทางเลือกใหม่ที่ไม่เลวเลยว่าไหมล่ะ

Copenhagen Islands ได้รับรางวัลพื้นที่สาธารณะและรางวัลด้านการออกแบบเพื่อสังคม รางวัล Taipei International Design Awards, ได้เข้าไปอยู่ใน finalist ของ Beazley design prize ที่มอบให้โดย London Design Museum และล่าสุดก็เข้าไปอยู่ใน finalist ของรางวัล Danish Design Prize

รายละเอียดเพิ่มเติม www.copenhagenislands.com

ออกแบบ: Marshall Blecher | www.marshallblecher.com
และ Magnus Maarbjerg

เรียบเรียง: ND24
ภาพ: Copenhagen Islands

สวนสาธารณะลอยน้ำ
สวนลอยน้ำ สวนสมมุติทำได้จริงในงาน Bangkok Design Week 2018

The post COPENHAGEN ISLANDS สวนสาธารณะแห่งอนาคตในรูปแบบหมู่เกาะกลางน้ำเคลื่อนที่ได้ appeared first on บ้านและสวน.

โชว์สวนดอกไม้ ณ ป้อมมหากาฬ พื้นที่ที่แลกมาด้วยชุมชนชานกำแพงพระนครแห่งสุดท้าย

$
0
0

ก่อนจะเป็น สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ พื้นที่ตรงนี้คือชุมชนป้อมมหากาฬซึ่งเป็น “ชุมชนชานกำแพงพระนคร” ที่เหลืออยู่แห่งสุดท้ายของเกาะรัตนโกสินทร์ ผ่านมากว่า 2 ปีกับการรื้อถอนชุมชนออกเพื่อปรับเป็นสวนสาธารณะอย่างในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้ทางกรุงเทพมหานครได้จัดงาน “ยลป้อมมหากาฬยามสายัณห์…ในวันดอกไม้บาน” เป็นสวนดอกไม้ในพื้นที่ 4 ไร่ ที่เปิดให้คนกรุงได้ชมเชยระหว่างเวลา 05.00 – 21.00 น. ทุกวัน จนถึงต้นปีหน้ากันเลย

สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ

สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ

สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ

นอกเหนือจากการไปชมความสวยงามของดอกไม้แล้ว เราควรตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่ทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ จึงต้องย้อนกลับไปตั้งคำถามว่า สวนแห่งนี้ได้ทำหน้าที่สำเร็จตามวัตถุประสงค์ตามที่ กทม.ใช้เป็นเหตุผลในการรื้อชุมชนกลบหน้าประวัติศาสตร์ออกไปหรือไม่ เรามาฟังความคิดเห็นของ ศ.ดร.ชาตรี ประกิตนนทการ สถาปนิกผู้เป็นนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม และ คุณยศพล บุญสม ภูมิสถาปนิกผู้ชำนาญการพัฒนาเมือง

ศ.ดร.ชาตรี ประกิตนนทการ

อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นสถาปนิกและนักประวัติศาสตร์ผู้ทำวิจัยเรื่องบ้านโบราณในชุมชนมานานก่อนการไล่รื้อครั้งสุดท้าย และเป็นส่วนหนึ่งที่เสนอให้เก็บบ้านเก่าไว้คู่กับวิถีชีวิตชุมชนเพื่อทำให้เป็น “พิพิธภัณฑ์มีชีวิต” ร่วมกับหลายองค์กรภาคสังคม รวมถึงเป็นผู้หนึ่งที่ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสถาปัตยกรรมหลายแห่งรอบเกาะรัตนโกสินทร์มาเป็นเวลาไม่น้อย ได้ให้ความคิดเห็นว่า

สวนสาธารณะที่ถูกปิดล้อม

“ตั้งแต่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬมาเป็นสวนสาธารณะกว่า 2 ปี ตามที่เห็นกัน ถือเป็นสวนสาธารณะที่ล้มเหลวตามที่คาดการณ์ไว้ ด้วยตำแหน่งที่ตั้งและบริบทไม่เหมาะกับการทำเป็นสวนสาธารณะอยู่แล้ว เพราะเป็นพื้นที่ค่อนข้างปิด ขนาบด้วยคลองและกำแพงเมืองเก่า จึงเข้าถึงพื้นที่ด้านในยาก ผลที่ตามมาคือ มีคนใช้งานน้อย” (อ่านรายละเอียดในบทสัมภาษณ์เรื่อง ย่านเก่า…ทำไมเราไม่เลือกเก็บ? – ย้อนมองกรณี ชุมชนป้อมมหากาฬ กับ ศ.ดร.ชาตรี ประกิตนนทการ )

“ส่วนการทำเป็นสวนดอกไม้เป็นอีกประเด็น ซึ่งถือเป็นอีเว้นท์ชั่วคราวและตกแต่งด้วยดอกไม้ที่บานสวยแบบชั่วคราวเช่นกัน ไม่ใช่ว่าอีเว้นท์สวนดอกไม้แบบนี้ไม่ดีนะ แต่มันไม่คุ้มค่ากับ “คุณค่า” ของพื้นที่ เราไม่เรียกร้องการเอาชุมชนกลับมา แต่พื้นที่ตรงนี้ทาง กทม. โปรโมทมาตลอดว่า เป็นพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ถ้ารื้อชุมชนแล้วจะเผยให้เห็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของโบราณสถาน และจะทำเป็นสวนสาธารณะที่ให้คนเมืองมาใช้สอยอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เท่าที่รับรู้ ยังไม่มีอะไรสำเร็จตามวัตถุประสงค์ทั้งสองอย่างนั้น”

สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ

เราไม่อาจย้อนอดีต แต่ควรไปในทิศทางที่ถูกต้อง

“จากการประเมินช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมาทาง กทม. อาจจะไม่ได้มีการวางแผนระยะยาว ในอนาคตที่ตรงนี้อาจจะเป็นเพียงพื้นที่ว่างสำหรับจัดอีเว้นท์ตามเทศกาล แต่ความคาดหวังและสิ่งควรจะเป็นไป คือ ควรกลับมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่เคยโปรโมทไว้เมื่อหลายปีก่อน และเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูดจริงๆ ว่าจะพัฒนาพื้นที่นี้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ “ชานกำแพงพระนคร” เหลืออยู่แห่งเดียวในเกาะรัตนโกสินทร์อย่างไร”

คุณยศพล บุญสม

ภูมิสถาปนิกและหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท ฉมา จำกัด และ บริษัท ฉมา โซเอน จำกัด ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมในสังคมเพื่อทำเมืองให้น่าอยู่ ได้ให้ความคิดเห็นว่า

ดิสนีย์แลนด์ข้างกำแพงเมือง

“การเป็นพื้นที่สาธารณะไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบเดียวที่เป็นสนามหญ้าเรียบๆ และวัด วัง เท่านั้นที่ถือเป็นสิ่งมีคุณค่าคู่ควรกับเมือง ถ้ามีกรอบแนวคิดแบบนั้น จะทำให้วิถีชุมชนและชาวบ้านซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของเมืองก็จะหายไปด้วย และจะกลายเป็นเมืองที่ไม่มีชีวิต เป็นเมืองที่ตอบสนองนักท่องเที่ยวซึ่งไม่ได้ยึดโยงกับรากที่เราเป็น คิดง่ายๆ หากเราเดินเข้าไปในสถานที่นั้นแล้วไม่รับรู้ถึงความเป็นมา ก็เหมือนเราไปดิสนีย์แลนด์ เมื่อย้อนกลับมาดูที่สวนสาธารณะป้อมมหากาฬที่เป็นสนามหญ้าเรียบร้อยมีสวนดอกไม้ก็กำลังกลายเป็นแบบนั้น ซึ่งไม่มีอะไรที่จะส่งต่อหน้าประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นต่อไปได้”

สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ

สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ

 “หากมองในแง่การท่องเที่ยวของยุคนี้ เราไม่ได้ท่องเที่ยวเพื่อไปดูสิ่งก่อสร้างที่ตายไปแล้ว แต่อยากเข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตที่เป็นรากของพื้นที่นั้นๆ เป็นเรื่องน่ากังวลว่าพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์กำลังทำในสิ่งตรงกันข้ามที่วิถีชีวิตค่อยๆ หายไป แลกกับเมืองที่ดูสวยเป็นระเบียบขึ้น ซึ่งจริงๆ มันมีตรงกลางที่จะทำได้ทั้งการรักษาวิถีชีวิตและเมืองที่เป็นระเบียบ”

สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ

หัวใจของพื้นที่สาธารณะที่ดี ไม่ใช่พื้นที่แต่คือผู้คน

“ต้องบอกว่าน่าเสียดายที่สวนแห่งนี้ขาดในสองประเด็นใหญ่ คือ ไม่ได้รับการออกแบบด้านกายภาพให้มีคุณภาพและวิธีการที่จะให้คนเข้าไปใช้พื้นที่สาธารณะและได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ดั้งเดิม อีกประเด็นคือ ขาดการบริหารจัดการที่เอื้อให้เกิดกิจกรรมที่ยึดโยงย่านกับผู้คนเข้าด้วยกัน เราไม่ควรจะมาถึงจุดนี้ที่ลบภาพเดิมออก แล้วมาจำลองประวัติศาสตร์ที่เคยอยู่ตรงที่เราลบมันไป”

สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ

สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ

สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ

“กรณีการรื้อชุมชนป้อมมหากาฬนั้นแก้ไขไม่ได้แล้ว แต่อาจเกิดกรณีอื่นๆ อีก ถ้าเราไม่ทบทวนการพัฒนาเมืองในรูปแบบนี้ ซึ่งควรเริ่มตั้งแต่การปรับทัศนคติของภาครัฐว่า พื้นที่สาธารณะที่ดีเป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่เรื่องสถานที่ที่สวยงามปลูกต้นไม้เป็นแนวเท่านั้น แต่คือการมีส่วนร่วมของผู้คนให้เกิดความรักในย่านและชุมชน ผู้คนจึงควรมีส่วนร่วมตั้งแต่แรก คิดร่วมกันว่าจะพัฒนาและบริหารจัดการกันอย่างไร ซึ่งมีหลายโครงการในกรุงเทพฯ ที่เกิดขึ้นแล้วและทำได้ดี สุดท้ายคือการปรับกลไกของหน่วยงานภาครัฐ จะใช้กลไกเดิมๆ ที่ กทม. ทำเองทุกอย่างไม่ได้แล้ว อาจต้องมีความร่วมมือจากภาคเอกชน มีการประกวดแบบ และอีกหลายๆวิธี แน่นอนว่ามันไม่ง่าย แต่ถ้าเราอยากให้เมืองดีขึ้น เราก็ควรต้องทำ”


เรื่อง ศรายุทธ ศรีทิพย์อาสน์

ภาพ สิทธิศักดิ์ น้ำคำ, ฝ่ายภาพนิตยสาร room, บ้านและสวน

อ่าน ย้อนเรื่องชุมชนป้อมมหากาฬ

ย่านเก่า…ทำไมเราไม่เลือกเก็บ? – ย้อนมองกรณี ชุมชนป้อมมหากาฬ กับ ศ.ดร.ชาตรี ประกิตนนทการ

อ่าน โครงการที่ประสบความสำเร็จจากการมีส่วนร่วมของชุมชน

กระตุ้นเศรษฐกิจ (ความคิด) เมือง และผู้คน ด้วยทางเดินสีเขียวจากพื้นที่รกร้างไร้ประโยชน์ในกทม.

The post โชว์สวนดอกไม้ ณ ป้อมมหากาฬ พื้นที่ที่แลกมาด้วยชุมชนชานกำแพงพระนครแห่งสุดท้าย appeared first on บ้านและสวน.

แก้ปัญหาฉนวน PE หลุดล่อน

$
0
0

หลังคาเมทัลชีทที่กรุ ฉนวนกันความร้อน พอลิเอทีลีน หรือที่เรียกกันว่า ฉนวน PE Foam (มีลักษณะเป็นโฟมสีขาวปิดด้วยแผ่นสะท้อนความร้อนสีเงิน) เมื่อผ่านมา 3-5 ปี มักเกิดปัญหาแผ่นฉนวนเสื่อม หรือหลุดล่อนลงมา เป็นเศษผงให้เก็บกวาดทุกวัน มาดูสาเหตุและวิธีการแก้ปัญหากัน

ฉนวนกันความร้อน หลุดล่อนมี 3 สาเหตุ

คุณภาพวัสดุ ฉนวนพีอีมีอายุการใช้งานประมาณ 10 ปี เมื่อมีการผลิตที่ได้มาตรฐาน ความหนาของแผ่นฉนวนก็มีผลกับความคงทน ฉนวนยิ่งบางก็จะขาดง่าย ซึ่งในท้องตลาดมีความหนา 3, 5 และ 10 มิลลิเมตร

ความชื้น เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ฉนวนหลุดล่อน โดยสังเกตจากฉนวนบริเวณปลายหลังคามักล่อนก่อนที่อื่น รวมถึงจุดที่หลังคามีการรั่วซึม

วิธีการติดตั้ง แผ่นฉนวนจะยึดติดกับเมทัลชีทด้วยกาว ซึ่งการติดตั้งมาจากโรงงานโดยรีดด้วยเครื่องจักรจะมีคุณภาพดีกว่าการติดตั้งด้วยมือที่ช่างทำเอง เพราะอาจติดกาวไม่สม่ำเสมอและไม่ทั่วถึง

การป้องกัน

ไม่ควรกรุ ฉนวนกันความร้อน บริเวณที่อาจโดนความชื้นบ่อย  เช่น บริเวณปลายหลังคา ควรเว้นระยะการกรุฉนวนเข้ามาอย่างน้อย 10 เซนติเมตร เพื่อป้องกันน้ำย้อนเข้ามา รวมถึงบริเวณชายคาที่ไม่มีฝ้าเพดานซึ่งอยู่นอกอาคาร ก็มีโอกาสโดนน้ำ จึงไม่จำเป็นต้องกรุฉนวนกันความร้อนเช่นกัน

หากฉนวนบริเวณปลายหลังคาเริ่มหลุดล่อน ควรกรีดออกเพื่อไม่ให้น้ำลามไปบริเวณอื่น

การแก้ไข

กรณีที่ฉนวนพีอีหลุดออกมาเกือบหมดแล้ว แนะนำให้รื้อแผ่นหลังคาเมทัลชีท ลอกฉนวนเก่าออกให้หมด แล้วปูฉนวนใหม่โดยเลือกชนิดที่วางบนแปได้ แต่ถ้าการรื้อหลังคาเป็นเรื่องยากเกินไป ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

1.ถ้าฉนวนหลุดล่อนเพราะโดยน้ำ ให้หาจุดที่น้ำรั่วแล้วซ่อมแซมรอยรั่วก่อน โดยจุดที่มักเกิดน้ำรั่ว เช่น รอยต่อกับผนังอาคาร บริเวณที่เจาะยึดสกรู  จากนั้นกรีดฉนวนที่มีน้ำขังออกมาให้หมด เพื่อไม่ลามไปโดนบริเวณที่กาวยังมีสภาพดีอยู่  ติดฉนวนชิ้นใหม่ด้วยกาวทารองเท้า แล้วปิดขอบด้วยเทปกาวอะลูมิเนียมฟอยล์

2.ลอกฉนวนเดิมออกให้มากที่สุด

3.ติดตั้งฉนวนใหม่ สามารถติดตั้งได้หลายกรณี เช่น

การติดตั้งฉนวนใต้แป

โดยยึดด้วยสกรูรองด้วยแหวน

ฉนวนกันความร้อน

ติดตั้งฉนวนระหว่างแปหรือระหว่างจันทัน

โดยตัดแผ่นฉนวนให้พอดีกับระยะห่างของโครงสร้างหลังคา และอาจกรุตะแกรงเหล็กเพื่อป้องกันแผ่นฉนวนห้อยตัวลงมา

ฉนวนกันความร้อน

ติดตั้งฉนวนแล้วกรุแผ่นฝ้าเพดาน

เสริมโครงคร่าวแล้วกรุแผ่นฉนวนระหว่างโครงหลังคา จากนั้นปิดด้วยวัสดุแผ่นเรียบอีกชั้น วิธีนี้สามารถเลือกใช้ฉนวนชนิดวางบนฝ้าได้

ฉนวนกันความร้อน

Tips

ค่าแรงช่างมุงหลังคาเมทัลชีท / ซ่อม / รื้อถอน (เฉพาะค่าแรงช่าง)

ค่าแรงช่างมุงหลังคา : ราคา 120 – 400 บาท/ตารางเมตร

ค่าแรงช่างซ่อมหลังคา : ราคา 150 -500 บาท/ตารางเมตร

ค่าแรงช่างรื้อถอนหลังคา : ราคา 20 – 35 บาท/ตารางเมตร

————————————————————————————————————————————————————————————————————————————–เรื่อง/ภาพ ศรายุทธ ศรีทิพย์อาสน์

ภาพประกอบ pstaryu

อ่านเรื่องที่น่าสนใจ

รวมฉนวนกันความร้อน 4 ชนิดยอดนิยม พร้อมราคาขาย

จำเป็นต้องติดฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาเมทัลชีทหรือไม่

หลังคาฉนวนกันความร้อนสำเร็จรูป เลือกให้ถูก คุ้มราคา บ้านเย็นจริง!

The post แก้ปัญหาฉนวน PE หลุดล่อน appeared first on บ้านและสวน.

ปุ๋ยสูตรผีบอก แต่ไม่ได้มาหลอกเพราะใช้ได้จริง

$
0
0

เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมผงชูรส เครื่องดื่มชูกำลัง กะปิ นม น้ำตาล หรือแม้แต่ไข่ไก่ ที่ถูกใช้ประโยชน์ให้เป็นอาหารของต้นไม้ ซึ่งหากคร่ำหวอดในช่องทาง youtube จะเห็นว่ามีหลากหลาย youtuber ที่เป็นเกษตรกรท้องถิ่นได้นำสูตรเหล่านี้ไปใช้กับพืชผักสวนครัวแล้วได้ผลจริง

วันนี้เราจะมาถอดรหัสดูกันสักหน่อย มีอะไรอยู่ในเครื่องปรุงและอาหารเหล่านี้ จึงทำให้เกิดประโยชน์ต่อพืชผักนอกเหนือจากประโยชน์ต่อร่างกายคนเรา ซึ่งแม้จะยังไม่ได้มีงานวิจัยรับรองถึงสัดส่วนและปริมาณของธาตุอาหาร มีเพียงข้อสรุปจากเวทีสัมนาทางการเกษตรที่อธิบายถึงชนิดของธาตุต่างๆ ที่อยู่ในอาหารเหล่านั้นแล้วถูกกระบวนการเมแทบอลิซึม (Metabolism) ทำให้พืชสามารถใช้ประโยชน์ได้ หรือแท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่ความเชื่อ เป็นเพียงสูตรผีบอกที่เล่าต่อๆ กันมาเท่านั้น

• รวมสูตรน้ำหมัก&ปุ๋ยหมัก สำหรับปลูกผักปลอดสารพิษ 
• ปุ๋ยหมัก จากเศษอาหาร Zero Waste ในบ้านที่ทุกคนทำได้

 

1 | ผงชูรส

ผงชูรส เร่งดอก เร่งผล

เชื่อว่าหลายคนคงตกใจพอสมควรเมื่อรู้ว่าผงชูรสนั้นใช้บำรุงพืชผักได้ ผงชูรสคือโมโนโซเดียมกลูตาเมต (Monosodium glutamate) เป็นเกลือของกรดกลูตาเมต (Glutamic Acid) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง เป็นองค์ประกอบของโปรตีนทุกชนิด เป็นสารสำคัญต่อระบบการเผาผลาญ ผงชูรสเมื่อละลายน้ำจะอยู่ในรูปของกรดอะมิโนพืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ จึงช่วยกระตุ้นการออกดอกและทำให้ได้ผลผลิตเพิ่ม แต่ข้อควรระวังในการใช้งานคือฉีดพ่นแต่เพียงพอเหมาะในช่วงที่พืชผักเติบโตเต็มที่และใกล้จะติดดอกหรือออกดอกแล้ว ไม่ควรใช้ในตอนที่พืชผักกำลังเติบโต เพราะจะไปยับยั้งการสร้างราก

2 | เครื่องดื่มชูกำลัง

เครื่องดื่มชูกำลัง รดต้นไม้

ทำไมเวลาดื่มเครื่องดื่มชูกำลังแล้วรู้สึกชื่นใจ นั่นเพราะส่วนผสมอันอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่เพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกาย ซึ่งมีธาตุอาหาร 2 ชนิดที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ คือ น้ำตาลซูโครสและวิตามินบี น้ำตาลซูโครสนี้เป็นสารที่เข้าไปกระตุ้นให้พืชดูดซึมธาตุอาหารต่างๆ ทางใบ ส่วนวิตามินบีนั้นเป็นตัวกระตุ้นให้พืชเกิดกระบวนการสร้างรากได้เร็วขึ้น การใช้เครื่องดื่มชูกำลังจึงทำให้ต้นไม้เติบโตและเร่งรากได้เร็ว แต่ข้อควรระวังก็มี เพราะการให้น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ใบนั้นจะส่งผลให้สารตกค้าง ซึ่งน้ำตาลเป็นอาหารชั้นดีของราโรคพืช ฉะนั้นหากเลือกใช้เครื่องดื่มชูกำลังกระตุ้น ควรใส่ในช่วงที่พืชต้องการจริงๆ เช่น ตอนที่พืชอ่อนแอ สภาพอากาศเปลี่ยนทันที และควรใช้ในปริมาณพอเหมาะ ไม่มากเกินไป เพื่อป้องกันปัญหาโรคพืช

3 | กะปิ

กะปิ ใส่ต้นไม้

กะปิ เป็นอีกเครื่องปรุงคู่ครัวไทยที่ทำมาจากกุ้งฝอย เคย ซึ่งเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ในกะปินี้มีสารไซโตไคนิน (Cytokinin) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นการแบ่งเซลล์และการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ โดยเฉพาะในส่วนของลำต้นและรากของพืช ส่งเสริมการสร้างและการเจริญของตาข้าง การแผ่กิ่งก้านสาขา และการงอกของเมล็ด อีกทั้งยังช่วยป้องกันการสลายตัวของคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ช่วยให้พืชผักผลไม้มีอายุยืนและสามารถรักษาความสดใหม่เอาไว้ได้ยาวนานด้วย นอกจากกะปิแล้วในน้ำมะพร้าวก็มีสารไซโตไคนินอยู่ด้วยรวมถึงสัตว์ไม่มีกระดูกอื่นๆ ทั้งปู หนอน ไส้เดือน แมลงต่างๆ เป็นต้น

กะปิถูกใช้เป็นฮอร์โมนเร่งรากสำหรับการขยายพันธุ์พืช ควบคู่กับเครื่องดื่มชูกำลัง โดยผสมน้ำเปล่าแช่กิ่งตัดชำก่อนเสียบดิน และใช้ทากิ่งสำหรับเร่งรากเพื่อตอนกิ่งได้ด้วย

4 | นมสด นมเปรี้ยว

ฮอร์โมนนมสด

นมสดเป็นสารอาหารมากประโยชน์ แต่รู้หรือไม่ในน้ำนมนั้นประกอบด้วยสารอาหารโปรตีนสูงเรียกว่า เคซีน โกลบูลิน อัลบูมิน และกรดอะมิโน ทั้งยังมีน้ำตาลแลคโตส และเคซีนที่มีเฉพาะในน้ำนมเท่านั้น ซึ่งเมื่อโปรตีนถูกย่อยจะได้เป็นกรดอะมิโน เมื่อย่อยกรดอะมิโนจะได้เป็นไนโตรเจน (N) ซึ่งเป็นธาตุอาหารของพืช

ปุ๋ยนมสดมีจุลินทรีย์ที่ทำหน้าที่ 3 ตัวหลัก ตัวแรก ได้แก่ จุลินทรีย์บาซิลลัสจะไปสร้างฟอสฟอรัส (P) แลคติกแอซิสแบคทีเรีย จะทำหน้าที่สร้างโพแทสเซียม(K ) และตัวสุดท้าย สเปคโตเบรกเตอร์ จะทำหน้าที่สร้างไนโตเจน (N) ซึ่งเป็นธาตุอาหารสำคัญต่อพืช แต่เพื่อให้มีประสิทธิภาพที่มากยิ่งขึ้น มักผสมกับจุลินทรีย์สร้างเป็นฮอร์โมนนมสดที่มีประสิทธิภาพมากกว่า

ในส่วนของนมเปรี้ยว ซึ่งเกิดจากกระบวนการหมักของนมสดกับเชื้อจุลินทรีย์ ทำให้มีแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัส เมื่อผ่านกระบวนเมทาบอลิซึมจะได้เป็นกรดแลคติก (Lactic Acid) ซึ่งกรดแลคติกนี้มีประโยชน์ต่อทั้งคนและพืช ช่วยส่งเสริมการระบายอากาศในดิน ช่วยย่อยสลายและดูดซับแร่ธาตุให้ยึดเกาะกับเม็ดดินได้นานขึ้นด้วย

5 | ไข่ไก่ เปลือกไข่

ฮอร์โมนไข่

นอกจากเปลือกไข่จะประกอบด้วยแคลเซียมที่สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยสำหรับบำรุงต้นไม้และป้องกันศัตรูพืชอย่างหอยทากได้แล้ว ไข่ยังอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อทั้งร่างกายคนและเป็นธาตุอาหารของพืช ซึ่งโปรตีนในไข่เมื่อผ่านกระบวนการเมแทบอลิซึมจะได้เป็นกรดอะมิโน แล้วกลายเป็นไนโตรเจน (N) ธาตุอาหารสำคัญของพืช และยังมีวิตามิน กำมะถัน โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม และธาตุเหล็กอีกด้วย

• ทำปุ๋ยน้ำจากเปลือกไข่

 การนำไปใช้

ธาตุอาหารต่างๆ ที่อยู่ในอาหารเหล่านี้ พืชจะยังไม่สามารถดูดซึมไปใช้ได้ ต้องผ่านกระบวนการย่อยด้วยจุลินทรีย์ก่อนเพื่อให้มีโมเลกุลที่เล็กลง ผ่านกรรมวิธีการหมักเป็น “ปุ๋ยหมักชีวภาพ” ซึ่งช่วยกระตุ้นให้พืชผักสามารถดูดซึมธาตุอาหารได้ดี ทำให้ผักเติบโตได้ดี ออกดอกเก็บผลได้ในปริมาณมากขึ้น

สูตรเร่งด่วน เร่งดอก เร่งผล สำหรับผักกินผล

ส่วนผสม

– ผงชูรส 1 ช้อนโต๊ะ

– เครื่องดื่มชูกำลัง 1 ช้อนโต๊ะ

– กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ

– ขวดพลาสติก

นำทั้งหมดผสมให้เข้ากันกับน้ำ 5 ลิตร ใช้งานได้ทันที ฉีดพ่นทางใบและดอกในช่วงพืชผักออกดอก การใช้ฮอร์โมนสูตรเร่งด่วนต้องใช้อย่างระมัดระวัง ควรใช้ในช่วงที่พืชเริ่มออกดอกแล้วจะช่วยให้ดอกแข็งแรง ติดผลได้เร็วขึ้น

 

สูตรฮอร์โมนไข่ บำรุงดอก ผล ใบ สำหรับผักกินใบและกินผล

ฮอร์โมนไข่

ส่วนผสม

-ไข่ไก่ 4 ฟอง

-น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ

-นมเปรี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ

– ขวดพลาสติก

ระยะเวลาหมัก 14 วัน (ยิ่งนาน ยิ่งเข้มข้น) ระหว่างนั้นให้เปิดขวดพลาสติกเพื่อระบายแก๊สเป็นระยะ เมื่อครบ 14 วัน ใช้อัตราส่วน 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 5 ลิตร ซึ่งมีความเข้มข้นเพื่อเร่งให้พืชออกดอก หากพืชออกดอกแล้วใช้เจือจางลงในอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 5 ลิตร ฉีดพ่นทางใบและดอก ฮอร์โมนไข่มีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งบำรุงต้น ดอก ผล จึงใช้ได้กับพืชทุกประเภททั้งกินใบและกินผล

 

สูตรฮอร์โมนนมสด บำรุงใบ สำหรับผักกินใบ

ฮอร์โมนนมสด

ส่วนผสม

-นมสด 1 กล่อง

-น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ

-นมเปรี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ

– ขวดพลาสติก

ระยะเวลาหมัก 14 วัน (ยิ่งนาน ยิ่งเข้มข้น) ระหว่างนั้นให้เปิดขวดพลาสติกเพื่อระบายแก๊สเป็นระยะ อัตราส่วนใช้งาน 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 5 ลิตรฉีดพ่นทางใบ ฮอร์โมนนมสดจะมีจุลินทรีย์บาซิลลัส แลคติกเอสิส  เชื้อ Bacillus thuringiensis (Bt) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่สามารถทำลายหนอนชนิดต่างๆ และรวมถึงจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ Bacillus subtilis (Bs) ที่ป้องกันโรคพืชที่มีสาเหตุเกิดจากเชื้อราและแบคทีเรียได้ด้วย

ทั้ง 3 สูตรที่กล่าวมานี้ได้รวบรวมมาจากแหล่งเรียนรู้หลายที่ ซึ่งผ่านการยืนยันมาแล้วว่าเกิดผลดีต่อพืชผักสวนครัว เพิ่มผลผลิตได้จำนวนมากขึ้น แม้ว่ารวมมูลค่าของส่วนผสมแล้วนั้นจะมากกว่าราคาปุ๋ยที่หาซื้อได้ง่ายๆ ตามท้องตลาดก็ตามที แต่ในระยะยาวที่อาจส่งผลกับระบบดินหรือไม่นั้น อาจต้องรองานวิจัยที่แน่ชัดอีกครั้ง

 

เรื่อง: JOMM YB

ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

 

อ้างอิง

-เอกสารการประชุมวิชาการแห่งชาติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน หัวข้อ “ผลของกากนํ้าตาลผงชูรส (อามิ-อามิ) ผสมขี้เถ้าลอยต่อการเจริญเติบโต และองค์ประกอบผลผลิตของมันสําปะหลัง”

– รายงานสืบเนื่องจากการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 6 สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร 20 ธันวาคม 2562 หัวข้อ “ผลของการใช้เครื่องดื่มชูกำลังผสมกะปิต่อการเจริญเติบโตของรากมันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 5”

บทความฮอร์โมนพืช ์National Giographic Thailand

 

มาทำรู้จักคีย์โฮลปลูกผัก ทำปุ๋ยหมักจากขยะอาหาร

The post ปุ๋ยสูตรผีบอก แต่ไม่ได้มาหลอกเพราะใช้ได้จริง appeared first on บ้านและสวน.

แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง เพิ่มพื้นที่สีเขียวที่สดชื่น และรื่นรมย์

$
0
0

เมื่อคุณศิริวิทย์ ริ้วบำรุง นักจัดสวน และเจ้าของร้าน  Little Tree  ผู้เชี่ยวชาญในการเนรมิตพื้นที่สเีขียว ได้ตัดสินใจซื้อคอนโดขนาด  35  ตารางเมตร  เพื่อใช้พักระหว่างการทำงานค่ำมืดในเมือง เขาจึงได้นำความรักความหลงใหลในต้นไม้มาจัด แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง เพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นห้องที่สุดแสนจะสดชื่นและรื่มรมย์ มาดูกันว่าพี่วิทย์จะมีไอเดียการแต่งต้นไม้ในบ้าน และดูแลจัดการอย่างไรบ้างให้ความสดชื่นสีเขียวนี้อยู่ได้นานๆ

เจ้าของ – ตกแต่ง : คุณศิริวิทย์ ริ้วบำรุง แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง

green-small-house แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง ห้องนั่งเล่น
มุมนั่งเล่นเปิดรับแสงสว่างอย่างเต็มที่ จึงสามารถปลูกต้นไม้ได้แม้มีพื้นที่จำกัด บริเวณนี้จัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบมิกซ์แอนด์แมตช์ โดยเลือกใช้เก้าอี้เหล็ก  “Wire Chair” ที่ดูไม่เทอะทะ และเก้าอี้โยกสไตล์ “Windsor Chair”  ซึ่งมีพนักพิงสูงและเต็มไปด้วยรายละเอียดของงานคลาสสิก ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูไม่น่าเบื่อ
green-small-house
มุมทำงานจัดวางโต๊ะท็อปไม้จริงขาโลหะพับได้จาก L’arredo คู่กับเก้าอี้เหล็ก “Wire Chair” และพรมขนสัตว์ลายกราฟิกทำให้มุมนี้ดูสวยแบบละมุนตา

สำหรับคนที่อยู่ในครอบครัวใหญ่มาตลอด น่าจะเคยคิดอยากมีพื้นที่ส่วนตัวที่สะดวกสบาย และตอบโจทย์การใช้ชีวิต  เช่น  การทำงานหรือการเดินทาง อยู่บ้างไม่มากก็น้อย เหมือนเช่น คุณศิริวิทย์ ริ้วบำรุงนักจัดสวนมือฉมังและเจ้าของร้าน Little Tree อำเภอสามพรานจังหวัดนครปฐม ที่ตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดมิเนียมขนาด  35  ตารางเมตรย่านบางใหญ่  เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน  โดยขนาดที่กะทัดรัดของห้อง ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อสไตล์การตกแต่งเลยแม้แต่น้อย

green-small-houseแต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง

green-small-house แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง
มุมนั่งเล่นเล็กๆ ที่จัดวางเก้าอี้ 2 ตัว 2 สไตล์ ตัวหนึ่งเป็นเก้าอี้สไตล์คลาสสิก ส่วนอีกตัวเป็นเก้าอี้สไตล์ยุค 50 กลายเป็นความต่างที่ดูลงตัว พร้อมเติมความสดชื่นด้วยไม้กระถาง ฟอร์มสวย

Plants Experimental Space

คุณวิทย์คุ้นเคยกับการอยู่บ้านที่มีพื้นที่โอบล้อมด้วยต้นไม้  เลยไม่เคยคิดจะอยู่คอนโดมาก่อน แต่ด้วยการทำงานที่ต้องเดินทางบ่อย  จึงตัดสินใจเลือกซื้อคอนโด โดยตกแต่งให้มีพื้นที่ใช้งานอย่างครบครัน   “จริงๆไม่ได้คิดจะอยู่คอนโด แค่จะมาพักเวลากลับบ้านดึกๆ  คือเอาไว้นอนมากกว่า  เพราะไซต์งานส่วนใหญ่ก็อยู่ไกลจากบ้านที่นครปฐม  เสียเวลาไปกับการเดินทางค่อนข้างมาก  จริงๆ  ก็ยังชอบบ้านที่มีพื้นที่มากกว่า เพราะเราสามารถปลูกต้นไม้ได้  แต่คิดอีกทีก็กลัวเป็นกังวล เพราะเมื่อก่อนเคยมีร้านต้นไม้ก็ไปไหนไม่ได้  เพราะต้องอยู่รดน้ำต้นไม้  แต่คอนโดมันบังคับเราไปในตัวว่าคงปลูกอะไรไม่ได้เยอะ  นอกจากไม้กระถาง

green-small-house แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง ตู้ลิ้นชัก ห้องนอน
จัดวางตู้ลิ้นชักไม้สักเป็นมุมเก็บของก่อนเข้าห้องนอน เพิ่มความน่าสนใจด้วยต้นแคคตัส และภาพวาดลายเส้นสไตล์คลาสสิกจาก Chanintr
green-small-house แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง โต๊ะทำงาน
เนื่องจากเป็นมุมที่มีแสงแดดส่องถึง จึงสามารถปลูกต้นยางอินเดียและต้นพญาไร้ใบ เพื่อสร้างบรรยากาศสีเขียวได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องดูแลมากนัก รดน้ำเพียงสัปดาห์ละครั้ง

อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ทดลองของเราด้วยว่า  ถ้าจะนำต้นไม้มาใช้ในคอนโดต้องดูแลอย่างไร  ชอบแสงชอบน้ำแค่ไหน  แล้วปลูกต้นอะไรได้บ้าง   “ที่ซื้อคอนโดไม่ใช่เพราะอยากเป็นคนเมืองอะไรแบบนั้น เราพอใจกับการอยู่บ้าน  แต่จุดเริ่มต้นของการทำงานในแต่ละวัน มันเกิดขึ้นแถวๆ  นี้  บางวันก็ไปจตุจักรบ้าง  รังสิตบ้าง  ซึ่งย่านนี้เดินทางไปไหนก็สะดวก ตรงนี้ถือเป็นเซ็นเตอร์ของเรามากกว่าคอนโดใจกลางเมืองที่เข้าไปทีไรก็เจอรถติด”

green-small-house แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง green-small-house แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง green-small-house แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง

Breaking the Mold

ห้องนี้เดิมทีออกแบบไว้รองรับเฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน  แต่เพราะคุณวิทย์ชอบเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวมากกว่า  จึงทำให้เหลือพื้นที่ซอกหลืบอยู่หลายจุด ดังนั้นการเลือกขนาดเฟอร์นิเจอร์จึงสำคัญมาก  ส่วนใหญ่คุณวิทย์จะเลือกใช้ตู้ไม้ขนาดกลาง เพื่อให้เหลือพื้นที่ด้านบนมากขึ้น  ทำให้ห้องขนาดเล็กดูไม่อึดอัด พร้อมกับปรับเปลี่ยนฟังก์ชันใช้สอยเดิมของโครงการ เพราะไม่เข้ากับการใช้งาน  เช่น เปลี่ยนส่วนวอล์คอินคลอเซตเป็นมุมตู้หนังสือ  ปรับมุมแต่งตัวเล็กๆ  ข้างหน้าต่างเป็นมุมนั่งเล่นและวางต้นไม้แทน

green-small-house แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง ห้องนอน

Color with Style

สำหรับการตกแต่งภายในก็เหมือนเป็นการย่อส่วน  Little Tree  มาไว้ที่นี่ คุณวิทย์นำของสะสมที่ซื้อเก็บไว้มาจัดวางใหม่ มีซื้อเพิ่มบ้างเพื่อให้เข้ากับพื้นที่ “ตอนแรกตั้งใจจะทำอะไรหลายอย่าง แต่ด้วยข้อจำกัดของคอนโด จึงทำอะไรมากไม่ได้ ก็เลยใช้วิธีเลือกสิ่งที่เป็นเรา ทั้งสไตล์ รูปแบบการจัดวาง และสีสันต่างๆ ตอนนี้ชอบผนังสีดำ แต่ที่บ้านก็ทาไปแล้ว ที่นี่จึงปรับเป็นสีเขียวเข้ม จากผ้าม่านและต้นไม้ต่างๆ โดยแทรกสีดำจากของตกแต่งแทน  ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ถ้าใช้สีดำมากไปห้องก็ดูแคบอีก  จึงต้องใช้สีอ่อนมาช่วย อย่าง สีขาวหรือสีเทา วัสดุก็เป็นไม้ดิบๆ ไม่เนี้ยบ ไม่หรูหรา แต่มีของตกแต่งพวกงานโลหะสีทองเหลืองและทองแดงมาช่วย ให้ห้องดูสว่างและเท่ขึ้น”  นิยามความสุขของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน  หากถามคุณวิทย์ แน่นอนว่า คำตอบก็คือต้นไม้ การได้อยู่ในพื้นที่สีเขียวที่ตัวเองรักและได้ดูแลกับมือทุกวัน นับเป็นความสุขที่ซื้อหาไม่ได้ และเป็นความสุขทางใจ ที่ไม่ว่าใครก็มาแย่งไปไม่ได้จริงๆ

green-small-house แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง ห้องนอน
มุมพักผ่อนบริเวณนี้จัดวางตู้ไม้เก็บหนังสือ แทนการทำวอล์คอินคลอเซต ตามที่ทางโครงการออกแบบไว้ให้
green-small-house แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง ห้องนอน
วางฟูกบนพื้นเป็นที่นอนแบบเรียบง่ายเหนือหัวเตียง ตกแต่งด้วยเขากวางมูสด้านข้างจัดวางเก้าอี้หวายตัวสวยจาก IKEA ในโทนสีที่รับกันดี กับต้นไทรใบสัก

ตกแต่งด้วยงานโลหะ

หากกังวลว่าโทนสีขาว – ดำหรือสีเข้มจะทำให้ห้องดูทึบ และอึดอัดเกินไป ลองเติมลูกเล่นด้วย การใช้งานโลหะชิ้นเล็กๆ สีทองเหลืองหรือทองแดงอย่างแจกัน  โคมไฟ  ฯลฯ  ก็ช่วยเพิ่มความสว่างได้เป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้ห้องดูเท่ และมีสไตล์ รวมถึงควรเลือกใช้ต้นไม้ให้เหมาะสมกับขนาดของภาชนะและห้องด้วย เช่น ชุดตกแต่งผนังทองเหลือง ประดับด้วยไม้รากอากาศต้นเล็กๆ  ก็ทำให้บรรยากาศของห้องดูสบายตาขึ้น    แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง

เรื่อง : อัจฉรา จีนคร้าม

ภาพ : สิทธิศักดิ์ น้ำคำ


ไอเดียจัดวางไม้กระถางสำหรับบ้านมีพื้นที่จำกัด

สูตรผสมดินสำหรับปลูกไม้กระถางขั้นพื้นฐาน

สร้างพื้นที่สีเขียวในบ้านด้วย “ไม้กระถาง”

 

The post แต่งห้องเล็กด้วยไม้กระถาง เพิ่มพื้นที่สีเขียวที่สดชื่น และรื่นรมย์ appeared first on บ้านและสวน.

Viewing all 9836 articles
Browse latest View live